คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ขาวดำ | CHAPTER ONE
People say we shouldn’t be together
ใครๆก็บอกว่าเราไม่ควรคบกัน
We're too young to know about forever
เราเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องรักนิรันดร
But I say they don’t know what they're talkin’ about
แต่ผมบอกเลยว่า พวกเขาไม่ได้รู้อะไรเลย
'Cause this love is only getting stronger
เพราะรักนี้มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น
เสียงพลิกหน้ากระดาษดังทำลายความเงียบในอพาร์ทเม้นต์ขนาดไม่กว้างมาก คนตัวเล็กกำลังยึดเตียงเดี่ยวขนาดสามฟุตครึ่งไปเป็นของตัวเอง หนังสือกว่าสามสี่เล่มกองระเกะระกะไปทั่วเตียงเล็กๆ แทอิลมุดหน้าลงกับหน้ากระดาษอย่างเบื่อหน่าย มองเจ้าของห้องตัวสูงที่กำลังยืนสูบแท่งนิโคตินอยู่ที่ระเบียง ร่างสูงในเสื้อยืดสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนส์ขายาวดูดีจนแทอิลอิจฉา
อีแทอิลที่อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสบายๆเดินต๊อกแต๊ะไปเกาะบานประตูกระจกใสที่กั้นระหว่างห้องนอนกับระเบียงสั้นๆที่ยื่นออกไป ใบหน้าหวานแปะเข้ากับกระจกจนบู้บี้ อูจีโฮยิ้มน้อยๆให้กับท่าทีน่ารักๆ แท่งนิโคตินถูกบี้เข้ากับที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับสนิท ดวงตากลมๆกระพริบปริบๆยิ่งทำให้อูจีโฮหลุดขำออกมา
จุ๊บ
เสียงจุ๊บเบาๆดังขึ้นเมื่อริมฝีปากหนาแตะเข้ากับกระจกใสๆตรงบริเวณริมฝีปากบู้บี้ของแทอิล คนตัวเล็กหลุดขำเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนบานกระจกให้เปิดออก คนตัวสูงพาร่างของตัวเองเข้ามาในห้อง มือกร้านยกขึ้นยีผมอีกคนด้วยความติดจะเอ็นดู แขนแกร่งโอบเอวอีกคนไว้
ดวงตากลมสังเกตแขนแกร่งของจีโฮทั้งสองข้าง “เจ็บไหมอ่ะ”
“หื้ม?”
มือนุ่มลูบแขนของจีโฮเบาๆ รอยสักต่างๆไล่ยาวตั้งแต่หัวไหล่จนไปถึงข้อมือ “ที่สักอ่ะ”
“เจ็บสิ” คนตัวสูงซุกซอกคอขาวๆอย่างออดอ้อน “เจ็บมากเลย ดูแลอูจีโฮหน่อยนะครับ”
คนตัวเล็กนึกอยากจะฟาดให้ตาย ทำอย่างกับเพิ่งไปสักมาซะเมื่อไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ารอยสักของคนตัวสูงน่ะดูดีแค่ไหน แทอิลนึกอยากอวยคนรักว่าเพราะมันอยู่บนตัวจีโฮน่ะแหล่ะ มันเลยดูดีขนาดนี้ แต่ก็กระดากปากเกินว่าจะเอ่ยออกไป
คนตัวเล็กแงะปลิงขนาดความยาวร้อยแปดสิบเศษๆให้ออกห่าง “สักตรงไหนบ้างเนี่ย”
“แขน.. หลัง.. เอว หน้าอก” คนตัวสูงไล่ให้ฟัง “อยากเห็นไหม?”
