ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo] Hello Baby (Luhan )

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter-3

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 55


     



    Chapter-3


     

    “ หายแสบเลยสิท่าเจ้าบ้านั่นน่ะ ”
    เสียงนุ่มตะโกนกระแทกเข้าโทรศัพท์ก่อนที่เขาจะหย่อนตัวลงบนโซฟาสีเบจภายในคอนโดส่วนตัว บรรยากาศยังคงอึมครึมไปด้วยแก้วน้ำ ไอแพต เศษกระดาษกระจุยกระจายโดยรอบหลังจากค่ำคืนที่ผ่านมาชายหนุ่มตัดสินใจไปปาร์ตี้กับเพื่อนตัวเแสบทั้งสามหลังการเลี้ยงฉลองความสำเร็จในการโปรโมทภาพยนตร์ของตน ฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ทำให้ห้องราบคาบไม่เป็นท่า

    ดวงตาโตจ้องมองไปรอบๆที่พักด้วยความระอา


    ถึงลู่หานจะรักความสะอาด แต่เขาก็มีอารมณ์ขี้เกียจเป็นเหมือนกันกอปกับเวลาบ่ายๆแบบนี้ที่ไม่มีงาน มันยิ่งไม่น่าขยับเขยื้อนตัวไปกันใหญ่ หากไม่มีเหตุผลอื่นๆมารองรับด้วยแล้ว ความจริงเขาอาจจะนอนยาวไปถึงเวลา6โมงเย็นราวกับจำศีล แต่เพราะโทรศัพท์บ้านและมือถือที่แข่งกันดังสนั่นหวั่นไหวตั้งแต่เช้าทำให้ชายหนุ่มหมดอารมณ์เพราะทนเสียงก่อกวนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และยอมกดรับในที่สุด

     

    ไม่ใช่เรื่องงานสักนิดเดียว

     

    แต่เป็นเพราะอู๋ฟานเจ้าหน้าหยกนะสิ ดันขับรถไปชนต้นไม่ข้างทางเข้าเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มสีใสที่พวกเขาประโคมแข่งกันในปาร์ตี้สุดเหวี่ยงที่ผ่านมา เช้านี้เพื่อนอีกสองคนเลยผลัดกันโทรแจ้งร่างสูงยกใหญ่เพื่อจะนัดกันเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่นอนคอเดี้ยงให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย

     

    ดีจังนะที่ใบหน้าอันล้ำค่าของเขายังอยู่ดี

     

    “ฉันเพิ่งตื่นเอง+0+ ฮ่ายยย-*- พวกนายจะอะไรกันนักกันหนาเล่า หมอนั่นยังไม่ตายไม่ใช่หรอ พรุ่งนี้ละกัน ฉันจะขับรถไปเยี่ยมเอง พรุ่งนี้ช่วงเย็นฉันว่างอยู่ล่ะ สบายมาก”

     

    (พี่เป็นเพื่อนเลวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ลู่หาน !!เมื่อวานพี่อู๋ฟานเค้าเลี้ยงไวน์พี่ไปกี่ขวดพี่ลืมไปแล้วรึไง =o=เหอๆผมไม่นึกเลยนะว่าดาราอย่างพี่จะเป็นคนแบบนี้ พี่จงอินมานี่หน่อยดูพี่เค้าทำกับพวกเราสิ)

     

    เสียงงุ้งงิ้งน่ารำคาญของเพื่อนรุ่นน้องอย่างโอเซฮุนบ่นกระปอดกระแปดลอดมาตามสายไม่ยอมหยุด บ่อยครั้งที่ลู่ห่านคิด หมอนี่อายุเท่าไหร่กัแน่ 21 หรือ31!..แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องที่เคยชิน บางทีเค้าอาจจะเป็นลูกของพี่อิมคยุนที่พรัดพรากไป

    =_=

    ช่างเถอะ เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องแพ้อำนาจลุงแก่เซฮุนจอมขี้บ่นทุกที

     

    “เออๆๆ ไปก็ไป แล้วอยู่ไหนกัน จะให้ฉันไปรับรึปล่าว”

     

    (ไม่ต้องอะ ฉันขับรถไปกับเจ้าฮุนมันเอง เจอกันที่โรงบาลอีกชั่วโมงนึงละกัน อู๋ฟานมันอยากกินรังนกจะแย่ละ แค่นี้นะ ฉันจะไปซื้อก่อน!)

