คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : intro
“ ฉันบอกว่าไม่ต้องเอาไป มานี่”
“นายก็รู้ฉันทำแบบนี้ไม่ได้”
“ทำได้ซี่ !! มองไม่เห็นแววตาเค้ารึไง น่าสงสารขนาดไหน นายนี่บ้องตื้นรึปล่าว เด็กน่าสงสารจะแย่!!”
“แต่ฉันไม่มีปัญญาหรอกน่า ฉันยังหาเงินเองไม่ได้ด้วยซ้ำนะ!!!”
“ฉันจะช่วยเค้าเอง ฉันจะช่วยนายกับลูกเองพอใจรึยัง!!!”
….
ฤดูร้อน ปี2556
ดวงตาหวานจ้องมองไปยังเด็กหญิงร่างเล็กที่กุมขวดน้ำใสในมือแน่น แววตาไร้เดียงสาส่องประกายน้ำรื้นภายในที่พร้อมจะเอ่อล้นออกมาทุกเมื่อ ยามที่เด็กน้อยจำต้องอดทนจ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้า โรงเรียนอนุบาลขนาดใหญ่กลางกรุงโซลที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้ปกครองและเด็กนักเรียนยุบยั่บทำให้ความหวาดกลัวกำลังเกาะกุมหัวใจดวงเล็กๆ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่การมาโรงเรียนเป็นครั้งแรกก็ตาม
มือชื้นเหงื่อที่ขนาดใหญ่กว่าไม่มากนัก คลายการเกาะกุมผ่อนความแน่นลงเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการจากลา
“ซึงยอน ปล่อยมือพี่หมีได้แล้วนะ ตอนนี้เพื่อนๆซึงยอนรออยู่เต็มเลยดูสิ วันนี้เราต้องแยกกันแล้ว อย่าลืมตอนเลิกเรียนมารอพ่อกับพี่ชายให้ตรงเวลาเหมือนเดิมนะรู้ป่าว”
“หึ...”
มือเล็กจิกแน่นไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากบางเบ้ลงเมื่อหัวเล็กส่ายไปมาปฏิเสธ
“ซึงยอนไม่อยากไปเรียน.....ปะป๊าทำไมไม่มาส่งซึงยอนเหมือนคนอื่นๆ...”
คำพูดตัดพ้อสร้างพายุก่อตัวในช่องท้องของคนดูแลลูกเบ้อเริ่มเทิ่มเมื่อคำถามเดิมๆของเด็กน้อยวนเวียนกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง คยองซูได้แต่ย่อตัวลงเพื่อจ้องมองใบหน้าใสให้ถนัดพลางลูบศรีษะนิ่มป้อยๆปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
ปะป๊า หรือพ่อของปาร์คซึงยอนน่ะหรอ ไอ้กร้วกนั่น แค่คิดถึงก็ปั่นประสาทเต็มทน-_-
ไอ้หมอนั่นไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนไหล แต่กลับเป็นเพื่อนสนิทของเขาเองที่มีชีวิตผูกติดกันเรื่อยมาตั้งแต่สมัยมัธยม ไม่พ้นมหาวิทยาลัยก็เสือกดันต้องมาเจอกันอีกเพราะเอกวิชาสายดนตรีและการขับร้องที่ทำกิจกรรมร่วมกัน จนกระทั่งเรียนจบ ถึงแม้ว่าทันที่ที่เรียนจบ การออกร้องเพลงไปเรื่อยเปื่อยตามสถานบันเทิงจะสร้างความอิ่มตัวโดคยองซูจนกระทั่งเมื่อปีก่อนเขาได้ตัดสินใจที่จะเลิกร้องเพลงในผับและหันกลับมาช่วยที่บ้านสืบต่อกิจการร้านอาหารที่ทำชั่วลูกชั่วตระกูลกันมานาน
เพราะพรสวรรค์ด้านของคยองซูไม่ได้มีเพียงเสียงร้องที่ไพเราะ ทว่าฝีมือการทำครัวก็สุดยอดอย่าบอกใคร
