ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะเลในโลกสีฟ้า [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : Dark Shines

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.52K
      68
      26 เม.ย. 56

    - 4 -
    Dark Shines



    น้าเพลงบอกผมว่าผมสอบติดแล้ว

    คณะวิศวะมหาวิทยาลัยเดียวกับเพื่อนทั้งสองของผม ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนแม่มองดูผมอย่างภูมิใจ น้าวิทย์ก็ดูจะดีใจจากรอยยิ้มที่กว้างกว่าเคยเมื่อน้าเพลงบอกข่าวนี้ ความสัมพันธ์เกือบสิบปีทำให้ผมเชื่อแล้วในที่สุด ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของน้าเพลงผมคิดเชื่อสนิทใจว่าผมเป็นลูกของพวกเขาและกำลังทำให้พ่อแม่ภูมิใจ  ผมได้เห็นพวกเขาภูมิใจในตัวผม แค่นี้มันก็คุ้มค่าความพยายามแล้ว มันเป็นแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ผมสามารถทำให้ได้เป็นการตอบแทน

    เวลานี้ผมนึกย้อนถึงช่วงที่ผ่านมา ช่วงที่ได้อยู่กับครอบครัวนี้ตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาผมจะไม่มีวันลืม ผมอยู่ เติบโต และเรียนรู้ที่นี่ บางทีผมก็ทำตัวร้ายกาจ ผมรู้ ผมเคยเกลียดทะเลและกลั่นแกล้งตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อปรับตัวคุ้นชินจนคุ้นเคยหลายครั้งผมก็ดื้อเงียบไม่เชื่อฟัง ชอบทำให้เป็นห่วงพาทะเลไปไหนต่อไหนราวกับเป็นสมบัติของตัวเอง มีโอกาสก็เล่นซนคึกคะนอง โดนดุ โดนว่า โดนสั่งสอนตามสมควรเหมือนเด็กๆคนอื่นๆ

    น้าวิทย์เป็นคนใจดีก็จริงแต่ก็โหดอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อครั้งนึงจับได้ว่าผมแอบเอาบุหรี่ของพี่ที่อู่มาสูบ ตอนจับได้ไม่ใช่แค่คาหนังคาเขาแต่คาตาจะๆตอนผมพ่นควันใส่หน้าทะเลที่ไอค่อกแค่ก ผมจำได้ว่าโดนดุด่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง น้าวิทย์ตะคอกผมคอเป็นเอ็น เสียงดังจนทะเลที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเกาะแขนผมร้องไห้น้ำตาหยดน้ำมูกย้อย การลงโทษไม่พอแค่นั้น ผมยังโดนจับแยกกับทะเลไปหลายวันเหมือนทั้งน้าวิทย์กับน้าเพลงจะรู้ว่ามันเป็นการลงโทษที่ทรมานเจ็บแสบ ซึ่งมันก็จริง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อยถึงเหตุผล ผมคิดแค่ว่าจะต้องทำตัวดีๆเพื่อพวกเขาจะได้คืนทะเลมา เพื่อที่ผมจะได้ไม่เหงา เพื่อที่จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว...

    เพื่อที่ผมจะได้มีความสุข

    ...

    ตอนบ่ายๆผมรีบไปรับทะเล อยากเห็นทะเลดีใจไปกับผมด้วย ผมจอดมอเตอร์ไซค์แล้วมานั่งโต๊ะประจำเหมือนทุกครั้งที่มารับ ตอนนี้บรรยากาศยังเงียบอยู่เพราะโรงเรียนยังไม่เลิก ผมใจร้อนเลยต้องมานั่งรอตั้งครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ไม่นานเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ผมเห็นทะเลแล้ว เดินมากับเพื่อนสองสามคนเหมือนเคยซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจนัก ทันทีที่ทะเลมาอยู่ตรงหน้าผมก็ยิ้มแล้วก็ดึงเข้ามากอดโดยที่ยังไม่ได้บอกอะไร ถึงทะเลจะถามด้วยความงงแต่ก็กอดตอบ

