ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo] Hello Baby (Luhan )

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter-2

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 55


     

    Chapter-2


     



    อากาศเริ่มหนาวแล้วจริงๆนั่นล่ะ ฉันยืนถูมือตัวเองไปมาหน้าร้านเนื้อที่พึ่งมากินกับอี้ชิงเมื่อครู่สดร้อนๆ

    มันเรียกว่าปาร์ตี้วันเกิดได้รึปล่าวนะ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่เพราะของบางอย่างกับน้ำจิ้มที่นี่เผ็ดไปนิดหน่อย

     

    มันเป็นเพราะวันนี้เราพาเด็กมาด้วย..

     

    ชินหายไปหลังจากฉันกับอี้ชิงกำลังจ่ายเงิน และเขาก็อาสาจะเข้าไปตามเองโดยบอกให้ฉันเพียงแต่ยืนรออยู่ด้านนอกเฉยๆก่อน

     

    ความรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้นี่มันอะไรกัน…

     

    หรือเป็นเพราะตลอดระยะเวลาที่เขาเกิดมา ฉันไม่ได้แม้แต่เลี้ยงดูเขางั้นสินะ


    ฉันไม่ได้แม้แต่จะบอกแม่ของตัวเอง เพียงแต่โกหกว่าจะไปเรียนเพื่อจะเอาใบประกาศการเป็นช่างแต่งหน้าอย่างที่ฉันเคยคิดที่จะทำมันจริงๆครั้งนึงของชีวิต


    ฉันโกหก เพราะว่าตั้งท้อง ท้องของฉันปูดขึ้นในทุกๆเดือน มันใหญ่ขึ้นอย่างแปลกประหลาด ฉันได้แต่อยู่ในหอพักของเฮมีตลอด8เดือนที่ผ่านมา ทนกับอาการที่แสนจะทรมาน


    เพราะผู้ชายคนนึงที่ฉันยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเขา


    เพราะฉันยังเด็กเกินไป..


    เกือบสีปีก่อนในขณะที่ฉันกำลังอยู่ในห้องผ่าตัดเพื่อคลอดชินออกมา ไม่มีแม้แต่ชื่อพ่อที่จะเซ็นยอมรับ  ฉันรู้ดีว่าเขาจะต้องเกิดมาแบบไหน เพราะเด็กคนนี้ไม่ได้เกิดมาจากความรู้สึกรักของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว

    ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักเจ้าตัวเล็กที่กำลังดิ้นและร้องไห้โยเยปลายเตียงผ่าตัด

    แต่ฉันไม่ได้รักคนที่ทำให้เขาเกิด และเขาก็ไม่ได้รักฉันเหมือนกัน

    ..

    ฉันสมควรจะตีโพยตีพายแต่ฉันก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันไร้ประโยชน์ มีเพียงความคิดปลอบใจตัวเองสั้นๆ

    อย่างน้อยเขาก็ทำให้จางอี้ชิงหวนกลับมาสู่ชีวิตของฉันอีกครั้ง

    ฉันต้องดีใจรึปล่าว..

    ผู้ชายที่ฉันร้องไห้ฟูมฟายให้หลังจากเขาเป็นคนบอกเลิกในวันเรียนจบ

    คนที่ทำให้ฉันต้องเมาหัวราน้ำ และสุดท้ายค่ำคืนแห่งความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่

    ความทรงจำที่ฉันแทบอยากจะดีลีทออกจากเมมโมรี่สมองของชีวิตออกไป

    แต่มันยังกลับชัดเจน เหมือนฉันยังคงได้ยิน และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนราวกับว่ามันเป็นเมื่อวาน คืนวานอันแสนหดหู่ สมองที่ตายด้านยังจดจำผู้ชายรูปร่างผอมแห้งคนนั้น คนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้จัดการของเขา มือผอมแห้งสางเงินฉันมาก้อนนึงเมื่อรุ่งเช้าที่แสนไวมาถึงของช่วงวันอันน่าอัปยศ มันน่าโมโห แต่เป็นเพียงความโกรธที่ฉันกลับไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย  


    ฉันอาจจะฆ่าเขาตายเสียตอนนั้นก็ได้

    ศักดิ์ศรีของฉันมันวัดเป็นตัวเลขได้รึไงกัน ?


