ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เมื่อถูกอัญเชิญมาเป็นผู้กล้า ควรซื่อตรงต่อตัวเอง
บทที่ 1 เมื่อถูกอัญเชิญมาเป็นผู้กล้า ควรซื่อตรงต่อตัวเอง
เสียงพึมพำบริกรรมคาถาดังมาจากปากของร่างในชุดคลุมกว่าหนึ่งร้อยชีวิต วงเวทย์ขนาดใหญ่เปล่งแสงสว่างเป็นจังหวะราวกับว่ามีชีวิต พลันบทร่ายเวทย์จบลง วงเวทย์ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ดวงตาของชายในชุดคลุมกษัตริย์หรี่ตาลงก่อนจะเบิกตากว้างและตรงปรี่เข้าไป ณ ใจกลางวงเวทย์
“โอ้ ท่านผู้กล้าในที่สุดท่านก็มา”เสียงแหบพร่าที่บ่งบอกถึงอายุของชายในชุดคลุมกษัตริย์เอ่ยปากบอก
“เอ่อ นี่คงไม่ใช่อัญเชิญผู้กล้ามาต่างโลกเพื่อกำจัดจอมมารอะไรอย่างนั้นใช่ไหมครับ”เสียงของชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงยกมือขึ้นก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ท่านผู้กล้าช่างฉลาดรอบรู้จริงๆ เป็นอย่างที่ท่านว่าเนื่องจากตอนนี้พวกเรากำลังมีสงครามกับแดนปิศาจ เพราะตามตำราได้ว่าไว้หากจะชนะพวกปิศาจได้ต้องยืมกำลังผู้กล้าจากต่าง---“ชายในชุดคลุมกษัตริย์ยังไม่ทันพูดจบ ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงก็พูดตัดทันที
“แล้วไม่ทราบว่ามันเกี่ยวอะไรกับผมหรอครับ ปัญหาของคุณก็จัดการกันเองสิ การอัญเชิญคนอื่นมาร่วมรบด้วยโดยไม่เต็มใจนี่มันใช่หรอครับ”พูดจบเจ้าตัวคนพูดก็ดันแว่นตัวเอง
“ท...ท่านผู้กล้าทำไมถึงพูดแบบนี้”คนเป็นกษัตริย์เบิกตากว้างก่อนจะพูดกลับเสียงสั่น
“ท่านราชา สหายร่วมรบคนสุดท้ายของเรามาแล้วใช่ไหม”เสียงตะโกนพูดดังกึกก้องไปทั่วก่อนที่เจ้าตัวคนพูดจะวิ่งมาถึงพร้อมกับเพื่อนข้างเคียง
“ไง ผู้กล้าคนสุดท้าย ฉันอีริคเป็นผู้กล้าคนแรกที่ถูกเชิญมาที่นี่ ส่วนผู้หญิงสองคนนี้คือไอช่าและลูซี่เป็นผู้กล้าเหมือนกัน”เจ้าของเสียงตะโกนเดินเข้ามาในวงเวทย์ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วผายมือแนะนำคนข้างตัว
ผู้ที่ถูกยัดเยียดว่าเป็นผู้กล้าคนสุดท้ายได้แต่กลอกตาไปมาด้วยความรำคาญ
“ผมจะได้กลับบ้านตอนไหน”ผู้กล้าคนสุดท้ายเมินรอยยิ้มกว้างแล้วหันหน้าไปถามกษัตริย์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“หลังจากทำลายล้างดินแดนปิศาจสำเร็จไง”อีริคไม่ยอมแพ้ต่อการเมินของชายหนุ่มยังคงยิ้มกว้างและตอบคำถามแทนราชาที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ”ชายหนุ่มถามต่อ
“สำเร็จอยู่แล้ว ถ้าผู้กล้าทั้งสี่อยู่ด้วยกันไม่ว่าอะไรก็สำเร็จ”อีริคพูดแล้วยิ้มกว้างแสดงความจริงใจให้ชายหนุ่ม
“ผมไม่เป็นหรอกผู้กงผู้กล้าอะไรนั่นน่ะ”ชายหนุ่มบอกปัด
“เฮ้ ไม่เอาน่า”อีริคทำท่าจะเดินเข้ามาจับไหล่แต่ไอช่าและลูซี่เอื้อมมือมาจับไว้ก่อน
“ถ้าเขาไม่อยากเป็นผู้กล้าก็เรื่องของเขา จะเป็นใจจืดใจดำเห็นความเดือดร้อนของผู้อื่นโดยไม่ช่วยก็เรื่องของเขา เราไปกันเถอะ”สองสาวพูดจับก็ควงแขนซ้ายขวาพาอีริคออกไป
ราชาหันมามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
“ข้าเคารพการตัดสินใจของท่าน ท่านผู้กล้า”ราชาพูดแล้วเดินตามอีริคออกไป พวกนักเวทย์ก็ค่อยๆเดินออกไปเหมือนกับว่าเมื่อกี้นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
.