“อื้อ”
“จริงงะ” จีโฮเอ่ยถามซ้ำ “ถอดเสื้อนะ”
“ทำไม” คนตัวเล็กขำคิก “จีโฮนายพุงย้อยใช่ป่ะ”
หยามหน้ากันไปหน่อยแล้ว อูจีโฮคิดในใจ เสื้อยืดสีขาวถูกปลดออกง่ายๆด้วยในมือเดียว คนตัวเล็กชะงักกึกไม่คิดว่าอีกคนจะถอดจริง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคนอย่างจีโฮน่ะ อย่าท้าเด็ดขาดเพราะเจ้าตัวจะทำตามคำท้าแบบไม่ต้องคิด ร่างกายหนั่นกล้ามเผยให้เห็นต่อสายตา ไหนจะกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนๆนั่นอีก เล่นเอาแทอิลทำหน้าไม่ถูก
รอยสักบนหน้าอกเป็นตังอักษรภาษาอังกฤษพาดยาวตั้งแต่ไหล่ขวาไปถึงกลางอกที่เขียนอะไรแทอิลไม่แน่ใจพร้อมกับใบหน้าของผู้หญิงสักคนที่อยู่บนอกซ้าย ตรงสีข้างถูกสักเป็นเลขโรมันที่มองคร่าวๆก็รู้ว่าเป็นวันเกิดของอูจีโฮ มันไม่ได้ทำให้แทอิลตกใจเท่ากันตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เหมือนถูกเขียนด้วยปากกาดำที่บั้นเอวด้านซ้ายมือ
มือนุ่มเอื้อมไปแตะอย่างลืมตัว ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวที่ทำให้แทอิลนั้นใจสั่น
TAEIL’S
นิ้วเรียวลากผ่านรอยสักช่วงบั้นเอวหนา ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าอีกคน ดวงตากลมปะทะเข้ากับดวงตาเรียวยาวของจีโฮที่กำลังจ้องลงมาเช่นกัน ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้าหวาน กลิ่นบุหรี่อ่อนๆราวกับยาสลบที่ทำให้คนตัวเล็กประคองสติไม่อยู่ แขนแกร่งรวบเอวอีกคนเข้ามาใกล้
“จีโฮ..จะทำให้แทอิลติดบุหรี่นะ..”
“..อยากลองไหมล่ะ”
“ห้ามได้ด้วยหรอ..”
หากแต่ส่วนสุดท้ายของประโยคถูกริมฝีปากหนากลืนหายไป ออกซิเจนเพียงน้อยนิดในโพลงปากถูกคนคุมเกมส์ขโมยไปจนสิ้น กวาดไล่ต้อนลิ้นเล็กๆราวกับเป็นลูกแกะน้อยที่กำลังจะโดนเจ้าป่าตามล่า แม้คนตัวเล็กจะไม่ได้อ่อนประสบการณ์เท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่โดนจู่โจมกลับทำอะไรไม่ถูกอยู่เรื่อยไป แขนเล็กๆยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งอย่างลืมตัว จีโฮไล่ชิมความหวานอยู่ไม่รู้จบ ราวกับขนมหวานยามเช้า
กลิ่นบุหรี่อ่อนๆก็กำลังมอมเมาคนตัวเล็กเช่นกัน ถ้าหากว่านี่คือการสูบบุหรี่ล่ะก็.. บุหรี่มวนนี้คงมีฤทธิ์กล่อมประสาทมากเลยทีเดียว อูจีโฮไม่ได้เร่งเร้า ไม่ได้จุดไฟให้บทจูบนี้ร้อนแรง แต่กลับปล่อยให้ความรู้สึกต่างๆส่งผ่านกันอย่างเชื่องช้า เสียงครางอื้ออึงด้วยความเคลิบเคลิ้มยิ่งทำให้ทั้งคู่จมหายเข้าไปในห้วงเวลาเล็กๆ
