ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ : Yun/Jae , Mic/Xiah] Blooming Rose

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.88K
      6
      22 ก.ค. 51

    Title: Blooming Rose : Prologue
    Author: zuse
    Category: Drama/Romance
    Pairing: Yunho/Jaejoong , Micky/Xiah
    Rating: PG-13
     
     
     
     
     
     
     
    กุหลาบแห่งความฝัน
    เป็นเหมือนดั่งกุหลาบในจินตนาการ
    สื่อความในใจที่ผันผ่าน แฝงไว้ด้วยความหมายที่ยากจะเผชิญ
     
     
    เมื่อใดที่เวลานั้นย่างกรายเข้ามาถึง
    เมื่อใดที่ความรักได้เข้ามาตราตรึงภายในใจ
    เมื่อใดที่หัวใจสองดวงหลอมรวมเป็นหนึ่ง
     
     
    เมื่อนั้นกลีบดอกแห่งความรักสีน้ำเงินจะแย้มบาน
    พร้อมกระซิบด้วยถ้อยคำแผ่วหวาน
     
     
    “ว่า...ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นในหัวใจ”
     
     
     
     
     
    Prologue
     
                    เปลวเพลิงสีแดงสว่างโหมกระหน่ำบ้านไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางของหมู่บ้าน เสียงฝีเท้านับสิบกำลังวิ่งวุ่นกับการสกัดกั้นเปลวไฟเพื่อไม่ให้มันลุกล้ำไปยังอาณาเขตข้างๆ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของบรรดาเพื่อนบ้านที่พยายามช่วยกันฉุดรั้งร่างเล็กของเด็กชายวัย 12 ขวบ ดวงหน้าขาวเนียนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาคู่โต แก้วตาใสนั้นสั่นระริกหากแต่ไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้เหล่าคุณน้า คุณอาที่ช่วยกันจับตัวเด็กชายให้ได้ยิน


     
                    ร่างเล็กดิ้นรนเต็มกำลัง สองมือทั้งปัดป้องและไขว่คว้าพยายามจะพุ่งตัวเข้าไปหากองไฟที่ลุกโชติช่วงอาบล้อมบ้านไม้ของตนดุจดั่งทะเลเพลิง เสียงหวีดร้องยังคงดังต่อเนื่องเมื่อผนังด้านซ้ายของตัวบ้านล้มดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ทีมกู้ภัยต้องเร่งฉีดน้ำดับไฟร้อนให้เร็วที่สุด ยิ่งเห็นบ้านของตนพังทลายลงมากเท่าไหร่แรงยื้อยุดที่เกิดจากเด็กชายก็มีมากขึ้นเท่านั้น


     
                    เจ้าหน้าที่กู้ภัยสองนายวิ่งฝ่าเพลิงกัลป์อันร้อนระอุ ชายฉกรรจ์ทั้งสองช่วยกับหามร่างที่ติดอยู่ในกองเพลิงออกมาอย่างทุลักทุเล ร่างกายที่ถูกเผาไหม้เกรียมจนแทบจะจำเค้าโครงของเจ้าของร่างแทบไม่ได้ แต่เด็กน้อยกลับรู้ดีว่าร่างไร้วิญญาณที่ตนได้เห็นนั้นเป็นใคร 

     
     
    ***************************************
     
     
    เฮือก!
     

     
    ร่างบางสะดุ้งตื่นจากการหลับใหลมาตลอดค่ำคืนที่ยาวนาน ความฝันแบบเดิมซ้ำๆ ที่มักจะเกิดขึ้นในทุกๆ ช่วงวันเวลาของทุกปี เปลวไฟที่ลุกโชน เพลิงร้อนที่โหมกระหน่ำ ภาพของบ้านไม้หลังใหญ่ที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของแจจุง ร่างของพ่อที่ถูกเจ้าหน้าที่หามออกมาจากกองเพลิงทำให้แจจุงในวัยเด็กต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และภาพฝันจะหยุดลงและหายไปทุกครั้งเมื่อภาพสุดท้ายในความทรงจำนั้นจบลง
     
