ตอนที่ 10 : บทที่ 10 อธิบายลักษณะ
บทที่ 10 อธิบายลักษณะ
หยานมู่หลินและหยานซีเซียนไม่ได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งนัก ดังนั้นตามธรรมชาติ เขาต้องถูกเตะออกจากโรงพยาบาล หยานซีเซียนอนุญาตให้เขามาเยี่ยมได้เป็นครั้วคราวเท่านั้น เธอยังบอกอีกฝ่ายไม่ต้องการให้เขามาปรากฏตัวทุกวัน นั้นอาจเป็นเพราะเพื่อนของเอในอุตสาหกรรมบันเทิงอาจจะมาเยี่ยมเธอได้และเธอไม่อยากให้เขาถูกคนอื่นพบเห็น เธอเป็นลมขณะที่ทำงาน ดังนั้นคนหลายคนจึงรู้ว่าเธอป่วย
หยานมู่หลินที่รับรู้ความกังวลของเธอ ไม่พูดมาก ลูคีเมียไม่ใช่อาการที่ร้ายแรง เขาค้นหาเกี่ยวกับครอนิก ไมยโลจีนัส ลูคีเมีย (Chronis myelogenous leukemia) ตราบเท่าที่เธอได้รับการดูแลอย่างดี เช่นนั้นแม่หยานก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้มากกว่าอาการหนักขึ้น หยานมู่หลินไม่กังวลมากนัก เขาเชื่อว่าหยานซีเซียนต้องการมีชีวิตต่อไป นอกจากนี้ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องที่เธอมาที่โรงพยาบาล แน่นอน มันยังถูกเก็บเป็นความลับจากด้านนอกอยู่
หลังจากนั้น หยานมู่หลินก็กลับไปที่มหาวิทยาลัย ถ้าเขาไม่กลับไป งั้นเขาก็ไม่มีที่ๆให้ไป เขาไม่มีแม้แต่เพื่อนที่จะสามารถคุยเรื่องชีวิตได้ ดังนั้นหลังจากนี้ เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเพื่อให้ได้
เหมือนกับที่เขากลับมาที่หอพักและวางกระเป๋าเป้ลง นักศึกษาชายจากห้องข้างๆมาบอกเขาว่ามีบางคนกำลังตามหาเขาอยู่ที่ชั้นล่าง หยานมู่หลินเช็คโทรศัพท์และเห็นสายที่ไม่ได้รับ เวลานี้ เขาจำได้ว่าตอนที่ไปโรงพยาบาล เขาปิดเสียงโทรศัพท์
แต่ใครหละที่มาหาเขา? สายที่ไม่ได้รับก็เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยด้วย
แทนที่จะมาสงสัยอยากรู้อยากเห็น มันคงดีกว่าถ้าหากเขาลงไปชั้นล่างและพบกับคนๆนั้น หวังอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่ต้องตามหาคนๆนั้นให้เมื่อย
มหาวิทยาลัย Imperial Media ต่างเต็มไปด้วยรถหรูหรา ตรงหน้าเขาคือรถสีดำ ที่ไม่เตะตาเลยสักนิด นอกจากนี้ ที่ยืนอยู่ข้างรถคือชายที่ดึงดูดใจให้ผู้หญิงอยากเป็นแฟนด้วยที่ชั้นล่าง เหมือนหยานมู่หลิน อีกฝ่ายมีนัยน์ตาลูกท้อที่สะกดคุณเอาไว้ หยานมู่หลินไม่ได้มีความประทับใจในรูปลักษณ์ของเชงฉินตง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะคบหากับคนอื่นๆ
ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนมากนัก สันนิษฐานว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังมองหาเขาอยู่ หยานมู่หลินคิด “คุณตามหาผมอยู่เหรอ?”
ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่ม เขาพูดสั้นๆ “อย่าทำเหมือนนายไม่รู้จักฉัน”
เมื่อหยานมู่หลินขยับเข้าไปใกล้ เขารู้แล้วว่าเขารู้จักคนๆนี้จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นี้คือนายน้อยคนโตของครอบครัว เขาดูดี แต่การแสดงออกแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องได้รับการสั่งสอนอีกสักเล็กน้อย นายน้อยคนนี้จ้องตรงมาที่เขาอย่างกับชายหนุ่มไปติดหนี้อีกฝ่ายเป็นล้านงั้นแหละ
หยานมู่หลินรู้สึกกวนประสาทด้วยน้ำเสียงเคืองๆของคนๆหนึ่ง เขายิ้มพร้อมวางมือทั้งสองข้างลงบนหน้าอกแล้วเอ่ย “ผมไม่รู้จักคุณ” แล้วจะทำยังไงหละ? ยังไง?
หากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไม่ผิดพลาด งั้นนายน้อยคนโตคนนี้จากสกุลเชงก็ไม่เคยทำแบบนี้กับหยานมู่หลินเลยสักครั้ง เมื่อน้องชายของเขา เชงเซียเส่ากลั่นแกล้งเขา เขาก็ทำตัวเหมือนเป็นผุ้ชม บางครั้ง อีกฝ่ายก็พูดประชดเสียงเย็นและร้อนใจสักคำสองคำ [คือเยาะเย้ย] เขาดูถูกหยานมู่หลิน หยานมู่หลินไม่พอใจเขา
การเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน 180 องศาของหยานมู่หลินทำให้เชงเซียเส่าช็อค เขาเลิกคิ้วสูงและตรวจดุอีกครั้งว่านี้คือหยานมู่หลิน คนที่หลัวแม้แต่ทั่งหมูและปลาที่มาจากครอบครัวเชง ไอ้การยั่วโมโหแบนี้ นี้เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ?
“หยานมู่หลิน อย่าทำให้ฉันโกรธ” เชงเซียเฉิงเตือนสติอีกฝ่าย
หยานมู่หลินไม่หลัว เขายืนตรงนั้นและพูดบางอย่างแบบนี้ “ผมทำอะไรให้คุณโกรธหรือครับ? ไม่ใช่ว่าคุณเรียกผมลงมา? คุณมีบางอย่างจะพูด ผมไม่อยากทะเลาะหรือหาเรื่องคุณหรอกนะ”
เชงเซียเฉิงไม่เหมือนน้องชายของเขา ที่จะต้องแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ในทันที ตอนนี้เขากำลังถูกยั่วโมโหโดยหลานมู่หลิน เขาถึงขีดจำกัดของตัวเอง และทำได้แค่ยับยั้งตัวเองกับได้รับบาดแผลทางใจก็แค่นั้น เขาทำได้เพียงใช้กลยุทธ์สงครามประสาทที่เรียนรู้มาจากการทำงานของพ่อของเขา
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าหยานมู่หลินที่ไม่ได้ปรากฏตัวที่สกุลเชงมามากกว่าเดินจะเปลี่ยนไปแปลงอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ยังไง มันไม่ได้น่ารำคาญ แต่ผิดปกติ เชงเซียเฉิงกวาดตามองยานมู่หลินและยื่นการ์ดกับกุยแจให้เขา “นี้จากพ่อ เอาไป”
หยานมู่หลินเอียงศีรษะของเขา ไม่มีอารมณ์ขันในดวงตา เขาส่ายหัวแล้วพูด “ขอบคุณสำหรับความใจดีของคุณ แต่นี้ไม่ใช่ของผม ผมยอมรับไว้ไม่ได้”
เชงเซียเฉิงปวดม้วนในใจ เขาไม่ได้มีความอดทน และชายหนุ่มไม่เคยชอบหยานมู่หลิน จงใจวิ่งเต้นทำกับดักให้เขาเสียหน้าต่ออีกฝ่าย จากนั้นก็เอาคืนด้วยการปฏิเสธสิ่งที่เขาเอามาให้ “หยานมู่หลิน ทำไมนายจะแค่ยอมรับมันไม่ได้”
หยานมู่หลินตอบกลับทันควัน “ผมไม่ยอมรับ”
เชงเซียเฉิง : .....
เวลานี้ เขามองหยานมู่หลินอย่างจริงจังจริงๆ ต่อหน้าเขา หยานมู่หลินยังคงไม่สวมใส่เสื้อผ้ามีแบรนด์ แต่อีกฝ่ายดูสะอาด บรรยากาศคนอ่อนแอหายไปจนหมด นี้มันเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
เชงเซียเฉิงถามอีกครั้ง “นายจะไม่ยอมรับมัน?”
หยานมู่หลินถอยหลังและตอบอีกครั้ง “ไม่คัรบ คุณควรกลับไปได้แล้ว นอกจากนี้ บอกพ่อของคุณด้วยว่านามสกุลของผมคือหยาน ไม่ใช่เชง ไม่ต้องมาหาผมอีก ลาก่อน!”