     

    สิ้นเสียงห้วนๆ ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยพูดอะไรตอบกลับ โทรศัพท์ก็ดัง ตู้ด ตู้ด ตู้ด ไม่ยอมหยุด

     

    ลู่หานปามันลงหมอนหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ร่างสูงหยัดตัวขึ้นจากที่นั่งนุ่มให้สร่างความขี้เกียจ ความยุ่งเหยิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างที่สาวๆมักอิจฉาถึงแม้ว่าความจริงเขาจะไม่ค่อยภูมิใจกับมันเท่าไหร่ก็ตาม ชายหนุ่มจ้องมองที่นาฬิกาบนผนังห้องอีกครั้งก่อนที่คำสบถมากมายจะออกมา

     

    “หิวก็หิว ไอ้ไวน์ราคาเป็นหมื่นนั่นของอู๋ฟานไม่ใช่รึไงทำให้ฉันแสบท้องแต่เช้า=_= ยังมีหน้ามาลำเลิกบุญคุณไอเด็กบ้า”

    ชายหนุ่มโพล่งเสียงแข็ง ลู่หานก็ถึงกับห่อตัวเมื่อหยัดขายืนลงบนพื้นเพราะอาการแสบกระเพาะจากแอลกอฮอล์ที่ตนเองดื่มไปอย่างมากมายราวกับเป็นน้ำสะอาด ชายหนุ่มยังคงไม่พอใจที่ต้องไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย(เหมือนจะหนัก)ในเวลาบ่ายๆ(สำหรับเขามันเช้า)ที่บรรยากาศน่าสิงอยู่แต่ในห้อง

    ดวงตาโตเหลือบมองไปที่เบอร์คุ้นเคยบนโทรศัพท์บ้านของคอนโด

     

    “คืนนี้มีบอลด้วย  กลับมามืด ดูพลาดไปแม้แต่นาทีเดียวฉันจะเอาพวกแกให้ตายเลย-_-…

     

     

     

     

     

     

     

     

    ++

    ถ้าหากฉันไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
    คำจำกัดความที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นก็ยังคงจะเป็นจริงอยู่ได้ ใฃ่หรือปล่าว?


    วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่โอฮานึลอยู่ได้โดยการใช่ชีวิตที่ไร้ค่า หัวใจของฉันยังคงว้าวุ่นราวกับว่าก้อนเนื้อในอกนั่นมีขาสองข้างเหมือนมนุษย์และวิ่งแล่นไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่ง การทำงานที่ร้านร่วมกับแม่ไม่ได้ทำให้ความคิดของฉันสงบลงไปซักเท่าไหร่เพราะสติสตังค์ทั้งหมดของฉันไม่ได้รวมอยู่ที่บะหมี่ กิมจิ จาจังมยอน ซุปส่าหร่าย บลา บลา บลา ~ที่เดินส่งแม้แต่นิด

    ดวงตาที่อ่อนล้าของฉันเฝ้าเพียรจดจ้องอยู่แค่ไม่กี่อย่าง

    ใบหน้าของแม่

    และหน้าปัดนาฬิกา!

     

    14:32

     

     

     

    นาฬิกาบนข้อมือบ่งบอกเวลาบ่ายสองโมงกว่าเข้าไปแล้วยิ่งทำให้ฉันเดินพล่านไปทั่วร้านราวกับคนไร้ประโยชน์ ฉันรู้ว่าแม่กำลังเฝ้าจดจ้องลูกสาวที่กำลังเหมือนคนโรคจิตเข้าไปทุกทีตลอดเวลา ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงล้มเลิกพฤติกรรมอันชวนปวดหัวแบบนี้ไม่ได้

     

    “ฮานึล โต้ะแปด!!!” เสียงตวาดนั่นดึงสติได้เพียงเล็กน้อย สาวเท้ายาวเพื่อรับจานบะหมี่ร้อนจากช่องเคาว์เตอร์ที่เชื่อมกับห้องครัวหลังร้านอย่างว่องไว ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมาจากตู้กั้นของแม่มีเหงื่อชุ่มเต็มไปหมด

     

    แม่ ...รอบต่อไปฉันไปส่งบะหมี่ให้เองนะ ไม่ต้องให้พี่ดาจองทำหรอก— ให้พี่ดางจองอยู่ที่ร้านแทนได้ไหม”

    ฉันยื่นใบหน้าเข้ากระซิบ

    “แกพูดบ้าอะไร ที่เดินพล่านไปมานั่นเพราะอยากจะหาเรื่องออกบ้านงั้นสิ!?

