ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo]+ ShortFic++(ChanSoo)

    ลำดับตอนที่ #6 : (นอกเรื่อง)SF Friends (Chansoobaek) part2

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 56


    อ่านพาร์ทแรกของเรื่องคลิกย้อนกลับไปก่อนนะคะ
    เพจนี้พาร์ทสอง
    ไรเตอร์โพสลิ้งผิด ;_;
    ขอโต้ดดด ฮือออ


    ทยอยเอาลงๆ มันไม่ได้แก้คำเลยค่ะ เอาไว้แก้ๆที่พิมพ์เอาไว้จะเอามาลงเรื่อยๆอ่านแก้ขัดไปก่อน
    ชานยอลเรื่องนี้ดูอึมครึ่ม เบาๆอะ5555555แต่ชอบนะ 5555555555
    เม้าอะไรไม่รู้ อ่านเถอะค่ะ ไรเตอร์ไร้สาระ
    เหมือนเดิม คลิกก่อนอ่าน ณ ลิ้งรูปด้านล่าง คึคึ~~ มันเป้นฟีลลิ่งงงง-..-









    SF Chanyeol Kyungsoo Baekhyun "Friends" (2)



    "...จุดเริ่มต้น"









    ผมกับเขาเจอกันได้ยังไงน่ะหรอครับ....
    ....
    ....
    ....
    นึกทีไรก็เห็นภาพตัวเองเปียกอยู่แบบนั้นทุกที...

    กลิ่นไอของหญ้าสีเขียวบนพื้นข้างทางทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...
    ถึงแม้ว่าที่ปลายจมูกเริ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นของดินที่ค่อยๆระเหยขึ้นมา ทีละนิด  ...ทีละนิด....
    มันไม่ค่อยสู้ดีนัก..
    ..
    ปิดเปลือกตาที่อ่อนล้าลงไปเพราะความเบื่อหน่ายต่อสิ่งรอบข้าง ...ผู้คนที่พลุกพล่าน 
    ความวุ่นวายบนถนนสีเทาแห่งนี้ 

    ผมขอรับรู้เพียงแค่ร่มเงาต้นไม้ เสียงลมหวีดหวิวคงจะดีซะกว่า 
    อากาศที่รวนเรบีบบังคับให้ใบไม้สีอ่อนอำลาจากต้นไม้ใหญ่ที่หลงเหลือเพียงกิ่งก้านแห้งแล้ง
    ไม่กี่จำนวน..หนึ่งในนั้นหล่นลงกระทบบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา..

    ลมหายใจร้อนผ่าวเฮือกที่ล้านถูกนำเข้าและโดนผ่อนปลดปล่อยออกมาผันเปลี่ยนเป็นความทุกข์ที่อัดแน่น
    .. 
    เพียงแค่ลืมตา

    จ้องมองกลับออกไปสู่โลกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ 

    เงาของเด็กชายสูงเก้งก้างกับกระเป่าเป้ใบโปรด 
    ใบหน้าที่ใครต่อใครไม่ได้สะดุดตานักเมื่อพบเห็น’

    ผมเป็นเพียงปาร์คชานยอล ไอ้เด็กหลังห้อง เด็กที่เรียนตกประวัติศาสตร์ เขียนคำเกาหลีไม่ถูก โดดเรียนวิชาชมรม แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียไปซะหมด

    ผมเล่นดนตรีเป็น จัดอยู่ในเกณฑ์ดี ด้วยความโชคดีของครอบครัวที่พ่อเป็นอาจารย์เปิดสอนทางด้านศิลปะในฝั่งของการบันเทิง

    ถึงแม้ว่า...

    แม้ว่า...

    ถึงแม้…..
    -_-

    ผมเกลียดคำประเภทนี้จัง 
    ..

    เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเริ่มเอ่ยคำนี้ มันมักจะมีเรื่องที่ดูไม่ดีสักเท่าไหร่เข้ามาอยู่ในตอนสุดท้ายจนได้ ..ให้ตายสิ

    ผมร้องเพลงไม่เป็นเท่านั้นล่ะครับ 

    ผมรู้น่ะ ถึงจะบอกว่าเล่นกีต้าร์ได้เจ๋งสุดๆ แต่พอผมบอกว่าผมร้องเพลงห่วยแตกความเท่ห์ที่กำลังก่อตัวเป็นร่างกายของปาร์คชานยอลในจินตนาการของทุกคนก็พาลดับวูบไปด้วยใช่ไหมครับ

    นั่นละ ผมถึงไม่ค่อยอยากจะไปพูดถึงมันสักเท่าไหร่ ..
    เอาเป็นว่า แค่ครั้งนี้ครั้งแรกละกันครับ เผื่อว่าเรายังไม่เคยรู้จักกัน...

    คุณกับผมจะได้เหมือนว่าอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันกับที่ผมเจอมากขึ้นไงล่ะ.....

