ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Kiss Me
- 8 -
Kiss Me
ภาพตรงหน้าทำผมใจสั่น
ผมเคยแต่มองทะเลจากบนเวทีลงมาข้างล่างท่ามกลางฝูงชน วันนี้ ที่นี่ เราสลับตำแหน่งกัน ผมมองทะเลที่เล่นกีตาร์อยู่บนเวที ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานทะเลดูเจิดจ้าโดดเด่นที่สุด คนๆนี้เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้น ทะเลมองเห็นผมและเราก็สบตากันบ่อยครั้ง รอยยิ้มสดใสนั่นก็ส่งมาให้ผม
บางที...ผมก็ไม่อยากให้ใครเห็นรอยยิ้มของทะเลที่เป็นของผม มันน่ารักจนผมเกิดนึกหวง
ผมไม่ฟังเสียงซาวด์แตกๆจากลำโพงหรือเสียงร้องของก้านสักนิด มองอยู่แค่คนๆเดียว
ทะเล
ทะเล...ที่ไม่ได้เป็นผู้ชายตัวเล็ก ส่วนสูงพอๆกับผู้ชายทั่วไป ไหล่ที่สะพายกีตาร์นั่นก็กว้างหากแต่ทั้งร่างผอมบาง ทั้งแสงไฟ ความตื่นเต้น และการกระโดดไปตามจังหวะทำให้ใบหน้าและตามตัวชื้นเหงื่อ เป็นภาพที่น่ามองและน่าจดจำ
แต่ก็มีภาพบางภาพที่บาดตาเหมือนจงใจแกล้งกัน เมื่อนักร้องนำเดินมากอดคอมือกีตาร์ หากจะมองให้ปกติมันก็ปกติเป็นการกระทำทั่วไปของนักดนตรี แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น เพราะแววตาของนักร้องนำที่ส่งตรงมามันมีแววท้าทายเสมอๆ ทันทีที่ก้านเดินมากอดคอทะเลก็ละความสนใจไปจากผม หันไปมองเพื่อนสนิทและยิ้มให้กัน
เห็นแล้วก็ร้อนวูบวาบในอก
“กูไปรอข้างนอกนะ" ป็อปที่ยืนข้างผมบอก ผมพยักหน้าโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเวที
“เล่นใช้ได้เลยนะ"ร็อคที่ยังยืนอยู่ข้างๆเอ่ยปากชม
“ดูแล้วคิดถึงตอนอยู่โรงเรียนเลยว่ะ"
ผมได้แต่เงียบเพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ไม่เคยมีเพื่อนวัยเด็ก ไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆหรือใครให้หวนถึง ผมคิดแล้วก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
“กูว่าเลเล่นเก่งพอๆกับป็อปแล้ว มึงว่าไหม"
“อืม งั้นมั้ง" ผมตอบปัดๆ ไม่อยากจะคิดเปรียบเทียบ...คนทั้งสอง...
เรื่องที่ตกลงว่าคบกันผมกับป็อปไม่ได้บอกใคร แค่รับรู้กันสองคน ถึงป็อปจะหายไปบ่อยๆเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้เศร้าอย่างเคย ร็อคก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรแค่มองเราอย่างสงสัยในบางครั้ง ทะเลเองก็ถามบางวันที่ผมกลับดึก ผมก็ได้แต่บอกว่าทำงานกับเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
ความจริงก็คือ...ผมไม่อยากให้ทะเลรู้เรื่องของผมกับป็อป
ทะเลเป็นคนสุดท้ายที่ผมอยากให้รู้ ผมไม่รู้หรอกว่าทะเลจะรู้สึกยังไง แต่ผมก็ไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเห็นใครสำคัญกว่า...
ไม่อยาก...ให้เห็นผมเป็นของใครและเห็นใครที่เป็นของผม
ยิ่งป็อปไม่เคยเรียกร้องอะไรอย่างที่บอกกับผมไว้ผมก็ยิ่งเห็นแก่ตัวขึ้นทุกที แต่ตราบใดที่ป็อปยังคงยินยอมผมก็ยังจะให้มันดำเนินต่อไป หากการร้องขอมากขึ้นจนผมไม่อาจตอบสนองหรือป็อปเป็นฝ่ายอยากหยุดผมก็พร้อมที่จะปล่อยมือ...
“พี่ป็อป เลเล่นเป็นไงบ้าง" ทะเลสะพายกีตาร์วิ่งมาหาพวกผมแล้วถามป็อปก่อนเป็นอย่างแรก
“เก่งแล้ว ซ้อมเยอะสิเรา" ป็อปพูดแล้วก็ยีหัวทะเล นักเรียนคนแรกของมัน ผมมองแล้วก็รู้สึกสงสัยในใจ สงสัย...ว่าในใจนั่นจะรู้สึกยังไง...กับเจ้าของชื่อที่ผมมักจะเรียกอยู่ทุกครั้ง
ป็อปไม่เคยมีท่าทีผิดปกติกับทะเลเลยไม่ว่าตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ บางทีผมอาจคิดมากไปเองที่กลัวป็อปจะรู้สึกไม่ดีกับทะเล แต่เมื่อเห็นแบบนี้มันก็ทำให้ผมไม่ติดใจและคิดอะไรอีก
ผมมองข้ามมันไปโดยไม่ได้รู้ว่าข้างในลึกๆแล้วที่ป็อปไม่แสดงออกให้เห็นก็ใช่ว่าจะเจ็บไม่เป็น
“พี่บลูคืนนี้เลไปกินข้าวกับเพื่อนนะ อาจจะกลับดึก ฝากบอกแม่หน่อยสิ"
“ไปที่ไหน"
“ยังไม่รู้เลย ก็ตามๆมันไป บอกแม่ว่าไปกับก้านแหละ ไม่ต้องห่วง"
ผมพยักหน้าทั้งที่ในใจไม่อยากจะให้ไปแต่ก็ไม่มีสิทธิอะไรไปห้าม ยิ่งทะเลโตขึ้นยิ่งจะมีสังคมเป็นของตัวเอง สังคมที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและคงทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ
ถึงรู้ว่าควรปล่อยไปแต่ในใจก็รู้สึกเหงาและนึกกลัว หากวันใดวันนึงความสำคัญของผมลดลงจากชีวิตทะเล ลดลงไปเรื่อยๆจนไม่สามารถอยู่ข้างๆได้อีก...ถ้าถึงตอนนั้นผมจะเป็นยังไง...
