ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] SF - LUMIN / All MIN / All COUPLE -

    ลำดับตอนที่ #3 : {SF/TAOMIN} Step into your heart (1)

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 57


    Title : Step into your heart

    Story by : ZRVEE

    Paring : Zitao x Minseok

    Rate : PG

    Note : นี่คือฟิคแก้บนค่ะ Let’s enjoy ถ้าอยากติดแท๊ก สครีมหรือทวงได้ที่ #เทาซอก ค่ะ 555555 แม้จะเป็นแค่ฟิคแก้บนแต่ถ้าคอมเม้นต์จะเป็นพระคุณและกำลังใจมาก #หมอบกราบ

     






     

                    หวางจื่อเทา พูดภาษาเกาหลีไม่ค่อยชัดและคิดคำพูดไม่ค่อยออกด้วย เพราะอย่างนั้นก็เลยเป็นคนไม่ค่อยพูด บวกกับใบหน้าที่ดูดุดันอยู่ตลอดเวลา ก็เลยมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาเต็มไปหมด แต่ก็เพราะจื่อเทาพูดภาษาเกาหลีไม่ค่อยรู้เรื่องอีกนั่นล่ะ ก็เลยขี้เกียจอธิบาย ใครอยากจะคิดยังไงก็ปล่อยเขาไป... แล้วก็เพราะจื่อเทาปล่อยให้มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวเองโดยไม่คิดจะแก้ ทำให้มีพวกเกเรในโรงเรียนมาคอยหาเรื่อง จื่อเทาเก่งเรื่องต่อสู้อยู่แล้ว ก็ต้องชนะแน่ๆจริงไหม ?

    และอย่างที่อธิบายมาทั้งหมดรวมกัน ทำให้ทุกคนยกตำแหน่งให้จื่อเทาเป็น

    นักเลง

     

     

                “วันนี้มีนักเรียนเข้ามาใหม่ ยังไงก็ช่วยดูแลเขากันด้วยล่ะ” คุณครูประจำชั้นพูดขึ้นโดยมีเด็กนักเรียนแก้มกลมยืนยิ้มสดใสอยู่ด้านข้างอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นตามประสานักเรียนมัธยมที่กำลังเจอของใหม่

                “เงียบๆกันหน่อยซี่ ..  เธอแนะนำตัวเลย” คุณครูพูดอีกครั้งทำให้เสียงซุบซิบนั่นเงียบลงเล็กน้อยก่อนจะบอกให้เด็กคนั้นแนะนำตัว เขาก้าวออกมาด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มแนะนำตัว

                “ชื่อคิมมินซอก ชอบเตะบอล ชอบวิชาเลข ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จบคำแนะนำตัวธรรมดาๆนั่นคุณครูก็บอกให้มินซอกไปนั่งตรงที่ว่างด้านหลังข้างๆนักเรียนชายคนหนึ่งที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจมินซอกสักนิดตั้งแต่เดินเข้ามา

     

                “สวัสดี” มินซอกหันไปพูดกับคนคนนั้นแต่ดูเหมือนจะไร้สัญญาณตอบกลับ มินซอกเอียงคอเล็กน้อยก่อนทำท่าจะยื่นมือไปสะกิดแต่กลับถูกมือจากคนที่นั่งข้างหน้ามาจับเอาไว้

                “อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นเลยถ้านายไม่อยากอายุสั้น”

                “หืม ?” มินซอกขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมถ้ายุ่งกับคนคนนั้นแล้วจะอายุสั้นล่ะ มีคำสาปหรืออะไรทำนองนั้นหรือไงกันนะ

                “หมอนั่นเป็นพวกนักเลงน่ะ ถ้านายไปยุ่งกับเขา เขาอาจจะตีนายนะ” อีกฝ่ายกระซิบเสียงเบามินซอกร้องอ้อขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำอธิบาย อย่างนี้นี่เอง...