    ...

    ...
    ...
    ...
    ..
    ฤดูฝนล่ะมั้ง'

    ....

    ในเย็นของวันนั้นก็ยังคงเป็นอีกวันที่ผมแบกเจ้ากีตาร์ตัวโปรดออกมาด้วยหลังเลิกเรียน มันคล้ายๆกับเสาไฟฟ้าเดินได้ที่มีข้าวของพะรุงพะรัง อากาศชื้นๆเร่งเร้าอุณหภูมิภายในตัวให้ผลิตเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยออกมาไม่รู้หมดสิ้น 

    หงุดหงิดกับอาการภูมิแพ้ที่สร้างรอยผื่นรอบๆบ่าตลอดทาง

    แค่ยกฝ่ามือขึ้นจับก็เริ่มสำผัสได้ว่าลำคอและลำตัวมีเหงื่อซึมชุ่มไปทั่ว 


    แสงแดดเริ่มเลือนหายไปเป็นพักๆเมื่อผมเริ่มเห็นป้ายรถเมล์เคลื่อนเข้ามาไกล้ด้วยการเร่งของฝีเท้าทั้งสองข้าง
    ถอนหายใจเฮือกโตด้วยความเหนื่อยและตัดพ้อกับชะตากรรมจากความสูงของตัวเอง พื้นที่ร่มๆนั่นไม่พอสำหรับผมเล
    T-T

    ดูเหมือนว่าเมฆสีดำขมุกขมัวนั่นจะอพยพเคลื่อนย้ายเข้ามาสู่ละแวกนี้รวดเร็วเสียจริง 
    หูสองข้างได้ยินเสียงอึกทึกอยู่ลิบๆ 
    ครืน ครืน~

    ...
    O_O
    =_=
    ......
    เบื้องบนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผมก็ได้ใครจะไปรู้


    ผลสอบที่เพิ่งออกสดๆร้อนๆก็ไม่ผ่าน ไปซ้อมก็ไม่ทัน แถมฝนจะตกอยู่มะรอมมะร่อก็ไม่มีแม้แต่ที่หลบหนี

    มีแต่เรื่องไม่ดีๆทั้งงั้น ---ถ้าหากกีตาร์ของผมเปียกฝน.... ปาร์คชานยอลคงไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต ไม้ที่พ่อสั่งประกอบอย่างดีทำให้เสียงของมันเพราะกว่ากีต้าร์ตัวอื่นๆ 
    ทว่ามันคงจะหมดคุณภาพแน่ๆถ้าเจ้าน้ำมากมายจากท้องฟ้าที่เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างบ้าคลั่งซึมทะลุกระเป๋าผ้าร่มเข้าไปภายใน
    ...
    คิดไปมันก็เท่านั้น ผมได้แต่ใช้ประโยชน์จากสมองๆน้อย เพียงเวลาเสี้ยววินาที หลังจากนั้นมันประมวลผลได้เพียงว่า ผมสวมควรจะกอดเครื่องดนตรีสุดที่รักเอาไว้ด้วยร่างกายโตๆนี่ซะ
    ...
    แปะ
    ....
    แป่ะ
    ...
    แปะ....แปะ........
    .แป่ะ แป่ะ....

    อา...

    จนได้สินะ----ไม่พ้นต้องตัวเปียกอีก 
    ถ้าคิดใส่ใจกับสภาพอากาศสักหน่อยก็คงไม่ลืมพกร่มก่อนเมาโรงเรียนแบบนี้.... แย่จังแหะ’
    -_-^
    ….

    ผมเป็นซะแบบนี้ล่ะครับ คิดอะไรหลังจากที่เหตุการณ์เหล่านั้นได้เกิดไปแล้วเสมอ แค่นึกถึงเหตุการณ์ที่แม้จะนานมาแล้ว ความหนาวก็พาลแล่นผ่านเข้าขั้วหัวใจราวกับว่าได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง

    มันคงไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักจนถึงขั้นที่ผมจะต้องเก็บบันทึกมันเอาไว้ เพียงไม่ใช่เพราะว่า...
    ในความทรงจำเหล่านั้นผมยังมีเขา
    ....

    เสียงหยดน้ำนับล้านสร้างจังหวะเซ็งแซ่รอบๆตัวจนผมเริ่มรู้สึกถึงผิวหนังที่เย็นเฉียบนั้นกำลังจะเป็นน้ำแข็งเอาตอนหน้าฝน รถเมล์สายประจำที่น่าจะถึงเวลามาก็กลับเลทออกไปเพราะการจราจรที่ติดขัด

    ดูเหมือนหน้าอกจะอึดอัด ราวกับว่าอากาศที่เคยหล่อเลี้ยงกำลังหายไป

    น้ำมูกใสๆกำลังก่อตัวภายในโพรงจมูกทั้งสองข้างอย่างมิได้เชื้อเชิญ อากาศอันโหดร้ายเล่นงานผมเข้าเสียแล้ว

    ยิ่งบังคับดวงตาให้เปิดกว้างจ้องมองผืนฟ้าสีเทาไปแบบนั้นเพราะความโมโห ก็กลับกลายเป็นทำร้ายยตัวเองเข้าไปอีก

    ผมต่อสู้กับธรรมชาติไม่ได้จริงๆ 
    .....