ก่อนที่คนตัวสูงที่จะเป็นถอนบทจูบนี้ออกช้าๆ อูจีโฮยิ้มขำเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ ไม่รู้เพราะหายใจไม่ทันหรือเขินกันแน่ หากแต่มันดูน่ารักมากเลยทีเดียว จมูกโด่งกดจมหายเข้าไปในแก้มอูมๆนั่นอย่างห้ามใจไม่ไหว คนตัวเล็กส่งเสียงโอดครวญอย่างน่ารัก
มือแกร่งยีกลุ่มผมสีขนกาอย่างหมั่นเขี้ยว “ไหนบอกจะมาอ่านหนังสือไง อ่านไปได้กี่ตัวแล้วเนี่ย”
อีแทอิลเบ้หน้า “ไม่อยากอ่านแล้วอ่า น่าเบื่อจะตาย”
จีโฮเหลือบมองซากหนังสือที่โดนทิ้งอยู่บนเตียงของเขา “งั้นอยากทำอะไร”
ดวงตากลมจ้องรอยสักตรงบั้นเอวของจีโฮอีกรอบก่อนจะลูบมันอย่างเบามือ “อยากทำแบบนี้”
“หยุดคิดเลย” จีโฮใช้นิ้วยาวๆจิ้มหน้าผากอีกคน “ไม่ต้อง”
คนตัวเล็กโอดครวญ ศีรษะกลมๆชนหน้าอดแกร่งอย่างเด็กเอาแต่ใจ ร่างเล็กๆบิดไปมา อูจีโฮยกแขนขึ้นกอดคออีแทอิลก่อนจะออกแรงลาก คนตัวเล็กถูกเหวี่ยงลงบนเตียงขนาดไม่ใหญ่อย่างแรง มือหนาหยิบหนังสือเรียนของอีกคนขึ้นมาพลิกไปมาช้าๆ
“อ่านไปเลย ถ้าเกรดร่วงจะตีให้”
“ฮือ” อีแทอิลนอนแผ่อยู่บนเตียง ถอดใจหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมากวาดสายตามอง “อิจฉาจีโฮจัง”
อูจีโฮทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงพร้อมกับพลิกหน้ากระดาษไปมาฆ่าเวลา ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของแทอิลเท่าไหร่ก็เถอะ แผ่นหลังกว้างเอนพิงขอบเตียง อีแทอิลนึกอยากจะใช้ชีวิตอิสระๆแบบจีโฮบ้าง ไม่ต้องห่วงชื่อเสียงของพ่อแม่ ไม่ต้องห่วงอนาคตเท่าไหร่นัก อยากทำอะไรก็ได้ทำ มันคงดีไม่น้อยเลยล่ะมั้ง
เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่าอูจีโฮเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่เงียบเสียงไปพักใหญ่ ก่อนจะพบว่าสมุดเลคเชอร์ที่เจ้าตัวเพิ่งจะเอาขึ้นมาดูถูกใช้เป็นที่บังแสงไฟ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กนั้นจมลงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว คนตัวสูงนึกขำ มือแกร่งเอื้อมไปหยิบสมุดเลคเชอร์ให้ออกจากใบหน้าหวานๆ
ดวงตากลมที่ชอบช้อนมองเขาอย่างไร้เดียงสาถูกบังด้วยเปลือกตาสีมุก ขนตายาวเป็นแพราบไปกับแก้มกลมๆที่มักจะขึ้นสีระเรื่ออยู่เสมอเวลาเขาแกล้ง จมูกรั้นๆนั่นดูน่าเอ็นดูไม่ต่างจากริมฝีปากสีสดที่กำลังเผยอหายใจ นิ้วยาวๆของอูจีโฮเลื่อนไปเขี่ยแก้มกลมๆอย่างติดจะเอ็นดู
น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน
อูจีโฮนึกอิจฉาตัวเองที่มีสิทธิ์แทบจะทุกอย่างในตัวคนน่ารักนี้ ก่อนที่คนตัวสูงจะเหลือบไปมองปากกาดำที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเองนัก มือหนาเอื้อมไปหยิบมันมาถือไว้
‘ของอีแทอิล ขโมยฟ้องพ่อ’
จีโฮขำก่อนจะพบว่ากระเป๋าดินสอของเจ้าตัวนั้นตกจากเตียงทำให้ปากกาแทบจะทุกแท่งกลิ้งไปทั่ว และอย่างที่คิดไว้ปากกาทุกแท่งถูกติดด้วยกระดาษที่เขียนแบบเดียวกัน อูจีโฮดึงข้อมือเล็กๆเข้ามาใกล้ๆ จรดปลายปากกาดำลงบนข้อมือเล็กๆ ขยับเขียนอะไรสักอย่างลงไป
JIHO’S
ริมฝีปากหนาสัมผัสเบาๆบนผลงานของตัวเอง นึกขำในใจที่ตัวเองกลายเป็นคนโรแมนติกขนาดนี้เพราะไอ้ตัวเล็กนี่คนเดียวเลย อูจีโฮน่ะ ไม่ยอมให้ปลายเข็มแหลมๆมาทิ่มลงบนผิวเนียนๆแบบนี้หรอก แทอิลควรจะเป็นเด็กน้อยที่แสนบริสุทธิ์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆน่ะดีที่สุดแล้ว
---
พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีส้มสะท้อนเข้าอาพาร์ทเม้นต์เล็กๆ คนตัวเล็กครางอื้ออึงก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาของตัวเองขึ้น แขนเล็กๆปัดผ้าห่มที่ไม่รู้มาอยู่บนตัวเขาได้ยังไงให้พ้นทาง นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเศษๆ ทำเอาแทอิลรีบมองหาเจ้าของห้องทันที หนังสือเรียนสามสี่เล่มถูกวางซ้อนกันเป็นระเบียบอยู่ข้างเตียง กระเป๋าดินสอที่แทอิลจำได้ว่าตัวเองเตะร่วงช่วงตาจะปิดก็ถูกเก็บกับคืนที่ให้ในสภาพสมบูรณ์
แต่ที่ดูเหมือนจะสะดุดตาที่สุดก็น่าจะเป็นตัวอักษรขนาดไม่ใหญ่มากที่อยู่บนข้อมือของเจ้าตัวเอง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าหวาน หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัว โดยที่เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าพวงแก้มของเจ้าตัวน่ะ กำลังขึ้นสีระเรื่อ นิ้วเล็กๆลูบตัวอักษรบนข้อมือไปมา
ก่อนที่สายตาจะไปสบเข้ากับร่างสูงๆ ที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกระเบียง ดีตรงที่ระหว่างนิ้วของอูจีโฮนั้นไม่ได้มีแท่งนิโคตินอย่างเคย โทรศัพท์เครื่องแพงสั่นครืดๆอยู่บนเตียง มือป้อมๆเอื้อมไปคว้ามาสไลด์รับอย่างคล่องแคล่ว
“ครับป๊า”
“กลับบ้านได้แล้ว” เสียงนิ่งเรียบจากปลายสายทำเอาคนตัวเล็กห่อเหี่ยวในจิตใจ “มากินข้าวด้วยกัน”
“ง่ะ” ริมฝีปากสีสดเบะออก “ปกติแทอิลก็กินกับป๊าอยู่แล้วนี่ครับ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงแก” เสียงถอนหายใจจากผู้เป็นพ่อดังลอดมา “ฉันหมายถึงไอ้แว้นนู้น”
ดวงตากลมกระพริบปริบๆ “หะ..หา? จีโฮเหรอครับ? จีโฮเนี่ยนะ?”
