คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter-1
“ขอความกรุณาด้วยนะจ้ะคยองซู แม่เองก็เครียดกับเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน
นี่บัตรเครดิตทั้งหมด แม่ก็ยกเลิกให้ตามคำขอของคยองซูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว –จะว่าไปก็ผ่านไปสองวันสามวันแล้ว ดูท่าเจ้าชานยอลก็คงจะตีโพสตีพายแทบคลั่งแล้วล่ะ ถ้าไม่ใช่คยองซูละก็ แม่จะไม่วางใจเลยใครเลยนะ ยังไงก็ สำหรับเรื่องครั้งนี้ แม่ขอบคุณเรามากจริงๆ ส่วนนี่ เงินก้อนนี้รับไปนะจ้ะเผื่อว่าชานยอลไปสร้างเรื่องอะไรอีก แม่ก็ไม่อยากให้คยองซูจะต้องมาเดือดร้อนไปมากกว่านี้.... ”
คยองซูได้แต่คิดทบทวนคำพูดของปาร์คเฮอี หญิงวัยกลางคนที่ยังคงดูสวยสะพรั่งเหมือนวันที่เธอมาประชุมผู้ปกครองสมัยที่พวกเขายังคงเรียนมัธยมปลายด้วยกันเปี้ยป ดวงตากลมใส รอยยิ้มกว้างๆคล้ายกับเจ้าตัวแสบนั่นอีก
อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยทีหล่อนเห็นคยองซูมักจะเป็นฝ่ายที่คอยอยู่ช่วยเหลือชานยอลมาโดยตลอด ความวางใจในตัวชายหนุ่มจึงมีอยู่ในระดับขั้นปล่อยลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของตนให้มาอยู่ในกำมือของคนอย่างคยองซูได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เขายื่นข้อเสนอที่จะดัดนิสัยคนอย่างชานยอลให้เป็นผู้คนเสียที
เงินก้อนหนึ่งที่คยองซูเองก็ไม่ได้เต็มใจหยิบฉวยมานักถูกกำเอาไว้แน่น
แม่ของชานยอลยังคงไม่รู้เรื่องหลานสาวตัวน้อย เงินส่วนนี้เขาจะเอามาบริหารเพื่อเป็นค่าใช่จ่ายส่วนตัวของซึงยอนในอนาคต
“นี่ก็สามวันแล้ว เงินในบัตรเครดิตก็เบิกไม่ได้ หมอนั่นจะเอาอะไรกิน ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวเลยนะเนี่ยะ...”
คยองซูพึมพำพลางยกมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาตราวจสอบ
ดวงตากลมโตไล่มองข้อมูลบนจอสว่างด้วยความเหนื่อยหน่าย
หน้าจอยังคงว่างปล่าว ไม่มีมิสคอลแม่เพียงสายเดียว
ร่างบางถอนหายใจยืดยาวด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนด้วยอะไรบางอย่างในสมองที่กำลังวนเวียนตีกันจนยุ่ง โดยปกติแล้วชานยอลมีเรื่องอะไรหากเป็นแต่ก่อน แค่เสบียงที่คอนโดหมด เจ้าหมอนั่นก็จะแจ้นโทรมาหาเขาเพื่อใช้ให้ไปซื้อของด้วยกันเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าสายจะไหม้ขึ้นมาแน่ๆถ้าไม่กดรับแล้วพูดคุยให้รู้แล้วรู้รอด
คงเป็นเพราะหมู่นี้คยองซูรบเร้าให้ชานยอลตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกมาส่งซึงยอนด้วยกันละมั้ง
ยิ่งตื้อ ยิ่งจู้จี้ ก็ยิ่งเหมือนทำให้เรื่องยากขึ้นกว่าเก่า
การตื่นเช้าเหมือนการสั่งฆ่าปาร์คชานยอลทางอ้อม .......
=_=นั่นล่ะ
สิ่งที่เขามักจะพูดเสมอ เพราะอย่างนั้น เจ้าหมอนั่นถึงหลบหน้าคยองซู เขาไม่มีการติดต่ออะไรใดๆกลับมาได้สามอาทิตย์กว่าแล้ว
ไม่ได้เรื่องเลยสินะ ปาร์คชานยอล ...
ทำไมแค่นึกถึงก็เหมือนเห็นเจ้ากร้วกนั้นอยู่ต่อหน้าก็ไม่รู้สิ..
ชายหนุ่มคิดพลางสะบัดหัวเล็กๆไปมาเมื่อเห็นประตูร้านอาหารของตนเบื้องหน้ามีบุคคลนิรนามคนหนึ่งนั่งขดตัวอยู่ มัวเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแปปๆเดียวก็กลับมาถึงร้านจนได้ โชคดีหน่อยหลังจากซึงยอนไปโรงเรียนแล้ว ช่วงเวลากลางวันก็พอมีเวลาว่างให้เหลือทำอะไรขึ้นมาได้อีกเยอะ
“คยองซูอ่า.....”
ไม่เพียงแต่เขาจะมองเห็นกลุ่มสสารบางอย่างที่ราวกับถอดแบบมาจากคนในความคิดแล้ว เสียงทุ้มต่ำนั้นก็ดูจะเข้ามาหลอกหลอนจนฟังดูคล้ายกันราวกับเป็นเรื่องจริง=_=
แววตารี่เล็กหลงเมื่อจ้องมองเพ่งให้ชัดถึงบุคคลที่นั่งอยู๋ริมฟุตบาตรทางเข้าออกประตูด้วยท่าทีห่อเหี่ยวคล้ายกับขอทาน เว้นเสียแต่เขายังคงมีใบหน้าที่หล่อตามแบบฉบับหนุ่มน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หมียักษ์ขอทานไม่ได้เป็นมโนภาพสินะ ปาร์คชานยอลตัวเป็นๆ ปาร์คชานยอลที่แสนน่าสงสาร
พูดยังไม่ทันขาดคำ ดูเหมือนว่าวิธีที่เขาแนะนำให้แม่ของชานยอลใช้จะเป็นผลสำเร็จจริงๆ
คิก~
คยองซูได้แต่เก็บรอยยิ้มที่เผลอหลุดออกมาให้หวนกลับลงไปเมื่อต้องหันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าคนไม่เอาไหนดูแปลกไปจากเดือนก่อนเล็กน้อยด้วยพวงแก้มที่ซูบตอบลง ชานยอลเบ้ปากราวกับเด็กเล็กๆทันทีที่ร่างบางปรายตาลงไปมองอย่างเป็นเรื่องราว คนตัวสูงเพียงแค่คิดว่าท่าทางที่ตัวเองทำนั่นจะสามารถละลายนำแข็งที่เกาะกินคยองซูไปจนหมดได้ในเวลาอันสั้นสินะ
“คยองซูอา....ฉันหิวข้าวจังเลยU_U”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงอิดออดเต็มทน
“นายก็ไปซื้อสิ รีบลุกออกไปจากหน้าร้านฉันได้แล้ว นายมานั่งแบบนี้ใครเขาอยากจะเข้ามาในร้านกันเล่า”
ว่าพลางหันกลับเข้าสู่ร้านอีกครั้ง..