หยานมู่หลินหมุนตัวกลับแล้วขึ้นบันไดไป ทิ้งเชงเซียเฉิงให้ยืนอยู่คนเดียวอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มได้ยินเสียงของนักศึกษาหญิงที่กังซุบซิบความสัมพันธ์ของพวกเขา
“ดูวันนี้สิ คุณชายร่ำรวยไล่ต็อคนด้วยบัตรธนาคารกับกุยแจบ้าน แล้วโดนโยนคืนใส่หน้า ไม่เท่ลย!”
“ใช่ ที่สำคัญ เขายังสร้างสรรค์ไปนิด เหมือนว่าเขากลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าครอบครัวตัวเองรวยงั้นแหละ”
“อาฮะ เขาเมาหรือเปล่า? ให้เงินเพราะแค่จะเดทกับคนอื่น...”
“.....”
นักศึกษาหญิงสองคนเดินจากไป เชงเซียเฉิงจ้องเขม็งไปยังจุดที่หยานมู่หลินหายไป รู้สึกเหมือนเขากำลังจะระเบิดตัวออกมา เหล่าจื้อคนนี้ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสัมพันธ์กับมัน โอเค!?
เจ้าหยานมู่หลินนั้น เขาจะจำเรื่องนี้เอาไว้
เชงเซียเฉิงขับรถจากไปอย่างรวดเร็วและมองไปยังของที่เขาโยนลงบนเบาะข้างตัว เขาคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้พ่อตัวเองฟังยังไงดี เหมือนว่าทางเดียวคือบอกไปตามจริงเลยจะดีก่า พ่อของเขาค่อนข้างห่วงเรื่องหน้าตาตัวเอง แน่นอน เขารู้สึกว่านั้นจะทำให้ชีวิตอันยากลำบากของหยานมู่หลินตกต่ำลง
หยานมู่หลินที่สำเร็จการไล่เชงเซียเฉิงกลับ ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นเป้าหมายของใครบางคนไปแล้ว
ในห้องประชุมที่ไม่ได้ใหญ่มาก
หัวข้อที่ยกมาในวันนี้ต่างอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน ในอดีต ปัญหาถูกแก้ไขอย่างง่ายดาย หรือไม่ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
เฉินหยู่เฉามีทีมเป็นของตัวเอง เขามีมันสมองไม่กี่คนที่สามารถเชื้อถือได้ภายใต้การดูแลของเขา พวกเขามักจะให้คำแนะนำกับทีมได้และยืนอยู่ฉากหลังเงียบๆ แต่วันนี้ พวกเขาต่างหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธเนื่องจากเด็กรุ่นเยาว์
เฉินหยู่เฉาที่ปกติมักจะใจเย็น ถึงขั้นปลักเก้าอี้ เกิดเป็นเสียงกรอกแกรก สิ่งที่เขาจะพูดเป็นการกระตุ้นกลุ่มคนไม่เห็นด้วยอย่างแรง “ไม่ว่ายังไง คนนี้จะต้องเป็นเสียงของพานจินเหลียน หรือไม่อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องฉาย!”
โปรดิวเซอร์ A “ผู้กำกับเฉิน เด็กนี้ไม่มีแม้แต่งานสักงาน คุณจะให้บทนักพากย์เสียงหลักหญิงให้กับเขาเพียงเพราะแค่การสัมภาษณ์? คุณก็รู้ว่าเสียงพากย์หลักหญิงเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ CV แย่ๆจะทำลายงานนี้!”
โปรดิวเซอร์ B “ใช่ ผู้กำกับเฉิน ถึงพวกเขาจะทำงานหลังฉาก ผมก็ยังเห็นด้วยกับความเห็นของ A นอกจากนี้ เขายังเป็นผุ้ชาย คุณจะเอาบทผู้หญิงให้เขาได้ยังไง!”
โปรดิวเซอร์ C “ฉันเห็นด้วยกับผู้กำกับเฉิน เขาแค่ใช้จุดขายนี้ในอนาคต CV ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจะเป็นพานจินเหลียน พอทุกคนสอบถาม พวกเขาทำได้แค่มาที่สตูดิโออนิเมชั่นของพวกเขาเพื่อรู้เกี่ยวกับตัวตนของ CV ที่แท้จริง เขาไม่มีแม้กระทั่งนายหน้าหลักทรัพย์ อืมม คิดว่านะ”
ผู้กำกับเฉินเสริม “พวกนายไม่ต้องพิสูนจ์อะไรเขาอีก ฉันทดสอบไปแล้วว่าเขามีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานนี้ โอเค ตัดสินได้แล้ว!”