....
ผมกลับมามหาลัยที่เพื่อนๆนัดติวตัวที่จะสอบกัน ป็อปกลับไปที่คณะในขณะที่ร็อคติดสอยห้อยตามผมมาที่ตึกด้วย เดาจุดประสงค์มันไม่ยาก เพราะมันดูจะติดใจเพื่อนผมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนตัวเพื่อนผมก็ยังไม่มีท่าทีเป็นอื่นนอกจากเย็นชา ซ้ำยังจะดูเย็นชากับไอ้ร็อคเป็นพิเศษอีกด้วย
ตั้งแต่รู้จักกับร็อคมาคนที่มันคบด้วยผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อสักคน ผ่านมาและผ่านไปรวดเร็วไม่จริงจังซึ่งก็เข้ากับนิสัยมันดี ถึงจะทะลึ่งทะเล้น กวนตีนบ้าๆบอๆแต่นี่ก็คือเสน่ห์ของมัน มันเข้ากับคนง่ายและไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามาผมก็เลยไม่เคยคิดจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมันมากเท่าไหร่
ตอนนี้ผมได้เห็นร็อคในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มุมที่เหมือนกำลังจีบใครสักคน เพราะตูนเป็นเพื่อนผม ผมก็เลยได้เห็นด้านนี้ของมัน นิสัยกวนตีนของร็อคกับปฏิกิริยาตอบสนองของตูนทำให้ผมชอบมองอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะมันดูไม่ซับซ้อน เป็นการกระทำที่แสดงความรู้สึกตรงๆซึ่งตรงข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง
“อ้าว พี่ร็อค หวัดดี!” ไอ้เคนร้องทักเมื่อผมสองคนนั่งลงกับพวกมัน เพราะเคนมันทักเสียงดังตูนเลยต้องเงยหน้ามองพวกเรา ตูนสบตาทั้งผมและร็อคก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อไม่ได้ทักทายอะไรตามสไตล์ของมัน
ในขณะที่พวกผมนั่งติวกันร็อคมันก็นั่งเฉยๆเท้าคางมองตูนเงียบๆ คนอื่นๆก็คงไม่ได้คิดว่าร็อคมันรบกวนอะไรแต่คงไม่ใช่ในความรู้สึกตูน มันเงยหน้ามาทุกครั้งก็จะเจอแต่สายตาของไอ้ร็อคทำให้คิ้วมันเริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้นทุกที
“กูไปซื้อน้ำนะ เอาไรกันรึเปล่า" ตูนบอกแล้วลุกขึ้น หน้าบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด
“กูเอาเป็ปซี่"
“กูเอาโค้ก"
“กูเอา...”
“ถ้ามึงสั่งเอสก็แดกตีนกู" ไอ้ตูนบอกอย่างรู้ทัน พวกมันก็หัวเราะสะใจก่อนจะสั่งของกินกันไป
“เดี๋ยวไปช่วยถือ" ร็อคบอก รู้ทั้งรู้ว่าที่เขาไปซื้อของเพราะไม่อยากเห็นหน้ามันมันก็ยังเสนอหน้าเข้าไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรผมถือได้"
“จะไปซื้อน้ำอยู่พอดี" ถ้อยคำบ่งบอกความตั้งใจว่ายังไงก็จะไปด้วยทำให้ตูนไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินออกไปไม่สนใจคนที่บอกจะไปด้วยกัน
ผมนึกหวั่นๆกลัวตูนมันรำคาญไอ้ร็อคมากจนทนไม่ไหวและออกจากวงไปเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ไอ้ร็อคบอกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน กับพี่มันและผมมันยังไม่ถามทั้งที่เกี่ยวข้องกับตัวมันและวงโดยตรง ต่อเมื่อมันทนไม่ไหวหรือเป็นห่วงจริงๆถึงถาม ผมก็คงได้แต่มองดูเรื่องของมันกับตูนที่จะเป็นไปอยู่ห่างๆเช่นกัน
พวกมันหายไปนานก่อนจะกลับมาพร้อมของที่พวกเราสั่ง ตูนดูเฉยๆไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไรมากมายแล้ว ร็อคก็ยิ้มหน้าบานเหมือนคนบ้าอย่างที่มันชอบทำเวลาอารมณ์ดี เราติวกันจนฟ้าเริ่มมืดก็สลายตัวและแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมเดินมาที่มอเตอร์ไซค์คิดจะตรงกลับบ้านก็มีข้อความส่งเข้ามาก่อน
ผมเปิดดูข้อความของป็อป
'อยู่ไหน'
'ที่รถกำลังจะกลับ'
'เดี๋ยวไปหา รออยู่นั่นนะ'
ผมรอป็อปอย่างที่มันบอก ในระหว่างนี้ก็โทรหาน้าเพลงแล้วบอกว่าทะเลไปกินข้าวกับเพื่อน คงจะกลับช้าหน่อย ตัวผมตอนแรกที่คิดจะกลับบ้านก็บอกว่าคงกลับช้าด้วยเหมือนกัน