    “พี่สอบติดแล้ว" เมื่อผมบอกทะเลก็ทำหน้าตาตกใจแล้วก็ยิ้มออกมา ยิ้มจนตาหยีเห็นลักยิ้มสองข้าง...ยิ้มที่ผมอยากเห็น

    “เก่งว่ะพี่บลู" ฟอร์ดเพื่อนของทะเลบอกกับผม ผมหันไปมองเพื่อนๆของทะเลที่ยังอยู่ หนึ่งในนั้นมีก้านเพื่อนสนิทของทะเลยืนหน้านิ่งอยู่ด้วย แม้จะเจอกันหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยพูดกันสักครั้ง ผมไม่ชอบสายตาแข็งๆที่มองที่ผมในขณะที่ก้านก็คงไม่ชอบสายตาของผมเช่นเดียวกัน เรารับรู้กันอยู่เงียบๆ ถึงไม่มีการพูดคุยกัน

    ทะเลบอกลาเพื่อนและขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปห้องซ้อมกับผม ตอนเด็กๆทะเลติดผมยังไงก็ยังคงติดผมอยู่อย่างนั้น ผมไปไหนทะเลก็ต้องตามไปด้วย ผมซ้อมวงบ่อยๆและกลับดึก ทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง รวมทั้งผมเองก็ไม่อยากพาทะเลมา แต่บททะเลจะดื้อก็ทำให้พวกเราได้แต่ส่ายหน้ายอมตามใจ วันไหนที่มีซ้อมผมจะพาทะเลมาด้วยหลังจากไปรับที่โรงเรียนเสมอๆจนตอนนี้ก็กลายเป็นกิจวัตรไป

    เราถึงห้องซ้อมกันก่อนที่ป็อปกับร็อคจะกลับมา ผมซ้อมกลองไป ทะเลก็นั่งเล่นกีตาร์ไป สักพักทะเลก็หยุดเล่น มองผมเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรได้
    “พี่บลูไปเรียนก็ไม่ได้มารับเลแล้วสิ" เมื่อทะเลถาม ผมถึงเพิ่งคิด เพราะผมอยู่บ้านและมีเวลาว่างตลอดเลยมีเวลาไปไหนมาไหนได้ แต่หลังจากเข้ามหาลัยแล้วก็คงไม่ว่างเหมือนเดิมเหมือนๆป็อปกับร็อคตอนนี้ที่ยังคงไม่กลับมา

    “ถ้าพี่ว่างก็จะไปรับ" ทะเลพยักหน้าหงอยๆจนผมต้องลุกจากกลองไปนั่งที่พื้นข้างๆ ลูบหัวเบาๆ ทะเลก็เอนหัวมาพิงไหล่ผม ไม่ทันไรประตูห้องซ้อมก็เปิดออกพร้อมกับแฝดสองและไอ้โอนักร้องนำ

    ป็อปมองผมกับทะเลด้วยสายตาบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไรชั่วแว่บเดียวแล้วก็ทักทายกันปกติ จากนั้นผมก็บอกข่าวพวกมันว่าจะไปเป็นรุ่นน้องมันที่มหาลัยแล้วปีหน้า

    “เฮ้ย เจ๋งมากน้องบลู!” ไอ้ร็อคว่าแล้วพุ่งเข้ามากอดผมดีใจออกหน้าออกตา
    “งี้ต้องเลี้ยง" โอบอก
    “พวกมึงสิ ต้องเลี้ยงกู" ผมว่า
    “ได้! เดี๋ยวกูจัดรับน้องให้มึงก่อนเลยคืนนี้" ร็อคปิดประเด็นแล้วเราเริ่มซ้อมกัน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่งโมงพวกเราก็ไปจบกันที่ร้านๆหนึ่งเป็นการเลี้ยงฉลองเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยให้กับผม

    ..........

