ตอนที่ 8 : บทที่ 8 เวทีที่สอง
บทที่ 8 เวทีที่สอง
หยานมู่หลินยืนตรงหน้ากลุ่มคนที่มีบรรยากาศไม่อยากจะเชื่อแผ่กระจายออกมา เขาพงกหัวอย่างใจเย็นให้กับชายวัยกลางที่อยู่ตรงกลาง เขาเหลือบไปเห็นว่าอีกฝ่ายที่ออกมาเป็นคนแรกเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนั้น ชายวัยกลางอาจจะเป็นผู้กำกับเรื่อง “พานจินเหลียน”
หยานมู่หลินไม่ได้คิดผิด เมื่อเขารอตาออดิชั่นของเขาที่ด้านนอก ชายหนุ่มได้เรียนรู้จากอาตี๋และอาซันว่า ภาพลักษณ์ของผู้กำกับเฉินนั้นค่อนข้างบ้านๆ เขามีท่อนบนที่ผอม ผมแหลมแลดูเผ็ด และใบหน้าสามัญ เขาเหมือนกับคนเป็นล้านๆคน ทุกฤดูกาล เขามักส่วนสวมกั๊กเสมอ ถ้าหยานมู่หลินไม่สังเกตเขา ชายหนุ่มคงจะได้หยุดอยู่กับที่ ไม่ได้ไปต่อในวงจรบันเทิง
พวกเขาหายจากอาการตกใจอย่างรวดเร็ว เก็บขากรรไกรที่แทบจะตกถึงพื้นให้เข้าที่ ผู้กำกับเฉินเดินตรงเข้าไปหาหยานมู่หลินและบอกให้เขาออกจากห้องออดิชั่นได้ แล้วกลับเข้าห้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือกันต้อ ผู้ช่วยผู้กำกับเดินตามพวกเขาไป ก่อนจะจากไป ผู้กำกับเฉินบอกคนอื่นๆว่าพวกเขาควรจะเลือกได้แล้ว
ทุกคนรู้ถึงเหมือนมีแมวมาข่วนหัวใจตัวเอง มันคันมากๆ พวกเขาอยากจะรู้จักชื่อของเด็กใหม่ เข้าใจไหม? ผู้กำกับเป็นเอามาก เขาไม่จำเป็นต้องซ่อนมันเอาไว้ ยังไงทุกคนก็เซ็นสัญญารักษาความลับไปแล้ว พวกเขาจะไม่บอกอะไรใครทั้งนั้น!
ไม่รวมถึงว่าพวกเขากู่ร้องในใจตัวเองยังไง ทุกคนแค่มองชายอายุไม่เยอะและหล่อเหลาเดินตามผู้กำกับหน้าธรรมดาไปที่อีกห้องหนึ่ง พวกเขาอยากจะไปดักฟังเหลือเกิน สุดท้ายแล้ว เบื้องหลังของชายคนนั้นจะเป็นยังไง
เมื่อผู้กำกับเฉินกับหยานมู่หลินจากไป คนในห้องออดิชั่นก็ระเบิดออกมาแล้วตามด้วยกันถึงเรื่องของชายคนนั้น โรงเรียนอะไรที่อีกฝ่ายอยู่ เขาชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ อยู่สาขาวิชาอะไร คำถามทุกประเภทต่างถูกใช้ออกมา แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้ จากข้อมูลอันน้อยนิดที่พวกเขามี รู้แค่ว่าชื่อของเขาคือหยานมู่หลิน เป็นนักศึกษา และหมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลที่เหลือต่างว่างเปล่า
บ้าจริง ทำไมพวกนั้นถึงได้ทำงานเก็บรักษาข้อมูลได้ดีอย่างงี้ หา?
มันไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาโทษตัวเองที่ไม่ได้ผู้สมัครว่าต้องกรอกข้อมูลลงในเว็บไซต์ นอกจากนี้ พวกเขาอาจได้รู้จักเบื้องหลังของชายหล่อเหลา เดี๋ยวนี้การป้องกันสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนในสังคมเริ่มดีขึ้น แต่เมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่ต้องการถูกเปิดเผย แล้วทำไมพวกเขาจึงบังคับให้คนอื่นบอกข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานของพวกเขา?
ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ยังอยากรู้อยู่ดี!!
หรือบางทีผู้กำกับเฉินจะให้เขาร่วมในฐานะนักพาทย์หญิงบทบาทหลัก?
ชื่อเต็มของผู้กำกับเฉินคือ เฉินหยู่เฉา เขาประสบความสำเร็จในการสร้างผลงานอนิเมะมาแล้วมากมาย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขาก็ได้เรียนรู้ภายใต้การชี้แนะของผู้กำกับที่มีชื่ออีกคน ปัจจุบัน เขาได้มีผลงานอนิเมะเป็นของตัวเอง ซึ่งผลงานของเขาก็เพิ่มขึ้นและโด่งดังไปทั่ว “พานจินเหลียน” ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา และไม่ใช่งานสุดท้ายอย่างแน่นอน แต่มันมีความนิยมสูงสุดในขณะนี้ เพราะเฉินหยู่เฉาอยากจะให้มันเป็นดาวเด่นในวงการ
เมื่อพานจินเหลียนประกาศจะคัดเลือกนักพากย์เสียง ทำให้เกิดการวิพาทย์วิจารณ์มากมาย มีรายงานจากสื่อข่าวต่างๆว่าผู้นำพากย์ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นคนที่เคยทำงานในตำแหน่งนี้มาก่อนกับอีกฝ่าย เสียงของเธอทั้งหวานและมีเสน่ห์มากพอ เมื่อพวกเขาได้ฟังเสียงของเธอ มันทำให้ร่างกายอ่อนยวบยาบลง เสียงของเธอถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของพานจินเหลียนมากที่สุด แต่มันจะเป็นของเธอหรือไม่? ไม่ใช่แค่สื่อรายงาน แต่แม้แต่บรรดานักพากย์หญิงก็เริ่มจะกดดันเฉินหยู่เฉา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ผล
นอกจากนักพากย์เสียงหญิงในอนิเมะเรื่องก่อนหน้าของเขา ยังมีนักพากย์เสียงชั้นหนึ่งอีก 2-3 คนที่ถูกกล่าวถึง พวกเขาอาจเคยถูกถ่ายรูปตอนไปทานอาหารด้วยยกันกับเฉินหยู่เฉาอย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ในรายงานหลายๆอย่าง นี้ถือเป็นเรื่องที่มีการคาดเดาเป็นอย่างมาก
เฉินหยู่เฉาเป็นผู้กำกับที่ไม่เคยมีความแน่นอนในการแจกบท สังคมภายนอกมีผลกระทบต่อเขาไม่ได้ง่ายๆ เขาเป็นชายที่คิดและทำในสิ่งที่ต้องการ ผู้กำกับคนอื่นที่เคยทำงานร่วมกันในก่อนมักบอกว่าเขาเหมือนคนที่ทำอะไรไม่เป็น หรือชอบอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครรู้ว่าแค่พูดเกินจริงหรือว่าล้อเล่น แม้ว่าในท้ายที่สุด ความจริงมักพิสูจน์เขา เฉินหยู่เฉาพิสูจน์ตัวเองด้วยความสำเร็จ
ผู้กำกับเฉิน ที่พิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำ มองนัยน์ตาดอกท้อที่อยู่ตรงหน้าเขา เวลาที่คนๆนั้นหัวเราะ ชายหนุ่มมักสะกดผู้คนให้หยุดนิ่ง โดยเฉพาะผู้หญิง