“นั่นแหละ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”
“จริงเหรอป๊า” ถ้าหากว่าเป็นในอนิเมชั่นอาจจะเห็นประกายแวววาวในดวงตาของแทอิล “ไว้เจอกันที่บ้านครับ รักป๊านะ จุ้บๆ จุ้บสามสิบครั้งเลย”
ปลายสายตัดไปแล้ว แต่สาบานได้ว่าแทอิลหุบยิ้มไม่ลง คนตัวเล็กรีบระริกระรี้กระโดดออกจากเตียง วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาคนที่อยู่ตรงระเบียงห้อง เมื่ออูจีโฮเห็นว่าอีแทอิลกำลังจะเลื่อนประตูกระจกก็รีบวางสายที่ว่าทันที คนตัวเล็กรีบลากจีโฮเข้าไปข้างใน ก้มลงหยิบเสื้อยืดตัวสีขาวที่ถูกถอดทิ้งยัดใส่อกอีกคนพร้อมกับเร่งๆให้ใส่
“กลับบ้านๆๆๆ” คนตัวเล็กแทบจะใส่เสื้อให้อูจีโฮอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าตัวเองตัวเล็กกว่า “เร็วๆๆป๊าตามแล้ว”
จีโฮเลิกคิ้วน้อยๆ มองคนตัวเล็กที่วิ่งไปหอบหนังสือตัวเองลงกระเป๋าเป้ประจำตัว ป๊าตาม? ต้องอารมณ์ดีขนาดนั้นเลยไหม? แต่จีโฮก็ไม่ได้เอ่ยขัดเจ้าตัว ดีเหมือนกันที่ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆแบบนี้บ่อยๆ อีแทอิลยื่นมือมากำนิ้วของจีโฮอย่างเคยก่อนจะออกแรงลากให้ออกจากห้อง
ท่าทางรีบๆของแทอิลทำเอาจีโฮลืมหยิบแจ็คเก๊ทตัวเก่งออกมาด้วย คนตัวเล็กรีบเร่งยิกๆจนคนตัวสูงแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร หมวกกันน็อคอันใหญ่ถูกดันใส่ศีรษะของแทอิลอีกครั้ง แต่คราวนี้คนตัวเล็กไม่ได้งอแงอย่างเคย แรงกอดรัดรอบเอวของจีโฮทำเอาคนตัวสูงนึกเขินขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
ใช้เวลาไม่นานนัก มอเตอร์ไซค์คันโตก็จอดสนิทลงที่หน้าบ้านหลังโต คนตัวเล็กกระโดดตุ้บลงมายืนยิ้มร่าอยู่ข้างๆ หมวกกันน็อคอันใหญ่ถูกดึงออกโดยเจ้าตัว “ปะ เข้าไปกัน”
“ไปไหน?” คนตัวสูงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
“ข้างในไง” คนตัวเล็กดึงแขนอีกคน “ป๊าชวนไปกินข้าวด้วย”
“ไม่ดีมั้ง” คนตัวสูงยักไหล่หวือ
อีแทอิลเดินเข้ามาเกาะแขนแกร่ง แทอิลเข้าใจดีว่าจีโฮน่ะคิดอะไรอยู่ ศีรษะกลมๆวางแหมะอยู่บนไหล่หนา ริมฝีปากสีอิ่มบ่นงึมงัมฟังไม่ได้ศัพท์อยู่คนเดียว ดวงตากลมช้อนขึ้นมองใบหน้าคม จีโฮหลับตาแน่น คนตัวเล็กชอบงัดลูกอ้อนมาใช้อยู่เรื่อง เพราะว่าเจ้าตัวรู้ยังไงล่ะว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้
และก็เป็นไปตามคาด อูจีโฮกำลังยืนนิ่งแข่งกับเสาบ้านของอีแทอิลอยู่ แม้บ้านจะไม่ได้หลังใหญ่เท่าละครหลังข่าวช่องเจ็ดก็ตาม แต่มันก็ค่อนข้างใหญ่อยู่พอสมควร โคมไฟราคาแพงถูกห้อยระย้าลงมาตรงโถงกลางบ้าน เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงถูกประดับประดาไว้เต็มไปหมด อดคิดไม่ได้ว่าถ้าลองหยิบเอาไปขายสักอันจีโฮอาจจะมีกินมีใช้ถึงปลายปี
ไม่ได้มีแม่บ้านเป็นสิบคนเหมือนในละคร หากแต่ก็มีหญิงแก่ท่าทางใจดีที่มักจะถูกเรียกว่าเป็น แม่นม อยู่จริงๆ อีแทอิลกอดหญิงวัยชราอย่างเบามือก่อนจะกวักมือเรียกจีโฮให้เข้าไปใกล้ คนตัวสูงลูบผมสีควันบุหรี่ของตัวเองให้เข้าทรงเล็กน้อยหลังจากที่มันโดนลมตีมาตลอดทางก่อนจะค่อมหัวทักทายคนอายุมากกว่า
“นี่น่ะเหรอ อูจีโฮที่แทอิลชอบเล่าให้ป้าฟัง” หญิงวัยชรายกยิ้มกว้างดูใจดี “หล่อกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ”
อูจีโฮได้แต่หัวเราะแหะๆแก้เก้อ “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ..”