                “อ้า ขอบคุณที่บอกนะ” 

                “ฉันชื่อจุนมยอนเป็นหัวหน้าห้อง มีอะไรถามได้ตลอดนะ” คนชื่อจุนมยอนพูดแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ซึ่งมินซอกก็ยิ้มกลับไป

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะจุนมยอน”

     

     

     

                เป็นปกติของนักเรียนใหม่ที่เข้ามาแล้วหลายๆคนจะให้ความสนใจ มินซอกเป็นคนที่จัดว่ามนุษย์สัมพันธ์ดีน่าเข้าหาและมีหน้าตาเป็นมิตร ตอนนี้ก็เลยมีคนในห้องเข้ามาวนเวียนพูดคุยเต็มไปหมด แต่มินซอกก็อดที่จะหันไปมองคนที่นั่งใส่หูฟังและอ่านหนังสืออยู่โต๊ะถัดไปจากเขาไม่ได้ ถึงจะหน้าตาน่ากลัวก็จริง แต่ไม่ได้ดูมีพิษมีภัยสักหน่อยนี่ ?

                “นี่ทำไมมินซอกถึงย้ายมาล่ะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามตอนนี้เขาละสายตาออกมาจากที่นั่งริมหน้าต่างนั่น

                “อ้อ คุณพ่อย้ายมาทำงานแถวนี้น่ะก็เลยตามมาด้วย” มินซอกตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ใครหลายๆคนชอบ

                “นี่ๆ เย็นนี้มินซอกไปเที่ยวกับพวกเราไหม เดี๋ยวจะพาไปเปิดหูเปิดตา” เด็กผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาจับแขนเขาและเขย่าไปมาเบาๆซึ่งมินซอกก็ไม่ได้ถือสาอะไร

                “ว้า.. เย็นนี้ฉันต้องกลับไปทำกับข้าวให้คุณพ่อน่ะ ขอโทษจริงๆนะ” มินซอกพูดพร้อมกับทำหน้าเสียดายจนอีกฝ่ายโกรธไม่ลงแถมเหตุผลที่ไปไม่ได้ก็ดูน่ารักจนกลุ่มเด็กผู้หญิงที่รายล้อมมินซอกส่งเสียงจอแจกันใหญ่

                “ว้าย มินซอกทำอาหารเป็นด้วยเหรอ ทำให้คุณพ่อทานด้วยน่ารักจัง วันหลังทำมาให้พวกเราบ้างได้ไหม”

                “จะบ้าหรือไงอึนจี อยู่ๆให้มินซอกทำมาให้ได้ยังไงเล่า” เด็กผู้หญิงอีกคนตีเพื่อนของตัวเองทันที

                “ก็ฉันอยากรู้นี่ว่ามินซอกทำอร่อยมั้ย” อึนจียู่ปากอย่างขัดใจ

                “ฮ่าๆๆ ฉันทำมากินเองทุกวันอยู่แล้ว เดี๋ยววันหลังจะทำมาเผื่อนะ” มินซอกตอบไปแบบนั้นทำให้อึนจียักคิ้วให้เด็กผู้หญิงอีกคนที่ชื่อนาอึนทันที

                “ขอโทษแทนอึนจีด้วยนะมินซอก ยัยนี่มันเห็นแก่กินเป็นปกติน่ะ” นาอึนพูดก่อนจะยกแขนล็อคคออึนจี

                “ไม่เป็นไร แต่พวกเธอต้องซื้อขนมมาแลกนะ” มินซอกพูดติดตลกทำให้เด็กผู้หญิงสองคนนั้นหัวเราะและตอบตกลง

     

                ดูเหมือนว่ามินซอกจะเข้ากับทั้งผู้ชายและผู้หญิงในห้องได้อย่างดี พอถึงตอนกลางวันเด็กผู้ชายที่ชื่อลู่หานก็มาชวนมินซอกไปเตะบอลด้วยกันเพราะว่าตอนแนะนำตัวนั้นมินซอกพูดเอาไว้ว่าตัวเองชอบเตะบอลซึ่งมินซอกก็ตอบตกลงทันที เพราะกิจกรรมหลายๆอย่างในวันนั้น ทำให้มินซอกลืมเรื่องของผู้ชายที่ทุกคนบอกว่าเป็นนักเลงคนนั้นไปเสียสนิท