     

    “แม่อะ...ฉันอยากไปส่งให้เท่านั้นเอง พอดีมีของต้องซื้อ แม่อย่ามาคิดว่าฉันเด็กแบบนั้นตลอดเวลาได้มั้ยเล่า….รีบเอาที่อยู่มานะ ฉันจะขับออกไปให้”

     

    “เห่อะรีบเอาไปส่งโต้ะแปดก่อน แกนี่นะ ถ้าวันนี้ไปส่งแล้วไปเถลไถลให้ฉันจับได้นะ น่าดู”

     

    โอฮานึลทำได้แค่เพียงพูกคำว่า “รู้แล้วน่าๆๆๆๆ” ซำไปซ้ำมาราวๆร้อยรอบเพียงแค่นั้น ตราบใดที่แม่ยังดุด่าฉันด้วยเรื่องราวเดิมๆเพราะวีรกรรมการโดดเรียนสมัยมอปลายของลูกสาวคนเดียวคนนี้ยังคงเป็นต้นเหตุอันฝังใจของหล่อนอันไร้ไม่มีวี่แววว่าจะเลือนลางหายออกใปจากใจหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ได้ง่ายๆ

    ช่วงเวลาตอนนั้นใครๆก็โดดเรียนกันทั้งงั้นและน่า-3- ฉันก็แค่ไปโนเรปังเท่านั้นเอง

    แต่ถึงจะแย่ยังไงซะนั้นมันก็เรื่องเมื่อหลายปีมาแล้ว โอฮานึลในตอนนี้กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบต่างหาก ฉันเลิกขขโมยสกูตเตอร์ส่งบะหมี่ไปแกร่วแถวตลาด แล้วก็เลิกนิสัยนอนตื่นสายมาได้ภพชาตินึงแล้วซึ่งแม่อาจจะยังไม่เคยสังเกตหรืออะไรก็ตามที  ยิ่งสำคัญที่สุดอย่างวันนี้แล้วด้วย

     

    ความจริงที่ฉันก็ไม่ได้ขยันอะไรมากมายถึงขนาดต้องอาสาขับรถไปส่งบะหมี่รอบต่อไปหรอก

     

    ฉันจะแวะไปหาชินในโรงพยาบาลที่พี่สาวอี้ชิงทำงานและดูแลชินจูอยู่ เด็กน้อยน่าจะเบื่อต้องอยู่แต่โรงพยาบาลเพียงเท่าตั้งแต่จำความได้ ตัวฉันเองก็กลับไม่รู้มาก่อนว่าลูกใช่ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่อุดอู้แบบนั้นมาโดยตลอดแทนที่การอยู่อาศัยในบ้านพักพี่สาวอย่างที่เข้าใจ

     

    ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนั้นฉันคงไม่ต้องรอเวลาให้อี้ชิงเป็นฝ่ายพาชินมาหาฉันเพียงอย่างเดียวหรอก

     

    ฉันเป็นแม่แท้ๆ ฉันสมควรจะต้องไปดูแลเขาบ้าง

     

    -_-

     

    ความคิดอันหดหู่ที่เริ่มเกาะกินฉันอีกครั้งกำลังทำให้เกือบพลาดโอกาสทองครั้งยิ่งใหญ่

    อาการเหม่อลอยระหว่างการเดินพล่านไปรอบๆเกือบทำให้ไม่ได้ยินเสียงตะโกนพี่ดางจองที่เรียกเข้าไปรับบะหมี่ไปส่ง พนักงานสาวที่แม่จ้างมาคนนี้มีน้ำใจกับฉันเสมอๆเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ เธอหันรีหันขวางพยายามส่งสัญญาณว่าบุพการีที่รักของฉันเริ่มจะแสดงท่าทีแบบไหนแล้ว

    แม่ดูมีทีท่าหงุดหงิดใจกับพฤติกรรมไม่สนอกสนใจงานของฉันอีกรอบ เสียงถ้อยคำดุด่าเริ่มพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งสิ่งเหล่านี้บางครั้งฉันเองก็ต้องแสร้งทำหูทวนลมให้มันไหลออกไปบ้าง แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด

     