“จ้าๆ เข้าไปเถอะค่ะ คุณป๊าท่านรอนานแล้ว”
อีแทอิลดึงมือหนาของจีโฮให้เดินตาม ดวงตาเรียวยาวของจีโฮสำรวจบ้านหลังใหญ่อย่างตื่นตา เขาไม่เคยเข้ามาในบ้านหลังนี้เลยแม้แต่น้อย อันที่จริงต้องเรียกว่าไม่กล้าเข้ามาน่าจะถูกต้องกว่า เดินเข้ามาตามทางเดินไม่ลึกนักก็ถึงห้องอาหาร ตามสไตล์ก็คงต้องมีโต๊ะอาหารยาวๆที่ถูกสลักตกแต่งด้วยรูปอะไรสักอย่างที่จีโฮไม่รู้จัก
ผู้ชายสูงอายุกำลังนั่งอ่านหนังสือนวนิยายหรืออะไรสักอย่างอยู่ที่หัวโต๊ะก่อนที่ทางซ้ายมือจะมีผู้หญิงสวยสง่าวัยกลางคนนั่งอยู่เช่นกัน อูจีโฮค่อมหัวทักทายตามมารยาท แต่คนตัวเล็กกลับกระโดดดี๊ด๊าเข้าไปหอมแก้มบุพการีทั้งสองอย่างอารมณ์ดี มันเป็นภาพที่จีโฮไม่เคยมี
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสายตาของผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะปราดมองร่างสูงจนอูจีโฮรู้สึกชาไปทั้งร่าง อูจีโฮกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่าสักเรื่อง แทอิลกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาลากแขนของจีโฮให้ไปนั่งลง แววตาสงบนิ่งของผู้ใหญ่ทั้งสองแอบสังเกตผู้มาใหญ่อย่างไม่เสียมารยาทนัก
“ทานกันเลยสิ” คนเป็นแม่เอ่ยพูดปนรอยยิ้ม “รออะไรกันอยู่ล่ะ”
“แทอิลไปทำอะไรกับแขนมา” เสียงเรียบนิ่งของผู้เป็นพ่อเอ่ยทักเมื่อเห็นรอยปากกาดำที่จีโฮเป็นคนสร้าง
คนตัวเล็กมองตัวอักษรบนข้อมือ “อ๋อ เอาปากกาเขียนอ่ะครับป๊า แทอิลไม่ได้ไปสักมานะ จริงๆ”
“ดีแล้ว อย่าลืมไปล้างออกด้วย” ผู้เป็นพ่อมองเลยลูกคนเดียวของตัวเองมายังอูจีโฮ “มันสกปรก”
รอยสักที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีขาวนั่นทำให้อูจีโฮนึกอยากตาย ทำไมวันนี้เขาไม่หยิบแจ็คเก๊ทออกมานะ ไม่ใช่แค่แขนเสื้อแต่รอยสักยังโผล่พ้นขอเสื้อยืดคอกว้างนี่ด้วย ถ้าหากว่ากระโดดลงบนจานข้าวแล้วไปโผล่แถวซาอุได้จริงๆ จีโฮก็คงทำ มือนุ่มของคนตัวเล็กเอื้อมมาแตะต้นขาของเขาเรียกสติ ใบหน้าหวานยิ้มอ่อนๆให้ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องประหม่า
อูจีโฮหลุดขำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยเศษข้าวตรงแก้มอูมออกให้ มื้ออาหารยามเย็นนั้นไม่ได้พิเศษอะไรมากมายนัก คำถามเบสิกเกี่ยวกับพ่อแม่ลูกก็คงจะถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง เล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง อูจีโฮผ่อนคลายกว่าตอนแรกบ้างเมื่อคนในวงสนทนาเริ่มลากเขาเข้าไปคุยเล่นด้วย ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่ดูดุๆแต่กลับไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด นึกอยากขอบคุณขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ที่เลี้ยงลูกคนเดียวให้โตมาได้น่ารักขนาดนี้
มื้ออาหารยามเย็นจบลง คนเป็นแม่และลูกชายตัวเล็กช่วยกันไปยกของหวานในครัว บนโต๊ะอาหารจึงเหลือแค่ผู้เป็นพ่อและอูจีโฮเท่านั้น คนตัวสูงลอบกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ
“อูจีโฮ” เสียงทุ้มเลยเรียก “นายน่ะ ชื่ออูจีโฮใช่ไหม?”