                ตกเย็นมินซอกเดินกลับบ้านกับพวกอึนจีแต่พอถึงทางแยกก็ต้องแยกกันเดิน มินซอกโบกมือลาเพื่อนๆและมุ่งหน้ากลับบ้านตัวเอง มินซอกหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่คุณพ่อเขียนเป็นเส้นทางกลับบ้านให้ขึ้นมาดูเพราะเขายังไม่คุ้นชินกับเส้นทางแถวนี้เท่าไหร่นัก

                “แล้วตรงนี้มันคือที่ไหน” มินซอกพูดกับตัวเองพร้อมกับยกกระดาษแผ่นนั้นเทียบกับเส้นทางข้างหน้า วันนี้ตอนขามาโรงเรียนเขาก็เดินมาได้ แต่พอเป็นตอนกลับดันลืมไปเสียแล้ว...

                “เดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึงล่ะมั้ง ?” มินซอกพยักหน้ากับตัวเองและเก็บแผนที่ขนาดย่อใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินต่อไป ริมถนนมีลำธารและต้นไม้สวยๆเต็มไปหมด เพราะแบบนั้นมินซอกก็เลยเดินไปได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกเบื่อเท่าไหร่นัก ดวงตากลมมองวิวทิวทัศน์ตามแบบฉบับต่างจังหวัดที่น่าอยู่ไปเรื่อยเปื่อย

                เขาเดินไปได้สักพักก็มองไปเห็นคนหน้าตาคุ้นๆนอนอยู่ตรงทางลาดที่จะลงไปที่ลำธาร ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเวลายังเหลืออีกเยอะมินซอกก็เลยเดินไปดูใกล้ๆ

                “อ้า.. นักเลงนี่” ทันทีที่มินซอกพูดขึ้นอีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องสะดุ้งน้อยๆเพราะว่าเจอกับมินซอกที่นั่งยองๆจ้องหน้าตัวเองอยู่ เขาจำได้ลางๆว่าเป็นนักเรียนใหม่ที่มานั่งข้างๆเขา

                “...” ดวงตาคมกระพริบปริบๆก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

                “โอ๊ะ ลืมไปเลย จุนมยอนบอกว่าทางที่ดีอย่ายุ่งกับนายนี่นา...” มินซอกเอานิ้วแตะปากเหมือนคนเพิ่งคิดออกถึงจะพูดอย่างนั้นแต่การกระทำกลับสวนทางกันเพราะมินซอกยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม

                “อะไรของนาย...” สำเนียงเปล่งๆหลุดออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่ายทำให้มินซอกตาโตทันที

                “ไม่ใช่คนเกาหลีเหรอ ?” มินซอกถามอย่างสนใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิข้างๆคนที่ยังนอนหนุนแขนตัวเองอยู่แบบนั้น

                “อืม” อีกฝ่ายตอบแค่นั้นและปิดเปลือกตาลงเหมือนกับไม่ได้สนใจมินซอกเท่าไหร่นัก

                “ทำไมถึงเป็นนักเลงล่ะ” คำถามของมินซอกทำให้คนที่นอนหลับตาอยู่หลุดขำออกมาโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะขำทำไม

                “หัวเราะอะไรเหรอ ?” เมื่อเห็นว่าจู่ๆอีกฝ่ายก็หัวเราะ มินซอกเท้าคางลงกับหน้าตักตัวเองและถามอีกครั้ง

                “นายตลกดีนะ” ชายคนนั้นพูดและลืมตาขึ้นมองมินซอก

                “หืม  ฉันยังไม่ได้พูดอะไรตลกเลยนะ แล้วทำไมนายถึงเป็นนักเลงล่ะ ?” มินซอกเอียงคออย่างสงสัยและถามอีกเป็นรอบที่สาม

                “ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นนายจะเชื่อไหมล่ะ” เขาไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามกลับมา

                “เชื่อสิ” มินซอกพูดพร้อมกับพยักหน้าอย่างรวดเร็วจนคนที่ถามกลับตกใจเล็กน้อย

                “ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ ?”