    ช่วงที่เข้ามหาลัยใหม่ๆผมต้องยุ่งอยู่กับกิจกรรมจนไม่มีเวลาไปรับทะเลอย่างที่คิดกันเอาไว้ ถ้าผมไม่ได้รู้จักป็อปกับร็อคผมคิดว่ามันคงหนักหนาอยู่พอควรกับสังคมใหม่นี้ ความสามารถทางด้านการเข้าสังคมที่แทบเรียกได้ว่าเป็นศูนย์จนถึงติดลบค่อยพัฒนาหน่อยตอนรู้จักกับพวกมันและเพื่อนในวง ผมไม่เข้าหาใคร แต่ก็ยังมีคนเข้ามาหา ผมเป็นที่จับตามองและเป็นที่สนใจของคนอื่นๆจนอดโทษรูปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้

    การปรับตัวมันต้องใช้เวลาพอสมควรและผมก็ผ่านมันไปได้อย่างทุลักทุเล

    ช่วงแรกๆที่เราทุกคนต้องทำความรู้จักกัน ผมอึดอัดจนถึงขั้นรำคาญกับการที่ต้องตอบคำถาม คำถามที่ผมเกลียด

    ลูกครึ่งอะไร

    ผมไม่ตอบคำถามนี้และมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่นานก็เลิกถามกันไปเอง ผมค่อนข้างแปลกใจเมื่อมาคิดๆดูว่าป็อปกับร็อคไม่เคยถามคำถามนี้ และผมก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนกับพวกมันได้ง่ายดายเช่นนั้น

    ผ่านช่วงปรับตัว ผมก็มีกลุ่มเพื่อนที่คณะที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เป็นกลุ่ม 6 คนที่ลากผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆทั้งในห้องเรียนและตอนทำกิจกรรม เป็นกลุ่มที่ครื้นเครงเฮฮามากจนผมสามารถนั่งเฉยๆได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ได้ชวนผมคุยส่วนตัวให้อึดอัดแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมจึงสบายใจเมื่อได้อยู่กับพวกนี้ ไม่ต้องนั่งคนเดียวให้คนอื่นๆเข้ามาทำความรู้จักอีกแล้ว

    หลังจากผมเลิกตอนเย็นก็รีบไปที่ห้องซ้อมทุกครั้ง ถึงจะไปช้าแต่ทุกคนก็เข้าใจช่วงใหม่ๆของการเรียนปีหนึ่ง วันนี้เมื่อผมเข้ามาในห้องทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว แต่บรรยากาศมันเงียบผิดไปจากทุกที ไม่มีแม้แต่เสียงเครื่องดนตรีสักชิ้น

    “พวกมึงอย่าโกรธกูนะ ขอโทษจริงๆว่ะ" โอพูดขึ้นแล้วก็หันมามองผมที่เพิ่งมา
    “กูไม่ค่อยมีเวลา เรียนหนักด้วย คงร้องเพลงกับพวกมึงไม่ได้แล้ว แต่กูจะร้องไปก่อนจนกว่าจะหาคนแทนได้นะเว้ย "
    “แล้วจะไปหานักร้องอย่างมึงที่ไหนวะ" ร็อคดูอารมณ์เสียพอดูซึ่งผมก็เข้าใจ วงเดิมที่เคยเล่นกันตอนอยู่ม.ปลายเหลือแค่ร็อคกับป็อปแล้ว เราเพิ่งจะได้เล่นร้านพี่ตินไม่นานก็ต้องหานักร้องใหม่อีก ซ้ำคนที่ร้องได้อย่างโอก็ไม่ใช่จะหาง่ายๆ
    “เดี๋ยวกูช่วยหา มึงอย่างเพิ่งเครียด กูรู้สึกผิด"
    “กูจะเครียดให้มึงรู้สึกผิด เชี่ยโอ" ร็อคพูดแค่นั้นโอก็ยิ้มได้ ถ้าร็อคมันกวนตีนแบบนี้มันคงไม่เครียดอะไรมากเท่าไหร่
    “เอาแจ๊สมาร้องไหม กูว่าพอไหวนะ"โอมันแนะนำ
    “ไหวมันก็ไหว แต่กูอยากได้ผู้ชายมากกว่า"ป็อปบอก คนอื่นๆก็พยักหน้า
    “กูว่าลองหากันไปก่อนเหอะว่ะ อาจมีเจ๋งๆอยู่ก็ได้" ผมพูดเพราะรู้ว่าไอ้พวกนี้มีเพื่อนเยอะอยู่ อาจไม่ได้หายากขนาดนั้น