    เขาพร่ำแต่บอกว่า ฉันเองก็เป็นฝ่ายที่เมาไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว ซึ่งฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

    ไม่มีใครรู้ว่าแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวมันทำให้ฉันต้องกลายเป็นยัยผู้หญิงใจแตก ต้องใช่ชีวิตหลบซ่อนเกือบ1ปี

    ฉันสร้างตราบาปให้เด็กผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักแบบนี้ได้อย่างไรกัน


    เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป อี้ชิงตกลงเซ็นรับชินจูเป็นลูกหลังจากนั้น เขาแสดงท่าทีราวกับว่าต้องการรับผิดชอบทั้งๆที่ไม่ได้เกิดจากตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว


    เพราะกับอี้ชิงเอง ฉันก็ไม่ได้แม้แต่จะบอกความจริง


     เด็กชายถูกส่งไปให้พี่สาวของจางอี้ชิง โชคดีที่เธอเป็นหมอและกำลังมีลูกในช่วงวัยที่ไกล้เคียงกัน เธอดูแลให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้ฉันได้ตั้งตัวและบอกความจริงกับทุกคน


    ซึ่งพี่สาวของเขาก็ยังไม่ได้บอกใคร เพราะคำขอจากน้องชาย


    ซึ่งฉันก็ยังทำมันไม่ได้เสียที


    จนครบรอบวันเกิดปีที่4ของชินแล้ว ฉันก็ทำได้แค่มาเจอหน้าเขาแบบนี้เหมือนเดิม


    ทุกๆครั้งที่เราเจอกัน เขากำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผิวสีชมพูและดวงตากลมโตที่สดใสไร้เดียงสานั่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

    ชินไม่เคยเรียกใครว่าแม่ รวมถึงพี่สาวที่ของอี้ชิงที่เลี้ยงดูมาตลอด


    และไม่เคยเรียกใครว่าพ่อ


    ความจริงเขาไม่เคยพูดเลยต่างหาก..

     

    ความรู้สึกที่ว่างปล่าวนำพาให้หัวใจของฉันจมดิ่งสู่ความคิดที่เรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเสียงพูดคุยคุ้นหูค่อยๆเคลื่อนไกล้เข้ามา

    ชินเดินออกมาจากร้านพร้อมกับจางอี้ชิงที่จูงเขาออกมาพร้อมรอยยิ้ม


    “ชินอยากไปไหนกับหม่าม๊าในวันเกิดอีกมั้ย^-^ อ๊า~ตัวหนักจังเลยนะเด็กคนนี้” เพื่อนรัก..ของฉันอุ้มเด็กชายขึ้นอีกครั้ง เขาทำแบบนี้เสมอตั้งแต่ชินยังเล็กๆ จนตอนนี้ตัวของเด็กชายเริ่มหนักมากกว่าเดิมหลายเท่าแล้ว

     

    “เมื่อกี้มีเจ้าบ้าคนนึงยืนสูบบุหรี่ในห้องน้ำ สงสัยชินจะปวดชิ้งช่อง น่าโมโหชะมัด ดูสิ จมูกแดงไปหมดแล้ว ฉันไม่น่าลืมนึกเลยว่ายังไม่ได้พาชินเข้าห้องน้ำตั้งกะมาตอนแรก” อี้ชิงบ่น

     

    “-*- แล้วชินไปยืนในนั้นทำไม นายน่าจะให้ฉันเป็นคนไปตาม”

     

    “เธอเดินเข้าห้องน้ำชายไม่ได้หรอกน่า”