     

                “ก็ฉันถามถึงตัวนาย ถ้านายบอกว่านายไม่ได้เป็น ฉันก็ต้องเชื่อนายสิ”

     

     

    เย็นวันนั้น มินซอกก็พบว่าผู้ชายที่ทุกคนเรียกว่านักเลงชื่อหวางจื่อเทา เป็นคนจีนที่เพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน แต่มินซอกก็ไม่ได้ถามว่าทำไมทุกคนถึงบอกว่าจื่อเทาเป็นนักเลง และตอนนี้ในสายตามินซอกไม่มีคำว่านักเลงสำหรับจื่อเทาเลยสักนิดเดียว

    “นี่จื่อเทา ฉันกลับบ้านไม่ถูก นายพอจะรู้จักที่นี่มั้ย ?” ขณะที่กำลังเดินขึ้นจากทางลาดนั่นมินซอกหยิบแผนที่เล็กๆส่งให้จื่อเทาซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปดู

    “....อยู่ข้างๆบ้านฉัน” จื่อเทาตอบสั้นๆก่อนจะส่งกระดาษนั่นคืนให้มินซอก

    “โอ๊ะ ลัคกี้ งั้นฉันไปด้วยนะ ฮ่า” มินซอกว่าแล้วก็เดินกางแขนรับลมนำหน้าจื่อเทาไปอย่างอารมณ์ดี จื่อเทามองมินซอกพร้อมกับความคิดหลายๆอย่าง และความคิดที่เด่นชัดที่สุดคือ คนคนนี้แปลกดี...

    ตลอดเส้นทางมินซอกเอาแต่พูดนู่นนี่ไปเรื่อยไม่หยุดโดยที่จื่อเทาตอบรับบ้างเป็นบางครั้ง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ดวงอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ

    ตอนที่พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า จู่ๆมินซอกก็หยุดเดินทำให้จื่อเทาต้องหยุดเดินไปด้วย

    “มีอะไรเหรอ” จื่อเทาถามมินซอกที่หันมองไปทางทิศตะวันตก

    “พระอาทิตย์ตก” คำพูดของมินซอกทำให้จื่อเทาต้องเลิกคิ้วขึ้น

    “มันสวยดี ก็เลยหยุดดูก่อนไง” คำตอบที่ได้ทำให้จื่อเทาร้องอ้อกับตัวเองแล้วก็คิดอีกครั้งว่ามินซอกเป็นคนแปลกๆจริงๆ

    “ป่ะ เดินต่อดีกว่า” มองอยู่สักพักมินซอกก็หมุนตัวเดินต่อ จื่อเทารู้สึกตามไม่ทันกับความคิดของมินซอกแต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรำคาญใจ ดูน่าสนใจเสียด้วยซ้ำ..

     

    “โอ้ ใช่จริงๆด้วย” พอเดินมาจนเห็นบ้านที่คุ้นตามินซอกก็อุทานกับตัวเอง

    “นี่ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนด้วยกันนะ เดี๋ยวฉันมารอหน้าบ้านนายตอนเจ็ดโมงเช้านะ บาย” พูดเองเออเองจบโดยที่จื่อเทายังไม่ตอบอะไรมินซอกก็วิ่งเข้าบ้านไปเสียแล้ว จื่อเทาจึงทำได้เพียงเดินเกาหัวเข้าบ้านตัวเองไปบ้าง

    พรุ่งนี้คงต้องไปพร้อมหมอนั่นสินะ...

     

     

     เช้าวันนี้ทันทีที่ก้าวเข้าเขตโรงเรียน เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นแต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กที่เอาแต่พูดไม่หยุดจะไม่ได้รู้สึกถึงมันสักนิด ซึ่งปกติจื่อเทาก็ไม่ได้สนใจเสียงพวกนั้นอยู่แล้วก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป

    “นี่วันนี้ฉันทำอาหารมาเผื่อพวกอึนจีแล้วก็เผื่อนายด้วย มากินด้วยกันนะ ถือซะว่าขอบคุณที่เมื่อวานอุตส่าห์พาไปส่งบ้าน” มินซอกพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสโดยที่กำลังเดินถอยหลังและหันหน้ามาหาจื่อเทา

    “เดินแบบนั้นเดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก”

    “ล้มก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันพกพาสเตอร์ยา” จื่อเทาส่ายหัวกับคำพูดของมินซอก แค่มีพาสเตอร์จะล้มก็ได้งั้นเหรอ ?