“..ครับ..”
“ช่วยเข้าใจด้วยนะ” ดวงตาคมใต้แว่นสายตานั่นตวัดขึ้นสบตาเขา “ฉันแค่อยากให้ลูกฉันได้สิ่งที่ดีที่สุด”
จีโฮรู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง “ครับ ผมเข้าใจ”
“ฉันมีลูกชายอยู่คนเดียว เขาน่ารัก นายเองก็น่าจะรู้”
“น่ารัก..มากๆเลย”
“หึ..” คนเป็นพ่อหลุดขำออกมาเบาๆ “ฉันน่ะไม่ได้อินกับป๊อปปี๊เลิฟของเด็กๆหรอกนะ”
“...”
“และฉันก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดว่านายน่ะ เป็นคนยังไง เคยเรียนที่ไหน และ..ทำงานอะไร”
หัวใจจีโฮแทบหยุดเต้น เขาสบสายตาที่กำลังจ้องมาด้วยความประหม่า “..หมายความว่ายังไงครับ”
“แต่ก็ขอบคุณ ที่ไม่ทำให้ลูกฉันเละเทะไปเหมือนกับนาย แต่ก็ช่วยเข้าใจฉันด้วยนะ”
“...”
“ว่าฉันอยากให้ลูกฉันได้สิ่งที่ดีที่สุด”
จีโฮไม่ได้โง่ จีโฮเข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร และจีโฮก็เข้าใจว่าตัวเองนั้นยังไม่แตะเส้นขอบของคำว่าดีเลยแม้แต่น้อย คนตัวสูงทำได้เพียงแค่ตอบรับเบาๆ เท่านั้น อีแทอิลกับคุณแม่กำลังถือถาดผลไม้จานโตเข้ามาในห้องอาหาร เสียงคนตัวเล็กเอ่ยเจื้อยแจ้วอวดจีโฮว่าเป็นคนปลอกแอปเปิ้ลเอง
จีโฮมองใบหน้าหวานที่กำลังเคี้ยวผลไม้ตุ้ยๆจนแก้มตุ่ย เขารู้ดีอยู่แล้วแหละ ว่าวันนี้มันต้องมาถึง เพียงแค่ทำใจไม่ทัน ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง ริมฝีปากอ้าปากรับชิ้นแอปเปิ้ลที่ถูกหั่นเข้าปาก อยากจะยกมือขึ้นไปลูบศีรษะกลมๆหากแต่ในใจกลับหนักหน่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
จะทำ... ทำยังไงดีนะ...