.
.
.
ตามพล็อตเรื่องแล้วเขาต้องโดนตื๊อสิ ผิดกับที่คิดแฮะ ได้แต่ขยับแว่นตัวเองไปมาแก้เก้อ
แต่มันก็ดีแล้วล่ะ เพราะเขาไม่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่แบบผู้กล้าอะไรนั่น
เคยอ่านนิยายมาบ้าง ตายเพราะความผิดพลาดของพระเจ้า ยมทูต เลยส่งไปโลกใหม่เพื่อให้ใช้ชีวิตที่เหลือต่อ โดนอัญเชิญมาต่างโลก หรือต่อให้เล่นเกม VRMMO แล้วดันติดอยู่ในเกม แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดกับตัวเอง มันจะแฟนตาซีไปแล้ว!
ฟลาก้า ลูกครึ่งไทย-สเปน ฟลาก้าเป็นภาษาสเปนแปลว่าผอม เพราะตอนเกิดดันน้ำหนักน้อยกว่าเด็กทั่วไป พ่อเลยตั้งแก้เคล็ด แต่ใครจะไปรู้ว่าโตมาก็ผอมแห้งกว่าคนทั่วไปอยู่ดี
ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า ถูกอัญเชิญมาเป็นผู้กล้า แต่จะว่าไงดีล่ะ แค่ถูกอัญเชิญแต่ไม่ได้เป็นผู้กล้า คิดว่าคงไม่ได้กลับเร็วๆนี้ด้วย
โลกเก่ามันก็ไม่ได้มีพันธะอะไร พ่อกับแม่ก็เสียนานแล้วเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนไปสเปน อาชีพที่อยากเป็นก็คือนักสำรวจ งั้นก็สำรวจโลกนี้เอาละกัน ยังไงก็ได้ทำตามความฝันอยู่แล้ว
คิดได้แบบนั้นก็เตรียมจะออกเดินทาง แต่ก่อนหน้านั้น ใครก็ได้ช่วยบอกทางออกจากห้องนี้ทีเถอะ...
รอบด้านมีแต่กำแพง กำแพง กำแพงและกำแพง ประตูที่พวกผู้กล้า ราชา นักเวทย์ออกนั่นหายไปไหน?
ทันใดนั้นเหมือนมวลอากาศรอบตัวเหมือนหายไป ปวดหัวแทบระเบิด แน่นหน้าอก ตาเริ่มพร่า
กระพริบตาเรียกสติคืนมาสักส่วนหนึ่ง เห็นราชากำลังพูดอะไรกับนักเวทย์อยู่อีกฝากของกำแพง
วงเวทย์ปรากฏควันสีดำน่าสะอิดสะเอียน ควันสีดำเริ่มลอยทะลุกำแพงเข้ามาหา
ขยับหนีไม่ได้ ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งแปลกปลอมที่เริ่มเข้ามาในร่างกาย
จงเป็นผู้กล้าและทำลายดินแดนปิศาจ จงเป็นผู้กล้าและทำลายดินแดนปิศาจ จงเป็นผู้กล้าและทำลายดินแดนปิศาจ...