    “เดินดีๆเถอะ” มือหนายื่นไปจับไหล่มินซอกให้หันเดินไปข้างหน้า

    “คร้าบบบบ” มินซอกยู่ปากและลากเสียงยาว จื่อเทาเลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

     

     

    “มะ.. มินซอก” พอก้าวเข้าไปในห้องเรียน ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่มินซอกและจื่อเทา อึนจีที่นั่งอยู่ในห้องอุทานเรียกมินซอกออกมาเสียงเบาทันที

    “อรุณสวัสดิ์อึนจี นาอึนด้วย” มินซอกทักทายพร้อมกับยิ้มสดใสเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด อึนจีส่งยิ้มแกนๆกลับไปให้

    “มินซอกมานี่หน่อยสิ” อึนจีพูดพร้อมกับกวักมือเรียกมินซอกเข้าไปใกล้ๆ จื่อเทาที่เห็นอย่างนั้นก็เลยเดินไปนั่งที่ของตัวเองเงียบๆ

    “หืม อะไรเหรอ ?”

    “ทำไมมากับจื่อเทาล่ะ” อึนจีกระซิบถามเสียงเบาเพราะกลัวว่าเจ้าของชื่อจะได้ยิน

    “อ้อ บ้านฉันอยู่ข้างๆจื่อเทาพอดีเลยมาด้วยกัน โชคดีเนอะ” มินซอกพูดอย่างอารมณ์ดีจนอึนจียกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ

    “โชคดีที่ไหนมินซอก นั่นนักเลงนะนักเลง” อึนจีพูดพร้อมกับเขย่าตัวมินซอกไปมาจนนาอึนต้องมาจับแยก

    “แต่จื่อเทาบอกว่าไม่ได้เป็นนะ” มินซอกว่า

    “ทำไมเชื่อหมอนั่นเล่า ดูหน้าก็รู้แล้วว่าถ้านายทำอะไรให้ไม่พอใจหมอนั่นต้องลากไปซ้อมแน่ๆ” อึนจีพูดพร้อมกับทำท่าสยอง นาอึนที่ได้ยินตาโตแล้วยกมือฟาดอึนจีทันที

    “ยัยบ้า พูดอะไรออกมา เดี๋ยวเขาก็ลากเธอไปซ้อมแทนหรอก”

    “ฮ่าๆๆ จื่อเทาไม่ซ้อมพวกเราหรอกน่า” มินซอกพูดพร้อมกับหัวเราะเหมือนว่ามันเป็นเรื่องตลกทำให้เด็กสาวทั้งสองคนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ

     

    ไม่มีใครถามเรื่องจื่อเทาจากมินซอกอีกแต่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาพูดคุยด้วยน้อยลงเพราะมินซอกเอาแต่ชวนจื่อเทาคุย ซึ่งจื่อเทาคนที่ทุกคนแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงกลับตอบรับมินซอกเรื่อยๆและไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญหรือลากมินซอกไปกระทืบ



    มินซอกก็เลยได้ฉายาว่า ผู้ปราบยักษ์


    “อึนจี นาอึน ฉันทำอาหารมาเผื่อพวกเธอด้วย กินมั้ย ?” พอถึงตอนเที่ยงมินซอกก็เดินถืออาหารไปที่โต๊ะเรียนของอึนจี สาวน้อยยิ้มทันทีที่เห็นกล่องอาหารวางลงบนโต๊ะ เธอพยักหน้ารัว

    “กินสิ มินซอกทำมาให้จริงๆด้วยอ่ะ น่ารักที่สุดดด” อึนจีพูดพร้อมกับยื่นมือหมายจะหยิกแก้มกลมๆของมินซอกแต่โดนนาอึนสะกัดเอาไว้ซะก่อน

    “เธอหยุดรุ่มร่ามกับมินซอกสักทีอึนจี”

    “ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอกนาอึน” มินซอกพูดก่อนจะทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้แล้วเดินก็เดินไปเขย่าแขนจื่อเทาที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

    “หืม ?” เมื่อเห็นว่าเป็นมินซอก จื่อเทาก็เลยแหงนหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

    “ไปกินด้วยกันสิ ฉันทำมาเผื่อนายด้วยนะ” มินซอกพูดพร้อมกับดึงแขนเสื้อจื่อเทาเบาๆ อึนจีกับนาอึนที่มองอยู่และไม่ได้ยินบทสนทนาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอรอดูชะตากรรมของมินซอกว่าจะถูกจื่อเทาต่อยไหม