    ขาเรียวก้าวลงจากเตียงนุ่ม มือบางตลบผ้าห่มพลางพับเก็บที่ปลายเตียง ร่างบอบบางในชุดนอนลายหมีพูห์ที่เจ้าตัวโปรดปรานนักหนาถูกถอดกองไว้ตรงหน้าห้องน้ำมือเรียวฉวยเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมกาย
     
    เสียงสายน้ำไหลหยุดลงในเวลาต่อมาพร้อมกับไอบางๆ ลอยตัวออกมาจากห้องน้ำ คนตัวหอมเดินมาหยุดที่กองผ้าและก้มลงเก็บชุดนอนลายหมีใส่ตะกร้าก่อนจะเดินออกจากห้อง ขาเรียวก้าวลงมาหยุดอยู่ที่เชิงบันได นัยน์ตาสวยกวาดมองไปรอบๆ ตัวบ้าน แสงสีทองส่องกระทบกระถางดอกไม้ริมหน้าต่างเกิดเป็นเงาสะท้อนของดอกกุหลาบที่เพิ่งจะผลิบานต้อนรับยามเช้าของวัน
     
    ประตูไม้ถูกผลักออก แจจุงเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ของร้านในขณะที่แก้วตาใสไล่อ่านข้อความที่ปรากฏอยู่บนปฏิทินทีละบรรทัด เสียงกระดิ่งจากหน้าร้านดังขึ้น ร่างท้วมของชายหนุ่มเดินตรงมาหาร่างบางพลางส่งเสียงถามถึงภารกิจที่ต้องทำในวันนี้

     
    “แจจุง...วันนี้มีออร์เดอร์ที่ไหนบ้าง” ถึงปากจะถามแต่ชินดงกลับไม่รอคำตอบ เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์ มืออวบหยิบเอากระดาษจดออร์เดอร์ขึ้นมาดู
     
    “อืม...บ้านคุณยอรินกับร้านของคุณจีอางั้นเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวกับตนเอง “ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปที่ร้านของคุณจีอาก่อนแล้วกันก่อนแล้วค่อยไปบ้านคุณยอริน นายจัดดอกไม่เสร็จเมื่อไหร่ก็เรียกฉันแล้วกันนะแจจุง” ร่างท้วมพาตัวเองไปนั่งคอยที่โซฟาตัวใหญ่ที่ทีไว้ให้สำหรับลูกค้านั่งรอเวลาที่แจจุงจัดดอกไม้ แต่กับชินดงแล้วโซฟานุ่มตัวนี้มันคือเตียงนอนที่มีเอาไว้ให้เขานอนรอเวลาที่จะต้องไปส่งดอกไม้ตามสถานที่ต่างๆ แล้วแต่จะมีออร์เดอร์สั่งเข้ามาในแต่ละวัน
     
     
    “อือ...อือออ...อือ...” เสียงครางอือดังออกมาจากลำคอของร่างอวบเมื่อมีใครมากวนการนอนหลับที่แสนสบายของเขา
     
    “อื้ออออออออออ...แจจุง” ร่างท้วมครางเรียกชื่อของร่างบางด้วยความเคยชิน เปลือกตาของชินดงยังคงปิดอยู่ในขณะที่ฝ่ามือบางยังคงออกแรงเขย่าคนตัวโตให้ตื่นขึ้นมาทำงานเสียที
     
    “รู้แล้วๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” คนถูกปลุกค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตาปรือ หัวกลมๆ สะบัดสองสามทีเพื่อไล่ความมึนงง
     
    “ไหนล่ะดอกไม้ อยู่ในตู้ใช่ไหม ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” เป็นอีกครั้งที่เขาเป็นคนตั้งคำถามและตอบมันเองด้วยความเคยชิน ชายหนุ่มเดินออกไปจากร้านโดยประคองช่อดอกไม้ทั้งสองอย่างระมัดระวัง
     
    “จริงสิ! ตอนเที่ยงนายจะกินอะไร เดี๋ยวฉันจะซื้อมาให้” ชินดงหันมาถามร่างบางเหมือนอย่างทุกที แต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนหาคำตอบเอง ร่างใหญ่หยุดยืนรอแจจุงอยู่สักพักแต่ไม่ทันไรร่างบางก็กลับมาพร้อมกับกระดาษกับปากกาในมือ
     