ร้านบะหมี่ตะกูลโดถือได้ว่าโด่งดังที่สุดในย่านคยองกี จนปัจจุบัน ครอบครัวของชายหนุ่มพอมีฐานมั่นคงจึงมีการขยับขยายมาเปิดสาขาที่โซล คยองซูเองจึงอาสาที่จะเป็นแม่แรงหลักที่จะดูแลกิจการร้านร้านอาหารตระกูลโดไสตล์เกาหลีแท้ใจกลางเมืองด้วยตัวเองถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีพนักงานเป็นฝ่ายประกอบอาหารแล้ว แต่ทว่าด้วยความชื่นชอบในการคิดเมนูใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาก็อดทำให้คยองซูพาตัวเองหลงเข้าไปอยู๋ในห้องครัวเล็กๆหลังร้านร่วมกับพนักงานคนอื่นไม่ได้
งานกิจการทั้งหมดทั้งควบคุม ดูแลและลงมือเองว่าเหนื่อยแล้ว แต่ปัญหาหลักของชีวิตโดคยองซูกลับไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด-_-
มันก็ยังคงเป็นไอ้เพื่อนจมเฮงซวยที่ชื่อปาร์คชานยอลอยู่วันยังค่ำเหมือนเมื่อสมัยก่อนที่เขายังคงเรียนหนังสือด้วยกันเปี้ยปๆ การบ้านค้างคา งานไม่ส่ง งานกลุ่มไม่มี
โดคยองซูเหมือนผู้ปกครองไอ้เด็กเกเรที่มีเวลาเรียนในห้องเฉลี่ยไม่ถึง60%ตลอดปีแทนพ่อของชานยอลที่แลดูเหมือนว่าจะตัดหางปล่อยวัดไปแล้วด้วยสาเหตุความไม่เอาไหน แม้ว่าครอบครัวของชานยอลเองจะเรียกได้ว่ามั่งคั่งกว่าคยองซูอยู่หลายขุมก็ตาม
และถ้าวันนั้น คยองซูไม่ได้ช่วยเหลือเด็กน้อยคนนี้เอาไว้ ชานยอลก็คงปล่อยลูกแท้ๆของตัวเองเขาสถานกำพร้าไปแล้วเพราะจนปัญญาในการเลี้ยงดู ใครก็รู้เขายังคงตกงาน และใช่เงินอย่างฟุ่มเฟือยจากบัตรเครดิตที่แม่เจ้าร่างโย่งนั่นแอบตามใจและส่งเสียค่ากินอยู่
ดำรงชีวิตบนคอนโดหรูๆมาตลอดระยะเวลาที่เขาแยกตัวออกมาจากบ้าน
ด้วยการถูกตามใจจากแม่อย่างลับๆทำให้เจ้าบ้านั้นไม่ได้มีการพัฒนาสมองและสติปัญญาของตัวเองแม้แต่น้อย เว้นเสียแต่เรื่องเล่น เที่ยว สร้างเรื่องไร้สาระ
คยองซูเคยเสียเงินหลานหมื่นวอนเพื่อประกันตัวชานยอลอกอจากคุกเพราะคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น =_=
ชานยอลอ้างว่า เขาถูกโจทก์ฝ่ายตรงข้ามที่มีเรื่องในผับ เขวี้ยงมือถือของเขาออกไปนอกถนนกระทั่งรถที่สัญจรไปมา บดมันละเอียดยิบ
ทันทีที่เรื่องราวถึงขั้นเข้าโรงพักนั่นล่ะ
เบอร์โทรที่เจ้าหมอนั่นกลับจำได้อยู่ชัดเจนเบอร์เดียวก็คือเบอร์โทรศัพท์ของโดคยองซู’
ไม่น่าดีใจแม้แต่นิดที่ชานยอลยังคงตรึกระลึกถึงเขาได้แม่นยำมากกว่าคนอื่นเสมอ=_=
แต่ถ้ามานั่งเรียบเรียงวีรกรรมแล้ว นั่นมันไม่แย่ไปซะทีเดียวถ้าเทียบกับในเวลานี้หรอก
เพราะเรื่องที่โหดร้ายมากไปกว่านั้น
ชานยอลมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวพันหลายคน...