    แต่ผมก็คิดผิด

    เราพยายามเอาคนที่เพื่อนพวกมันแนะนำแต่ก็ยังไม่มีใครโอเคสักคน แถมพี่ตินยังบอกว่ามีวงเก่าออกไปวงนึงและจะให้พวกเรามาเล่นประจำแทน เราเลยต้องให้แจ๊สมาร้องแทนเมื่อไอ้โอไม่ว่าง แม้แจ๊สจะเพิ่งเข้าปีหนึ่งเหมือนกันแต่ก็เป็นพวกชอบโดดกิจกรรกลับบ้านตลอดเลยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก

     แรกๆที่เป็นเพื่อนกับป็อปและร็อคผมไม่ค่อยได้เจอแจ๊ส แค่พอจะเห็นกันอยู่บ้าง ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยขึ้นทั้งที่ร้านพี่ตินและห้องซ้อม ในความคิดผมแจ๊สเป็นผู้หญิงที่มีความโดดเด่นแปลกแยกจากผู้หญิงธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ผมซอยสั้น เจาะคิ้ว ผิวขาว ชอบทาปากแดง บุคลิกดูเป็นคนมั่นใจ มีความเป็นศิลปินไม่ต่างกันทั้งครอบครัว แม้ว่าจะชอบร้องเพลงแต่ก็ชอบที่จะวาดรูปและออกแบบเสื้อผ้ามากกว่าเลยเลือกที่จะเรียนในทางนั้น

    ยิ่งอยู่กันไปเรื่อยๆผมก็คิดว่าแจ๊สมีนิสัยเหมือนกับพวกพี่ๆ มันเลยทำให้ผมสนิทใจเวลาอยู่ด้วย ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ เราเรียนที่เดียวกันก็เจอกันบ้าง ความบังเอิญที่เจอกันใต้ตึกผมนี่เองเป็นเหตุให้ตอนเย็นๆเกือบทุกวันเรากลับห้องซ้อมพร้อมกัน จากบังเอิญก็เป็นไม่บังเอิญ ในวันที่มีซ้อมผมจะเห็นแจ๊สที่ใต้ตึกเสมอๆแม้จะไม่ได้นัดไว้ก็ตาม

    ในสายตาคนนอกเป็นอย่างไรผมรู้ แต่ทั้งผมและแจ๊สต่างก็รู้ดีว่ามันไม่ได้มีอะไร ผมถือว่าแจ๊สเป็นเพื่อนผมคนหนึ่งและแจ๊สก็คงคิดกับผมแบบนั้นเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปอย่างที่ใครๆคิด เพื่อนบางคนชอบแซวกันเห็นเป็นเรื่องสนุกและอยากรู้อยากเห็นจนบางทีผมก็หงุดหงิด ผมไม่ชอบและไม่ชินที่คนจะให้ความสนใจ แต่ผมก็ไม่ชอบอธิบายอะไร ได้แต่รอและปล่อยไปจนกว่าพวกมันเบื่อที่จะสนใจกันไปเอง



    ตอนนี้ผมคิดถึงทะเล...ในขณะที่แจ๊สซ้อนท้ายกลับด้วยกัน สัมผัสของแขนที่โอบรอบเอวมันไม่อาจแทนที่ของทะเลได้

    มันไม่เหมือนกันและไม่อาจซ้ำรอย

    อยากไปรับทะเล...เป็นคำที่ได้แต่คิดอยู่ทุกวัน นึกถึงหน้าหงอยๆเมื่อไม่เห็นผมหน้าโรงเรียนแล้วก็อยากให้ช่วงเวลากิจกรรมพวกนี้ผ่านไปให้พ้นๆ

    คงบอกไม่ได้ว่าทะเลติดผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมเคยชินที่มีทะเลอยู่ใกล้ๆ เคยชินมากเกินไปจนรู้สึกขาดเมื่อมองไม่เห็น

    ...ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันทุกวันแต่ก็ยังคิดถึง....