    “นายกินกับพวกนั้นเถอะ เขาคงกลัวฉัน” จื่อเทาพูดพร้อมกับมองไปทางนาอึนและอึนจี สองสาวหลบสายตาทันทีที่รู้ตัวว่าจื่อเทามองอยู่

    “เดี๋ยวนั่งด้วยกันสักพักก็หายกลัวเองแหละ ป่ะ” มินซอกไม่ได้ฟังว่าจื่อเทาพูดอะไรอีก เขาลากแขนของจื่อเทาไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ถูกลากมาวางไว้ใกล้ๆโต๊ะที่พวกเขาเอาโต๊ะเรียนมาต่อกันจนเป็นโต๊ะขนาดพอให้คนสี่คนกินข้าวได้

    “ให้จื่อเทากินด้วยกันนะ” มินซอกพูดพร้อมกับยิ้มกว้างตามแบบฉบับของตัวเอง อึนจีเหมือนจะทำหน้าไม่ถูกแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง

    “โห มินซอกทำเองหมดเลยเหรอ” พอเห็นอาหารดูเหมือนว่าสาวๆทั้งสองคนจะลืมไปโดยปริยายว่าหวางจื่อเทานั่งอยู่ด้วย อึนจียื่นมือไปหยิบคิมบับที่ถูกหั่นเอาไว้แล้วในกล่องเข้าปากทันทีที่มองเห็น

    “ใช้ตะเกียบสิอึนจี โถ่” นาอึนพูดอย่างละเหี่ยวใจพร้อมกับหยิบตะเกียบส่งให้อึนจี

    “มินซอกทำอร่อยอ่ะ สอนฉันทำบ้างได้ป่ะ” อึนจีไม่ได้สนใจตะเกียบของนาอึน เธอยังคงใช้มือหยิบคิมบับเข้าปากเรื่อยๆขณะทีนาอึนช่วยมินซอกเปิดกล่องอาหารที่เหลือ

    “เอาไว้มีชั่วโมงคหกรรมฉันจะสอนให้แล้วกันนะ” มินซอกพูดยิ้มๆแล้วหยิบตะเกียบคู่หนึ่งยื่นให้จื่อเทา

    “ขอบใจ” เสียงของจื่อเทาเหมือนสต๊าฟอึนจีเอาไว้ อาจจะเพราะหลายๆคนที่นี่ไม่คุ้นเคยหรือแทบจะไม่รู้จักจื่อเทามากๆทำให้รู้สึกเกร็งอย่างที่สุด

    “อร่อยป่ะ ?” ทันทีที่จื่อเทาคีบอาหารเข้าปากมินซอกก็ร้องถามทันที

    “...” จื่อเทาเคี้ยวและกลืนลงคอก่อนจะพยักหน้า

    “พยักหน้านี่แปลว่าอะไร ?” มินซอกเท้าคางมองหน้าจื่อเทา

    “แปลว่าอร่อย” คำตอบของจื่อเทาทำให้มินซอกอมยิ้มแล้วคีบอาหารเข้าปากบ้าง อึนจีมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

    “พวกนายรู้จักกันมาก่อนเหรอ ?” สาวน้อยขี้สงสัยถามขึ้นขณะที่ยังคีบอาหารเข้าปากตัวเองเรื่อยๆ

    “เปล่าอ่ะ” มินซอกเป็นคนตอบ ส่วนจื่อเทายังคงนั่งกินเงียบๆ

    “ฉันนึกว่าจื่อเทาจะเป็นคน... เอ่อ ดุกว่านี้” อึนจีพูดเสียงเบา

    “จื่อเทาไม่ดุนะ” มินซอกว่าขณะที่คีบหมูผัดวางบนฝากล่องอาหารให้จื่อเทา

    “ใช่ไหมจื่อเทา ?” ไม่พูดเปล่ามินซอกยื่นมือไปเกาคางจื่อเทาตามประสาคนขี้เล่น จื่อเทาไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่เบือนหน้าหนีและคีบอาหารเข้าปากตัวเองต่อ