     
    ‘ซื้อจาจังมยอนมาฝากฉันด้วยนะดงฮี’
     
     
    ***************************************
     
     
    ชีวิตชาวบ้านในเขตยอนอินดำเนินไปอย่างไม่เร่งรีบ ไม่น่าเชื่อว่าในกรุงโซลยังคงมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และลำธารที่ยังคงความชุ่มชื้นให้ได้เห็น อาจเป็นเพราะชุมชนแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และถึงจะได้ชื่อว่าอยู่ในเขตเมืองแต่บรรยากาศกลับต่างกันลิบลับ เสียงนกร้องในยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องพืชผักและไม้ผล ที่ดินทำกินที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากความวุ่นวายและสับสนทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ล้วนแต่มีสุขภาพกายและใจที่ดี
     
    ที่ใจกลางชุมชนมีร้านค้าหลากหลายประเภทมาเปิดให้ชาวบ้านได้จับจ่ายเลือกซื้อสินค้า ร้านเบเกอรี่ Sponge Fudge ที่เลื่องชื่อด้านความหอมหวานอร่อยของเค้กเนื้อนุ่ม ร้านไอศกรีม Blue Bunny ซึ่งถูกใช้ให้เป็นเป็นสถานที่นัดพบของบรรดาคู่รักวัยรุ่น แต่ที่ที่หน้าสนใจที่สุดก็คงจะไม่พ้นร้านขายดอกไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงามและความสดของพันธุ์ไม้ อีกทั้งยังเลื่องชื่อในฝีมือการจัดดอกไม้จากเจ้าของร้าน น่าแปลกที่เจ้าของร้านนั้นเป็นผู้ชายแต่กลับมีความละเอียดอ่อนไม่แพ้ผู้หญิง
     
    Sweet Blue เป็นชื่อร้านดอกไม้ที่แม่ของแจจุงเป็นคนตั้ง หญิงสาวที่มาจากตระกูลเก่าแต่เลือกที่จะมาใช้ชีวิตครอบครัวกับนักพฤกษศาสตร์หนุ่ม บ้านไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในละแวกนั้นเป็นของตระกูลคิม บ้านไม้ทรงสูงดูแปลกตากว่าบ้านเรือนในแถบนั้นเพราะเป็นความชอบส่วนตัวของผู้อยู่ ที่สวนหลังบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่ง ต้นไม้ใบหญ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วยการดูแลเอาใจใส่ของคุณนายคิม
     
    คิม ยูรีเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามราวกับรูปวาด ไม่แปลกเลยที่เธอจะสามารถมัดใจนักพฤกษศาสตร์หนุ่มที่กำลังมีอนาคตก้าวไกลในเรื่องของการตัดต่อพันธุกรรม หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน คิม จินโฮ ก็ได้พาภรรยาของเขามาสร้างบ้านบนเนื้อที่กว่า 300 ตารางวาซึ่งเป็นมรดกตกทอดกันมาของตระกูลคิม เนื้อที่หลังบ้านนั้นมีมากพอที่จะให้นายจินโฮสร้างเรือนกระจกเพื่อเพาะพันธุ์ไม้ใหม่ๆ ที่เกิดจากการตัดแต่งพันธุกรรมของตนเอง
     
    ไม่กี่ปีต่อมาสมาชิกน้อยๆ ของบ้านก็ได้ถือกำเนิดขึ้น เด็กชายแจจุงเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ผู้คนแถวนั้นมักจะพบกับภาพครอบครัวที่อบอุ่นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความรักที่แสนจะหอมกรุ่นอบอวลอยู่รอบๆ บริเวณบ้านไม้หลังนี้อยู่เป็นประจำ


     
    แต่มาตอนนี้ภาพเหล่านั้นกลับไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เมื่อนายและนางคิมเสียชีวิตลง โศกนาฏกรรมได้บังเกิดขึ้น เหลือทิ้งไว้เพียงเด็กชายผู้น่าสงสารและร่องรอยแห่งความโศกเศร้าที่ผู้คนแถวนั้นไม่มีวันลืม
    .
    .
    .
    .
              .
              .
     