ไม่นานนักอูจีโฮจึงขอตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่ ทันทีที่ก้าวผ่านรั้วใหญ่มือหนาก็ล้วงเอาซองบรรจุแท่งนิโคตินขึ้นมาเคาะ นิ้วยาวคีบบุหรี่มวนเล็กๆไว้ในมือ แต่มือนุ่มๆของอีกคนกลับยื่นมาดึงออกไปจากมือ ใบหน้าหวานมู่ทู่เล็กน้อยเมื่อรู้ถึงบรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป
“ไหนบอกว่าไม่อยากให้แทอิลได้กลิ่นไง”
“ก็เข้าบ้านไปสิ” คนตัวสูงพูดส่งๆก่อนจะเคาะซองบุหรี่อีกครั้ง
คนตัวเล็กมองใบหน้าหล่อที่ดูไม่สบอารมณ์เอาซะเลยก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้มของคนตัวสูงแรงๆ จีโฮตวัดสายตามองแทอิลปั้นหน้ามู่อยู่ข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ ตัดสินใจเก็บแท่งนิโคตินลงซองไปซะ ใบหน้าหวานอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดอีกคนหลวมๆ แทอิลไม่รู้หรอกว่าอูจีโฮน่ะเป็นอะไร แต่แทอิลก็ไม่อยากถาม ถ้าพูดถึงแล้วมันจะทำให้แย่ลงล่ะก็นะ
“ขับรถดีๆนะ ถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกด้วย” จีโฮพยักหน้ารับ “ครั้งที่แล้วก็ไม่ส่งข้อความมา ไอ้ขี้ลืม”
จมูกโด่งก้มลงสูดดมความหอมของกลุ่มผมนุ่มก่อนจะคลายอ้อมกอดออก คนตัวเล็กโบกมือหยอยๆ อูจีโฮเลือกที่จะเก็บหมวกกันน็อคไว้ใต้เบาะ เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังกระหึ่มพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คันโตที่เคลื่อนตัวออกไป ลมเย็นๆยามค่ำคืนตีเข้าหน้าไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่จีโฮคิดอยู่ลอยไปตามลมเลย
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันแน่น จีโฮนึกโทษพระเจ้าที่เขาไม่ค่อยจะนับถือเท่าไหร่ อย่างน้อย..ก็น่าจะเขียนเส้นชีวิตเขาไม่ให้เลวร้ายแบบนี้สิ
แบบไหนน่ะเหรอ
มอเตอร์ไซค์คันโตจอดเงียบๆอยู่หน้าปากซอยอะไรสักอย่างจีโฮไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก ดวงตาเรียวยาวเหลือบมองที่อยู่บนกระดาษเล็กๆในมืออีกครั้ง ห่างไปประมาณห้าร้อยเมตรมีร้านขายของเปิดอยู่ คนตัวสูงหันมองบุคคลมาใหม่ที่กำลังยืนหายใจหอบ ชายวัยรุ่นรูปร่างผอมจนเนื้อแทบติดกระดูก ริมฝีปากแห้งแตกราวกับคนอดอยาก ใช่สิ ก็อดอยากจริงๆนั่นแหละ
อดอยาก.. ยา
มือหนาเอื้อมไปกระชากเงินสดหลายใบที่อยู่ในมือแห้งกรังนั่น ก่อนจะเปิดเบาะรถหยิบซองอลูมิเนียมฟรอยด์สามสี่ซองออกมาจากในนั้น ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ซองที่ว่าถูกยัดใส่มือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกค้า ร่างผอมแห้งทันทีที่ได้ของที่ต้องการก็หลุดขำแผ่วๆราวกับคนหมดแรง ดวงตาโปนกลอกไปมาอย่างน่ากลัว อูจีโฮเบ้หน้านึกรังเกียจ นี่มันคนหรือซอมบี้กันแน่ล่ะเนี่ย
ชายรูปร่างผอมแห้งค่อยๆลากสังขารตัวเองให้พ้นจากตรงนี้ไป อูจีโฮก้าวขายาวๆไปยังร้านขายของที่อยู่ไม่ไกลนัก ตู้แช่เย็นสองตู้ถูกตั้งไว้หน้าร้าน มือหนาเอื้อมไปกระชากฝาตู้ให้เปิดออกก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระป๋องเบียร์ชื่อดังออกมาจากตู้ ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีปาร์ตี้ล่ะ
โทรศัพท์เครื่องสวยสั่นครืดๆอยู่ในกระเป๋ากางเกง คนตัวสูงล้วงมือไปหยิบมันออกมา ตัวอักษรภาษาเกาหลีโชว์รายชื่อทำเอาคนตัวสูงถอนหายใจเหนื่อยๆ
‘แทอิล’
นิ้วยาวๆจะแตะลงบนสัญลักษณ์แดงๆก่อนที่หน้าจอโทรเข้าจะเด้งออก
‘ฉันแค่อยากให้ลูกฉันได้สิ่งที่ดีที่สุด’
---
ติชมได้นะตัว ถถถถถถถถ ฝากติดตามด้วยค่า อาจจะไม่สนุกมาก ก็ฝากไว้ด้วยเน้อ
#ฟิคขาวดำ
ความคิดเห็น