    “แต่จะว่าไปพวกเราก็ไม่เคยเห็นจื่อเทาไปต่อยใครนี่นะ...” นาอึนที่นั่งเงียบๆอยู่สักพักพูดขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าจื่อเทา

    “เอ้อ จริงด้วย... ถึงจะมีข่าวลือเต็มไปหมดแต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นหมอ.. เอ่อ จื่อเทาต่อยใคร” อึนจีออกความคิดเห็นบ้าง พอได้ยินแบบนั้นมินซอกก็ลอบยิ้มทันที เป็นแค่การลือกันในหมู่เด็กๆจริงๆสินะ แปลว่าจื่อเทาไม่ได้โกหกเขา

    “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าจื่อเทาไม่ใช่นักเลงหรอก” มินซอกพูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นดูเหมือนว่าอึนจีจะกล้าพูดคุยกับจื่อเทามากขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่หมดไปกับการกินเสียมากกว่า...

     

     

    ตอนเย็นทั้งสี่คนเดินกลับบ้านด้วยกัน สิ่งแปลกปลอมที่ทำให้บางคนจับจ้องมาที่พวกเขาอาจจะเป็นการที่หวางจื่อเทามาเดินอยู่ด้วย แต่เพราะอึนจีเอาแต่พูดคุยกับมินซอกตลอดทางก็เลยไม่มีใครสนใจสายตาพวกนั้น

    พอถึงทางแยกทั้งสี่คนก็โบกมือลากัน เหลือเพียงมินซอกกับจื่อเทาที่เดินไปทางเดียวกัน

    “อึนจีตลกดีเนาะ” มินซอกพูดขึ้นจื่อเทาแค่พยักหน้ารับ

    “นายน่าจะพูดให้มากกว่านี้นะ พอได้คุยกันพวกนั้นก็ไม่กลัวนายแล้วเห็นมั้ย ?”

    “อืม” จื่อเทาตอบรับเพียงแค่นั้นทำให้มินซอกยื่นมือไปตีแขนของอีกฝ่ายเบาๆ

    “นายก็เป็นซะแบบนี้ หัดพูดเยอะๆซี่”

    “ฉันชอบฟังมากกว่า”

     

     

    กลายเป็นภาพที่คุ้นชินไปแล้วว่าที่ไหนมีหวางจื่อเทา ที่นั่นต้องมีคิมมินซอก ที่ไหนมีคิมมินซอกที่นั่นต้องมีหวางจื่อเทา หรืออาจจะพ่วงจองอึนจีและซนนาอึนมาด้วย และพอเป็นแบบนั้น ความกลัวของหลายๆคนที่มีต่อจื่อเทาก็เริ่มลดลงแต่ก็ไม่ใครกล้าถึงกับไปวอแวกับเขาขนาดนั้น

    พอตกกลางวัน วันนี้นาอึนกับอึนจีต้องไปซ้อมการแสดงของโรงเรียนทำให้เหลือแค่จื่อเทากับมินซอกสองคน มินซอกตัดสินใจว่าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศและวันนี้อากาศดีก็เลยพากันขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าของตึก

    “โห อากาศดีจริงๆด้วย” ทันทีที่เปิดประตูแล้วลมเย็นปะทะเข้าที่ร่างกายมินซอกก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

    จื่อเทาเดินตามไปนั่งลงข้างๆมินซอกเหมือนเคย จนถึงตอนนี้มินซอกเริ่มชินกับการพูดคนเดียวโดยที่จื่อเทาแค่ฟังอยู่เงียบๆแล้ว ช่วงแรกๆมินซอกบ่นเรื่อยๆว่าทำไมจื่อเทาไม่ยอมพูด แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าจื่อเทาคงจะชอบฟังมากกว่าจริงๆ

    “ฮัดชิ้ว !” เพราะได้กลิ่นอะไรบางอย่าง มินซอกเลยจามออกมาเสียงดัง

    “ไม่สบายเหรอ ?” จื่อเทาเดินมาถามใกล้ๆ

    “ฉันว่าฉันได้กลิ่นบุหรี่.. ฉันแพ้บุหรี่น่ะ” มินซอกพูดพร้อมกับจามติดต่อกันอีกหลายครั้ง จื่อเทาหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงตัวเองส่งให้มินซอกแล้วก็มองหาต้นตอว่ากลิ่นนั่นมาจากไหน มินซอกใช้ผ้าที่จื่อเทาให้ปิดจมูกก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเด็กสองสามคนที่กำลังจับกลุ่มกันสูบบุหรี่อยู่