    .....

    เมฆหนาครึ้ม

    ผมจอดมอเตอร์ไซค์แอบๆไว้ก่อนเผื่อฝนตก แจ๊สขึ้นห้องซ้อมไปแล้ว ผมหยิบบุหรี่ออกมา อีกมือกำไฟแช็ค นึกชั่งใจ จะจุดดีหรือไม่ แม้จะมีช่วงที่ผมสูบจัดแต่ตอนนี้ก็พยายามลด ระหว่างคิดก็มีมอเตอร์ไซต์มาจอดหน้าตึก ทะเลลงจากมอเตอร์ไซค์คันนั้นที่ผมจำได้ว่าเป็นของก้านเพื่อนสนิททะเล ผมอยู่ไม่ไกลตรงมุมตึกที่จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ ยืนมองทั้งสองเงียบๆ

    “พี่บลูรู้รึเปล่าว่ามึงมาเนี่ย"
    “ไม่รู้มั้ง คงคิดว่ากูกลับบ้าน มึงก็กลับเหอะ ขอบใจมาก" ทะเลพูดแล้วทำท่าจะหันหลังเดินเข้าตึกก้านก็คว้าแขนไว้

    “พรุ่งนี้ให้กูไปรับไหม"
    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บลูไปส่ง"
    ".........."
    "ไว้วันไหนพี่บลูไม่ว่างกูให้มึงมารับแล้วกัน"
    "ต้องให้พี่มึงไม่ว่างก่อนถึงให้กูไปรับได้ใช่ไหม"

    “ก้าน ไหนมึงบอกว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากกูไง"

    “...ขอโทษ" ก้านปล่อยแขนทะเลเมื่อเห็นทะเลเสียงแข็งอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทะเลก็ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าก้านเบาๆ
    “กูไปนะ" ทะเลบอกจากนั้นก็เดินเข้าตึกไป ก้านเหม่อไปซักพักก่อนจะสตาร์ทรถแล้วพาตัวเองจากไปเช่นกัน


    ความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ทำให้ผมกดไฟแช็คจ่อที่ปลายมวน อัดเข้าไปเต็มปอดแล้วปล่อยควันออกมา...โดยหวังให้คลื่นอารมณ์บางอย่างในตอนนี้...

    เบาบาง...เจือจางลง

    .........

    ผมเข้าห้องซ้อมไปทุกคนก็ประจำที่กันหมดแล้ว ทะเลยิ้มเมื่อเห็นผมแต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มตอบอย่างเคย ทุกคนมองผมอย่างประหลาดใจโดยเฉพาะทะเล บรรยากาศห้องตึงเครียดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ร็อคที่เห็นอารมณ์ที่แปลกไปของผมก็เลือกที่จะบอกชื่อเพลงเพื่อที่เราจะได้เริ่มซ้อมกันทันทีโดยไม่มีการสนทนาใดๆ

    ผมเห็นสายตาหงอยๆจากทะเลที่มองมาอยู่ตลอด จนแล้วจนรอดผมก็ไม่อาจเมินเฉยต่อไปได้อีก แม้อารมณ์ยังไม่คงที่นักแต่ผมก็ลงไปซื้อขนมให้เป็นการเอาใจก่อนทะเลจะหงอยไปมากกกว่านี้