“เธออยากแนะนำตัวก่อนไหม?” เฉินหยู่เฉาพยายามจะไม่ใช่เสียงที่หนักจนเกินไป เขาเป็นผู้กำกับ และเป็นหัวหน้าทีมอนิเมะทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่ได้วาดภาพทุกภาพ แต่เขาก็เป็นคนดูแลเรื่องภาพรวมของทั้งหมด เลือกบท ดูแลเรื่องเสียงพากย์ และสร้างคำแนะนำและตอบสนองความต้องการให้มากที่สุด การประสบความสำเร็จในการเลือกนักพากย์หน้าใหม่เป็นอะไรที่ทำให้เขาตื่นเต้น แต่ยังไงซะ เฉินหยู่เฉาก็ไม่เก่งที่จะแสดงสีหน้านัก
เพราะมีคนเริ่มก่อน การจะตามหลังจึงเป็นเรื่องง่าย หยานมู่หลินได้จัดการแนะนำตัวเองตามที่คิด เขาเรียนศิลปะการพูดมาด้วย ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าควรจะแสดงตัวเองอย่างไรให้ดีที่สุดและเหลือความประทับใจไว้ให้กับผู้กำกับเฉิน
เขาเชื่อว่าเขาจะได้คุยกับผู้กำกับด้วยกัน ในห้องประชุมนี้ (ผู้ช่วยผู้กำกับไม่นับ) เขาเชื่อเช่นนั้น เทียบกับ CV คนอื่น เขามีโอกาสดียิ่งที่ได้พบกับผู้กำกับ หยานมู่หลินไม่อยากจะพลาดมัน ตามจริงแล้ว เขาไม่ได้แสดงออกมามากนัก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผู้กำกับเฉิน ผมเป็นนักเรียนปีสองจากมหาวิทยาลัย Imperial Media สาขาวิทยุกระจายเสียง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมและคำแนะนำในการออดิชั่นปันจินเหลียนที่นี่ ผมคาดหวังว่าเสียงของผมจะตรงกับความต้องการของคุณ และได้มีโอกาสในการพากย์เสียงอนิเมะเรื่องนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีส่วนร่วม” อย่างที่เขากล่าวแนะนำตัวเองไปว่าเขาเป็นนักศึกษาปีสอง หยานมู่หลินยิ้มให้เฉินหยู่เฉาโดยไม่มีการประจบ
เวลานี้ เฉินหยู่เฉาได้ถือข้อมูลของหยานมู่หลินเอาไว้ในมือ มันไม่ได้มีเนื้อหามากนัก ทั้งยังไม่ครอบคลุมเรื่องที่ว่าชายหนุ่มเป็นนักเรียนปีสองของมหาวิทยาลัย Imperial Media ตามที่แนะนำตัวเอาไว้ เขารู้จักศาสตราจารย์หลายคนที่นั้น และเขาไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าวิทยาลัยแห่งนั้น เขาเคยติดต่อผู้คนที่จบมาจากวิทยาลัยแห่งนี้เหมือนกัน เขารู้สึกว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัย Imperial Media แบ่งออกเป็นสองประเภทที่ต่างกันสุดขั้ว พวกเขาอาจจะดีมาก หรือแย่พอที่จะทำให้คุณหัวหมุนได้เลย รายละเอียดสามารถบ่งบอกอนาคตได้
การแนะนำตัวที่น่าเชื่อถือนี้ยังไม่พอสำหรับเฉินหยู่เฉามากพอที่จะเข้าใจทักษะระดับมืออาชีพของหยานมู่หลิน เขาเอาบทพูดจากผู้ช่วยแล้วเปิดไปที่หน้าแรก ชี้ไปที่เส้นด้านบน เขาพูด “ฉันให้เวลาเธอห้านาที ดูบทสนทนาของสองคนนี้ ถ้าเธอสามารถแสดงระดับเสียงที่แตกต่างกันได้ทั้งสอง ฉันจะกำหนดบทของเธอในพานจินเหลียน”