“ไปกินข้าวกัน" พอป็อปมาถึงผมก็ชวนไปกินข้าว ป็อปยิ้มรับคำชวนแล้วก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน
ผมขับพาไปกินที่ถนนคนเดินใกล้ๆหาด ไม่บ่อยที่เราจะไปไหนด้วยกันแบบนี้สองคนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เรามักจะไปไหนๆกันสามคนโดยที่มีร็อคอยู่ด้วยซึ่งทำให้บรรยากศระหว่างพวกเราไม่มีความเงียบ ขณะที่เราเดินกันสองคนอยู่นี้แม้จะรู้สึกแปลกแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร และดูจากรอยยิ้มบางๆของป็อปก็เหมือนจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ยังไม่อยากกลับเลย" ป็อปกระซิบบอกระหว่างที่ผมจะพาไปส่งที่บ้านแล้วกอดเอวผมแน่นขึ้น ความหมายสื่อชัดตามนั้น ผมเลยขับรถไปที่เดิมของเรา
“ขออ่านหนังสือนะ" ผมทิ้งตัวนั่งบนเตียงแล้วบอกป็อป วันนี้ไม่มีอารมณ์ทำแบบนั้นเท่าไหร่ แค่ยังไม่อยากกลับบ้านไปอยู่คนเดียวให้คิดฟุ้งซ่านว่าทะเลกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร
“อืม" ป็อปตอบรับ นองลงข้างๆแล้วมองผมอยู่เงียบๆ ผมไม่รู้สึกรำคาญสายตาที่จ้องมองผมตลอดเวลาแต่ก็ใช่จะมีสมาธิมากนัก เกิดจะเข้าใจไอ้ตูนขึ้นมาว่าเวลามีคนจ้องมากๆก็อยากจะรู้ขึ้นมาว่าเขาคิดอะไร ถึงได้จ้องกันแบบนี้
ระหว่างเราความรู้สึกมันซับซ้อนอยู่มาก การที่อยู่ด้วยกันโดยปราศจากการสื่อสารทางคำพูดและทางร่างกายบางทีก็ยากที่จะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร สายตาที่เฝ้ามองผมนั้นผมตีความมันไม่ออก ผมวางหนังสือลงข้างเตียงและนอนลงหันหน้าเข้าหาป็อปที่มองผมอยู่ ผมเลือกที่จะไม่พูดออกมาและจ้องมองกลับคล้ายเป็นการถาม
“ถ้ากูพูดออกมา...มึงจะโกรธไหม" ป็อปเอ่ยถามผมในที่สุด
“พูดอะไร"
“......”
“ไม่โกรธหรอก พูดสิ"
“รัก"
“ป็อปรักบลู"
พอป็อปพูดจบก็จ้องหน้าผมเหมือนดูปฏิกิริยาว่าผมจะโกรธรึเปล่า ผมเลือกที่จะยิ้มให้เพื่อให้ป็อปสบายใจว่าผมไม่โกรธที่พูดคำนั้น จะให้ผมโกรธได้ยังไงในเมื่อเขารักผม แม้หัวใจไม่ได้สั่นไหวจากคำพูดนั่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี
เมื่อเห็นผมยิ้มป็อปก็กระเถิบเข้าหาแล้วจูบผมแผ่วเบา ริมฝีปากที่กดลงมานิ่งค้างคล้ายเน้นย้ำคำพูดก่อนหน้า ก่อนจะค่อยๆขยับบดเบียดเปลี่ยนองศา ผมนอนนิ่งและตอบสนอง ไม่ได้รุกเข้าหา มันจึงเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดของเรา
เพื่อตอบแทนคำว่ารักของป็อป สิ่งที่ผมให้ได้มันก็คงมีแค่นี้
ก่อนหน้าที่จะรู้จักน้าวิทย์กับน้าเพลงผมไม่รู้ความหมายของคำๆนี้ เพราะผมไม่เคยเห็นและรู้จัก
มันเป็นนามธรรมที่ผมสัมผัสไม่ได้
แต่ผมก็เคยอยากได้มันจากแม่...อยากได้ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
ผมรู้สึกถึงมันครั้งแรกจากครอบครัวที่ผมอยู่ ครอบครัวที่ไม่เคยพูดคำว่ารักแก่กันแต่การกระทำทุกๆอย่างบ่งบอกชัด
รอยยิ้ม ความเอาใจใส่ ความห่วงใย ความอบอุ่น ความเข้าใจ มันคือทุกๆสิ่งรวมกัน
น้าวิทย์กับน้าเพลงทำให้ผมซึมซับคำๆนั้นและทำให้เห็นว่ามันมีอยู่จริง
ผมเพิ่งรู้ว่าคนบางคนเกิดจากความรักไม่ใช่เซ็กส์ที่มันฝังหัวผมอยู่ตั้งแต่เกิดต่อเมื่อได้เจอพวกเขา...ได้เจอทะเล
ตอนนี้ผมจึงรู้ว่าผมไม่ได้รักป็อปเพราะผมยังเห็นเป็นแค่เซ็กส์ มันเกิดขึ้นและจบไป ไม่มีความรู้สึกใดมากมายกว่านั้น
มันน่าเศร้าที่ผมรักคนที่รักผมไม่ได้
จูบนั้นสิ้นสุด ผมจ้องป็อปนิ่งนาน
ป็อปยิ้มแต่แววตาเจ็บปวดจนปิดไม่มิดเหมือนรับรู้สิ่งที่ผมคิด แล้วเอ่ยสั้นๆ
“กลับกันเถอะ"
......
ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองลงมาทางหน้าต่าง
แม้ว่าผมจะกลับมานานจนเตรียมตัวจะนอนแล้วทะเลก็ยังไม่กลับมา นั่นทำให้ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมมองลงไปแล้วเจอทะเลที่กลับมาแล้วก็ทำให้สงบใจได้บ้าง ก้านมาส่งทะเลเหมือนเคย ผมมองทั้งสองยืนคุยกันโดยที่ยังไม่มีทีท่าจะบอกลา ลักษณะของก้านกับทะเลเหมือนกำลังโต้เถียงอะไรกันอยู่
ท่าทีของทั้งสองคนดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อก้านเดินเข้าหาและทะเลก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนที่ก้านจะเข้าหามากไปกว่านี้ทะเลก็ผลักก้านจนเซถอยหลังไป ก้านมีท่าทีโมโหก่อนจะกระชากทะเลเข้าไปจับต้นคอแล้วกดจูบ
ใจผมกระตุกวูบ
จูบสั้นเพียงแค่เสี้ยววิทะเลก็พลักก้านออก พูดอะไรบางอย่างแล้วเดินเข้าบ้าน
ผมผละจากหน้าต่าง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง จิตใจวาบโหวงเหมือนทำอะไรหายไป ผมสับสนและสงสัย นั่นเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนจูบกัน ผมรู้สึกแบบนั้น
ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดในอก
กำลังมีคนพยายามเอาทะเลไปจากผม เอาไปเป็นของตัวเอง...ต่อหน้าต่อตาผม
ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรกัน ทำไมผมถึงเจ็บ...รู้สึกเจ็บ
ก๊อก ก๊อก
ผมตอบรับเสียงเคาะและเห็นทะเลในชุดนอนเดินเข้ามา นั่นทำให้รู้ว่าผมจมอยู่กับความคิดนานแค่ไหน ภาพเมื่อครู่ยังคนติดตาจนผมยังไม่สามารถมองหน้าทะเลตรงๆได้จึงบอกให้ทะเลปิดไฟ
ทะเลก้าวขึ้นเตียงมานอนข้างๆผมเงียบๆและดึงมือผมเข้าไปจับ ผมบีบตอบแน่นเหมือนกลัวใครจะดึงมือทะเลออกไปจากผม
ผมกำลังกลัว
ผมเคยคิดว่าทะเลจะเป็นของผมไม่ได้ เพราะผมไม่อยากจะทำร้ายทะเล
แต่ถ้าการที่ทะเลจะเป็นของใครแล้วผมจะเจ็บปวดขนาดนี้ ผมจะทนได้ยังไง
ในความคิดกับความเป็นจริงมันช่างแตกต่าง
ต่อเมื่อมันมาเกิดขึ้นตรงหน้าผมถึงรู้ว่าผมทนไม่ได้
“พี่บลู เป็นอะไร" เสียงทะเลถามผมให้ตื่นจากความคิด และผ่อนแรงที่บีบมือทะเลอยู่ ทะเลอาจจะเจ็บแต่ก็ถามผมอย่างเป็นห่วง ผมกุมมือทะเลเอามาไว้แนบอก รู้ตัวว่าผมกำลังตัวสั่นก็ตอนที่ทะเลขยับมาใกล้แล้วใช้แขนอีกข้างโอบตัวผมไว้
“เป็นอะไร บอกเลสิ"
“ไม่ได้...เป็นอะไร"
“ตอบแบบนี้ทุกที"
“เล...”
“หืม"
“ทะเล...”
ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกอยู่แบบนั้น ผมมองตาทะเลที่แวววาวอยู่ในความมืด ทั้งหมดของทะเลที่ผมสัมผัสอยู่ ทั้งมือ สายตาและทุกๆอย่าง ผมอยากให้คนๆนี้เป็นของผม
ถ้าผมจะทำแบบนั้น...มันจะผิดไหม
ถ้าผมทำ...จะผิดต่อน้าวิทย์กับน้าเพลงหรือเปล่า
ผมจ้องริมฝีปากของทะเลที่อยู่ตรงหน้า ภาพนั้นยังคงตามหลอกหลอนจนผมอยากจะลบรอย ผมอยากสัมผัส และก็อยากให้ทะเลรับรู้ถึงสัมผัสของผมเช่นกัน
ลมหายใจขัดเมื่อคิดถึงสิ่งที่คิดจะทำ ถ้าทำไปแล้ว...ทะเลจะโกรธ...จะหนีผมไปหรือเปล่า
สับสนไปหมดแล้ว
ทะเลเลื่อนมือที่กอดผมอยู่ขึ้นมาลูบที่หน้าผม สายตาเป็นกังวล ผมปล่อยมือที่กุมมือของทะเลออกแล้วดึงทะเลเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ทะเลก็กอดตอบผมเหมือนทุกครั้ง เรากอดกันอยู่นาน ทะเลที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ทำให้ผมสงบใจลงได้บ้าง
การกอดเป็นสัมผัสที่ผมชอบเพราะทำให้อุ่นใจ ทะเลขยับตัวเล็กน้อย ผมก็คลายออกเพราะกลัวจะทำให้อึดอัด ทะเลยิ้มให้ผมเมื่อเราสบตากันอีกครั้ง รอยยิ้มนี้ทำให้ผมคิดจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
ผมพลิกตัวคร่อมทะเลไว้ จ้องมองสีหน้าตกใจและแววตาสงสัยของทะเล สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ริมฝีปากที่ยิ้มให้ผมเมื่อครู่
เป็นยิ้มที่ผมหวงจริงๆ
ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ใจเต้นกระหน่ำรุนแรง
ทะเลหลับตาลงทันทีที่ผมแนบริมฝีปากลงไป เพียงแค่แตะแผ่วเบาก็ให้ความรู้สึกรุนแรงในใจ
ยิ่งกว่าครั้งนั้น ยิ่งกว่าครั้งไหน
ผมกดลงไปเบาๆ ซ้ำๆ ทะเลยกแขนขึ้นโอบรอบคอผมไว้แล้วกดให้แนบชิดเข้าไปอีก จากเบาๆก็บดเบียดกันแรงขึ้น ผมขบเม้มริมฝีปากจนได้ยินเสียงชัดเจนในความเงียบ
เนิ่นนานจนผละออก แล้วมองตาใสๆที่จ้องผมอยู่ ผมคิดว่าควรจะพอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบอีกครั้ง
มันเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยจูบใคร
อ่อนโยนจนหัวใจผมแทบหยุดเต้น
จูบอย่างทะนุถนอมจากริมฝีปาก แก้ม เปลือกตา และหน้าผาก
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย รู้แต่ว่าผมไม่คิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครหรือเคยรู้สึกกับใครมาก่อน
'รัก'
คำๆนี้ผุดขึ้นในใจ
มันคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว
นาทีนี้ผมรู้แล้ว...ยอมรับแล้ว...