    ก็ดี

    ได้ทำอะไรว่องไวขึ้นมาหน่อย ด้วยเสียงเอะอะแบบนี้

    ทันทีที่สติสัมปัญชัญญะของตนกลับคืนสู่ร่างครบทุกส่วน สองขาที่ผอมแห้งก้าวสลับกันว่องไวราวกับจะบินได้ขึ้นมาทันที แขนซีดอันแลดูไรประโยชน์กลับมีแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันคว้าอุปกรณ์จำเป็นและแบกสิ่งของที่จะต้องนำไปด้วยขึ้นรถอย่างคล่องแคล่ว กล่องเก็บความร้อนบนหลังรถมอเตอร์ไซบรรจุรามยอนสามถ้วย หนึ่งในนั้นเป็นของชินจูที่ฉันอยากจะเอาไปฝากให้เขาได้ลองชิมดู บางทีเด็กๆอาจจะเหมาะกับของทานอ่อนๆถ้าฉันจำไม่ผิดจากในหนังสือที่เคยอ่านมา ส่วนนอกเหนือจากนั้นคือของลูกค้าทั้งหมดที่ต้องนำไปส่งและเป็นมิชชั่นก่อนการแหกเส้นทางหนีไปโรงพยาบาลของวันนี้

     

    พี่ดาจองมอบเลขที่คอนโดย่านคนเมืองด้วยลายมือหวัดๆบนกระดาษสีขาวยัดเข้าใส่มือของฉันพร้อมกำชับเรื่องของเวลา ฉันเองก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตอบรับเพื่อให้เธอวางใจก่อนที่พนักงานสาวจะวิ่งเข้าไปช่วยด้านในร้านต่อ

     

    ริทซ์วิล ชองดัมดง กังนัม ชั้น23 คุณอิม

     

    ฉันลากสายตาผ่านตัวหนังสือที่กำเอาไว้ ถึงจะเป็นเจ้าเดียวที่ต้องเอาไปส่งแต่ต้องการการทำเวลาเป็นอย่างมาก แม่ดูจะกังวลกับการมอบหมายภาระชิ้นนี้มากพร้อมทั้งย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ฉันรับผิดชอบลูกค้าขาประจำนี้ให้ดีที่สุดด้วยการตรงต่อเวลา แม่บอกว่าลูกค้ามีธุระต่อจากการทานมื้ออาหารที่สั่งไป เขาเลยจะมาเสียเวลาให้กับเด็กอย่างฉันที่ชอบเถลไถลเป็นประจำแบบนี้ไม่ได้ (ก็บอกว่าไม่ได้เถลไถลสักหน่อย!-_-)

     

    ฉันได้แต่ถอนหายใจกับสถานทีที่แจ้งมาสลับกับการพินิจเสื้อผ้ากระโปโลที่ตนเองสวมใส่อยู่ในเวลานี้อย่างอดไม่ได้ “ริทซ์วิล” ขึ้นชื่อความหรูหราและมูลค่าซื้อขายแพงหูฉี่ ถ้าหากต้องการจับจองสักห้องละก็ไม่ต้องพูดถึงฉันอาจจะเป็นหนี้จนกระทั่งต้องแร่เนื้อขายถ้าหากอยากมีที่ซูกหัวนอนประหนึ่งสรวงสวรรค์แบบนั้น

    มันน่าคิดที่คุณอิมอะไรนั่นกลับสั่งบะหมี่ร้านธรรมดาอย่างเรากิน แต่คงไม่แปลกมากมายเท่าไหร่เพราะฝีมือแม่ก็คงต้องยอมรับว่ามันสุดยอดกว่าใครๆ ฉันเรียนรู้สูตรน้ำซุปหลากชนิดจากหล่อนมากโข แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เวลาที่แม่จะวางใจปล่อยร้านที่ตัวเองรักให้ฉันดูแลเสียที

     

    “คุณลูกค้าวีไอพี!! โอเค!!รอฉันก่อนนะ รับรองไปถึงภายในสิบห้านาทีแน่นอน!

     

     

     

    -----------------------------------------------

     

    “พี่โทรไปหาพี่ลู่หานอีกรอบรึยัง!?

     

    “ฉันเพิ่งวางไปเนี่ยะ มันบอกขอกินซุปให้สร่างเมานิดหน่อยก่อน กลัวขับรถแล้วมีปัญหา ฉันว่าอีกสักชม คงจะถึง อู๋ฟานมันคงยังไม่ตายก่อนหรอกน่า ใช่มั้ยเพื่อน!?

