ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo]+ ShortFic++(ChanSoo)

    ลำดับตอนที่ #5 : (นอกเรื่อง)SF Friends (Chansoobaek) part1

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 56






    มันสั้นๆอเมื่อสมัยนานมาแล้วอารมณ์ชั่ววูบ อ่านเพลินๆนะ พอดีเหนโมเม้นแบคโด้กำลังมา เข้ากับที่เราเคยคิดเอาไว้ตอนนั้น เลยยกมาแป่ะ แต่ในใจก็ยังคงมีชานซู เลยออกมาเป็นแบบนี้ 5555555
     

    คลิกฟังระหว่างอ่าน**5555(มีงี้อีก)
     


    SF Friends (Chansoobaek)

    ฉันรักนาย นายรักเขา(?)

    แต่เเรา เพื่อน'กัน




    ...













    ...
    ดาวโหลด
    ...

    08.50 น.
    รถออกจากอินชอนมาได้สักพัก..


    ผมจ้องมองมือที่ยืนออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ 
    ...ปลายประสาทสำผัสรับรู้ได้ว่ามันเย็นเฉียบขนาดไหน เพียงแค่ตอนนี้ไม่มีหิมะตกอีก

    เสียงวิทยุในรถบอกว่าฤดูหนาวและละอองน้ำแข็งราวกับพัลบิงซูขนาดยักษ์กำลังจะจากไปแล้ว ถ้าสังเกตฝูงนกบนท้องฟ้าก็จะรู้ดี ...พวกมันกำลังเคลื่อนย้ายครอบครัวบินจากดินแดนแห่งนี้มากมายเต็มไปหมด

    พวกเราเพิ่งกลับจากการทำงานหลังจากเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ไม่กี่ที่ หอ ห้องซ้อม สตูดิโอย้อนกลับไปมาแบบนี้ร่วมเดือน

    สมาชิกทั้งหมดตื่นเต้นที่จะได้ออกงานอีกครั้งเมื่อจ้องมองปฎิทินและเห็นตารางที่จะต้องบินสู่ประเทศไทยในคอนเสิร์ตใหญ่สำหรับศิลปินเกาหลีอย่างเราๆที่จะมีโอกาสไปเปิดเผยวัฒนธรรมและความเจ๋งที่นั่น

    “ชานยอลปิดหน้าต่างสักที มันหนาวนะ” 

    เสียงของแบคฮยอนที่นั่งข้างๆโวยวายเมื่อลมด้านนอกพัดวูบสำผัสเข้าถูกใบหน้าของเขา

    ผมได้แต่จ้องมองกลับไปก่อนที่จะส่ายหัวเป็นเชิงปฎิเสธเพื่อยั่วยุอารมณ์โมโหเจ้าเพื่อนสนิทเล่น


    “เดี๋ยวก็ไม่หนาวแล้ว ทิ้งท้ายหน่อยไม่ดีรึไง?”

    ....

    แค่บางคนที่กำลังเคลื่อนไหว
    ...

    “ชานยอลปิดสิ เพื่อนหนาวกันหมดนายไม่เห็นรึไงเล่า ฉันจะฟังเพลงก็ได้ยินแต่เสียงแตรรถด้านนอกน่ะ”

    ผมสะดุดกับเสียงสุดท้ายที่ไม่ชอบใจนัก ความจริงผมชอบมัน ...ไม่สิ ผมชอบเวลาเขาพูดปรกติ หมายถึงเวลาเขาสอนผมร้องเพลงน่ะ 

    แต่เวลาแบบนี้

    ผมไม่ชอบสักเท่าไหร่ …

    คยองซูมักจะเข้าข้างแบคฮยอนเสมอ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะโวยวาย ว่าผม หรือ กำลังด่าอยู่