ผม 'รัก' ทะเล
รัก...จนแทบบ้า
Song Titles : Kiss Me
Artist : Ed Sheeran
Kiss Me
ภาพตรงหน้าทำผมใจสั่น
ผมเคยแต่มองทะเลจากบนเวทีลงมาข้างล่างท่ามกลางฝูงชน วันนี้ ที่นี่ เราสลับตำแหน่งกัน ผมมองทะเลที่เล่นกีตาร์อยู่บนเวที ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานทะเลดูเจิดจ้าโดดเด่นที่สุด คนๆนี้เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้น ทะเลมองเห็นผมและเราก็สบตากันบ่อยครั้ง รอยยิ้มสดใสนั่นก็ส่งมาให้ผม
บางที...ผมก็ไม่อยากให้ใครเห็นรอยยิ้มของทะเลที่เป็นของผม มันน่ารักจนผมเกิดนึกหวง
ผมไม่ฟังเสียงซาวด์แตกๆจากลำโพงหรือเสียงร้องของก้านสักนิด มองอยู่แค่คนๆเดียว
ทะเล
ทะเล...ที่ไม่ได้เป็นผู้ชายตัวเล็ก ส่วนสูงพอๆกับผู้ชายทั่วไป ไหล่ที่สะพายกีตาร์นั่นก็กว้างหากแต่ทั้งร่างผอมบาง ทั้งแสงไฟ ความตื่นเต้น และการกระโดดไปตามจังหวะทำให้ใบหน้าและตามตัวชื้นเหงื่อ เป็นภาพที่น่ามองและน่าจดจำ
แต่ก็มีภาพบางภาพที่บาดตาเหมือนจงใจแกล้งกัน เมื่อนักร้องนำเดินมากอดคอมือกีตาร์ หากจะมองให้ปกติมันก็ปกติเป็นการกระทำทั่วไปของนักดนตรี แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น เพราะแววตาของนักร้องนำที่ส่งตรงมามันมีแววท้าทายเสมอๆ ทันทีที่ก้านเดินมากอดคอทะเลก็ละความสนใจไปจากผม หันไปมองเพื่อนสนิทและยิ้มให้กัน
เห็นแล้วก็ร้อนวูบวาบในอก
“กูไปรอข้างนอกนะ" ป็อปที่ยืนข้างผมบอก ผมพยักหน้าโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเวที
“เล่นใช้ได้เลยนะ"ร็อคที่ยังยืนอยู่ข้างๆเอ่ยปากชม
“ดูแล้วคิดถึงตอนอยู่โรงเรียนเลยว่ะ"
ผมได้แต่เงียบเพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ไม่เคยมีเพื่อนวัยเด็ก ไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆหรือใครให้หวนถึง ผมคิดแล้วก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
“กูว่าเลเล่นเก่งพอๆกับป็อปแล้ว มึงว่าไหม"
“อืม งั้นมั้ง" ผมตอบปัดๆ ไม่อยากจะคิดเปรียบเทียบ...คนทั้งสอง...
เรื่องที่ตกลงว่าคบกันผมกับป็อปไม่ได้บอกใคร แค่รับรู้กันสองคน ถึงป็อปจะหายไปบ่อยๆเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้เศร้าอย่างเคย ร็อคก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรแค่มองเราอย่างสงสัยในบางครั้ง ทะเลเองก็ถามบางวันที่ผมกลับดึก ผมก็ได้แต่บอกว่าทำงานกับเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
ความจริงก็คือ...ผมไม่อยากให้ทะเลรู้เรื่องของผมกับป็อป
ทะเลเป็นคนสุดท้ายที่ผมอยากให้รู้ ผมไม่รู้หรอกว่าทะเลจะรู้สึกยังไง แต่ผมก็ไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเห็นใครสำคัญกว่า...
ไม่อยาก...ให้เห็นผมเป็นของใครและเห็นใครที่เป็นของผม
ยิ่งป็อปไม่เคยเรียกร้องอะไรอย่างที่บอกกับผมไว้ผมก็ยิ่งเห็นแก่ตัวขึ้นทุกที แต่ตราบใดที่ป็อปยังคงยินยอมผมก็ยังจะให้มันดำเนินต่อไป หากการร้องขอมากขึ้นจนผมไม่อาจตอบสนองหรือป็อปเป็นฝ่ายอยากหยุดผมก็พร้อมที่จะปล่อยมือ...
“พี่ป็อป เลเล่นเป็นไงบ้าง" ทะเลสะพายกีตาร์วิ่งมาหาพวกผมแล้วถามป็อปก่อนเป็นอย่างแรก
“เก่งแล้ว ซ้อมเยอะสิเรา" ป็อปพูดแล้วก็ยีหัวทะเล นักเรียนคนแรกของมัน ผมมองแล้วก็รู้สึกสงสัยในใจ สงสัย...ว่าในใจนั่นจะรู้สึกยังไง...กับเจ้าของชื่อที่ผมมักจะเรียกอยู่ทุกครั้ง
ป็อปไม่เคยมีท่าทีผิดปกติกับทะเลเลยไม่ว่าตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ บางทีผมอาจคิดมากไปเองที่กลัวป็อปจะรู้สึกไม่ดีกับทะเล แต่เมื่อเห็นแบบนี้มันก็ทำให้ผมไม่ติดใจและคิดอะไรอีก
ผมมองข้ามมันไปโดยไม่ได้รู้ว่าข้างในลึกๆแล้วที่ป็อปไม่แสดงออกให้เห็นก็ใช่ว่าจะเจ็บไม่เป็น
“พี่บลูคืนนี้เลไปกินข้าวกับเพื่อนนะ อาจจะกลับดึก ฝากบอกแม่หน่อยสิ"
“ไปที่ไหน"
“ยังไม่รู้เลย ก็ตามๆมันไป บอกแม่ว่าไปกับก้านแหละ ไม่ต้องห่วง"
ผมพยักหน้าทั้งที่ในใจไม่อยากจะให้ไปแต่ก็ไม่มีสิทธิอะไรไปห้าม ยิ่งทะเลโตขึ้นยิ่งจะมีสังคมเป็นของตัวเอง สังคมที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและคงทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ
ถึงรู้ว่าควรปล่อยไปแต่ในใจก็รู้สึกเหงาและนึกกลัว หากวันใดวันนึงความสำคัญของผมลดลงจากชีวิตทะเล ลดลงไปเรื่อยๆจนไม่สามารถอยู่ข้างๆได้อีก...ถ้าถึงตอนนั้นผมจะเป็นยังไง...