ถ้อยคำวนเวียนอยู่ในสมอง ดวงตาสีดำสนิทส่องแสงสีแดงออกมาก่อนอาการปวดหัวราวกับจะระเบิดจะหายไป
ล้างสมอง วิธีปฏิบัติโง่ๆกับพวกผู้กล้าที่เป็นมนุษย์ธรรมดา
แต่ขอโทษทีพอดีฟลาก้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เป็นมนุษย์ที่มีสายตาที่ดีเกินไป
เพราะแบบนั้นทันทีที่เห็นวงเวทย์ร่างกายก็เริ่มแสดงอาการต่อต้านแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงก็เถอะ
ฟลาก้ายืนนิ่งแสร้งทำเป็นเหม่อลอยเพราะไม่รู้ว่าควรจะแสดงอาการแบบไหน
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าผู้กล้าคนอื่นๆจะโดนแบบเดียวกันหรือเปล่า อาจจะยอมเป็นผู้กล้าเพราะความเท่ก็ได้ อย่างคนที่ชื่ออีริคอะไรนั่น แต่ก็คงโดนย้ำโดนกรอกหูว่าต้องทำลายดินแดนปิศาจเหมือนที่โดนเมื่อกี้
“ฮ่าๆ ทีนี้ก็ผู้กล้าครบตามที่หนังสือได้บอกไว้ ดินแดนปิศาจต้องพินาศ”เสียงตาแก่ ฟลาก้าไม่ขอเรียกราชาแล้ว ไม่น่าเคารพเลยสักนิด เดินทะลุกำแพงเข้ามา
โอเคตอนนี้ฟลาก้ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองโดนเวทมนตร์ลวงตา เขาประมาทไปเลยไม่ได้ ‘มอง’ ให้ดีว่ามีอะไรรอบตัวบ้าง มัวแต่ตื่นเต้นกับสถานที่อยู่
“อืม ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าสินะ แต่ไม่เป็นไรหรอกตอนนี้แป็นแค่หุ่นเชิดของข้า เอาเป็นว่าข้าจะพาไปคลังเก็บอาวุธและมอบเงินให้ติดตัว ในฐานะผู้กล้าของโลกนี้เจ้าต้องดูดีและรวยไว้ก่อน มีเงินน่ะถูกเสมอ”ตาแก่ลูบเคราตัวเองและยิ้มอย่างน่ารังเกียจ
ไอ้พวกที่คิดว่ามีเงินแล้วถูกเสมอนี่มันมียันต่างโลกเลยเรอะ หนีไม่พ้นจริงๆให้ตายสิพับผ่า!
ฟลาก้าอยากจะกลอกตาเหมือนที่ทำประจำเวลาหงุดหงิดแต่ก็ทำไม่ได้เดี๋ยวแผนแตกกันพอดี
“เอาล่ะตามข้ามา”ตาแก่ที่น่ารังเกียจ ขอเพิ่มคำเรียกให้ดูสมนิสัยละกัน เดินนำออกจากห้องนี้เดินลัดเลาะตามทางไปยังคลังเก็บอาวุธ ฟลาก้าพยายามจำเส้นทางให้เข้าสู่ในหัวมากที่สุด
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังคลังเก็บอาวุธ ตาแก่ที่น่ารังเกียจบอกให้เขาเอกอาวุธตามใจชอบได้เลยภายในสิบห้านาที จะเอากี่อันก็ได้ แต่อาวุธประจำตัวที่ควรมีคือดาบนอกนั้นให้เก็บใส่กระเป๋ามิติที่มอบให้ไว้ หลังจากพ่นคำพูดออกมาจบตาแก่ก็ออกไปเอาเงินที่จะมอบให้ แล้วบอกว่าถ้าเขาเลือกอาวุธเสร็จแล้วให้เดินไปยังห้องทำงาน
ขอบ่นทีเถอะ สิบห้านาทีนี่จะทำอะไรได้ จะรู้ได้ไงว่าอาวุธชิ้นไหนเหมาะไม่เหมาะ ได้ลองจับสักกี่ชิ้นกัน
หลังจากตาแก่ที่น่ารังเกียจไปแล้วฟลาก้าได้แต่กลอกตาไปมาแล้วกวาดอาวุธใส่กระเป๋ามิติ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดีก็เอามันให้หมดนี่แหละ ปฏิบัติการกวาดคลังอาวุธของวังนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว...