                    “แจจุงวันนี้มีอะไรให้ฉันช่วยบ้าง” เสียงใสๆ ของเพื่อนสมัยเด็ก ร้องถามอย่างกระตือรือร้น “แจจุงอ่า...ฉันไม่ทำดอกไม้นายช้ำหรอก นะๆ น้าาาาา...ให้ฉันช่วยนายเถอะนะ”


     
                    คนตัวเล็กยังคงตื้อแจจุงไม่เลิกด้วยรู้ว่าเดี๋ยวร่างบางก็ใจอ่อนยอมให้เขาได้หยิบจับอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การจัดช่อดอกไม้อย่างที่หวังแต่แค่ได้ช่วยงานแจจุงเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็พอใจแล้ว


     
                    จุนซูกับแจจุงรู้จักกันตั้งแต่สมัยเด็กและทั้งสองคนก็โตมาด้วยกัน หลังจากที่นายและนางคิมเสียชีวิตลง แม่ของจุนซูก็รับหน้าที่ดูแลลูกชายคนเดียวของเพื่อนสนิท ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดลงจองมีได้ฝากฝังลูกชายของเธอเอาไว้กับเพื่อนรัก และนับจากวันนั้นอึนซูก็คอยให้ความรักและดูแลแจจุงไม่ต่างไปจากลูกของเธอเอง แต่ถึงแม้ว่าแจจุงจะแยกออกมาอยู่คนเดียวแล้วก็ตามทั้งนางอึนซูก็ยังไปมาหาสู่กับร่างบางอยู่ไม่ได้ขาดเช่นเดียวกับจุนซูที่ยังคอยมาป้วนเปี้ยนโผล่หน้าให้แจจุงเห็นอยู่บ่อยๆ
     
                    ‘ถ้าอยากจะช่วย นายคอยรับออเดอร์ลูกค้าให้ฉันทีนะจุนซู'  

     
    มือเรียวจรดปากกาลงบนกระดาษก่อนจะลากผ่านเกิดเป็นตัวอักษรสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

     
                    “อ๊ะ! ให้ฉันเป็นคนรับออร์เดอเหรอ ได้เลย...ว่าแต่นายจะไปไหนล่ะ”

     
                    ‘ฉันจะเข้าไปเอาใบเฟิร์นที่เรือนกระจก’  

     
    ปลายปากกาลากผ่านบนกระดาษอีกครั้งเมื่อต้องตอบคำถามของจุนซู

     
                    “โอเค...นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่หน้าร้านให้เอง” คนตัวเล็กยิ้มแป้นพร้อมกับรับคำอย่างแข็งขัน ท่าทางที่ดูไร้เดียงสาเหล่านั้นทำให้แจจุงต้องส่ายหน้าระอาไปกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของจุนซู ทั้งๆ ที่อายุเท่ากันแต่กลับมีนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนหนึ่งมีบุคลิกร่าเริงสดใส ในขณะที่อีกคนติดจะเงียบขรึม เก็บเนื้อเก็บตัว ใบหน้าสวยหวานกับดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าอยู่ตลอดเวลาคงจะเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวแจจุงไปเสียแล้ว             
     
     
    *****************************************

     
     
    ยานพาหนะสี่ล้อขับเคลื่อนไปบนพื้นถนนคอนกรีตในซอย ภายในห้องโดยสารเต็มไปด้วยบรรยากาศเป็นการเป็นงานระหว่างเลขากับเจ้านาย ชายหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่ากำลังอ่านรายงานผลการประชุมที่เพิ่งจบสิ้นไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
     
    “นี่เป็นสรุปแบบคร่าวๆ นะครับท่านประธาน ผมคาดว่าการทำสัญญาในครั้งนี้ทางฝ่ายเราจะได้รับผลตอบแทนไม่มากก็น้อย” ริมฝีปากบางกล่าวบอกพลางขยับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะเปิดอ่านสมุดจดตารางงานของร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะหลัง
     
    “พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของคุณเยซุลนะครับ ท่านประธานเตรียมของขวัญเอาไว้ให้ท่านหรือยัง”