....
ผมกลับมามหาลัยที่เพื่อนๆนัดติวตัวที่จะสอบกัน ป็อปกลับไปที่คณะในขณะที่ร็อคติดสอยห้อยตามผมมาที่ตึกด้วย เดาจุดประสงค์มันไม่ยาก เพราะมันดูจะติดใจเพื่อนผมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนตัวเพื่อนผมก็ยังไม่มีท่าทีเป็นอื่นนอกจากเย็นชา ซ้ำยังจะดูเย็นชากับไอ้ร็อคเป็นพิเศษอีกด้วย
ตั้งแต่รู้จักกับร็อคมาคนที่มันคบด้วยผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อสักคน ผ่านมาและผ่านไปรวดเร็วไม่จริงจังซึ่งก็เข้ากับนิสัยมันดี ถึงจะทะลึ่งทะเล้น กวนตีนบ้าๆบอๆแต่นี่ก็คือเสน่ห์ของมัน มันเข้ากับคนง่ายและไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามาผมก็เลยไม่เคยคิดจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมันมากเท่าไหร่
ตอนนี้ผมได้เห็นร็อคในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มุมที่เหมือนกำลังจีบใครสักคน เพราะตูนเป็นเพื่อนผม ผมก็เลยได้เห็นด้านนี้ของมัน นิสัยกวนตีนของร็อคกับปฏิกิริยาตอบสนองของตูนทำให้ผมชอบมองอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะมันดูไม่ซับซ้อน เป็นการกระทำที่แสดงความรู้สึกตรงๆซึ่งตรงข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง
“อ้าว พี่ร็อค หวัดดี!” ไอ้เคนร้องทักเมื่อผมสองคนนั่งลงกับพวกมัน เพราะเคนมันทักเสียงดังตูนเลยต้องเงยหน้ามองพวกเรา ตูนสบตาทั้งผมและร็อคก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อไม่ได้ทักทายอะไรตามสไตล์ของมัน
ในขณะที่พวกผมนั่งติวกันร็อคมันก็นั่งเฉยๆเท้าคางมองตูนเงียบๆ คนอื่นๆก็คงไม่ได้คิดว่าร็อคมันรบกวนอะไรแต่คงไม่ใช่ในความรู้สึกตูน มันเงยหน้ามาทุกครั้งก็จะเจอแต่สายตาของไอ้ร็อคทำให้คิ้วมันเริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้นทุกที
“กูไปซื้อน้ำนะ เอาไรกันรึเปล่า" ตูนบอกแล้วลุกขึ้น หน้าบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด
“กูเอาเป็ปซี่"
“กูเอาโค้ก"
“กูเอา...”
“ถ้ามึงสั่งเอสก็แดกตีนกู" ไอ้ตูนบอกอย่างรู้ทัน พวกมันก็หัวเราะสะใจก่อนจะสั่งของกินกันไป
“เดี๋ยวไปช่วยถือ" ร็อคบอก รู้ทั้งรู้ว่าที่เขาไปซื้อของเพราะไม่อยากเห็นหน้ามันมันก็ยังเสนอหน้าเข้าไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรผมถือได้"
“จะไปซื้อน้ำอยู่พอดี" ถ้อยคำบ่งบอกความตั้งใจว่ายังไงก็จะไปด้วยทำให้ตูนไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินออกไปไม่สนใจคนที่บอกจะไปด้วยกัน
ผมนึกหวั่นๆกลัวตูนมันรำคาญไอ้ร็อคมากจนทนไม่ไหวและออกจากวงไปเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ไอ้ร็อคบอกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน กับพี่มันและผมมันยังไม่ถามทั้งที่เกี่ยวข้องกับตัวมันและวงโดยตรง ต่อเมื่อมันทนไม่ไหวหรือเป็นห่วงจริงๆถึงถาม ผมก็คงได้แต่มองดูเรื่องของมันกับตูนที่จะเป็นไปอยู่ห่างๆเช่นกัน
พวกมันหายไปนานก่อนจะกลับมาพร้อมของที่พวกเราสั่ง ตูนดูเฉยๆไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไรมากมายแล้ว ร็อคก็ยิ้มหน้าบานเหมือนคนบ้าอย่างที่มันชอบทำเวลาอารมณ์ดี เราติวกันจนฟ้าเริ่มมืดก็สลายตัวและแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมเดินมาที่มอเตอร์ไซค์คิดจะตรงกลับบ้านก็มีข้อความส่งเข้ามาก่อน
ผมเปิดดูข้อความของป็อป
'อยู่ไหน'
'ที่รถกำลังจะกลับ'
'เดี๋ยวไปหา รออยู่นั่นนะ'
ผมรอป็อปอย่างที่มันบอก ในระหว่างนี้ก็โทรหาน้าเพลงแล้วบอกว่าทะเลไปกินข้าวกับเพื่อน คงจะกลับช้าหน่อย ตัวผมตอนแรกที่คิดจะกลับบ้านก็บอกว่าคงกลับช้าด้วยเหมือนกัน