    “พี่ก็กลับมากับพี่บลูทุกวันนั่นแหละ" เป็นเสียงแจ๊สพูด

    ผมกลับขึ้นมาจากซื้อของ เปิดเข้าไปในห้องซ้อมก็ได้ยินประโยคนี้ และความเงียบก็เข้ามาแทนที่หลังจากนั้น ในห้องมีแค่ทะเลกับแจ๊ส ป็อปกับร็อคคงออกไปสูบบุหรี่กันข้างนอก ผมเอาช็อคโกแล็ตไปให้ทะเลโดยหวังจะยิ้มให้กันอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทะเลแค่รับไปเงียบๆโดยไม่มองหน้า

    ผมเห็นเค้าความไม่พอใจปรากฎชัด ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดก่อนหน้าที่ยังไม่จางหายโหมซัดเข้ามาอีก

    เมื่อป็อปกับร็อคกลับมาเราก็ซ้อมกันต่อ ทะเลไม่ได้จ้องมองผมเหมือนก่อนหน้านี้แค่หยิบมือถือมาเล่นและเมินเฉยต่อทุกสิ่ง

    ความสงสัยบวกกับความหงุดหงิดของตัวเองก่อนหน้านี้ค่อยขยายตัวอีกครั้งจากท่าทีเมินเฉยต่อผมของทะเล

    ผมไม่ชอบให้ทะเลเงียบ ไม่ชอบให้เราเป็นแบบนี้

    ที่สุดแล้วผมก็ทนไม่ไหว

    ผมเลิกเล่นกลางคัน โยนไม้กลองทิ้งแล้วออกมาข้างนอก
    พวกมันคงงงแต่ผมไม่สน มันอึดอัดและหงุดหงิดจนไม่สามารถเล่นต่อไปได้

    ผมนั่งปล่อยควันอยู่หน้าตึกอีกครั้ง ร็อคมันก็ตามมานั่งเงียบๆเป็นเพื่อน

    ผมไม่ได้พูด ร็อคก็ไม่ได้ถาม

    ถึงร็อคจะดูเหมือนพูดมากและกวนตีนไปเรื่อยแต่มันก็เลือกที่จะเงียบทุกทีที่เห็นผมหงุดหงิด เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ในระยะเวลาระหว่างนี้มันก็มีบางครั้งบางทีที่มีเรื่องมาสะกิดใจให้ผมนึกถึงช่วงที่อยู่กับแม่ ผมจะหงุดหงิดและแสดงออกทางแววตา ถึงมันจะไม่รู้เหตุผลแต่ก็รู้สึกถึงอารมณ์ผิดปกติทุกครั้ง และจะมานั่งข้างๆเป็นเพื่อนผมเสมอ

    ทุกครั้งที่หงุดหงิด ผมจะรู้สึกถึงอารมณ์บ้าคลั่งและรุนแรงที่อยู่ในใจ


    มันก่อตัวขึ้นเมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีมันอยู่ตลอดเวลา
    ตลอดเวลา...ตั้งแต่อยู่กับแม่ หากแต่ผมรู้ว่าไม่สามารถแสดงมันออกมาได้

    ผมต้องกดมันไว้ให้ลึกที่สุด
    นั่นก็เพราะผมเกลียดด้านนี้ของมนุษย์

    ด้านที่มืดมิด

    ผมเกลียดแต่ก็มีมันอยู่ในตัว
    เกลียด...ที่ไม่สามารถห้ามความรู้สึกร้ายกาจนี้ได้

    และกลัว...ว่าสักวันหนึ่งผมจะระเบิดมันออกมา...


    “กูก็ไม่อยากถามนะ แต่หงุดหงิดขนาดนี้ โมโหอะไรวะ"
    “กูก็ไม่รู้จะบอกยังไง"
    “แล้วมึงทะเลาะอะไรกับเล"
    “เปล่า"
    “อย่ามาเปล่า กูไม่เห็นพวกมึงจะคุยกัน มองยังไม่มองกันเลย"
    “ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่เข้าใจทำไมเลเมินกู"
    “กูเห็นมึงเมินมันก่อน"
    “.............”
    "มึงเมินน้องมันทำไม"
    “.............”