“คือว่า....---เดี๋ยวสิ เดี๋ยว นายอย่าเพิ่งไปนะ!!
คยองซูฉันขอโทษ ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์นาย.... แล้วก็ไม่ได้มาส่งเจ้าเด็กกระเปี้ยกกับนายตอนเช้า คือ นายก็รู้ฉันต้องทำนู่นทำนี่ตอนกลางคืน ฉันก็เลยลุกไม่ไหว อีกอย่าง..” คำพูดแก้ตัวเดิมร่ายออกมาเป็นหางว่าว น้ำเสียงท้ายสุดเริ่มผ่อนเบาลง “ อยู่ดีๆบัตรเครดิตฉันก็ใช้ไม่ได้สักกะใบ แม่ก็โทรหาไม่ติด— ฉันไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้วคยองซู ฉันต้องตายแน่ๆเลย ฮืออออ “
“นี่ นายทำอะไรน่ะ!!!”
คยองซูร้องลั่นเมื่อผู้ชายที่มีส่วนสูงกว่า185เซนติเมตรเริ่มร้องเอะอะคล้ายกับจะร้องห่มร้องไห้ เสียงทุ้มต่ำแบบนั้นสร้างความตกใจให้กับลูกค้าที่เดินเข้าออกร้าน สายตาหลายคู่เริ่มจ้องมองมายังคนทั้งสองด้วยความสงสัย ร่างบางทำได้เพียงหัวรีหันขวางก่อนที่จะยกมือเล็กเข้าปิดปากร่างสูงให้หยุดส่งเสียงครวญครางปัญญาอ่อนๆลงไป จมูกโด่งฝังเข้ากับเนื้อในอุ้งมือแคบ นิ้วทั้งห้าสำผัสถึงน้ำตาหยดเล็กๆบนใบหน้าซีดที่ไหลเลื่อนผ่านอย่างเชิ่องช้า
O_O
พระเจ้า..
คยองซูได้แต่ถลึงดวงตากลมโตโพลงอยู่แบบนั้น
“นะ....นายร้องไห้...ทำไม--- ชานยอล นายร้องไห้ได้ยังไง หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันอายเค้า”
“คยองซูอ่า...ฉันคิดถึงนายจังเลย ฮือออ “ แขนยาวกระชากร่างเล็กเข้าสวมก่อนด้วยแรงมหาศาล เสียงงุมงำนั่นพูดไม่ได้ศัพท์เพียงแต่จับใจความได้ว่าเขาพยายามจะระบายบางอย่างออกมา
แผ่นไหล่กว้างแทบจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวเมื่อร่างเล็กถูกโอบล้อมด้วยการกระทำไร้สติอยู่แบบนั้น
ราวกับว่าเนื้อตัวทั้งหมดจะแหลกละเอียดด้วยสองแขนแข็งแรงนั่น
อากาศที่จะหายใจก็น้อยเต็มที
=_=
ไม่นะ เจ้าหมอนั่นกำลังทำบ้าอะไรเนี่ยะ=_=
“ คยองซูนายรู้ไหม...ฉันเหมือนกำลังจะไกล้ตายเลย ฉันนอนอยู่ในคอนโด...ฮึก..ToT..ทำไมบัตรทั้งหมดเกิดใช่ไม่ได้ล่ะ....ฮือออ ..แย่แล้วฉันมีหนี้บัตรอยู่ด้วยนะ ทำไงดี ---แถมฉันไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำปล่าว...นะ....นายเองฉันก็ไม่กล้าโทรหา ---ฉันรู้ฉันทำนิสัยยเสียๆ ฉันมันไอ้ตัวขี้เกียจ......ฮืออออ แต่ว่าตอนนี้ฉันจะตายแล้วคยองซู ฉันปวดท้องไปหมด ----แม่ก็ไม่โทรมา ฉันโทรไปแม่ก็ปิดเครื่อง ฮืออออฉันเกือบจะตายแล้ว ฉันต้องตายแน่ๆ”
ถึงเสียงสะอึกสะอื้นเกินตัวนั่นจะดูน่าสงสารและทำลายความโมโหของคนร่างบางไปจนหมดสิ้นแล้วก็ตามที แต่เพราะเขายังคงไม่ลืมสิ่งที่สาบานกับตัวเองไว้ได้ง่ายๆหรอก..