“ไปกินข้าวกัน" พอป็อปมาถึงผมก็ชวนไปกินข้าว ป็อปยิ้มรับคำชวนแล้วก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน
ผมขับพาไปกินที่ถนนคนเดินใกล้ๆหาด ไม่บ่อยที่เราจะไปไหนด้วยกันแบบนี้สองคนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เรามักจะไปไหนๆกันสามคนโดยที่มีร็อคอยู่ด้วยซึ่งทำให้บรรยากศระหว่างพวกเราไม่มีความเงียบ ขณะที่เราเดินกันสองคนอยู่นี้แม้จะรู้สึกแปลกแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร และดูจากรอยยิ้มบางๆของป็อปก็เหมือนจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ยังไม่อยากกลับเลย" ป็อปกระซิบบอกระหว่างที่ผมจะพาไปส่งที่บ้านแล้วกอดเอวผมแน่นขึ้น ความหมายสื่อชัดตามนั้น ผมเลยขับรถไปที่เดิมของเรา
“ขออ่านหนังสือนะ" ผมทิ้งตัวนั่งบนเตียงแล้วบอกป็อป วันนี้ไม่มีอารมณ์ทำแบบนั้นเท่าไหร่ แค่ยังไม่อยากกลับบ้านไปอยู่คนเดียวให้คิดฟุ้งซ่านว่าทะเลกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร
“อืม" ป็อปตอบรับ นองลงข้างๆแล้วมองผมอยู่เงียบๆ ผมไม่รู้สึกรำคาญสายตาที่จ้องมองผมตลอดเวลาแต่ก็ใช่จะมีสมาธิมากนัก เกิดจะเข้าใจไอ้ตูนขึ้นมาว่าเวลามีคนจ้องมากๆก็อยากจะรู้ขึ้นมาว่าเขาคิดอะไร ถึงได้จ้องกันแบบนี้
ระหว่างเราความรู้สึกมันซับซ้อนอยู่มาก การที่อยู่ด้วยกันโดยปราศจากการสื่อสารทางคำพูดและทางร่างกายบางทีก็ยากที่จะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร สายตาที่เฝ้ามองผมนั้นผมตีความมันไม่ออก ผมวางหนังสือลงข้างเตียงและนอนลงหันหน้าเข้าหาป็อปที่มองผมอยู่ ผมเลือกที่จะไม่พูดออกมาและจ้องมองกลับคล้ายเป็นการถาม
“ถ้ากูพูดออกมา...มึงจะโกรธไหม" ป็อปเอ่ยถามผมในที่สุด
“พูดอะไร"
“......”
“ไม่โกรธหรอก พูดสิ"
“รัก"
“ป็อปรักบลู"
พอป็อปพูดจบก็จ้องหน้าผมเหมือนดูปฏิกิริยาว่าผมจะโกรธรึเปล่า ผมเลือกที่จะยิ้มให้เพื่อให้ป็อปสบายใจว่าผมไม่โกรธที่พูดคำนั้น จะให้ผมโกรธได้ยังไงในเมื่อเขารักผม แม้หัวใจไม่ได้สั่นไหวจากคำพูดนั่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี
เมื่อเห็นผมยิ้มป็อปก็กระเถิบเข้าหาแล้วจูบผมแผ่วเบา ริมฝีปากที่กดลงมานิ่งค้างคล้ายเน้นย้ำคำพูดก่อนหน้า ก่อนจะค่อยๆขยับบดเบียดเปลี่ยนองศา ผมนอนนิ่งและตอบสนอง ไม่ได้รุกเข้าหา มันจึงเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดของเรา
เพื่อตอบแทนคำว่ารักของป็อป สิ่งที่ผมให้ได้มันก็คงมีแค่นี้
ก่อนหน้าที่จะรู้จักน้าวิทย์กับน้าเพลงผมไม่รู้ความหมายของคำๆนี้ เพราะผมไม่เคยเห็นและรู้จัก
มันเป็นนามธรรมที่ผมสัมผัสไม่ได้
แต่ผมก็เคยอยากได้มันจากแม่...อยากได้ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
ผมรู้สึกถึงมันครั้งแรกจากครอบครัวที่ผมอยู่ ครอบครัวที่ไม่เคยพูดคำว่ารักแก่กันแต่การกระทำทุกๆอย่างบ่งบอกชัด
รอยยิ้ม ความเอาใจใส่ ความห่วงใย ความอบอุ่น ความเข้าใจ มันคือทุกๆสิ่งรวมกัน
น้าวิทย์กับน้าเพลงทำให้ผมซึมซับคำๆนั้นและทำให้เห็นว่ามันมีอยู่จริง
ผมเพิ่งรู้ว่าคนบางคนเกิดจากความรักไม่ใช่เซ็กส์ที่มันฝังหัวผมอยู่ตั้งแต่เกิดต่อเมื่อได้เจอพวกเขา...ได้เจอทะเล
ตอนนี้ผมจึงรู้ว่าผมไม่ได้รักป็อปเพราะผมยังเห็นเป็นแค่เซ็กส์ มันเกิดขึ้นและจบไป ไม่มีความรู้สึกใดมากมายกว่านั้น
มันน่าเศร้าที่ผมรักคนที่รักผมไม่ได้
จูบนั้นสิ้นสุด ผมจ้องป็อปนิ่งนาน
ป็อปยิ้มแต่แววตาเจ็บปวดจนปิดไม่มิดเหมือนรับรู้สิ่งที่ผมคิด แล้วเอ่ยสั้นๆ
“กลับกันเถอะ"
......
ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองลงมาทางหน้าต่าง
แม้ว่าผมจะกลับมานานจนเตรียมตัวจะนอนแล้วทะเลก็ยังไม่กลับมา นั่นทำให้ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมมองลงไปแล้วเจอทะเลที่กลับมาแล้วก็ทำให้สงบใจได้บ้าง ก้านมาส่งทะเลเหมือนเคย ผมมองทั้งสองยืนคุยกันโดยที่ยังไม่มีทีท่าจะบอกลา ลักษณะของก้านกับทะเลเหมือนกำลังโต้เถียงอะไรกันอยู่
ท่าทีของทั้งสองคนดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อก้านเดินเข้าหาและทะเลก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนที่ก้านจะเข้าหามากไปกว่านี้ทะเลก็ผลักก้านจนเซถอยหลังไป ก้านมีท่าทีโมโหก่อนจะกระชากทะเลเข้าไปจับต้นคอแล้วกดจูบ
ใจผมกระตุกวูบ
จูบสั้นเพียงแค่เสี้ยววิทะเลก็พลักก้านออก พูดอะไรบางอย่างแล้วเดินเข้าบ้าน
ผมผละจากหน้าต่าง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง จิตใจวาบโหวงเหมือนทำอะไรหายไป ผมสับสนและสงสัย นั่นเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนจูบกัน ผมรู้สึกแบบนั้น
ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดในอก
กำลังมีคนพยายามเอาทะเลไปจากผม เอาไปเป็นของตัวเอง...ต่อหน้าต่อตาผม
ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรกัน ทำไมผมถึงเจ็บ...รู้สึกเจ็บ
ก๊อก ก๊อก
ผมตอบรับเสียงเคาะและเห็นทะเลในชุดนอนเดินเข้ามา นั่นทำให้รู้ว่าผมจมอยู่กับความคิดนานแค่ไหน ภาพเมื่อครู่ยังคนติดตาจนผมยังไม่สามารถมองหน้าทะเลตรงๆได้จึงบอกให้ทะเลปิดไฟ
ทะเลก้าวขึ้นเตียงมานอนข้างๆผมเงียบๆและดึงมือผมเข้าไปจับ ผมบีบตอบแน่นเหมือนกลัวใครจะดึงมือทะเลออกไปจากผม
ผมกำลังกลัว
ผมเคยคิดว่าทะเลจะเป็นของผมไม่ได้ เพราะผมไม่อยากจะทำร้ายทะเล
แต่ถ้าการที่ทะเลจะเป็นของใครแล้วผมจะเจ็บปวดขนาดนี้ ผมจะทนได้ยังไง
ในความคิดกับความเป็นจริงมันช่างแตกต่าง
ต่อเมื่อมันมาเกิดขึ้นตรงหน้าผมถึงรู้ว่าผมทนไม่ได้
“พี่บลู เป็นอะไร" เสียงทะเลถามผมให้ตื่นจากความคิด และผ่อนแรงที่บีบมือทะเลอยู่ ทะเลอาจจะเจ็บแต่ก็ถามผมอย่างเป็นห่วง ผมกุมมือทะเลเอามาไว้แนบอก รู้ตัวว่าผมกำลังตัวสั่นก็ตอนที่ทะเลขยับมาใกล้แล้วใช้แขนอีกข้างโอบตัวผมไว้
“เป็นอะไร บอกเลสิ"
“ไม่ได้...เป็นอะไร"
“ตอบแบบนี้ทุกที"
“เล...”
“หืม"
“ทะเล...”
ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกอยู่แบบนั้น ผมมองตาทะเลที่แวววาวอยู่ในความมืด ทั้งหมดของทะเลที่ผมสัมผัสอยู่ ทั้งมือ สายตาและทุกๆอย่าง ผมอยากให้คนๆนี้เป็นของผม
ถ้าผมจะทำแบบนั้น...มันจะผิดไหม
ถ้าผมทำ...จะผิดต่อน้าวิทย์กับน้าเพลงหรือเปล่า
ผมจ้องริมฝีปากของทะเลที่อยู่ตรงหน้า ภาพนั้นยังคงตามหลอกหลอนจนผมอยากจะลบรอย ผมอยากสัมผัส และก็อยากให้ทะเลรับรู้ถึงสัมผัสของผมเช่นกัน
ลมหายใจขัดเมื่อคิดถึงสิ่งที่คิดจะทำ ถ้าทำไปแล้ว...ทะเลจะโกรธ...จะหนีผมไปหรือเปล่า
สับสนไปหมดแล้ว
ทะเลเลื่อนมือที่กอดผมอยู่ขึ้นมาลูบที่หน้าผม สายตาเป็นกังวล ผมปล่อยมือที่กุมมือของทะเลออกแล้วดึงทะเลเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ทะเลก็กอดตอบผมเหมือนทุกครั้ง เรากอดกันอยู่นาน ทะเลที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ทำให้ผมสงบใจลงได้บ้าง
การกอดเป็นสัมผัสที่ผมชอบเพราะทำให้อุ่นใจ ทะเลขยับตัวเล็กน้อย ผมก็คลายออกเพราะกลัวจะทำให้อึดอัด ทะเลยิ้มให้ผมเมื่อเราสบตากันอีกครั้ง รอยยิ้มนี้ทำให้ผมคิดจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
ผมพลิกตัวคร่อมทะเลไว้ จ้องมองสีหน้าตกใจและแววตาสงสัยของทะเล สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ริมฝีปากที่ยิ้มให้ผมเมื่อครู่
เป็นยิ้มที่ผมหวงจริงๆ
ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ใจเต้นกระหน่ำรุนแรง
ทะเลหลับตาลงทันทีที่ผมแนบริมฝีปากลงไป เพียงแค่แตะแผ่วเบาก็ให้ความรู้สึกรุนแรงในใจ
ยิ่งกว่าครั้งนั้น ยิ่งกว่าครั้งไหน
ผมกดลงไปเบาๆ ซ้ำๆ ทะเลยกแขนขึ้นโอบรอบคอผมไว้แล้วกดให้แนบชิดเข้าไปอีก จากเบาๆก็บดเบียดกันแรงขึ้น ผมขบเม้มริมฝีปากจนได้ยินเสียงชัดเจนในความเงียบ
เนิ่นนานจนผละออก แล้วมองตาใสๆที่จ้องผมอยู่ ผมคิดว่าควรจะพอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบอีกครั้ง
มันเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยจูบใคร
อ่อนโยนจนหัวใจผมแทบหยุดเต้น
จูบอย่างทะนุถนอมจากริมฝีปาก แก้ม เปลือกตา และหน้าผาก
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย รู้แต่ว่าผมไม่คิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครหรือเคยรู้สึกกับใครมาก่อน
'รัก'
คำๆนี้ผุดขึ้นในใจ
มันคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว
นาทีนี้ผมรู้แล้ว...ยอมรับแล้ว...
ผม 'รัก' ทะเล
รัก...จนแทบบ้า
Song Titles : Kiss Me
Artist : Ed Sheeran
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น