     
    “พรุ่งนี้เหรอ! นายช่วยจัดการให้ฉันทีแล้วกันชางมิน” คนถูกถามตอบแบบขอไปที


     
    “เห็นจะไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้าคุณเยซุลรู้เข้า ตัวผมเองจะลำบากเข้าหน้าท่านไม่ติดเสียเปล่าๆ” เลขาหนุ่มรีบกล่าวปฏิเสธด้วยรู้ว่าของขวัญที่นางเซุลต้องการก็คือของขวัญที่ผ่านการเลือกสรรจากลูกชายสุดที่รักของเธอเอง


     
    “ถ้างั้นก็แวะร้านดอกไม้ข้างหน้านี่ก็แล้วกัน” สิ้นคำกล่าว รถยนต์ยุโรปราคาแพงก็แล่นเข้าจอดเทียบข้างทาง ประตูทางฝั่งคนขับเปิดกว้างโดยคนขับรถประจำตัวเดินลงมาและรีบไปเปิดประตูทางด้านหลังคนขับให้กับเจ้านายหนุ่มของตน
     
     
    รองเท้าหนังสีดำเป็นมันก้าวลงมาเหยียบบนพื้นถนน ช่วงขายาวเดินตรงยังร้านดอกไม้เล็กๆ แต่สะดุดตาด้วยการตกแต่งและประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพรรณ คัมพานูล่าหลากสีคล้ายรูประฆังแข่งกันบานสะพรั่งเหมือนดั่งเสียงระฆังแก้วกังวาน ไลเซนทัสสีชมพูหวานที่ตั้งเด่นอยู่ใต้ร่มไม้ที่มีเงาแดดลอดผ่านรำไร ต้นแพนซี่สีสันสดใสออกดอกล่อสายตาอยู่ตรงทางขึ้นบันได โดยมีพริมูล่ากระถางเล็กวางเรียงตรงทุกขั้นบันไดที่ชายหนุ่มก้าวผ่านไป
     
     
     
    กริ๊ง!
     
     
    เสียงกระดิ่งที่ประดับด้วยดอกกุหลาบสีส้มดูอ่อนหวานดังขึ้น คนตัวเล็กที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ละสายตาจากหนังสือคู่มือสอนการจัดดอกไม้พลางฉีกยิ้มต้อนรับลูกค้าราวกับตุ๊กตาที่ถูกตั้งโปรแกรมเสียอย่างนั้น แก้วตาใสกรอกตามองพฤติกรรมของผู้มาใหม่ และใช้เวลาเพียงไม่นานที่ใบหน้าด้านข้างที่ดูหล่อเหล่านั้นจะละจากตู้เก็บดอกไม้เพื่อบอกจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้
     
    “ผมต้องการดอกไม้สำหรับของขวัญวันเกิด จะใช้เป็นดอกอะไรก็จัดมา” เสียงทุ้มติดกังวานบอกความต้องการของตน แต่แล้วยุนโฮก็ต้องทำหน้าฉงนเมื่อหนุ่มน้อยตรงหน้ายังคงส่งยิ้มมาให้เขา


     
    “นี่! คุณได้ยินที่ผมพูดไหม?”


     
    “ฮะ...ได้ยินชัดแจ๋วเลย” ร่างเล็กตอบกลับเสียงใส แต่กลับทำให้ยุนโฮยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับตัวเองเข้าไปใหญ่


     
    “ได้ยินแล้วทำไมยังยืนเฉยอยู่ล่ะ”


     
                    “คือถึงผมจะได้ยินแต่ก็ทำอะไรให้ไม่ได้หรอกฮะ เพราะผมไม่ใช่คนจัดดอกไม้ ก็แค่มาเฝ้ารับออร์เดอร์ให้เฉยๆ คุณจะนั่งรอก่อนก็ได้นะฮะเพราะเดี๋ยวคนจัดก็ออกมาแล้ว ว่าแต่คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนไหมฮะ?” ปากบางเอ่ยถามพลางขยับตัวลุกจากที่นั่งเพื่อจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็น


     
                    “ไม่ต้องหรอก ผมไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ถ้ายังไงให้คนของคุณจัดดอกไม้ตามที่ผมสั่งก็แล้วกัน ส่วนนี่ที่อยู่ ผมหวังว่าคุณจะให้คนไปส่งพรุ่งนี้เช้านะครับ” กระดาษแผ่นเล็กถูกยื่นออกไปให้ มือขาวๆ รีบคว้ามันเอาไว้พร้อมกับกวาดสายตาไปบนตัวหนังสือบนนั้น