“ฉันรู้น่า เงียบก่อนชานยอล นายอายุ23แล้วนะ หยุดซักที!!” คยองซูลากมือบนแผ่นหลังกว้างซ้ำๆพักใหญ่เมื่อชานยอลเริ่มสะอึกสะอื้น เสียงบ่นมากมายมีทีท่าว่าจะแผ่วลงพร้อมๆกับความคิดบางอย่างในหัวของร่างเล็กที่ส่องประกายขึ้นมา
นี่อาจจะเป็นหนทางที่จะดัดนิสัยเสียๆของชานยอลให้ดีขึ้นได้เสียที
“ชานยอล ฉันจะช่วยนายเอง”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นราวกระซิบ คล้ายกับว่าตั้งแต่รู้จักกันมา คำพูดแบบนี้ ชานยอลได้ยินมันบ่อยจนคุ้นหูไปซะแล้ว หากแต่ปัญหาที่ร่างสูงกำลังเผชิญอยู่นั้น ความช่วยเหลือจากคนตัวเล็กตรงหน้าที่เอื้อเอ่ยออกมากลับมีค่ายิ่งกว่าทองคำ หรือเงินเป็นร้อยเป็นล้าน
มันก็แปลกดีที่เขามักจะนึกถึงคยองซูก่อนใครๆ ไม่เว้นแม้แต่แม่ตัวเอง ที่ปาร์คชานยอลเลือกที่จะเรียงลำดับความสำคัญไว้หลังเพื่อนสนิทจอมจุกจิกอย่างเจ้าตัวเล็กคนนี้
คนที่สุดท้ายถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดไหน โดคยองซูก็ยังเป็นเพียงคนเดียวที่เขามักจะเลือกให้เป็นคนแรกที่เขาอยากจะปรากฏตัวตรงหน้าก่อนใครเสมอๆ
“ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะชานยอล ฉันจะเป็นคนให้เงินนาย นายจะมีเงินใช้เหมือนเดิม เชื่อฉันสิ^^”
++++
ขึ้นชื่อว่าพ่อลูกกันแล้ว ยังไงซะก็ตัดกันไม่ขาดหรอก
สิ่งที่พี่บกอินพูดกับผมเมื่อหลายวันก่อนยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวราวกับเป็นกำลังใจต่อเติมให้กับชีวิตที่แสนลำบากยากเย็นในวันนี้ให้ดำเนินผ่านไป
คำพูดเหล่านั้นมันคงจะเป็นจริงเข้าสักวันใช่ไหมครับ??
จนถึงตอนนี้ผู้ชายคนที่ผมหมายมั่นปั้นมือและมั่นใจที่สุดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงเขาได้ก็กลับดูเหมือนจะยิ่งแย่ลงกว่าเก่า
ไม่สิ ผมหมายถึงว่า เขาก็ยังคงขี้เกียจอยู่เหมือนเดิมถึงแม้ว่าพฏติกรรมการเที่ยวกลางคืนอย่างที่เคยนั้นได้หมดไปเรียบร้อยด้วยการยื่นคำขาดเรื่องเงินเดือนรวมถึงรายจ่ายต่างๆที่ผมจะเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด
ทว่าการตื่นนอนแต่เช้าก็ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของชานยอลอยู่ดีในช่วงตลอดหลายวันที่เขาเริ่มต้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราทั้งสองคน บ้านของผมเองก็มีไม่กี่ห้อง เวลานี้ชานยอลเลยจำเป็นต้องลงหลักปักฐานที่ห้องรับแขกแทน และตัวผมกับซึงยอนก็จะนอนในห้องนอนเดี่ยวที่ใช้ร่วมกันแบบนี้มาเป็นเวลานานเหมือนเดิม เขาบ่นเป็นหมีกินรังแตนเล็กน้อยถ้าจะให้ผมย้อนไปเมื่อครั้งที่ต้องบีบบังคับชานยอลให้นอนบนพื้นแข็งๆและให้เขารู้จักเก็บที่นอนก่อนไปทำอย่างอื่นด้วยทุกครั้ง
ทำไมผมกำลังรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเปิดเนอสเซอรี่เลี้ยงเด็กอ่อนก็ไม่รู้สินะ T-T
แถมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่ได้กระเตื้องไปไหนเลยให้ตายสิ
ถึงแม้ว่าผมพยายามจะลากชานยอลไปส่งซึงยอน และรับกลับในทุกๆวันแล้วก็ตาม เจ้าหมอนั่นยังคงเลือกที่จะเดินวนไปวนมาอยู่นอกกำแพงโรงเรียนและให้ผมเป็นฝ่ายเข้าไปรับเจ้าตัวเล็กออกมา เมื่อถึงเวลาที่จะมีโอกาสได้ไกล้ชิดกัน เขาก็จะแสร้งปลีกตัวออกห่างเมื่อเราทั้งสามต้องขึ้นรถเมล์ หรือเข้าร้านสะดวกซื้อ
ผมรู้สึกเหนื่อยจังเลย ดูท่าชานยอลจะไม่ชอบเด็กอย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้จริงๆ แล้วผมจะทำยังไงดี ..
“คยองซู วันนี้ฉันไม่ไปช่วยนายล้างจานที่ร้านได้ไหม ฉันรูสึกเจ็บมือไปหมดแล้วล่ะTT”
เสียงทุ้มงอแงอยู่ภายนอกห้องโถง วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่ช่วงเช้ามีแต่ความวุ่นวาย ผมกำลังทำแซนวิสสำหรับคนสามคนอยู่ ไปพร้อมๆกับการเดินหาชุดนักเรียนให้ปาร์คซึงยอนที่เล่นน้ำอยู๋ในห้องน้ำไม่เลิก
“ชานยอล ดูซึงยอนหน่อย อุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำที สายแล้ว เด็กแช่น้ำนานจะไม่สบายเอา เร็วเข้า!!” ผมตะโกนก่อนที่จะใช้สะโพกดันเก้ะเก็บมีดเขียงให้กระเด้งกับเข้าที่ ทูน่าและเครื่องแยมต่างๆเกลื่อนกลาดบนเค้าเตอร์ชวนให้ตายลายเต็มไปหมด@_@
=_=เวียนหัวจริงๆ
ร่างสูงที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงฟูกกลางเขยื้อนเล็กน้อย ชานยอลไม่ชอบใช้เวลากับเด็กนัก ซึ่งทุกๆครั้งผมจะต้องตะโกนอยู่แบบเดิมสองสามรอบเขาถึงจะยอมเคลื่อนไหวสะระร่างใหญ่ตนั้นตามที่ผมต้องการ
T-T
“ชานยอล!!! ฉันบอกว่าให้ช่วยดูซึงยอนหน่อยไงเล่า!!!!!”