โปรดิวเซอร์ A และ B “....”
ผู้กำกับเฉิน ไม่คิดว่าคุณตัดสินใจเร็วไปหน่อยเหรอ? ความเป็นกลางของคุณมันหายไปไหน!
ต่อหน้าผู้กำกับเฉิน ความเที่ยงธรรมมันไร้ความหมาย เพราะเขาคือบอส
หลังจากจัดการไล่เชงเซียเฉิงสำเร็จ เขากลับมาอารมณ์ดีพอที่จะใจเย็นลง เมื่อได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับเฉิน
ได้ ได้ ได้!
ได้บทอะไร?
พานจินเหลียน พานจินเหลียน พานจินเหลียน!!!
ไม่ใช่บทเสริม ไม่ใช่บทเสริม!
เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ขึ้น หยานมู่หลินก็กระโดด เขาได้จริงนะเหรอ? ทำไมมันง่ายกว่าที่เขาคิดกัน? แต่ยังไง เขาก็ได้มันมาจริงๆ!!
เขาถูกเชิญไปที่สตูดิโออัดเสียงในพรุ่งนี้ ลงชื่อเซ็นสัญญาติดต่อเป็นอะไรที่เสร็จภายในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ หยานมู่หลินไม่สนเรื่องค่าตอบแทนอะไรทั้งนั้น ที่เขาต้องการคือการสะสมชื่อเสียงและแฟนๆ
เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะโดนเลือก ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า ใจเย็น ใจเย็น หยานมู่หลิน นายทำได้ดีจริงๆ
หยานมู่หลินที่กำลังมีความสุขอยู่นั้น รีบเร่งเดินทางไปยังสตูดิโออัดเสียงทันทีเมื่อเขาได้รับจดหมายบอกให้มา ก่อนที่เขาจะได้เริ่มงานจริงๆ หยานมู่หลินได้รับโปรไฟล์ตัวละครจากผู้กำกับเฉิน อย่างแรก เขาจะต้องคิดรูปแบบของตัวเองให้ออก กำลังว่าเขาจะใช้เสียงตัวเองอย่างไร และสื่อสารกับ CV คนอื่นๆ
ผู้กำกับเฉินเห็นหยานมู่หลิน แล้วพาเขาไปยังห้องประชุมที่เขาจะได้รู้จักกับนักพากย์เสียงคนอื่นที่เขาจะต้องทำงานร่วมกัน หยานมู่หลินได้รับสายตาอิจฉาหลายคู่ แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยความไม่พอใจและดูถูก
ใครจะรู้ว่าผู้กำกับเฉินจะดีกับเด็กน้อยคนนี้? มีแค่คนในการออดิชั่นของชายหนุ่มเท่าที่นั้นรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขา ในขระที่คนไม่รู้ คิดว่เขาแค่ถูกเสนอชื่อโดยนักลงทุคนสักคน เขาอายุน้อยขนาดนี้ แล้วยังเป็นผู้ชายด้วย อีกฝ่ายจะจัดการเสียงของตัวเองให้เหมาะสมกับบทผู้หญิงได้แน่หรือ? ใครจะไปเชื่อลง
ขณะที่ทุกคนพยายามจะส่วนของตัวเองเออเอง หยานมู่หลินทำตามคำแนะนำของผู้กำกับเฉินเรื่องรูปแบบของเนื้อเรื่อง เสียงตัวละครของเขาค่อยๆกระจ่างมากขึ้น
พานจินเหลียน ของเฉินหยู่เฉาเป็นแบบฉบับดัดแปลง ลักษณะตัวละครจะเป็นแบบเดียวกับความต้องการของภายนอก พวกเขาเปลี่ยนภาพลักษณ์พานจินเหลียนในสายน้ำมาร์กินไปอย่างสิ้นเชิง พานจินเหลียนกลายเป็นสายลับเฉลียวฉลาด ที่เสียลสะตนเองเพื่อชาติ หวู่ต้าหลันกลายเป็นมิตรของพานจินเหลียน และซีเหมินซิงกลายเป็นบุตรชายของแม่ทัพซีเหมินที่มากไปด้วยกองกำลังพลจำนวนมาก