     
                    “เขตคังนัมเหรอ ได้เลยครับ พรุ่งนี้ผมจะให้พนักงานของเราไปส่งดอกไม้ให้คุณแต่เช้า” รอยยิ้มจากคนน่ารักถูกส่งไปให้ยุนโฮอีกครั้งซึ่งใบหน้าคมก็พยักขึ้นลงเพียงเล็กน้อยก่อนที่ขายาวจะพาตัวเองออกจากร้านไป
     
     
     
                    ‘แกร๊ก!...’
     
     
                    เสียงประตูเปิดดังมาจากด้านในเรียกให้เจ้าของร่างเล็กหันกลับไปมองข้างหลัง กระดาษในมือถูกชูว่อนยามที่เจ้าตัวรีบเดินเข้าไปประชิดร่างบางของแจจุง


     
                    “แจจุงเมื่อกี้มีลูกค้ามาสั่งดอกไม้ล่ะ เขาหล่อมากเลยน่ะ แต่ดูรีบร้อนจัง เสียดายนายเลยไม่ได้เห็นเลย” ใบหน้าน่ารักแสดงความเสียดายสุดซึ้งก็ในเมื่อนานๆ ทีเขาจะได้เห็นผู้ชายหล่อๆ อย่างคนในวันนี้นี่นา มันก็เป็นธรรมดาที่จุนซูจะอยากนั่งจ้องหน้าตาของคนหล่อให้นานขึ้นอีกนิด


     
                    ‘แล้วยูชอนสุดหล่อหายไปไหนเสียล่ะ หรือว่านายเลิกสนใจเขาแล้วจุนซู’  
     
                    เสียงขีดเขียนดังขึ้นอีกครั้ง และข้อความที่ปรากฏอยู่ในนั้นก็ทำให้แก้มขาวๆ พองลมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
     
                    “อย่ามาล้อฉันนะแจจุง หมอนั่นน่ะมีสาวๆ ล้อมรอบเต็มไปหมด ยิ่งเดี๋ยวนี้เพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอกยูชอนก็กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมจนลืมพวกเราไปหมดแล้ว” เสียงใสเอ่ยติดจะเง้างอนที่ร่างสูงของคนที่พูดถึงไม่ค่อยจะมีเวลามาเจอกัน
     
    ‘อย่าคิดมากน่า อย่างยูชอนไม่มีทางลืมนายหรอก ว่าแต่คุณคนเมื่อกี้เขาสั่งดอกไม้อะไร’  
     
    “อ๊ะ! โทษทีแจจุงฉันลืมไปเลย เมื่อกี้พ่อรูปหล่อเขาขอให้จัดช่อดอกไม้วันเกิดให้น่ะ ไม่ได้ระบุด้วยสิว่าต้องการดอกอะไร นายก็จัดไปตามที่นายคิดว่าดีก็แล้วกัน” ร่างเล็กกล่าวแนะพร้อมกับก้มลงดูกระดาษสีขาวว่ายังมีรายละเอียดอะไรนากจากนี้หรือไม่ก่อนที่ปากเล็กแดงจะอ่านมันออกมา “อ่อ...แล้วก็ต้องไปส่งให้ทันตอนเช้าแถวๆ เขตคังนัมน่ะ ที่อยู่ฉันจดไว้ให้ในนี้แล้ว”
     
                    ไร้ซึ่งคำตอบ มือบางเอื้อมไปรับกระดาษมาอ่านทวนอีกครั้ง แจจุงทำแค่เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เสียงใสๆ ของจุนซูก็ดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเหลือบไปมองนาฬิกาและพบว่ามันได้เวลาที่เขาจะต้องกลับบ้านแล้ว

     
                    “ฉันกลับก่อนนะแจจุง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ บ๊ายบาย”
     
     
    *****************************************
     
     
                    ในยามค่ำคืนที่มืดสนิทแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟบนเพดานส่องแสงให้ความสว่างแก่ร่างบางที่กำลังนั่งทำงานในเวลากลางคืน แจจุงลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังตู้เก็บดอกไม้ มือเรียวออกแรงดึกประตูประจกใสสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่ลอยออกมา
     