ถ้าคุณมีโอกาส คุณต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อมัน นี้เป็นหลักการทำงานของหยานมู่หลินเสมอ มิฉะนั้น เขาจะทำอย่างไร คนที่ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีคุณสมบัติทางวิชาการ ไม่มีผู้สนับสนุน จะสามารถประสบความสำเร็จได้รางวัล The Best Male CV Award? นอกจากนี้ เขาได้ตายไปแล้ว แต่เราจะไม่คุยถึงเรื่องนี้
หยานมู่หลินไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากได้รับสคริป สมองของเขาก็ทำงานเร็วจี๋ เขาตรวจสอบเป็นอย่างแรกและจดจำมันทั้งหมดไว้ในหัว เมื่อเขามองอีกครั้ง เขาเริ่มวิเคราะห์สิ่งที่บทสนทนาต้องการ นี้ต้องเป็นหนึ่งในบทของอนิเมชั่นแน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องรูปร่างของปาก ซึ่งช่วยให้เขารอดชีวิตมานัดต่อนัด ช่วงเวลาพักใช้มันไปกับการมองหาทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาเปล่งประกาย และครุ่นคิดถึงความหมายของแต่ละประโยค
ในสคริป ชื่อของตัวละครถูกเขียนเอาไว้ หยานมู่หลินไม่ได้เริ่มในทันที เขาคิดถึงระดับเสียงที่เข้ากับตัวละครในสคริป ชายหนุ่มจริงจังมากจนเขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าผู้กำกับเฉินและผู้ช่วยออกไปแล้ว
เจ้าของบทในสคริปไม่ใช่ปันจินเหลียน นี้เป็นบทสนทนาระหว่างย่าหวังและซีเหมินซิง
หยานมู่หลินเคยเห็น “ดอกบัวทองคำ” ดังนั้น หลังจากมองบทสนทนา เขาประมาณว่านี้ต้องเป็นช่วงที่ซีเหมินซิงและพานจินเหลียนโต้เถียงกัน
เพราะพานจินเหลียนมีเสน่ห์ ความโกรธของเขาจึงหายไปและกลายเป็นความใคร่เสน่หาแทน
ทั้งหมดนี้ถูกพบเห็นโดยย่าหวัง
หลังจากนั้น ซีเหมินซิงก็ไปหาย่าหวัง นางทำความเคารพเขาและเอ่ย “โอ้ ท่านผู้ทรงเกียรติ ท่านมาที่นี้ทำไมหรือ?”
ซีเหมินซิงถามย่าหวัง: “สตรีที่อยู่ประตูถัดไปเป็นผู้ใด?”
ย่าหวัง: “นางเป็นน้องสาวของ ‘ราชาหย่าหม๋า’ บุตรีสะใภ้ของแม่ทัพหวู! เหตุใดท่านถึงถามนามของนางหรือ?”
ซีเหมินซิง: “ข้าจะบอกเจ้าตามตรง แต่ห้ามหัวเราะ”
ย่าหวัง: “ทำไมท่านถึงจำนางไม่ได้เล่า? สามีนางเพิ่งจะขายอาหารร้อนๆก่อนพวกหย๋าเมินเมื่อวันก่อนนี้เอง”
ซีเหมินซิงคาดเดาสามครั้งแต่ยังหาคำตอบไม่ได้ ย่าหวังหัวเราะและบอกเขา ซีเหมินซิงจึงระเบิดเสียงหัวเราะแล้วกล่าว “ไม่ใช่ว่าเขาคือหวูต้าหลันที่มีชื่อเล่นว่าเปลือต้นหม่อนสามนิ้ว?” หลังจากรู้ว่าใครคือสามีของนาง ซีเหมินซิงพลันรู้สึกสงสารสตรีนางนั้น “เนื้อชั้นดีดันตกไปอยู่ในปากสุนัข”
หลังจากเขาตรวจสอบสคริปเสร็จสิ้น ผู้กำกับเฉินและผู้ช่วยผู้กำลังก็เข้ามาในห้องประชมอีกครั้ง เขาได้รับถ้วยชาจากผู้กำกับเฉิน
ผู้กำกับเฉินถามหยานมู่หลิน “เราเริ่มกันเลยไหม?”