    ผมเข้าใจดีว่าในสายตาของคนอื่นๆ ผมดูจะไม่เอาไหนสักเท่าไหร่ 

    เต้นไม่เก่ง ร้องเพลงก็ห่วย ติดมือถือ หรือกวนประสาทจนน่าเบื่อ

    ผมแค่คิดว่า...ถ้าเวลาทั้งชีวิตมีเพียง365วันแล้วเรากำลังใช้สอยมันด้วยความตึงเครียด เปราศจากเวลาพักผ่อน หรือเวลาสนุกๆซะบ้าง ---- คนทั้งวงอาจจะเป็นบ้าตายไปนานแล้วก็ได้ 

    แต่คยองซูก็น่าจะเข้าใจ’ผมสักหน่อย

    ยิ่งในเวลาแบบนี้ ที่นั่งด้านหลังสามที่กลับเป็นผม แบคฮยอน และคยองซู เขาตามเข้ามานั่งปิดท้ายอีกทั้งกำลังทำให้ผมประสาทเสีย ดวงตาอันกลมโตของเพื่อนตัวเล็กชะโงกออกมาจ้องมองมาที่แววตาลุกลนและใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของผม
    เขากำลังส่งกระแสจิตเป็นเชิงบอกว่า...

    “เมื่อไหร่นายจะปิดมัน!?”
    ...
    ...
    ..

    -_-

    “โอ้ะ ! ขี้เกียจละ เบื่อ เล่นมือถือดีกว่า พี่ยองมิน ผมขอเพลงสนุกๆหน่อยสิ! “

    ผมตบไปที่ปุ่มปิดอัติโนมัติข้างที่วางแขนอย่างลวกๆ บานพับหน้าต่างด้านหลังของรถออดี้รุ่นครอบครัวค่อยๆเลื่อนเข้าที่อย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะตัดสินใจควักเอามือถือที่มีแบตเพียง 5%ขึ้นมาสำผัสซ้ายขวาแสร้งเป็นว่าผมอยากจะเปิดมันเล่นเสียเต็มประดา
    ..
    ..

    ผมอยากให้เขานั่งต่อจากผม

    ผมอยากให้เขาปกป้องผม

    ผมอยากให้คยองซูเห็นผมเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงบ้าง

    แต่เรื่องแบบนั้นดูจะห่างไกลเกินไปจากในเวลานี้...
    ..
    ..
    ...

    “บ้าป่าววะ แบตจะหมดจะไปเล่นอะไรได้”
    แบคฮยอนที่เจ๋อไม่เข้าเรื่องจ้องมองเห็นระบบแจ้งเตือนแบตเตอร์รี่ต่ำภายในหน้าจอมือถือผมที่ดันมาเด้งเตือนเอาตอนนั้น แบคฮยอนขำเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดคุยกับโดคยองซูเพื่อสั่งให้เจ้าหมอนั่นหยิบเอาเอเทอนัลออกมาให้ ปาร์คชานยอลที่ดูเหมือนเป็นเจ้างั่งขึ้นมาทันทีเมื่อถูกจับได้ ผมรีบเก็บเจ้าเครื่องมือสื่อสารจอมทรยศเข้ากระเป๋าราวกับว่าไม่ได้ต้องการใช้งานมันอีกต่อไป

    น่าขายหน้าจริง-_-

    “ชานยอลเอาไปสิ ฉันชาร์ตเตรียมเอาไว้แต่ยังไมได้ใช้” คยองซูยื่นมันผ่านบยอนแบค

    ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องพูดแบบนั้น.

    “เดี๋ยวรายการโปรดนายก็มาแล้วอีกชม.นึงไม่ใช่รึไง เก็บไว้ชาร์ตเครื่องนายเหอะ แบตก็เสื่อม ของฉันไม่จำเป็นหรอกน่า”

    ผมกอดอกร้องปฏิเสธ ผมเลือกที่จะไม่จ้องมองใบหน้าของคนๆนั้นอีกเมื่อมันอาจจะนำพาความรู้สึกหดหูบางอย่างให้คืบคลานเข้ามาอย่างไม่ได้เชื้อเชิญ แบคฮยอนกระทุ้งสีข้างของผมซ้ำๆราวกับว่าตับไตไส้พุงของผมจะแหลกละเอียด 

    ผมรู้ว่าเขาไม่อยากให้เพื่อนเสียน้ำใจอะไรทำนองนั้นละ...