    “เขาไม่ได้มีฉันเป็นแม่รึไงเล่า


    ฉันเพิ่งสังเกตว่าคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองเราสามคนก่อนที่จะหัวเราะคิกคักไปตลอดทาง
    สายตาสนอกสนใจเหล่านั่นทำให้ฉันไม่กล้าพูดอะไรต่อได้อีก T-T


    นั่นสินะ ถ้ามองผ่านๆก็คงเหมือนเราสามคนพ่อแม่ลูกพาลูกชายมากินข้าว ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ฉันอยากจะขอโทษจางอี้ชิงอีกแล้ว

     

    ^o^ ฉันชอบเวลาเธอแสดงตัวว่าเธอเป็นแม่ชินจังเลย.. ..ไปกันเถอะ หนาวแล้ว เดี๋ยวชองชินจูจะน้ำมูกไหลอีก..เจ้าลูกชายของปะป๊า ไปกันเถอะ เราไปฉลองวันเกิดด้วยกันอีก ไปดูน้ำพุสวยๆ  คืนนี้ไม่ต้องนอนดีมั้ย~!!!

     

    เสียงหัวเราะสดใสนั้นเหมือนกรีดแทงเข้าไปในหัวใจ

    พวกเรายังคงมีอายุแค่23 จางอี้ชิงโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าสมัยก่อนมากถึงแม้ความจริง ภายนอกเขาก็ยังดูเป็นเด็กวัยรุ่นเหมือนกับฉัน


    เขาไม่อายที่จะพูดจากับชินจูแบบนั้น

    แต่ฉันกลับกระดากอายที่จะบอกความจริง


     เขาเดินนำหน้าไปพร้อมกับยกเด็กชายขึ้นขี่คอ แก้มยุ้ยๆของเด็กชายที่นั่งบนไหล่กว้างปาดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะไม่มีเสียงหัวเราะออกมา หรือเสียงตอบรับว่าเขามีความสุขขนาดไหน แต่ฉันรู้ได้ว่าชินจูมีความสุขที่มีอี้ชิงดูแลเขา


    ภาพข้างหน้าในเวลานี้ทำให้หัวสมองของฉันว่างปล่าวไปหมด


    นายจะโกรธ เกลียด และทิ้งฉันไปอีกครั้งนึงใช่ไหม

    ...


    เพราะฉันอาจจะเก็บมันไม่ไหวอีกต่อไป


    ฉันคงทำได้เพียงหลบซ่อนสายตาแห่งความรู้สึกผิดนั่นเอาไว้เพื่อให้เขาได้เห็นอีก ถึงไม่รู้จะอีกเมื่อไหร่ก็ตามที

    แผ่นหลังกว้างนั่นเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเจ้าหนูตัวเล็กก่อนที่เขาจะหันหลังกลับมา

    “ใช่สิ..ฮานึล..วันนี้ฉันมีอีกเรื่องสำคัญที่จะบอกเธอด้วยนะ”อี้ชิงเอ่ย มือหนาปล่อยข้อแขนเล็กระจิ้ดริ้ดของชินที่ดูท่าจะตื่นเต้นกับสิ่งรอบๆข้างราวกับไม่เคยเห็นมาก่อนให้เป็นอิสระ ลักยิ้มที่แก้มสีซีดของเค้าทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกที


    ฉันสำผัสได้ถึงนิ้วยาวที่เกากุมฝ่ามือที่เย็นยะเยือกของฉันเอาไว้ ก่อนที่จะบีบมันเบาๆ เราเดินจนมาถึงม้านั่งที่ป้ายรถเมล์ ร่างสูงจัดแจงให้ชินจูที่กำลังสนอกสนใจป้ายโฆษณาที่มีไฟหลากสีไปนั่งหยุดอยู่ที่ตรงนั้นก่อน ก่อนที่จะเริ่มดึงฉันให้ห่างออกมาจากเด็กเล็กน้อย