หยานมู่หลินหัวเราะ “แน่นอนครับ”
หยานมู่หลินจัดเสื้อของเขา แต้มรอยยิ้มบนใบหน้า และดัดเสียงของตัวเองให้ได้ระดับที่พอดี เขาเริ่มแสดงบทสนทนาระหว่างย่าหวังและซีเหมินซิงต่อหน้าเฉินหยู่เฉา ชายหนุ่มเหมือนมืออาชีพที่ผ่านการทำงานการพากย์เสียงมาแล้วหลายปี เขาคุ้นเคยกับทักษะของตัวเอง และยังเปลี่ยนเสียงได้อิสระ อย่างกับว่าเขาไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด
เฉินหยูเฉารู้แล้วว่าวันนี้เขาพบไข่มุกเปื้อนฝุ่นเข้าแล้ว ตราบเท่าที่มีโอกาส จะต้องเฉิดฉายเข้าสักวันไม่ช้าก็เร็ว ในอุตสาหกรรมขาดแคลนนักพากย์รุ่นเยาว์ที่มีความสามารถอย่างหยานมู่หลินที่สมัครใจจะทำงานหนัก อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่าเขาเป็นคนขยันทำงานหนักก็ยังไม่ได้รับการยืนยันซะทีเดียว
หลังจากเสร็จสิ้นการแสดงบทสนทนาระหว่างย่าหวังและซีเหมินซิงอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้กำกับเฉินกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจกับหยานมู่หลิน “น้องหยาน ฉันสามารถให้บทกับเธอได้ แต่ฉันบอกไม่ได้ว่าจะได้บทอะไรตอนนี้ พวกเขาจะบอกเธออีกครั้งในสามวัน เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่อีเมลล์บนอินเทอร์เน็ตจะติดต่อเธอ โอเค?”
หยานมู่หลินที่แสดงอาการยืนดีบนใบหน้า ผงกศีรษะ “ขอบคุณมากครับ ผู้กำกับเฉิน เบอร์โทรของผมว่างเสนอ”
ผู้กำกับเฉินเอ่ย “ได้ อย่างนั้นพวกเรามาลงสัญญาติดต่อตอนนี้เลย”
หยานมู่หลินพยักหน้าอีกครั้ง เขาแสดงความอ่อนเยาว์ออกมา แสดงความเป็นผู้ใหญ่มากเกินไปจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาไม่น่าเข้าใกล้
ในขณะที่ประตูถัดไปยังคงมีการออดิชั่น แต่หยานมู่หลินได้ออกจากสถานที่ ด้วยสัญญาของผู้กำกับเฉิน เชื่อได้เลยว่ามันไม่ใช่แค่วาจาตกลงแน่
เยี่ยม วันนี้ดีเหลือเกิน
ถ้าเขาได้เจอกับคนขับใจดีคนนั้นอีกครั้ง เขาจะต้องเลี้ยงอาหารอีกฝ่ายแน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายเป้นดาวนำโชคของเขานี้
เวลานี้ “คนขับเชา” ที่ไม่ทราบว่าได้กลายเป็นดาวนำโชคในใจหยานมู่หลินแล้วกำลังนั่งบนโต๊ะทานอาหาร เผชิญหน้ากับ “ครอบครัว” ของเขาที่ทั้งหมดต่างมีแรงจูงใจซ่อนเร้นเอาไว้ในใจพวกเขา บรรยากาศสามารถบอกได้เลยว่าทั้งน่าเบื่อและรำคาญ
จะเร็วหรือช้า เขาต้องหาวิธีแทงข้างหลังเพื่อเอาชีวิตพ่อของเขา ถึงตอนนั้น เขาจะได้มีเวลาทั้งหมดในโลกใบนี้
หย๋าเมิน – ผู้ช่วยผู้บริหารหรือข้าราชการประจำท้องถิ่นในจักรวรรดิจีน
ปล. ขออภัยค่ะ พอดีเอาคอมไปซ่อมเลยไม่สามารถแปลได้ ฮืออออ ตามช่างทำทุกวันเลยค่ะ เขาไม่ยอมส่งสักที นัดเอาไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแต่ยึกยักไม่ยอมทำให้จนเพิ่งได้วันนี้แหละค่ะ แต่จากนี้จะสามารถลงให้ได้ถี่เหมือนเดิมแล้วนะค่ะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอให้ได้บทตัวเอกนะ หลิน
ขอบคุณค่ะ
ท..ท...แทงข้างหลัง...อ่อค!! //ขอโทษค่ะ..เรามันคนใจบาปปปปปป ซับเลือดกำเดาแป๊บ สมงสมองไปละค่ะ555