    แต่เขาก็รู้นิสัยของผมระดับนึง แม้ว่าแบคฮยอนจะไม่ได้ดูสนิทสนมกับผมเท่าที่พวกแฟนคลับเข้าใจก็ตามที 

    เขามีวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆเสมอ

    “คยองซูนายติดรายการอะไร สารคดีหรอ นายดูย้อนหลังก็ได้นี่นา” แบคฮยอนยังคงว่าต่อไป มือของเขาค่อยๆดันอุปกรณ์สำหรองพลังงานที่เจ้าเตี้ยนั่นที่ควักออกมาอย่างระมัดระวัง พยักเพยิดเป็นเชิงให้เขานำมันกลับไปเมื่อเห็นผมที่แสดงท่าทางราวกับเด็กลืมโลกอยู่แบบนั้น

    “เจ้าบ้านี่ชอบดูรายการอาหารของกุ้กฮยองริมของKbs ไม่รู้ดูอะไรอยู่ได้ -ชั้นไม่ยากจะไปแย่งเพื่อหรอกน่ะ “

    ผมบ่น คงจะคล้ายกับอากาศที่ล่องลอยไปล่องลอยมาภายในรถมากกว่า ความสำคัญมันคงไม่ต่างอะไรกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ที่พวกเขากำจัดมันทิ้งออกจากร่างกายยามหายใจออกในเวลานี้

    คยองซูรู้จักผมสักเท่าไหร่กันนะ 
    ได้สักครึ่งที่ผมรู้จักเขารึปล่าว??

    ผมได้แต่คิดแบบนั้นมาตลอด แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรในเมื่อเราก็ต่างเป็นแค่เพื่อนกัน....

    แค่เพื่อนที่ทำงานร่วมกัน’---ผมคิดว่ามันน่าจะดูดีกว่าด้วยซ้ำไ
    ..

    เสียงในรถเงียบลงไปเมื่อทุกอย่างสงบลง 

    คิมจงอินกำลังหลับปุ๋ย โอเซฮุนก็ยังคงแชทคาเคากับใครสักคน ไม่เลิก ส่วนพี่ซูโฮไม่ต้องคิดอะไรมาก เขานั่งฟังเพลงมาตั้งแต่ก้าวขึ้นมานั่งบนเบาะแล้ว

    พวกเพลงคลาสิคตะวันตกมั้ง ที่กำลังปลดปล่อยจินตนาการของเขาอยู่ ……
    ....

    ผมก็แค่เดาจากสีหน้าของเขาที่สะท้อนผ่านทางกระจกหน้าเท่านั้นละ..
    ..
    ...

    09.12น.

    วันนี้พี่ยองมินบอกว่าจะพาพวกเราไปหาอะไรกินก่อนที่จะเข้าบริษัท...
    กระเพาะมันร้องนิดหน่อย ขนมปังจากสายการบินคงจะละลายหายไปกับน้ำย่อยในท้องซะจนหมดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างนั้นความหิวก็ยังไม่มากสักเท่าไหร่ 

    บรรยากาศข้างทางที่เริ่มมีแสงแดดจ้าขึ้นเรื่อยๆนั่นกำลังทำให้ผมเริ่มเบื่อหน่ายที่จะจ้องมองกลุ่มต้นไม้กลางถนนและสีสันของรถยนต์ที่วิ่งแล่นไปมาซะแล้วล่ะ โชคดีที่ถึงจุดหมายปลายทางก่อนที่ผมจะตัดสินใจปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง

    ร้านคอฟฟี่คาเฟ่ร้านประจำ’ เค้าว่ากันว่าเจ้าของร้านเคยเป็นแดนเซอร์ให้กับรุ่นพี่ในตำนานอย่าง HOT ก่อนที่วงจะปิดตัวลง เขาได้ตัดสินใจออกมาเปิดธุรกิจเล็กๆย่านคังนัม ไกล้กับบริษัทของเรา เพื่อทำมันเป็นอาชีพหลักแทนการเต้น 

    เสียงฝีเท้าเบื้องหน้าสร้างความรำคาญให้ผมเล็กน้อย 

    หิมะสร้างแรงเสียดทานจนเกิดเสียงคล้ายกับผึ้งบินว่อน ...

    แบคฮยอนกับคยองซูเดินล่วงหน้าไปก่อน ผมว่าเขาคงกำลังคุยถึงเรื่องเพลงๆอะไรนั่นเหมือนเดิมละ 

    สองคนนี้เค้ามีเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆที่คล้ายกันนี่นา ....ก็คงจะมีอะไรต่อมิอะไรให้พูดจากัได้ทั้งวันไม่มีทางเบื่อ

    ผมลากรองเท้าคอนเวิดที่จมกับกลุ่มน้ำแข็งเก่าๆบนถนนที่ยังไม่ละลายดีไปอย่างเชื่องช้า

    สองแขนที่อ่อนล้ารวบรวมกำลังเพื่อยกขึ้นมาลอยคว้ากลางอากาศด้านหน้า

    ผมได้แต่มองภาพคนสองคนผ่านฝ่ามือหนาของตัวเองที่ยกเอาไว้แบบนั้น 

    นิ้วชี้ของผมปิดผู้ชายที่ชื่อบยอนแบคฮยอนออกไปจากเส้นทางที่ผมเห็นจากตรงนี้

    มีเพียงคยองซูที่เดินอย่างเดียวดายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารักราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้ายามเช้า...

    ผมเผลอยิ้มออกมานิดหน่อย..

    ดูเหมือนคนบ้าเลยใช่มั้ยละครับ...
    .....

    ผมอยากจะก้าวเดินด้วยท่าทางที่ประหลาดๆแบบนี้ตลอดไป 

    บดบังตัวละครที่ผมอยากจะลบเขาทิ้งซะ ถ้าหากเราไม่รู้จักกัน…

    .....จะเป็นยังไงถ้าผมได้มีโอกาสได้รับรอยยิ้มหวานๆแบบนั้น เสียงหัวเราะที่ดูน่ารักแบบนั้น ถ้อยคำที่ฟังดูอบอุ่นแบบนั้น

    ก็เพราะผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

    เพราะผมรู้ว่าสุดท้าย ผมก็ยังคงต้องเห็นตัวละครนั้นทันที่ที่ลดมือลงกลับมาไว้ที่ข้างตัวเหมือนเดิม

    แบคฮยอนก็ยังคงอยู่กับคยองซู’

    ......
    ....
    ....
    .....
    สมการที่มีวิธีคิดเพียงวิธีเดียว'
    ...
    ...
    .

    “ นี่สองคน!!เห้ย แบคฮยอน คยองซู!!รอฉันด้วยสิ พวกนายจะรีบเดินไปไหน ฮ่าๆๆ”

    ….

    17-03-13
    09.45น.
    ปาร์คชานยอล



    ++++++++
    เป้นเรื่องที่พิมพ์เอาไว้มานานระยะนึงแล้ว ตอนนี้ไรเตอร์มีเวลาแบบแว้บไปแว้บมา TTเลยเอาอันนี้มาทยอยลงเอาไว้ที่เคยแต่งเก็บเอาไว้ 

    ขอโทษแต่อ่านพวกนี้ไปพลางก่อนนะคะ

    ขอโทษค่ะที่ไม่มาต่อเรื่องหลักเลย
    ขอโทษจริงๆนะคะ
    TT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×