    ชายหนุ่มผิวสีแทนเอ่ยกับเพื่อนรุ่นน้องพลางบุ้ยใบ้ไปทางร่างยาวที่นอนสวมเฝือกอ่อนอยู่ที่คอ ถึงแม้อู๋อี้ฟานจะมีรอยช้ำบริเวณขมับด้านซ้ายจนวงเขียวเล็กน้อย แต่ทว่าใบหน้าอันไร้ที่ติราวกับเทพบุตรส่งมาเกิดนั่นก็ยังคงไม่ด่างพร้อยปาเดิมเท่าใคร ดวงตาคมยังคงเป็นประกาย จมูกสันสวยยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เช่นเคยเว้นเสียแต่เรี่ยวแรงที่ยังต้องรอการพักฟื้น คนตัวสูงที่หมดสภาพอยู่บนเตียงเหล็กได้แต่เบ้ปากแสดงท่าทีว่าราวกับจะตอบโต้ออกไปว่า ฉันก็ไม่ได้สบายดีอย่างที่พวกแกคิดนักหรอกนะ! แต่เพราะรังนกกล่องเบ้อเริ่มจากจงอินนั่นทำให้อู๋ฟานเลือกที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืดกลับไปเสียดีกว่า ไหนๆเห็นแก่น้ำใจในการมาเยี่ยม ถ้าเขาไม่คิดให้ดีก็รังแต่จะทำให้เจ้าเพื่อนสองคนกวนประสาทไม่เลิกเข้าไปอีก

     

    ชายหนุ่มเลยเลือกกี่จะพร่ำบ่นถึงปัญหาหนักใจที่มันสุมอยู่ในอกของเขาตอนนี้มากกว่าเรื่องอื่นๆ

     

    “แม่งเอ้ย โคตรเซ็งเลย ฉันโดนเตี่ยว่าแน่ๆที่เอารถเรือนล้านของเข้าไปเฉี่ยวซะฝ้ากระโปรงหน้าโย้แบบนี้อะ” อู๋ฟานเริ่มรำพึงรำพัง สายตาที่จดจ้องไปที่กำแพงตรงหน้าได้เพียงอย่างเดียวเพราะความเจ็บปวดและการบีบบังคับจากซิลิโคนยักษ์ที่คอ เซฮุนที่เป็นฝายแกะรังนกของฝากที่นำเอามาให้เพื่อนกระดกกินเสียเองเพราะความหิวหัวเราะคิกคักก่อนที่จะยกปากที่เต็มไปด้วยวุ้นใสขึ้นพูด

     

    “โดนยึดใบขับขี่ละสิ้ แอลกอฮอล์พุ่งทะยานตอนตรวจมั้ยพี่อู๋ฟาน หลังจากนี้พี่คงต้องปาร์ตี้ให้น้อยลงละน้า”

     

    ถ้าไม่คิดว่าที่นี่คือโรงพยาบาล อู๋ฟานคงคิดว่าเพื่อนพวกนี้ไม่ได้สนใจจะเป็นหวงเข้าที่บาดเจ็บสักเท่าไหร่จากการที่เข้ามาเยี่ยมในแต่ละวันนี้ เจ้าสองตัวเอาแต่พูดจากวนประสาทเรื่อยทุกๆชั่วโมง

    มันก็โอเคละนะที่จะไม่เหงา แต่แย่กว่านั้นคือการไม่ได้นอนสักงีบถึงแม้จะมียาสารพันชนิดที่ทั้งฉีดทั้งกินแล้วออกฤทธิ์กดประสาทให้อ่อนเพลียก็ตามที

     

    ชายหนุ่มคิดก่อนที่จะปิดเปลือกตาคู่สวยลง ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของมือถือคิมจงอินซะก่อน

     

    ดูเหมือนว่าสมาชิกกลุ่มคนสุดท้ายจะโทรมาอีกครั้ง

     

    “เห้ยอะไร ไม่เคยมาโรงพยาบาลรึไงพี่ลู่ห่าน” เซฮุนจอมป่วงคว้ามือถือจากคิมจงอินเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกรอกเสียงชวนแสบหูใส่โทรศัพท์ทันทีที่เขาได้ยินปลายสายที่โทรเข้าถามถึงประโยคที่ขัดหู

     

    (ไอเด็กบ้า ฉันจะคุยกับได้จงอิน โรงบาลที่ว่ามันชื่ออะไรนะ ว่าจะกลั้วน้ำซุปบะหมี่ให้สร่างเมา คนส่งเสือกช้าเป็นบ้าเลย ไม่งั้นฉันก็ออกมาไวกว่านี้แล้วล่ะ นายไม่ต้องมาบ่นนะโอเซฮุน)

     

    “โอโห่ ผมจะเชื่อพีดีไหม”

     

    (เออเชื่อไม่เชื่อกแล้วแต่ ตอนนี้ฉันรีบให้จะแย่แล้วเนี่ยะ บอกมาไวๆโรงพยาบาลชื่ออะไร ฉันจะตั้งพิกัด ไม่เคยไปเว้ย!)