    จนกระทั้งเจ้ายาล่องหนโผล่เข้าม

    ผมยังจำได้ว่าเห็นเพียงรองเท้าผ้าใบไนกี้คู่หม่นของเขาที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนกว่าอะไรดี
    เพราะท้อแท้ที่จะต่อสู้กับสายฝนที่น่ากลัวนั่นจนต้องเอาแต่ก้มหัวให้เม็ดน้ำเย็นราวกับน้ำแข็งไหลลู่ลงพื้นได้อย่างสะดวก 


    สองเท้าเล็กคู่นั้นหยุดห่างจากผมไม่กี่คืบเท่านั้น พร้อมกับสายฝนที่มีทีท่าว่าจะหายไป
    ผมเคยสงสัยว่าทำไมถัดออกไปจากตัวเราทั้งสองคนถึงยังมีฝนโปรยปรายอยู่ไปทั่ว ...จนกระทั่งเมื่อได้ตัดสินใจบังคับศีรษะที่หนักอึ้งให้เงยขึ้นอีกครั้ง

    ความปวดหนึบก่อตัวรอบขมับทั้งสองข้าง สายตาที่พร่ามัวจากอุณหภูมิชื้นๆนั่นเริ่มปรับโฟกัสให้เป็นปกติอย่างช้าๆ

    ปริศนาฝนตกไม่ทั่วฟ้าของผม แจ่มแจ้งแดงแจ๋
    มีเจ้าเด็กที่ไหนไม่รู้มาคอยกางร่มให้อยู่ไงเล่าปาร์คชานยอล'

    ใบหน้าขาวๆของเขากำลังชัดขึ้นที่ละเล็ก ละน้อย 
    ผมจ้องมองอะไรไม่ชัดนักนอกเสียจากริมฝีปากอิ่มสีแดงเข้ม 
    บางทีเขาอาจจะหนาวเหมือนกันกับที่ผมกำลังหนาว…เนื้อตัวถึงได้ขึ้นจ้ำแบบนั้น
    ผมคิด.. ก่อนที่จะได้ยินคำพูดแรกหลุดออกมาจากปากเจ้ายาวิเศษ...

    เขาเป็นฝ่ายเริ่มต้นประโยคสนทนาง่ายๆออกมา

    ไง นายเด็กฝีก

    รอยยิ้มอันอบอุ่นเบ่งบานขึ้นอย่างช้าๆ—ดวงตาทั้งสองข้างของคนที่แปลกหน้ากลับสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในหัวใจอย่างแปลกประหลาดแม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ 
    เด็กผู้ชายตัวเล็กๆกับร่มขนาดกะทัดรัด ผิวขาวซีดตัดกับกางเกงวอร์มสีเข้มที่แลดูจะเลอะเทอะจากโคลนข้างทางเพราะแรงกระเด็นจากเม็ดฝนตลอดระยะทางที่เดินมา 
    รองเท้าไนกี้ของเขาแทบจะส่วมใส่ไม่ได้อีกถ้าหากพิจารณาให้ดีถึงสภาพมันในตอนนี้
    คราบโคลนสีน้ำตาลและขี้ดินเกาะแน่นตามสายเชือกรองเท้าจนอดนึกขำไม่ได้
    ..
    ผมค่อยๆหยัดตัวตรงแม้ว่ามือสองข้างนั้นยังคงไม่ลืมที่จะประคองกีต้าร์ในอ้อมอกตัวเองให้มั่นคง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าคนตัวเล็กด้านข้างต้องใช้ความพยายามแค่ไหนเพื่อจะปกป้องคนที่ตัวเบ้อเริ่มเทิ่มจากฝนที่กำลังหนาเม็ดรอบๆตัว

    ยิ่งผมยืดตัวตรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งสำผัสได้ว่า ฮีโร่ของผมนั้น เขามีส่วนสูงตัวเพียงกระจ้อยร่อยนิดเดียว’

    เพื่อนใหม่ดูจะเจ้ากี้เจ้าการอยู่ไม่ใช่น้อยถ้าหากเป็นบทเรียนสำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก เขาเริ่มใช้มือทั้งสองข้างดันกรอบไหล่กว้างของผมให้เข้ามาอยู่ภายใต้ร่สมของตัวเอง ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันแคบเพียงช่วงตัว