ก็ว่ากันไปนั่น
ตอนที่ฟลาก้าเอาอาวุธชิ้นสุดท้ายเข้ากระเป๋ามิติ หางตาเหลือบไปเห็นดาบสีดำสนิทที่กมกลืนกับดาบขึ้นสนิมที่เขาไม่คิดจะเอาไป แหงล่ะเอาไปจะทำอะไรได้ ฟลาก้ารู้สึกถูกชะตากับดาบนั่นเลยหยิบขึ้นมาถือ ก่อนจะเดินออกจากห้องคลังอาวุธไปอย่างสบายใจ
นับว่าฟลาก้ายังใจดีที่เหลืออาวุธขึ้นสนิมให้
เดินไม่นานนักก็มาถึงห้องนัดหมาย ฟลาก้าสงบสติและเดินเข้าห้องไป แถมยังเจอแจ็กพ็อตเต็มๆ!
อีริคที่เมื่อกี้ยิ้มแย้มต้อนรับเขาตอนนี้กำลังแสดงหนังสดกับไอช่าและลูซี่ โดยมีตาแก่ที่น่ารังเกียจยืนพิงโต๊ะสูบไปป์ด้วยท่าทางแบบมาเฟีย ฟลาก้าได้แต่กรีดร้องในใจ เขาไม่ได้เป็นเกย์หรือด้านชาเห็นอะไรแบบนี้มันก็ต้องปึ๋งปั๋งอยู่แล้ว...
“มาแล้วหรอผู้กล้าคนใหม่”อีริคเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มเหี้ยม
อยากจะบรรยายเสียงและท่าทางของผู้หญิงที่เปลือยทั้งสองคนเหมือนกัน แต่รับประกันได้เลยว่าโดนแบนแหงๆ
“ถ้าเป็นผู้กล้าดีๆแต่แรกคงได้สนุกกับสองสาวแล้วล่ะ”อีริคหัวเราะพลางซู้ดปากพลาง
“ผู้กล้า นี่ถุงเงินในนี้มีเงินอยู่หนึ่งหมื่นเหรียญทอง”ราชาโยนถุงเงินมาให้เขา
“น่าสงสารหมอนี่จริงๆกลายเป็นหุ่นเชิดของท่าน”อีริคทำหน้าสงสารเขาแต่แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ สงสัยคงเคืองที่โดนเขาเมิน
“ก็ยังดีกว่ายัยหนูสองคนนี่ที่กลายเป็นทาสอารมณ์แกนี่ไอ้หนู”ตาแก่ที่น่ารังเกียจบอกแล้วพ่นควันใส่อีริค
“เหอะ ก็สภาพตอนโดนอัญเชิญมามันน่าโดนไหมล่ะ พอมาถึงก็เอาแต่ร้องไห้โวยวายน่าจับทำโทษที่สุด”อีริคคนโรคจิต ขอมอบชื่อให้สมเกียรติอีกคน พูดแล้วเลียริมฝีปาก
“อดอยากมาจากไหนกัน อ้อ เจ้าไปได้แล้ว ไปเดินในเมืองสักรอบนะ ให้คนเขารู้กันว่าผู้กล้าอีกคนมาถึงแล้ว นั่นตราผู้กล้าและผ้าคลุมผู้กล้า”ตาแก่ที่น่ารังเกียจเหยียดริมฝีปากพูดกับอีริคก่อนจะหันมาพูดกับเขา
ฟลาก้าเดินไปหยิบของที่ตาแก่บอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเนียนๆ
.