“ฉันรู้แล้วหน่าๆๆๆกำลังจะไปนี่ไงเล่า ทำไมเด็กอาบน้ำเองไม่เป็นรึไงกันนะ ---- ฉันไม่เห็นจะต้องให้คนไปเตือนเลยเวลาอาบน้ำน่ะ ...เด็กคนนี้นิสัยเหมือนนายแน่ๆ นายเลี้ยงเขา เขาก็จะเหมือนนายเข้าไปทุกวันๆรู้ตัวมมั้ยเนี่ยะ อาบน้ำนานเหมือนกันเปี้ยปเลย-3-”
ร่างสูงเด้งผึงก่อนที่จะเดินอย่างเชื่องช้าไปยังห้องน้ำที่มีแต่เสียงร้องเพลงเล็กๆพึมพำไม่ได้ศัพท์
“เด็กนิสัยเหมือนฉัน ยังดีกว่านิสัยเหมือนพ่อไม่เอาไหนอย่างนายละน่ะ! นู่น ผ้าขนหนูฉันบอกแล้วว่ามันจะอยู๋ในเก้ะ หรือว่าเมื่อวานนายไม่ได้ผึ่งให้มันแห้งน่ะชานยอล”
“หยุดบ่นได้แล้วว ฉันก็ผึ่งเรียบร้อยแล้ว ฉันกำลังหยิบอยู่.........
นี่!!!ตัวแสบ!!! พี่ชายบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าอาบน้ำนานมันเปลืองน้ำน่ะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!”
ผมได้แต่ถอนหายใจกับสรรพนามที่ผิดรูปผิดร่างแบบนั้น ทำได้แค่นั้นจริงๆนั่นล่ะ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่ยอมรับว่าเด็กหญิงเป็นลูกของตัวเอง ชานยอลมักจะบ่นกับผมเสมอๆว่า บางทีโบรัม(แฟนเก่าของเจ้าหมอนี่นนั่นล่ะ) เป็นผู้หญิงง่ายๆ เธออาจจะท้องกับคนอื่นแล้วพยายามจะโยนความผิดให้ตัวเขาเองอะไรทำนองนั้น
แต่สำหรับผมแล้ว ดูยังไงซะดวงตากลมๆกับรอยยิ้มที่ถึงแม้ว่ามันจะเห็นได้ยากนั่นมันเหมือนชานยอลราวกับลอกแบบกันมา เพียงแต่เขาแองต่างหาก ที่ไม่เคยโชคดีพอจะมีโอกาสจะได้รับรอยยิ้มสดใสจากลูกสาวตัวเองเลยก็เท่านั้น
เสียงร้องเพลงของซึงยอนเงียบลงไป ทำให้ผมตัดสินใจละสายตาจาการหั่นขนมปังเพื่อเช็คความเรียบร้อยของพ่อลูกคู่นี้อีกครั้ง
ประตูห้องน้ำเปิดออกด้วยมือน้อยๆ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนที่ชานยอลจะเขวี้ยงผ้าขนหนูสีฟ้าอ่อนนั่นไปบนร่างสั้นกระจ้อยร่อย จนถึงตอนนี้เจ้าหมอนั่นไม่รู้จักแม้กระทั่งวิธีดูแลเด็กเบื้องต้นเลยด้วยซ้ำไป=_= เขาเริ่มตะคอกใส่ใบหน้าใสๆด้วยเสียงที่ดังลั่น
“รีบเช็ดตัวซะ ทั้งบ้านมีแต่ผุ้ชาย เธอจะมายืนเปลือยร่อนจ้อนแบบนี้ ไม่ได้ รีบพันตัวเร็วๆเข้า~!”
เด็กน้อยเพียงแต่ใช่ดวงตาไร้เดียงสาจ้องมองกลับไปยังใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของคนเป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง มือเล็กๆค่อยๆหยิบผ้าขนหนูบนพื้นขึ้นมาคลุมไปทั่วทั้งตัว สองขาสั้นๆก้าวเดินอย่าเงอะงะมาหาผมที่กำลังจัดแจงอาหารเช้าไว้ให้
นิ้วอวบเริ่มเข้ามากระตุกชายขากางเกงของผมไปมา
“พี่หมี...ซึงยอนหนาวจังเลย..”
ร่างกลมใต้ผ้าผืนบางเริ่มขยับไปมา ปากสีชมพูอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนน่าสงสาร..
“^^ซึงยอนรอพี่หมีตรงนี้นะ ....ดูนี่ๆ แซนวิชน่ากินมั้ย....เดี๋ยวพี่หมีไปเอาชุดมาให้ นั่งตรงโต้ะก่อนดีๆนะ มานี่ เช็ดตัวให้ดีก่อนดีมั้ยนะ จะได้หายหนา ไวๆไง^^”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำพูดทั้งหมดดีซึงยอนก็วิ่งเข้ามาเกาะที่ขาทั้งสองข้างของผมอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มกระโดหย็องๆรอคอยให้ผมเช็ดหัวที่เปียกแฉะด้วยอารมณ์ที่สดใส ความซื่อเหล่านั้นทำให้เด็กน้อยน่ารักนี่ไม่เคยคิดโกรธปาร์คชานยอลที่ทำท่าทีหยาบคายใส่เธอเลยแม้แต่ครั้งเดียวสินะ...
...
ดูเหมือนว่าผมจะยังคงเหนื่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทั้งๆคิดเอาไว้ว่ามีชานยอลมาคงจะช่วยดูแลเด็กๆได้บ้างแท้ๆ ซึ่งผมกะเอาไว้คลาดเคลื่อนเล็กน้อย
เพราะปาร์คชานยอลไม่ได้มีประโยชน์อะไรใดๆทั้งสิ้น =_=
“นี่....นายไม่ไปล้างจานวันนี้ก็ได้ แต่ฉันก็จะหักเงินเดือนของนายออกไปส่วนนึง อ้อ...สายแล้วนายเปลี่ยนชุดเร็วเข้า เดี๋ยวมาหยิบขนมปังไปกินรองท้องละกันนะ “ผมร้องตะโกนพลางเริ่มหยิบเสื้อผ้าบนไม้แขวนให้ลงมาอยู่บนตัวของเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนสั่นหงึกหงัก แก้มสีซีดเริ่มมีสีแดงจับเป็นกลุ่มเพราะอากาศที่หนาวเย็น
เสียงลมหายใจเฮือกใหญ่ของคนตัวโตดังขึ้นก่อนที่เขาจะเริ่มถอดเสื้อถอดผ้าตัวเองออกกลางบ้าน-*-ตามคำสั่งที่ผมบอกจริงๆ ปาร์คชานยอลไม่ได้ฝืนคำสั่งแต่อย่างใด---
แต่...ต้องให้เตือนกี่ครั้งกันนะไอ้หมอนี่...