    ถึงแม้ว่าใบหน้าที่ดูหวานราวกับผู้หญิงนั้นจะจริงจังกับการปกป้องกีต้าร์ราคาแพงของผมอย่างที่ปากเขาพูดขนาดไหนก็เถอะ แต่ผมก็ชอบที่เขายืนอยู่ข้างๆและคอยสั่งนู่นนั้นนี่ในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ 

    เราพูดคุยกันไม่กี่คำ ด้วยบทสนทนาไม่ยาวมากนัก ....แต่ก็พอจับใจความได้ว่า เขารู้จักผมในระดับนึง เพราะการที่ต่างคนต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน 
    บริษัทSM'
    ...
    ..
    ซุปเปอร์แมนตัวจิ๋วพร่ำบ่นถึงใครบางคนไม่หยุด’

    ฉันกับนายมีหวังสายๆแน่ๆเลย ตอนนี้ปาเข้าไปกี่โมงกี่ยามแล้วนะ ฉันมีนัดซะด้วย”

    รู้สึกเหมือนเป็นตัวปัญหาเล็กน้อย เมื่อเผลอได้ยินคำพูดพาดพิงถึงอีกบุคคลหนึ่งของเขาที่ดูท่าว่าบุคคลนั้นมีท่าทีสร้างความกังวลให้กับเจ้าหมอนี่อย่างออกหน้าออกตา

    เห้ย ฉันสบายมาก ไปเลย แต่ว่านายมีซ้อมเหมือนฉันนี่ นายจะไปไหนอีก---นายซ้อมชั้นเดียวกับฉันรึปล่าวนะ ฉันซ้อมดนตรีที่ชั้น3น่ะ

    ผมจำคำพูดของตัวเองได้คร่าวๆ 
    รับรู้แค่ว่ากำลังรู้สึกตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่ที่บังเอิญเจอระหว่างทางมากไปก็เท่านั้น

    ฉันซ้อมชั้นใต้ดิน ฉันจะเป็นนักร้องน่ะ เห็นนายตั้งกะออกมาจากโรงเรียนแล้ว –นี่ขนาดฉันรอเพื่อนอยู่ตั้งนานสองนานนะ เดินมาถึงนี่นายยังอยู่ป้ายรถเมล์เหมือนเดิมไม่ไปไหนเลย” 

    ก็เจ้าฝนบ้าเนี่ยะอะดิ ตกมาอยู่ได้ กีตาร์พ่อชั้นพัง ชั้นต้องกระโดดตึกเรียนฆ่าตัวตายแน่ๆ=_=”

    คิดว่าความตายมันง่ายแบบนั้นหรอ??”

    ฉันแค่พูดเล่นๆหน่า ---เจ้าเปี้ยก ฮ่าๆๆๆ นายทำจริงจังไปได้
    พลังงาานบบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ...

    เรายังไม่สนิทกันถึงขนาดที่นายจะมาเรียกชั้นด้วยคำพูดแบบนั้นสักหน่อย—“ ราวกับโดนต่อยไปที่ท้องเข้าจังๆหนึ่งมัด

    ผมสายบานได้ว่าแค่พูดเล่นตามนิสัยปากหมาๆของตัวเองเป็นความเคยชินไปก็เท่านั้น แต่ดูท่าเพื่อนใหม่ของผมจะไม่ค่อยชอบคำเปรียบเทียบว่าเขาตัวกระเปี้ยอกอะไรทำนองนั้น จนกระทั้งสีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นเมื่อรถแทกซี่ของใครบางคนเลียบถนนเข้ามาจอดอยู่ตรงฟุตบาทด้านหน้าสองคนพอดิบพอดี..

    อ้า เพื่อนชั้นมาแล้ว แบคฮยอน ~!! ตรงนี้ได้เลย

    เขาโบกมือหยองหยอยด้วยแขนอีกข้างที่ไร้พันธะ ผมจ้องมองรถคันเล็กที่ค่อยๆเลื่อนกระจกลงมาเมื่ออยู่ในจุดที่พอเหมาะเผยให้เห็นผู้ชายหน้าตาดีอีกคนอยู่ภายใน แม้ว่าแววตาของเขาจะแฝงไปด้วยความยียวนมากกว่าคนปกติจนผมเริ่มสำผัสมันได้เมื่อเผลอเพ่งสายตาไปที่เขาอยู่สักพัก

    คยองซู ฉันก็ว่าหานายไม่เจอ เร็วๆ รีบขึ้นมาเหอะ เราจะไปซ้อมสายแล้วนะ!!

    อา...
    พวกเขาชื่อ...
    ...

    นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อบยอนแบคฮยอน

    และเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเขา ..เด็กผู้ชายที่ชื่อโดคยองซู

    วันที่17กุมภาพันธ์ ปี2009.......
    หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...
    ....


    tbc

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×