.
.
ทันทีที่ฟลาก้าเดินผ่านพ้นประตูปราสาทก็ได้แต่คิดว่ามันจะใหญ่ไปไหน
สิ่งแรกที่ควรจะรู้คือค่าเงิน แผนที่และข่าวเกี่ยวกับสงคราม
ฟลาก้าเลือกเดินไปยังสถานที่ที่ดูเหมือนธนาคารในโลกเก่าที่ฟลาก้าเคยอยู่
เขาบอกไปว่ามาขอติดต่อแลกเหรียญทองร้อยเหรียญ แบบที่ไม่รู้ว่ามันมีเหรียญให้แลกไหม แต่จากที่เคยอ่านนิยายมามันต้องมีเหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดง
เจ้าหน้าที่ตอนแรกเมินเขาด้วยซ้ำ จนเขาสะกิดแล้วหยิบเหรียญทองออกมายื่นให้ดูนั่นแหละ ถึงได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นราชายังไงยังงั้น
หลังจากแลกเหรียญเสร็จฟลาก้าก็ได้รู้ว่าไอ้ที่อ่านนิยายมานี่มันมีประโยชน์จริงๆ ไม่งั้นเวลาไปซื้อของคงโดนไล่ตะเพิ่ดออกมากแน่
ค่าเงินหนึ่งร้อยเหรียญทองแดงเท่ากับหนึ่งเหรียญเงิน หนึ่งพันเหรียญเงินเท่ากับหนึ่งเหรียญทอง ดังนั้นตอนนี้ฟลาก้ามีเงินเยอะมาก (100c=1s 1,000s=1g)
ฟลาก้าลองเดินเข้าร้านอาหารที่หรูที่สุดสั่งอาหารที่แพงที่สุดและถูกที่สุดดู ปรากฏว่าราคาอาหารสูงสุดคือห้าร้อยเหรียญเงิน ถูกสุดคือห้าสิบเหรียญทองแดง เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมหาเศรษฐีหนุ่ม
หลังจากเดินหาแผนที่และเดินหาข่าวจนเหนื่อย ก็มานั่งแหมะอยู่ที่บาร์ จะหาข่าวที่ดีก็ต้องที่นี่
คนส่วนใหญ่ที่ฟลาก้าเห็นจะออกแนวนักผจญภัย พวกทหารหรืออัศวินในปราสาทไม่ค่อยมี จะมีบ้างคือเดินมาตรวจ ดีที่ฟลาก้าหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ พวกนั้นเลยไม่เห็นไม่งั้นมันคงผิดวัตถุประสงค์ของตาแก่ที่ให้เขาเดินรอบเมืองแต่มานั้งหน้าแป้นอยู่ที่บาร์แถมไม่สวมเสื้อคลุมและตราผู้กล้าอีกด้วย
โลกนี้มีอยู่สามดินแดนคือดินแดนปิศาจ ดินแดนเทพ และดินแดนมนุษย์ ปิศาจและเทพไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะความหยิ่งของเทพที่คิดว่าตัวเองเป็นสีขาวและปีศาจเป็นสีดำ เขาว่ากันว่าคนเมาจะพูดความจริง ฟลาก้าลองถามคนที่นั่งข้างๆก็ได้เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามมาเยอะ ด้วยความหมั่นไส้ของคนเล่าหรือเพราะเป็นเรื่องจริงก็ไม่รู้ แต่คนเล่าได้พูดด่าทอพวกเทพจนเขารู้สึกเจ็บแทนแถมชมว่าเขาเป็นผู้ฟังที่ดีอีกต่างหาก