                    สแตติชสีม่วงถูกหยิบออกมากำหนึ่ง ตามด้วยกุหลาบสีแดงดอกใหญ่ ดวงตาสวยหันกลับไปมองที่เคาน์เตอร์จัดดอกไม้ก่อนจะหันกลับมาหยิบเอาดอกไลเซนทัสสีขาวอีกสามสี่ดอกและเดินกลับไปที่โต๊ะ
     
                    ดอกไม้วันเกิดถูกจัดเข้าช่อตามคำสั่งของลูกค้า ร่างบางคำนวณหาองศาก่อนจะนำกุหลาบก้านยาวเข้ามาวางสลับกับดอกประดับอย่างมัมสีขาวตามความเคยชิน ดอกไม้ที่อยู่ในอุ้งมือบางเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพของช่อบูเก้ที่ได้ออกแบบเอาไว้แล้วยังคงอยู่ในหัวโดยที่เจ้าตัวค่อยๆ นำดอกไม้และใบไม้ที่เตรียมไว้เอามาใส่ในกำมือ เรียวปากระบายยิ้มเมื่อตำแหน่งในการจัดวางนั้นลงตัวจนเป็นที่น่าพอใจ เชือกเส้นเล็กถูกหยิบขึ้นมาใช้พันรอบและผูกเป็นปมให้แน่นหนา ก้อนดอกถูกพันด้วยสำลีชุบน้ำแล้วหุ้มถุงพลาสติกใสเพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงได้ทั่วทั้งตัวดอกและใบเป็นการยืดเวลาจนกว่าจะถึงมือของผู้รับในตอนเช้า 

     
                    แจจุงลุกเดินไปอีกรอบ ขาเรียวก้าวไปหยุดอยู่หลังเคาน์เตอร์ ร่างบางกวาดสายตามองหาก่อนจะไปหยุดที่กระดาษแก้วแผ่นใส แจจุงตรงเข้าไปใกล้แล้วหยิบมันออกมาพร้อมๆ กับที่มีขนนกเส้นยาวติดมือมาด้วย
     
                    ร่างบางจัดการเอากระดาษแก้วพันรอบตัวช่อพลางยึดเอาไว้ด้วยเทปใสแล้วผูกด้วยขนนกสีม่วงที่ถูกเลือกเอามาใช้แทนโบว์

     
                    ในที่สุดช่อดอกไม้ตามใบสั่งก็ถูกจัดเสร็จสมบูรณ์ แจจุงไม่ลืมที่จะเอามันไปเก็บไว้ในตู้ปรับอุณหภูมิเพื่อป้องกันการเหี่ยวเฉา ร่างบางจัดการดับไฟภายในห้องจนเหลือเพียงแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายสาดส่องเข้ามาทำให้ภายในร้านไม่ดูมืดจนเกินไป
                    


     
    TBC



    ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอาเรื่องใหม่มาลง เรื่องเก่ายังไม่ต่อ อ้าว! ไหงเป็นงั้น แหะๆ ตอนนี้อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาซะงั้น ก็เลยออกมาเป็นเช่นนี้แล
     
    และต่อไปนี้ Blooming Rose จะเต็มไปด้วยภาพประกอบการจิ้นแทบทุกตอน ย๊ากกกกกกกกกกก...บ้าพลัง!!!
     
     
    เริ่มจาก คัมพานูล่าหลากสีคล้ายรูประฆังแข่งกันบานสะพรั่งเหมือนดั่งเสียงระฆังแก้วกังวาน
     
     

     
    ไลเซนทัสสีชมพูหวานที่ตั้งเด่นอยู่ใต้ร่มไม้ที่มีเงาแดดลอดผ่านรำไร
     
     

     
    ต้นแพนซี่สีสันสดใสออกดอกล่อสายตาอยู่ตรงทางขึ้นบันได
     
     
     
    โดยมีพริมูล่ากระถางเล็กวางเรียงตรงทุกขั้นบันไดที่ชายหนุ่มก้าวผ่านไป
     

     
     
    และสุดท้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
     
     

    นี่คือดอกไม้ช่อแรกที่ปรากฏอยู่ใน Blooming Rose ค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×