“>[]<ไอ้ปาร์คชานยอล!!!! เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องเดี๋ยวนี้ !!นายไม่เห็นเด็กเล็กรึไง อายเด็กมั่งสิ!!!! ซึงยอนยังเป็นเยาวนชนนะ!!!”
ผมร้องลั่น ก่อนที่จะรีบก้าวขามายืนบังภาพอุจาดตาอยู่ด้านหน้าเด็กตัวเล็กที่ไม่ประสีประสา แม้ว่าซึงยอนจะอายุไม่ครบสี่ขวบดีและอยู่ร่วมกันกับผมมาเป็นเวลานานแต่ผมก็ไม่เคยทำตัวรุ่มร่ามอะไรแบบนี้เลยซักครั้ง
ทันที่ที่คำตักเตือนจบลง ใบหน้าที่ดูง่วงนอนนั้นดูจะมีอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะค่อยๆก้าวขายาวๆเข้ามาหาผมที่ดูเหมือนจะกลายเป็นมดตัวกระจ้อยภายในเวลาไม่กี่นาทีเมี่อคนตัวสูงประชิดเข้ามาไกล้
ถึงเราจะมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะชอบจ้องมองอะไรแบบนี้นี่นา
แย่จริง-*-
“ ทำไม – นายกลัวลูกสาวฉันจะเห็นฉันรึไง ไหนบอกว่าฉันพ่อเขาไง ฉันต้องกลัวนายมากกว่าน่ะ ...พิลึกคน .... เอ้านี่ ฉันฝากซักหน่อยสิ ชุดนอนชุดนี้ฉันใส่ซ้ำกันสามวันละ เหม็นเน่าเป็นบ้าเลย=_=”
สิ้นคำพูดพร้อมกับเสื้อตัวใหญ่ที่พาดทิ้งเอาไว้บนบ่าของผม โดยที่ไม่รอให้ได้เถียงอะไรกลับไปชานยอลก็หมุนตัวกลับไปยังห้องแต่งตัวอีกด้านด้วยความรวดเร็ว ดูท่าเขาจะคุ้ยหาเสื้อผ้าชุดใหม่ที่หนาพอจะกันความเย็นได้และไม่สนใจใครอื่นอีก
เจ้าตัวเล็กเริ่มชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังของผมอย่างสงสัยมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก เสียงพึมพำเจื้อยแจ้วเริ่มลอยมากระทบหูคนดูแลอีกครั้ง
“ปะป๊าไม่หนาวหรอ....ซึ่งยอนแก้ผ้าซึงยอนยังหนาวเลย”
T-T
โธ่เด็กหนอเด็ก…
“ปะป๊าซึงยอนขี้ร้อน อย่าไปสนใจเลย เรามาแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนดีกว่านะ^^คนเก่ง”
“พี่หมี...วันนี้ปะป๊าจะไปส่งซึงยอนด้วยใช่มั้ยO_O” เด็กน้อยยังคงจ้องจะเอ่ยถาม
“แน่นอน.... ปะป๊าไปส่งแน่ๆ ดูสิ กำลังแต่งตัวอยู่ มานี่ พี่หมีเช็ดหัวให้ก่อน พอแต่งตัวเสร็จเราจะมากินขนมปังอร่อยๆกัน กินขนม กินขนม~~”
ผมเหมือนคนใช้ของบ้านหลังนี้เลยว่าไหมล่ะ ตกลง ใครกันแน่ที่จะต้องถูกสั่งสอนนะ ...
ToT
++++
1.นายต้องเขียนบันทึกพัฒนาการของซึงยอน
2.นายจะต้องเป็นคนไปส่งปาร์คซึงยอนไปโรงเรียน
3.นายจะต้องเป็นคนเล่านิทานก่อนนอนให้ปาร์คซึงยอน
4.เลิกเที่ยวกลางคืน!!!
5.ถ้ามีคนมาขอนายเดท!!นายต้องตอบว่า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมแต่งงานแล้ว~”
เพราะ!!ปาร์คชานยอลมีปาร์คซึงยอนเป็นลูกแล้ว นายจะไปมีใครอื่นที่ไหนไม่ได้อีก!
6.รีบหางานทำ ---ในที่นี้นายจะต้องทำงานให้ร้านของฉัน!!
“ทำไมเจ้าเตี้ยจะต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากตลอดเลย !! ปาร์คชานยอลเซ็ง!!”
กระดาษใบเล็กในกระเป๋าตังค์สร้างพายุลูกใหญ่ในสมองตีบๆของใครบางคนอีกครั้งหนึ่ง...
แปปๆก็เริ่มเข้าสู่เวลาเย็นอีกครั้ง ราวกับว่าหลายสัปดาห์มานี้นาฬิกาชีวิตของปาร์คชานยอลเริ่มค่อยๆหดเหลือน้อยลงทุกทีๆเมื่อเขากำลังสัมผัสได้ว่าตนเองเริ่มจะดำรงชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปขึ้นทุกขณะ มีงานการ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ มีเงินเดือนจากน้ำพักน้ำแรงของตนอะไรเทือกนั้น ถึงแม้ว่าที่ผ่านๆมา สิ่งที่เอ่ยมาทั้งหมดไม่เคยจะได้เข้ามาเฉียดไกล้กับชีวิตอันแสนเรื่อยเปื่อยของเขาเลยแม้แต่นิด
คงถึงช่วงจุดเปลี่ยนชีวิตนิดหน่อยละมั้ง.... อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้มีโซจูตกถึงท้องมาเกือบสองอาทิตย์ และอดพบปะกับแสงสีและสาวไปพร้อมๆกันด้วย เพราะงานภายในร้านที่กองโตเท่าภูเขา จานชามเหม็นหึ่งขนาดเท่าหอไอเฟลปรากฏขึ้นสร้างปัญหาในทุกๆวันนั้นละคือเหตุผลหลัก
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะนำมาหยิบยกเพื่อเรียกคะแนนสงสาร หรือขอร้องเอาไอ้นั่นไอ้นี่จากคยองซูได้อีกเมื่อหนทางสุดท้ายนั่นมีเพียงแค่หนทางเดียวคือเขาต้องลงหลักปักฐานเพื่อรอรับเงินเดือนเหมือนพนักงานคนอื่นๆจากเจ้าของร้านที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง
ยิ่งความจอแจจะเพิ่มมากเป็นพิเศษเมื่อถึงเวลาของมื้อเย็น..