พานจินเหลียนและหวู่ต้าหลันปกปิดตัวเองด้วยการทำตัวเป็นคู่รัก ‘ปลอมๆ’ พานจินเหลียนแสดงภาพลักษณ์แสนยั่วยวน ทำให้ภาพลักษณ์ของพานจินเหลียนดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้วยคำสั่งที่จะต้องขโมยมันสมองของกองทัพ พานจินเหลียนจึงเกลี้ยกล่อมซีเหมินซิงและใช้เขาเพื่อเอาข้อมูลที่พวกเขาต้องการ
เนื้อเรื่องต่างสมเหตุสมผล หยานมู่หลินชอบพานจินเหลียนเวอร์ชั่นนี้มากที่สุด มันไม่ใช่หญิงแพศยาจากดอกบัวทองคำ ในชีวิตก่อนของเขา ชายหนุ่มเห็นมามากเกินพอแล้ว และมันน่าเบื่อทั้งหมด ภาพยนต์ต่างก็เป็นของชั้นสาม พานจินเหลียนของผู้กำกับเฉินแสดงให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของพานจินเหลียน
พล็อตของพานจินเหลียนต่างเหมือนกันไม่มากก็น้อย
พานจินเหลียนอยู่ในฐานะสตรีของบ้านข้าราชการตัวจริง เธอแต่งงานเข้าบ้านผู้พิพากษาผู้มีอันจะกิน แล้วมีบุตรชายให้เขา แต่จากนั้น เรื่องดีๆมักไม่อยู่คู่เสมอไป เพราะสงคราม ครอบครัวของเธอจึงถูกโจมตีแล้วถูกฆ่า แม้กระทั่งลูกชายของเธอเอง ที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้แค่สามเดือน ถูกสังหารภายใต้คมดาบของศัตรู จากวันที่ถูกรุกราน เธอหนีตายด้วยความโกรธเกรี้ยว สำเร็จการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติ
พานจินเหลียนที่ไม่ต้องการมีชีวิตอีกต่อไป ปรารถนาที่จะตายด้วยการกระดดดลงไปในแม่น้ำ โชคดี หวู่ต้าหลันที่ผ่านมาพอดี ได้ช่วยเอเอาไว้แล้วถามว่าอยากแก้แค้นไหม หลังจากได้รับคำตอบที่ชัดเจน ทั้งสองก็เข้าร่วมองค์กรสายลันเพื่อฝึกฝนทักษะของพวกเขา ภายหลังสำเร็จการศึกษา ทั้งสองก็ไปซ่อนตัวอยู่ที่รัฐฉู่ แล้วแสดงละครอาศัยร่วมกันในฐานสามีภรรยา
ภาพลักษณ์ของพานจินเหลียน หวู่ต้าหลันและซีเหมินซิงต่างถูกพลิกกลับด้านทั้งหมด หยานมู่หลินที่ได้รับบทให้พากย์เสียงตัวละครหลัก ทำงานอย่างหนักเพื่อตีบทของเสียงของพานจินเหลียน เสียงของหล่อนจะเบนไปทางเป็นมิตร ศัตรูของเธอ แล้วคนที่เธอจะเกลี้ยกล่อม ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในความท้าทายของเขา เสียงด้านต่างๆของตัวละครหลักสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับ CV มากจริงๆ
ในอนิเมะ นิสัยของพานจินเหลียนจะมีด้วยกันสามแบบ
ช่วงแรก เธอเป็นจะเป็นสตรีอ่อนหวานและนุ่มนวล
ช่วงกลางๆ เธอจะอ่อนแอและไร้พลัง
สุดท้าย เอจะกลายเป็นหญิงสาวแข็งแกร่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น
ตามการแบ่งประเภทแบบนี้ หยานมู่หลินพบจุดยืนที่เป็นของ “เธอ” ในชีวิตก่อนของเขา เมื่อเขาต้องพากย์เสียงสำหรับบทบาท มันต้องใช้เวลากลายชั่วโมงเพื่อที่จะเชื่อมต่อกับตัวละคร ตอนนี้ด้วยประสบการณ์ของเขา สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงเสนอผู้กำกับเฉินด้วยไอเดียของเขา
เหล่าจื้อ – ฉัน, พ่อของคุณ มักใช้กับการดูถูก โมโหหรือหยิ่งยโส
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหล่าจือ ค่ะ เสียงออกแบบนี้ตามพินอินจีน แปลสนุกมากค่ะ