    ผมไม่ตอบเพราะเหตุผลจริงๆ มันก็แค่ความรู้สึก...ขัดหูขัดตากับการกระทำและคำพูดของทะเลกับก้าน

    ผมไม่อยากให้ใครรับรู้เหตุผลบ้าๆแบบนี้

    “เอาเหอะว่ะ หายหงุดหงิดแล้วก็พูดกันดีๆ"ร็อคพูดแล้วกลับเข้าไป

    เหลือเพียงผมที่นั่งจมกับความคิดกับควันบุหรี่จางๆ

    ความรู้สึกกับทะเลบางอย่างที่เบาบางมันเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที
    ผมรับรู้แต่พยายามเมินเฉยมัน

    ปฏิเสธมัน
    ไม่อยากยอมรับมัน

    ผมอยากให้ความรู้สึกที่มีต่อทะเลยังคงบริสุทธิ์สดใส
    เหมือนตอนเด็กๆที่ต้องการเพียงแค่ความอบอุ่น

    ...ผมอยากให้ตัวเองยังคงต้องการเพียงแค่นั้น...

    ..............


    ฝนเริ่มลงเม็ด

    ผมกลับเข้าตึกในขณะที่เห็นทะเลเดินสวนออกมาโดยที่พยายามไม่มองผม
    “ไปไหน"
    “กลับบ้าน"ทะเลตอบแต่ก็ยังมองที่อื่น
    “กลับยังไง ฝนตก"
    “...............”ทะเลที่เพิ่งเห็นฝนข้างนอกก็เงียบไป เรายืนกันอยู่สักพักโดยไม่มีใครพูดอะไร จนผมทนไม่ไหวต้องถามออกมา
    “เป็นอะไร"
    “พี่ล่ะเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับเล"
    “หงุดหงิด"
    “หงุดหงิดเลเรื่องอะไร"
    “ไม่ได้หงุดหงิดเล เรื่องอื่น ช่างมันเถอะ"ผมบอกแบบขอไปที แล้วมองทะเลหาเค้าความไม่พอใจผมก่อนหน้านี้ ทะเลก็จ้องมองผมเช่นเดียวกัน

    เรายืนจ้องกันเหมือนพยายามหาคำตอบจากอีกฝ่าย

    แม้จะพยายามค้นหาแต่ต่างคนต่างก็ซุกซ่อนมันเอาไว้ ผมไม่สามารถบอกอะไรได้เลยจากแววตาทะเล

    ผมถอนหายใจแล้วยกมือลูบผมทะเลเบาๆ
    “ฝนหยุดแล้วค่อยกลับพร้อมกัน" ทะเลยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาคว้ามือของผมที่กำลังลูบหัวอยู่มาจับแล้วพยักหน้า

    ผมก็ยิ้มให้

    “พรุ่งนี้ไปรับเลที่โรงเรียนไหม"
    “ไปสิ"

    ไม่ต้องคิด
    ต่อให้ผมต้องโดดกิจกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ผมก็จะไป

    เมื่อผมตอบรอยยิ้มกว้างและสดใสที่ผมชอบก็กลับมาอีกครั้ง

    เราต่างทำเหมือนกับว่าเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิด
    เลือกที่จะยิ้มให้กัน โดยไม่ได้ถามหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว

    เรากลบเกลื่อนความรู้สึกกันเอาไว้ สำหรับทะเลผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
    แต่สำหรับผม ผมไม่มีทางจะให้ทะเลรับรู้ความรู้สึกของผมเด็ดขาด

    เพราะมันสกปรกโสมมเกินไป

    ต้องหักห้ามมันไว้
    ไม่อยากทำลายความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตที่ผมมี

    แต่ใครจะรู้ ว่าในที่สุดแล้ว...ผมก็ไม่อาจรักษามันไว้ได้อยู่ดี



    Song Titles :  Dark Shines
    Artist : Muse
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×