ร้านอาหารของคยองซูมักจะวุ่นวายที่สุดในช่วงเวลากลางวันและตกเย็นจนถึงมืดค่ำ ภาพที่เขาเห็นคนตัวเล็กวิ่งวุ่นไปทั่วร้านนั่นดูจะชินตาไปเสียแล้วถ้าเทียบกับช่วงแรกๆที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่กับคยองซู
บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะนึกขอบคุณ และชื่นชมในตัวของโดคยองซูอยู่ลึกๆถึงแม้ความรู้สึกสำนักในพระคุณเหลือล้นในตัวเพื่อนรักของชานยอลนั้นมันจะกลับกลายเป็นการแสดงท่าทีกวนประสาทออกมาแทนในทุกๆครั้งก็ตาม
…..
..
ดวงตาเรียวหลุบต่ำลงไปที่แก้วน้ำในมือที่จัดการทำความสะอาดอยู่อีกครั้งทันทีที่ร่างบางกำลังเดินเข้ามาหลังร้านซึ่งเป็นสถานที่สิงสถิตของคนตัวโตตลอดทั้งวัน คยองซูหยุดยืนที่หน้าประตูพลางบุ้ยใบ้ไปทางฝาผนังเพื่อให้ชานยอลนึกถึงมิชชั่นที่จะต้องทำในเย็นวันนี้อย่างเดียวดาย
ปาร์คชานยอลสะบัดมือที่เปียกแฉะถูเข้ากับผ้ากันเปื้อนที่พันไว้รอบเอวอีกครั้งเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บ่งบอกถึงเวลา 15.40 น.
ปาร์คซึงยอนเลิกเรียนแล้ว หน้าที่สำคัญของชานยอลตามกำหนดการก็คือไปรับเด็กน้อยกลับมาจากโรงเรียน เย็นนี้คยองซูจะไม่ได้ไปด้วยเพราะร้านที่ดูจะยุ่งเสียจนไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้นานๆเป็นต้นเหตุที่ยากจะปฏิเสธ
รถคันหรูก็ถูกยึดคืน... บัตรเครดิตก็ไม่มี ..
เสื้อผ้าแบรนเนมก็ไม่มีให้ใส่=_=
ยานพาหนะในวันนี้ก็มีเพียงสกูตเตอร์ส่งบะหมี่คันสีเหลืองหม่นแสนจะเก่าเก็บเพียงเท่านั้น
แค่คิดก็รู้สึกอับอายนิดหน่อยถ้าหากบรรดาเพื่อรร่วมแก้งค์เที่ยวของเขาได้มาเห็นสภาพของคุณชายตระกูลปาร์คผู้เคยมั่งคั่งตกอับถึงขนาดแว้นสกูตเตอร์รุ่นคุณปู่ไปไหนมาไหน มิหนำซ้ำยังมีเด็กตัวเล็กๆซ้อนท้ายแทนสาวสวยทรงสะบึ้มอย่างที่มันควรจะเป็น-_-^
เพราะอะไรบางอย่างมันทำให้เขาต้องทนทำในสิ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจลึกๆ
ฮวางโบรัมที่หายตัวไป โดยที่ไม่ได้พาเจ้าตัวเล็กนั้นหายไปด้วย
เขากับหล่อนมีเซ็กส์กันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แค่ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ ---
ชานยอลหลงรักโบรัมตั้งแต่เจอเธอที่บริษัทของโอเซฮุน เพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมของเขาที่ผันตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์ถ่ายทำเอ็มวีให้กับศิลปินชื่อดังต่างๆมากมาย โบรัมเข้ามาฟิตติ้งเป็นนางเอกเอ็มวีให้กับศิลปินที่เซฮุนรับผิดชอบอยู่ เธอมีผิวขาวสะอาด และใบหน้าที่สะสวย ทั้งสองคนเริ่มเดทกันหลังจากแลกเบอร์โทรศัพท์กันไม่นาน
และตามสูตรเดิมๆ ทั้งสอง กิน เที่ยว เล่น ตามประสาวัยคะนอง
ร่างกายที่แข็งแรง พร้อมสนุกกันสุดเหวี่ยงเมื่อถึงเวลาเร่าร้อนบนฟูกนุ่ม
เมื่อเวลาแสนสนุกพ้นผ่าน.... เมื่อเกมส์นั้นจบลงที่เตียง
ไม่ใช่ชานยอลที่หายไป
ฮวางโบรัมต่างหาก ที่หายตัวไป...