เทพอยากทำสงครามกับปิศาจอยู่แล้ว แต่เพราะข้อตกลงกับมังกรผู้เป็นกลางตัวแทนของพระเจ้าผู้สร้างโลกทำให้ไม่สามารถทำสงครามได้ แต่พอราชาของแดนมนุษย์ไปหาราชาแดนเทพ สงครามก็ปะทุซะงั้น แถมมังกรที่บอกว่าเป็นกลางยังเข้าข้างปิศาจอีก สงครามพึ่งเกิดเมื่อสามเดือนที่แล้ว ส่วนมังกรที่เข้ามาลอบทำร้ายราชาทั้งสองดินแดนพึ่งถูกฆ่าไม่กี่อาทิตย์ก่อน
แถมยังได้รู้อีกว่าผู้กล้าคนแรกหรืออีริคคนโรคจิตถูกอัญเชิญมาเมื่อสี่เดือนก่อน ก่อนสงครามจะเกิด ไอช่าและลูซี่หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายโดนอัญเชิญมาเมื่อสองเดือนก่อนและเขาโดนอัญเชิญมาเมื่อกี้นี้สดๆร้อนๆ
หลังจากนั่งฟังจนพอใจฟลาก้าเดินออกไปซื้อของนิดหน่อยๆหมดไปสิบโกลด์ก็เตรียมตัวจะออกจากเมือง เขาหมดธุระกับที่นี่แล้ว
ที่ที่เขาต้องการไปก็คือที่อยู่ของมังกร เขาอยากรู้ว่าตกลงแล้วมังกรนี่เลวเหมือนที่คนพูดกันหรือเปล่า เพราะจากที่อยู่กับตาแก่ที่น่ารังเกียจซึ่งเป็นราชาของแดนมนุษย์แล้วก็ได้แต่คิดว่าอาจจะเป็นการจัดฉากและใส่ร้าย
ฟลาก้ากางแผนที่ดูทิศทางก่อนจะถอนหายใจ กว่าจะไปถึงจุดศูนย์กลางที่อยู่ของเหล่ามังกรน่าจะอีกหลายวัน เขาจะหลบพวกทหารได้ตลอดหรือเปล่าเนี่ย ไม่อยากจะสู้ด้วยเลยสักนิด
เขาเกิดมาเป็นนักสำรวจไม่ใช่ผู้กล้าฝีมือการต่อสู้และดาบอย่าพูดถึงเลย
เช็คข้าวของว่าไม่มีอะไรขาดก็เตรียมตัวออกเดินทาง แต่ก่อนหน้านั้นขอจัดการกับตัวเองก่อน
เขาถอดแว่นของตัวเองออกมา มันไม่ใช่แว่นสายตาแต่มันเป็นแว่นเลนส์สีเทาธรรมดาที่เขาใช้บังนัยน์ตาที่เรียวแหลมของตัวเอง เพราะปกติแล้วตาของมนุษย์จะกลมแต่ของเขามันเรียมแหลมเหมือนแมว แถมสายตาเขายังดีมากอีกด้วย
โลกเก่าใส่เพราะปิดบังตัวตน แต่ที่นี่โลกใหม่ เขาไม่ต้องปิดบังตัวตนของตัวเองก็ได้...มั้ง
ก็เหมือนกับคนจัดฟันที่เวลาพูดคนจะมองที่เหล็กและลืมไปชั่วคราวว่าจัดฟันเพราะฟันเหยิน
ฟลาก้ามองแว่นในมือก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติ เขาเสยผมตัวเองขึ้นแล้วออกเดินทาง
- - - - - - - - - -
มาอัพเพราะรู้สึกผิดที่หายไปนาน
เดี๋ยวเรื่องนี้ก็กะจะ 7-15 วัน อัพหนึ่งตอนนะ อาจจะ 55555
คือยังไงๆก็อัพหลังคานาวานอะ
ปล.มีใครเหมือนเราไหมอะ คือเวลาคนจัดฟันเราจะมองเหล็ก เวลาคนใส่แว่นเราก็จะมองแว่น ไม่ได้มองฟันหรือมองตา
ปล.คัมแบ็คแล้ววว 555555
ลงครั้งแรก 25/05/58
แก้ไขเรื่องค่าเงิน 21/06/58
-ไม่มีอะไร- 19/08/58
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น