     

    “ฮื่ออ ~  โรงพยาบาลยองดง!

     

     

     

     

    ……………………………

    ………………………….

    ………………………

    …………………

    ชินจูอยู่โรงพยาบาลยองดงงั้นหรออี้ชิง!!??

    ฉันตะโกนใส่กลับเข้าไปในสายที่ถือคุยด้วยอยู่ มันบ้าจริงๆที่ฉันต้องย้อนกลับไปแถวกังนัมนั่นอีกหลังจากวินาทีการส่งบะหมี่เมื่อครู่มันทรหดแทบบ้า อาจจะเป็นเพราะเส้นทางที่ฉํนไม่ค่อยได้ผ่านไปเท่าไหร่นักนั่นทำให้ขับรถวนอยู่หลายรอบ

     

    เส้นทางและร้านของเบรนเนมหรูหราข้างทางจนสุดถนนทำให้เกิดอาการลายตาขึ้นมานะสิ

     

    ถึงแม้จะโทรคุยถามเส้นทางพี่ดางจองตลอดเวลาก็ตามที ทั้งๆที่ฉันคิดว่าจำถนนสายนั้นดีแล้วแท้ๆเชียวTT เพียงแค่นึกถึงก็เหมือนกับว่าฉันจะยินเสียงของแม่บ่นออกมาเป็นชุดๆอย่างอัติโนมัติภายในสมองอันว่างปล่าวถ้าหากคุณลูกค้าประจำของแม่โทรไปติติงเข้า

    ฉันไม่อยากจะคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนคอนโดนั่นเลย คุณลูกค้าอิมไม่แม้จะออกมาให้ฉันได้ขอโทษซะด้วย เขาคงโมโหที่ฉันทำให้เสียเวลาทำมาหากินT-T

     

    หูสองข้างยังคงจดจำเสียงตะคอกอย่างไม่ใจนั้นได้

     

    “รีบเอาเงินแล้วรีบไปไหนก็ไปไป!

     

    เสียงนั่นดังลั่นพร้อมกับประตูบานใหญ่ที่เหวี่ยงออก ฉันเห็นเศษเงินมากมายกระเด้งออกมาจากมือขาวที่ฉันเห็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น   แน่นนอนฉันทำได้เพียงแค่วางบะหมี่เอาวไหน้าประตูก่อนที่จะเดินจากมา ถ้าหากเขายอมเสียเวลาอีกสักนิดเพื่อก้าวเดินออกมา ฉันยอมลดศักศรีดิ์คุกเข่าขอโทษเพื่อเจ้าบ้านี่ที่เป็นลูกค้าคนโปรดของแม่ก็ได้ แม่คงรักเขาเพราะเขาสั่งอาหารจากร้านเราบ่อยแน่ๆฉันรู้

     

    ที่ฉันมาสายแล้วเป็นแบบนี้คงเพราะพี่ดาจองไม่เคยทำอะไรสะเพร่าจนเสียลูกค้ามาก่อนเลยนะสิT-T

     

    เหมือนค่าของฉันลดน้อยลงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายนาทีก่อนหน้า

     

    เสียใจก็เสียใจ ! โมโหก็โมโห !

     

     

    แล้วอี้ชิงยังมาบอกว่าโรงพยาบาลของชินจูอยู่ในละแวกนั้นอีก

    T-T

    ลูกจ๋า รอแม่ก่อนนะ แม่สัญญาจะรีบไปแล้วไม่ขับหลงไปไหนอีก!!T^T

     

     _________________________________



    เค้ามาต่อตอนนี้รวดเดียวเลย ไม่ปั่นเม้นอะไรใดๆทั้งสิ้น เอาเป็นว่า ยินดีทีมีคนอ่านนะค้า (มโนเอาจากวิว) ๕๕๕๕๕๕๕๕

    ฝากอ่านต่อไปเรื่อยๆน้า(มโนเอาเองอีกนั่นล่ะ) ๕๕๕๕๕

    จะแต่งให้ดีกว่านี้ ภาษาอาจจะกากๆ ขออภัยไว้ก่อนนะคะ ๅTTกำลังพัฒนาตัวเอง

    เจอกันตอนหน้านะคะ ^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×