     

    “ฉันมีเรื่องจะบอกเธอละฮานึล...มันเป็นเรื่องสำคัญมากของชินจู – ความจริงพี่สาวของฉันบอกฉันมาได้ซักพักแล้ว แต่ทำยังไงฉันก็ไม่กล้าบอกกับเธอสักที....แต่ฉันคิดว่า เรื่องแบบนี้ ฉันไม่ควรจะปิดเธออีก” ห้วงเสียงของเขาหายไป


    “มีอะไร  ถ้าเรื่องเข้าโรงเรียนละก็  ฉันสัญญานะว่าจะไม่ให้ลำบากพี่สาวนายอีกน่ะอี้ชิง”


    “หึ”


    จางอี้ชิงส่ายหัวช้าๆ มือของเขาที่อบอุ่นกำลังเริ่มร้อนขึ้นจนมีเหงื่อออกมาเต็มไปหมด ฉันสำผัสได้ถึงแววตาประหม่าคู่นั้น ซึ่งมันทำให้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย


    “ว่ามาสิอี้ชิง”
     


    “...หัวใจของชินจูเต้นไม่ปรกติ”

     

     

     

     

     

     

     

     


    “แกบ้าไปแล้วแน่ๆ แกอยากโดนเค้าทำแบบนั้นอีกรึไง!?

    เสียงเฮมีตะโกนจนแสบแก้วหูไปหมด เพราะคำพูดของฉันที่ เอ่ยออกไปเมื่อครู่เป็นต้นเหตุ

    หลังจากค่ำคืนของวันเกิดชินจูจบลง


    ข่าวดีที่สุดในรอบ23ปีมันทำให้ฉันเหมือนโดนค้อนหนักๆทุบกลางหัว เหมือนถูกน้ำร้อนสาดทั้งเป็น ลูกชายที่น่ารักของฉันอาจจะกำลังต้องตาย เขามีความผิดปกติมาตั้งแต่เกิดโดยที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน การที่พี่สาวที่เป็นหมอของจางอี้ชิงเอาตัวชินจูไปก็เพราะเด็กร่างกายไม่แข็งแรงด้วยโรคหัวใจเต้นผิดปกติ ถ้าหากชินต้องมาอยู่กับฉัน เขาคงตายไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้


    เด็กชายอาจจะมีเวลาอีกไม่ถึง3เดือนในการจะเฝ้ามองและจดจำโลกที่โหดร้ายใบนี้ อีกสามเดือนชินจูจะเข้าทำการผ่าตัด

     

    ไม่มีเปอร์เซ็นบอกว่าเขาจะรอดเท่าไหร่

     

    เขายังเด็กเกินไปที่จะทำการผ่าตัดใหญ่ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น อาการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะไม่สามารถวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนๆอื่น เหนื่อยง่าย หอบ หรือแม้กระทั่งหยุดหายใจในยามที่เขากำลังหลับ


    ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะตามหาผู้ชายคนนั้น

    ฉันจะตามหาพ่อที่แท้จริงของชินจู ถ้าหากความเจ็บปวดนี้ฉันต้องรับมันเอาไว้คนเดียวฉันก็จะทำ

    แต่มันเป็นเพราะความผิดของไอ้งี่เง่าอย่างเจ้าบ้านั้นด้วย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่อี้ชิงต้องมารับผิดแทน

     

    “แกปล่อยฉัน ฉันตัดสินใจดีแล้ว ฉันจะไปบอกเขาว่าฉันท้องแล้วชินจูก็เป็นลูกของเขา เขามีชีวิตแบบสดใสอย่างนั้นได้ยังไง ทั้งที่ชินจูกำลังจะตายนะเฮมี"

     