ถึงแม้ว่ามันจะรู้สึกเศร้าโศกมากกว่าครั้งอื่นๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชานยอลจะเอาเก็บเอามาใส่หัว เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะมันก็จะถือว่าไม่ใช่ปาร์คชานยอลตัวจริง’
เขาเลือกที่จะปล่อยความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้นให้ตกตะกอนอยู่ภายในหัวใจลึกๆ ซึ่งวีธีนั้นมันค่อยข้างจะง่ายกว่า
ติดก็ที่ อยู่ดีไม่ว่าดี กลับมีอีกหนึ่งชีวิตโผล่ให้เขารับผิดชอบเอาเสียดื้อๆ
ไม่สิ หนึ่งชีวิตงั้นหรอ ....หรือจะเรียกว่าสองดีล่ะ
เขายังจำได้ดีวันที่คยองซูกลับมา และมีเด็กผู้หญิงคนนึงติดมาด้วย เด็กที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นทารก ผิวขาวสนิท ผมหยักศกสีน้ำตาลเข็มในชุดตุ้กตาหมีหระจ้อยร่อยสีชมพู แขนนขาเป็นป้องๆสั้นๆนั่นยังไม่รู้จักการตั้งไข่เสียด้วยซ้ำ
ข้างกายของสิ่งมีชีวิตเล็กมีเพียงจดหมายที่แนบมาเขียนโน้ตสั้นๆเอาไว้ว่า
‘ปาร์คซึงยอน สิ่งมีชีวิตที่ฮวางโบรัมคนนี้จะมอบให้
ฉันทำไม่ได้จริงๆ
นี่คือความรักสุดท้ายของฉันที่จะมอบให้นายนะ ปาร์คชานยอล’
ถ้าหากเขาเลือกที่จะเกลียดเด็กคนนี้ได้มันก็คงจะดี
ถ้าเขาปฎิเสธสิ่งมีชีวิตสิ่งนี้ได้ก็คงจะง่ายกว่านี้
เขาถึงเลือกที่จะหลบหนีการพบเจอซึงยอนมาตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา โดยที่โดคยองซูเพื่อนสนิทของเขาตกลงที่จะรับเด็กหญิงไปเลี้ยงแทนการที่เขาจะนำเด็กไปไว้ที่ศูนย์รับเลี้ยงตลอดชีวิต
ชานยอลเกลียดทุกครั้งที่ต้องจ้องมองแววตาไร้เดียงสา
เกลียดที่ต้องรู้สึกดีๆที่ได้ยินคนแปลกหน้าสูงเพียงสองฟุตครี่งนั่นเรียกตัวเองว่าปะป๊าๆ
มันไม่ใช่เรื่องเลยจริงๆ=_=
ปาร์คชานยอลเริ่มถอนหายใจพรืดยยาวอีกระลอกหนึ่ง เมื่อสกูตเตอร์ที่ต้องใช้เตรียมพร้อมดีทุกอย่าง เวลายังคงเดินไปเรื่อยแม้ว่าเขาจะสละสมองซีกหนึ่งเพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆ ร่างสูงบิดเร่งเครื่องเล็กน้อยเพื่อทดสอบเรี่ยวแรงและพลังงานของรถรุ่นคุณปู่ที่ขึ้นนั่งอยู่ว่าโอเคดีหรือไม่
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพร้อมใช้การ หากแต่เขาต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกอะไรบางอย่างมาจากทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
ประตูร้านเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเจ้าของร้านร่างเล็กที่วิ่งกระหิดกระหอบออกมา ใบหน้าใสมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมดเพราะความเร่งรีบ ถึงแม้ว่าเขาจะเบื่อเสียงบ่นๆของเพื่อนสนิทคนนี้ขนาดไหนก็เถอะนะ แต่ยังไงซะมันก็คงหลีกหนีไม่ได้อยู่ดีนั่นละ
คยองซูถือหมวกกันน็อคติดมือมาด้วยสองอัน อันหนึ่งอันเล็กน่ารัก อีกอันหนึ่งใหญ่กว่าและมีสีฟ้าแป๋นแล๋นน่าตลก สองขาสั้นก้าววิ่งอย่างว่องไว ทันทีที่เขาเข้าไกล้กับจุดที่ปาร์คชานยอลยืนจังก้าทรงตัวบนรถคันเล็กอยู่ คยองซูก็ไม่รอช้า มือเล็กจัดแจงวาหมวกใบแข็งแรงลงบนศีรษาะของคุณพ่อขายาวที่เตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว
ชานยอลเบี่ยงหัวเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นสีหมวกที่ตัวเองไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ถูกคนตัวเตี้ยกว่าเอ็ดเสียงแข็ง จนต้องจำยอมในที่สุด
“อย่าบอกนะว่านายใส่หมวกแบบนี้ไปรับซึงยอนทุกวันน่ะคยองซู” เสียงทุ้มร้องเอะอะขึ้นระหว่างที่รอเวลาให้เพื่อนสนิทของตัวเองจัดแจงอุปกรณ์ป้องกันภัยบนหัวให้เสร็จสรรพ
“อย่าบ่นได้มั้ย...OoO หัวนายมันโตจังเลย ขนาดหัวของฉันมันคงจะไม่พอดีกับของนายแน่ๆ ดูสิ นายเจ็บรึปล่าวถ้าฉันดันมันลงไปอีกน่ะ สงสัยจะติดสายรัดไม่ถึงซะแล้ว-_-^”
“-O-หึ..ไม่ กดลงมาเถอะน่ะ ฉันไม่เจ็บหรอกนายมัวกลัวอะไรเนี่ยะ”
“=o=ก็กลัวนายเจ็บไง ถามได้ ฉันก็พูดอยู่น่ะไม่ได้ยินหรอ ......หมวกฉันจะพังมั้ยนะ =_=”
ร่างบางเอ็ดเสียงเล้กเสียงน้อยก่อนที่จะเริ่มออกแรงกดหมวกขนาดกลางให้เข้าที่ ดวงตากลมโดตของชานยอลไร้ซึ่งทิศทางการมองเมื่อคนตัวเล็กยืนปิดกั้นสิ่งรอบข้างไปเสียมิด มีเพียงใบหน้าที่เขาคุ้นเคยดีของคยองซูในเวลานี้ที่ก้มลงมาช่วยเขารัดสายหมวกเพียงเท่านั้นที่ดูจะชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมด
อาจจะเป็นเพราะคยองซูเป็นเด็กผู้ชายที่เล่นกับเขามาตั้งแต่สมัยมัธยม ชานยอลเลยไม่ค่อยได้สังเกตอะไรในตัวคยองซูมากนักทั้งๆที่เวลาที่พวกเขาอยู๋ด้วยกันนั้นมันก็มากในระดับนึงแล้ว
เพื่อนของเขามีเปลือกตาที่เป็นสองชั้นนิดหน่อย แต่ทว่ากลับกลมโตอย่างไม่น่าเชื่อ ..
คิ้วของเขาก็ดูเข้มกว่าคนปกติทั่วไปถ้าเทียบกับร่างสูง แถมถ้าสังเกตดีๆ คิ้วด้านซ้ายของเขาตกกว่าอีกข้างนึงซะด้วย....