แหง ฟังดูมันก็ไม่ใช่เรื่อง หรือกงการอะไรที่คยองซูจะต้องเดือดร้อนที่เจ้าเพื่อนร่วมโลกมีวิสัยเจ้าชู้หรือคบใครเรื่อยเปื่อย
กับสาวคนที่เขาจะต้องฝังใจไปตลอดชีวิตคนนึงน่ะสิที่ปาร์คชานยอลพลาดมีความสัมพันธ์อย่างว่า
เธออาจจะตั้งครรภ์โดยที่ไม่มีใครรู้ ด้วยวัยที่ยังเด็กของคนทั้งคู่ แฟนสุดเปรี้ยวของหมอนั่นเลยติดสินใจเอาลูกสาวตัวกระจ้อยร่อยมาทิ้งไว้ที่คอนโดแล้วหายตัวไป จำชื่อได้ว่าเป็นดาราสาวคนนึงที่ตอนนี้ก็ไม่ได้โด่งดังอะไรแล้ว คยองซูก็เคยเห็นหน้าคาดตาบ้างช่วงที่สองคนคบกันและพามาที่ร้านอาหารของเขาเองเมื่อสักช่วงต้นปีก่อน
ใครๆก็รู้วงการมายา ถ้าหากเจอเรื่องแบบนี้เข้า ก็ยากที่จะอยู่ได้นาน
การที่ดาราสาวคนนั้นปล่อยให้เด็กเติบโตในท้องและคลอดออกมาได้นับว่าเป็นโชคดีที่สุดสำหรับซึงยอนแล้ว
คยองซูเองก็ไม่อยากเหมารวมคิดไปว่า การที่เด็กน้อยได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกนั้นเป็นความโชคดีไปซะทั้งหมด
หากว่าคนที่ยังเหลืออยู่พอจะสนใจสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่น่ารักคนนี้บ้าง
เลิกอ้างว่า เลือดเนื้อของตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าไกล้
หรือเด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกสักที
คยองซูก็ได้แต่คิดปลอบใจตัวเองแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ
การได้เฝ้ามองพัฒนาการของใครสักคนตั้งแต่วันเริ่มต้นถือว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ไม่น้อย
ใช่... เขาถึงผูกพันและอดทนที่จะเลี้ยงดูเหมือนเป็นแม่ บุคคลที่เธอยังขาด--แม้ว่าคยองซูไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลย
หากซึงยอนไม่เริ่มโตขึ้นในทุกๆวันอะไรๆก็คงจะไม่ยุ่งยาก
ทว่าการที่เด็กน้อยไปพบเจอสังคมที่กว้างขึ้น เจอโลกใบใหม่ที่เธอควรจะเห็น การเรียนรู้คำว่าครอบครัวจากสภาพแวดล้อมของเพื่อนๆในห้องที่มักจะมีพ่อและแม่มาคอยตามรับส่งสร้างปัญหาชิ้นโบว์แดงให้กับเขาอย่างอดไม่ได้
ปาร์คชึงยอนร้องเรียกหาแต่ชานยอลไม่เลิก เพราะเธอเห็นเพื่อนในห้องคนนึงที่มักจะมีคุณพ่อของตัวเองคอยซื้อขนม ซื้อของเล่น เทียวรับเทียวส่งให้เห็นบ่อยๆ แบบนั้น
เรื่องราวแบบนี้มันช่างเกิดขึ้นได้ยากนัก ซึงยอนจะรู้บ้างไหมนะ ...
ความต้องการของเธอแบบนั้น คยองซูนำมันมาให้ได้ยากเหลือเกิน..