    “ก็วันนั้นแกยังบอกเลยเขาเอาให้แกตั้งเป็นฟ่อนๆเพื่อให้แกออกไปจากชีวิตเขาน่ะ หมอนั่นหล่อเฟี้ยวแถมเป็นดาราดัง...หึฉันว่าแล้วว วันนั้นที่บาร์ของโรมแรมเค้าน่าจะลากฉันไปแทนแก ป่านี้นะ แกก็ไม่ลำบากแบบนี้หรอกคิคิ”

     

    เฮมีพูดติดตลกก่อนที่จะผลักสีข้างของฉันเบาๆ

     

    “ฉันจะไม่ทำตัวเป็นอีแอบแบบนี้อีกต่อไป ฉันจะไปหาเขาที่บริษัท ...ไม่สิ..บ้านของเขาล่ะ บ้านเขาอยู่ไหน”


    ฉันพล่ามไม่หยุดราวกับคนบ้า มือแห้งกดมือถือเพื่อเสิชคำว่าฟานลู่หานอย่างลนลาน=_= ฉันเริ่มเสียสติแล้วแน่ๆ

    ชินจูเองไม่เคยได้กลับบ้านเลยสักครั้งเพราะเขาอยู่แต่ในโรงพยาบาลมาโดยตลอดโดยที่ฉันไม่รู้ ทุกครั้งที่เราเจอกันนั้นคือช่วงเวลาที่เด็กน้อยจะได้ออกมาดูโลกกว้างนอกเหนือจากห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่น่าเบื่อ


    เจ้าหมอนั้นจะต้องบ้าตายๆแน่ๆถ้าเค้ารู้ว่าฉันกำลังจะกลับไป..

     



    +++

    จะมาทยอยอัพอีกครึ่งนึงของตอนต่อไปให้นะคะ 
    เราไม่รู้ว่ายังมีคนอ่านเรื่องนี้อยู๋ TTคือไรเตอร์มอง ยอดวิวกับคอมเม้นนิ่งๆ

    เลยนิสัยเสียดองมันแล้วไปปั่นเรื่องอื่นก่อน

    ขอโทษจริงๆที่ต้องให้มาทวงนะคะToT เข้าใจฟีลว่าจะเอาเคะในฟิควายของทุกคนมาทำเป็นพระเอก ดึงลุคเข้มค่อนข้างจะแปลกตาสำหรับหลายๆคน แถมเอามาแต่งเป้นช ญ อีก สวนกระแสมาก55 อาจจะไม่อิน แต่ไรเตอร์กลับชอบซะงั้น ลู่ห่านเท่ห์ๆ ฮ่าๆๆ (เอาแต่ใจตัวเองล้วนๆ)


    เราเลยมาอัพแล้วน้า Minray คือมันอาจจะไม่ได้สดใสเท่าไหร่เพราะไรเตอร์ยังอารมณ์ค้างกับการอ่านฟิคเศร้าๆเรื่องอื่นมาT^T ปรับโหมดไม่ทัน
    ยังไม่โปร ไรเตอร์ก็แต่งกระท่อนกระแท่น คิดผิดก็ยังไม่ได้แก้* ขัดหูขัดตายังไงก็ให้อภัยเค้านะTT*


    Sunsand งงตรงไหน ถามไว้ได้น้า^^ คือเราแต่งเรื่องสองแรกอะ เรายังจัด พิมพ์อะไรอาจจะดูงงๆ ถามได้ เราจะมาอธิบายให้นะ ขอโทษด้วยนะก้าบ

    รักเพื่อนๆที่มาเม้น คือ ขอโทษที่ดองฟิคอันนี้จริงๆ เห็นมันเงียบๆวันนี้มาเปิดดู รู้สึกดีทีมีคนอ่านนะคะ จะมาอัพให้บ่อยกว่านี้ ~

    เพราะเรารู้ละ อย่างน้อยยังมีคนติดตามอยู่ เดี๋ยวจะได้ไม่ลืมดองอีก 
    ขอบคุณมากๆนะคะ

    <3

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×