จมูกของโดคยองซูโด่งไม่ใชเล่น ...แถมเวลานี้ยังมีเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยซึมออกมาจนทั่วสันจมูกน่ารักๆจนมันเกิดแสงเป้นประกายแวววาวไปหมด
ปากสีชมพูที่ถูกเม้มตรงเพราะแรงกระทำในมือของเขาที่กำลังพยายามจัดการข้าวของบนตัวของชานยอลนั่นอีกมันช่างดูอิ่มเอิบเหมือนริมฝีปากเด็กเล็กๆอย่างซึงยอนเสียจริง
มือหนาสอดกลับเข้าไปในเสื้อกันหนาวตัวใหญ่เพื่อควานหาผ้าเช็ดหน้าตามสัญชาติญาณ สิ่งของที่ชานยอลมักจะพกติดตัวเหมือนที่พวกคุณหนูส่วนใหญ่มักจะทำ ทั้งๆที่มันก็ไร้ซึ่งประโยชน์ เขาพกมันในทุกๆวันเพียงเพราะติดเป็นนิสัยตั้งแต่เล็กๆก็เท่านั้น
ผ้าฝ้ายสีน้ำเงินผืนเล็กถูกขยุ้มกำไว้ในมือ ชานยอลดึงมันออกมาก่อนที่จะกดซับไปที่กรอบหน้าใสของเพื่อนตัวเองข้างหน้า ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างในทันที
ชานยอลยังคงจ้องมองคยองซูอยู่แบบนั้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“O_Oหนาวจะตาย ทำไมนายถึงเหงื่อออกคยองซู...”
“แล้วนายจะมาเช็ดเหงื่อให้ฉันทำไมเนี่ยะ ....-*- “
“-_-เหงื่อออกแล้วเช็ดมันผิดยังไงล่ะ”
“>O<..ผิดสิ!!”
“-O-ไม่ผิดสักหน่อย”
“-*-นายเป็นผู้ชายนะจะมาทำแบบนี้กับเพื่อนผู้ชายด้วยกันได้ยังไง----- คนหน้าร้านฉันมีเป็นร้อย ใครเห็นเข้าแล้วเข้าใจว่าฉันเป็นตุ้ดนะ ฉันเอานายตายแน่!!”
“เห่อะๆๆ-_,- กลัวตายล่ะ...........เสร็จแล้วใช่ป่ะ แค่ใส่หมวกให้ นานจนฉันจะหลับแล้วเนี่ยะ ...” ร่างสูง ขยับวางหมวกใบเล็กสำหรับเด็กอีกใบที่วางไว้บนตะกร้าหน้าให้เข้าที่ก่อนที่จะเริ่มสตาร์ทเครื่องอีกครั้งแสดงถึงการเตรียมตัวจะออกไปสู่ถนนใหญ่ รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของปาร์คชานยอลอีกครั้งเมื่อจ้องมองคยองซูที่ปั้นหน้าถมึงทึงด้วยคิ้วยับย่นจนดูไม่ได้
“ดู ดู เลิกหน้าแดงเถอะหน่า....ฉันแค่เช็ดเหงื่อให้ ก็หวั่นไหวในความเท่ห์ของฉันแล้วสินะ คยองซูอ่า~^O^/ ฮะฮะฮะ ^O^~~ นี่!! ทำอะไรไว้ให้ฉันกินด้วยนะ!!! ฉันจะไปรับเจ้าตัวเล็กกลับมาแล้วฉันจะหิวมากๆ เข้าใจไหม ฉันไปล้ะ!!!”
บรื้นนนน~~..
…..
-_-;;
ท่าทางกระโดกกระเดกน่าไม่อายของชายหนุ่มบนรถสกูตเตอร์คันเก่าสร้างจุดสนใจมากมายให้กับลูกค้าและคนที่สัญจรไปมาแถวนั้นอย่างช่วยไม่ได้ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของไอ้ตัวแสบยังคงดังไปทั่วตลอดทางตราบเท่าที่สายตาคยองซูจะมองเห็น..
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปพร้อมกับกลืนน้ำลายที่ฝืดเหนียวลงคออีกครั้ง
เหงื่อบนกรอบหน้าใสยังคงไหลออกมาเรื่อยๆอย่างไร้สาเหตุ คยองซูได้แต่นึกอับอายเมื่อผู้ชายแมนทั้งแท่งแบบเขาถูกล้อเลียนต่อหน้าลูกค้าและคนไปมาแถวนั้นด้วยการกลั่นแกล้งของไอ้เพื่อนจอมป่วงอย่างปาร์คชานยอล
ชานยอลชอบแกล้งเขาเล่นแบบนี้เสมอๆ ด้วยสาเหตุมาจากใบหน้าและรูปร่างแคระแกร็นจนไม่วายทำให้เพื่อนรอบข้างๆหรือใครๆหลายต่อหลายคนมักจะแกล้งแซวเขาว่าเป็นเด็กผู้หญิงอยู่เป็นประจำเป็นต้นมา
ตอนเด็กๆเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรที่ถูกล้อเลียนเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา
ทว่านี่มันเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดคยองซูอายุ22ปี เขาโตมากขึ้นไปพร้อมกับความคิดและความรู้สึก
ฉันไม่ใช่เด็กเหมือนซึงยอนนะ ปาร์คชานยอล.
+++++++++++++
คิดเรื่องนี้ออก อัพเรื่องีน้ไปก่อนละกันนะคะ
ฮือออออออออออออื่ม เรื่องนี้น่าจะเป็นSFนะ ไม่กี่ตอนน่าจะจบ(เอาอีกละ บอกจะจบกี่เรื่องละ) 5555555555555555 เพราะเนื้อเรื่องเบาๆ งุงิ คุคิ 5555555555555 คือจากใจว่าแต่งSFไม่เป็น คือรวบรัดความรู้สึกคนอ่านไปรึปล่าวอะไรยังไง กำลังคิดหนัก
อ่านเอาสบายๆนะคะพี่น้อง
เรื่องนี้ไม่เน้นอะไรเลย แบบ อ่านเอา หวิวๆ ปลิวๆ (อัลไลลล) 555555555
^___________^ ยังก็ขอบคุณรีดเดอร์ขาจร น้องๆที่น่ารักนะคะ
รักมากอะ รักจริง ตามมาอ่านแม้ว่าไรเตอร์จะเป้นจอมดอง
เดี๋ยวจะไม่ว่าแล้วสักวันเลยมาแปะตอนนี้แบบ(ชุ่ยๆ)เอาไว้
จะมาอีดิทรอบหลังนะคะ แต่คงไม่ใช่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ วันนู้นๆๆ เพราะไม่ว่างเป็นอาทิตย์ๆ T-T เปิดเรียนแล้วเป็นแบบนี้ทุกทีTT
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ที่รักทุกคน
ชานซูไฟติ้ง!!><
ความคิดเห็น