เพราะสำหรับชานยอล ช่วงเวลากลางวันตามตัวยากยิ่งกว่าอะไรดี
ตารางชีวิตของเจ้าหมอนั่นไม่ได้เหมือนคนปกติทั่วไป
กลางคืนตั้งแต่3ทุ่มจนถึงตีสี่ของอีกวันคือช่วงเวลากลางวัน เขาจะตื่นขึ้นเพื่อใช่ชีวิตแบบไร้สาระอย่างที่ชอบทำไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ส่วนที่เหลือทันทีที่ตะวันแยงก้นปั้ป ยามที่ผู้คนลุกขึ้นออกมาทำมาหากิน กลับเป็นช่วงเวลาหลับนอน เปรียบเสมือนเวลาพักผ่อนเอาแรงที่เขามักจะขลุกอยู่แต่ภายในคอนโดตลอดเช้าจรดเย็น
ซึงยอนไม่มีทางเลือกและคยองซูก็ไม่อยากให้เด็กตัวเล็กๆต้องมาจดจำกับพฤติกรรมไม่เอาไหนของพ่อตัวเองตั้งแต่ยังไม่เริ่มเข้าเรียน เขาเลยตัดสินใจรับลูกสาวของเพื่อนมาอยู่ที่บ้านพักของตัวเอง โชคดีที่เขาอาศัยเพียงคนเดียว เพราะคนที่เหลือคนอื่นๆในครอบครัวก็อาศัยอยู่ที่คยองกีทั้งหมด เหลือเชื่อที่เขาดูแลซึงยอนมา1ปีเต็มๆแล้ว เป็นทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน
ป้อนข้าว ป้อนน้ำ
กระทั่งเข้าเรียนหนังสือ
แต่จะให้เป็นไปแบบนี้ตลอดชีวิต เขาก็คงทำไม่ได้...
คยองซูเองก็มีงานที่ต้องทำ แถมซึงยอนก็เริ่มมีความคิดที่โตขึ้น
หลังจากการส่งปาร์คซึงยอนไปเรียนหนังสือในวันนั้นจึงเป็นสาเหตุที่เขาจำเป็นจะต้องฝืนทนทำเรื่องที่แย่และขัดจากความคิดของตนเองที่สุดในชีวิต
เขาต้องเปลี่ยนปาร์คชานยอลให้เป็นพ่อที่ดีให้ได้ ‘
นั้นคือคำปฎิญาณ
….
จะมีอะไรซวยไปกว่าการที่ต้องยอมให้เจ้าหมอนั่นย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านหลังเดียวกันล่ะ
ไม่มีหนทางไหนที่จะล็อคตัวเขาเอาไว้ได้เท่าวิธีแบบนี้อีกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กน้อยที่เขาเป็นห่วง
คยองซูจะไม่ทำเรื่องบ้าๆแบบนี้แน่ๆ
++
1.นายต้องเขียนบันทึกพัฒนาการของซึงยอน
2.นายจะต้องเป็นคนไปส่งปาร์คซึงยอนไปโรงเรียน
3.นายจะต้องเป็นคนเล่านิทานก่อนนอนให้ปาร์คซึงยอน
4.เลิกเที่ยวกลางคืน!!!
5.ถ้ามีคนมาขอนายเดท!!นายต้องตอบว่า “ขอโทษด้วยนะครับ ผมแต่งงานแล้ว~” เ
พราะ!!ปาร์คชานยอลมีปาร์คซึงยอนเป็นลูกแล้ว นายจะไปมีใครอื่นที่ไหนไม่ได้อีก!
6.รีบหางานทำ ---ในที่นี้นายจะต้องทำงานให้ร้านของฉัน!!
tbc.
+++
ห้ามด่าที่มาเปิดเรื่องใหม่ ห้าม ห้าม ห้าม ฮืออ คือคิดเนื้อเรื่องไว้นานแล้วแต่ไม่ได้เอาลง วันนี้เลืกเรียนก็เลยลองมาแต่งดู ภาษาไม่ได้เกลาอะไรเลย ลองร่างเรื่อมาลงก่อน คืออยากรู้ว่าทุกคนจะชอบไสตล์นี้มั้ยอะ เชคเรทติ่ง5555555555 ไสตล์แบบชานเละๆเทะๆหน่อย เจ้าโด้ อาจจะมีปากมีเสียงมากกว่าคาแรกเตอร์เดิมบ้างไรงี้ หมู่นี้ชานชอบทำสมาธิสั้นให้เห็นตามหน้าคลิปทั่วไปบ่อย เลยอยากแต่งชานยอลไม่เอาไหนดูมั่ง น่ารักดี55555555555555
ฟิคเก่าๆ ต้องใช่เวลาแต่งนาน จุดนี้เวลาติ่งยังไม่ค่อยมีเลยอะT-T
ไงก็ใจร่มๆๆนะก้ะ อย่าด่าเค้าในใจนะ ฮือออออ
รักรีดเดอร์นะคะที่ยังอุตส่าห์รอ ฮืออ
ความคิดเห็น