    “เดี๋ยวฉันมานะ” คิ้วของจื่อเทาขมวดเข้าหากันเมื่อเพ่งเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันทีมินซอกจะได้ถามอะไรขายาวๆนั่นก็ก้าวออกไปหยิบบุหรี่ออกจากมือเด็กคนหนึ่งในกลุ่มนั้น

    พี่บอกนายแล้วว่าห้ามสูบบุหรี่” คำพูดที่ได้ยินทำให้มินซอกเหมือนจะเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นน้องชายของจื่อเทา

    “อ่าว พ่อมึงมาว่ะต้าเหว่ย” เสียงเด็กอีกสองคนพูดพร้อมกับหัวเราะทำให้เด็กที่ชื่อต้าเหว่ยทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที

    “พ่อห่าไร ... เมื่อก่อนพี่ก็สูบ อย่ามาห้ามผมเลยเหอะ” เด็กคนนั้นพูดพร้อมกับทำท่าจะหยิบมวลบุหรี่คืนมาจากมือจื่อเทา แต่อีกฝ่ายโยนลงพื้นแล้วใช้เท้าดับเสียก่อน

    “นั่นมันเมื่อก่อน”

    “ยังไงนี่มันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อยจื่อเทา”

    “ทำไมนา..”

     

    “แค่กๆ” เสียงมินซอกไอเพราะควันบุหรี่เรียกความสนใจจากจื่อเทา พอหันไปก็เห็นเพื่อนของต้าเหว่ยที่ดูเกเรไม่แพ้กันเดินมาใกล้มินซอกพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ใส่ด้วยความสนุกสนาน

    “ทำอะไรของพวกนาย” ทันทีที่เห็นจื่อเทาผละออกจากต้าเหว่ยและเดินไปหามินซอกทันที เด็กพวกนั้นทำหน้าตากวนประสาทเหมือนว่าไม่ได้กลัวจื่อเทาเลยสักนิดเดียว

    “พวกผมเห็นพี่คุยกับต้าเหว่ยอยู่เลยมาเล่นกับพี่คนนี้เป็นเพื่อนไงครับ” น้ำเสียงยียวนนั่นกระตุกคิ้วของจื่อเทาได้อย่างดี

    “...” จื่อเทาไม่พูดอะไรเพียงแค่จ้องเด็กสองคนนั้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มือหนาปัดบุหรี่ในมือของเด็กสองคนนั้นลงพื้นมินซอกตอนนี้น่าเป็นห่วงกว่าใครๆเพราะว่าไอจนตัวโยนไปหมด

    “ถ้าพี่เจอนายสูบบุหรี่หรืออยู่กับเด็กพวกนี้อีก พี่จะบอกให้พ่อนายส่งนายกลับไปอยู่ชิงเต่ากับหลงเฟ่ย” จื่อเทาพูดแค่นั้นก่อนจะโอบไหล่มินซอกที่ยังไอไม่หยุดเดินออกไปโดยที่ไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของน้องชายที่อยู่ด้านหลัง

     

    “ฉันนึกว่านายจะต่อยเด็กพวกนั้นซะอีก” พอเดินกลับมาที่ห้องเรียน มินซอกที่ตอนนี้เริ่มอาการดีขึ้นแล้วพูดปนหัวเราะ

    “อยากให้ฉันกลับไปต่อยพวกนั้นให้ไหมล่ะ ?” จื่อเทาถามทีเล่นทีจริงแต่มินซอกส่ายหน้า

    “ดีแล้วล่ะที่ไม่มีเรื่อง นายไม่ใช่อันตะพาลสักหน่อยจะไปต่อยพวกนั้นทำไมล่ะ”

    “อืม นายโอเคมั้ย ?”

    “โอเคแล้ว ไม่ได้แพ้หนักขนาดนั้นหรอก” มินซอกว่าพลางหยิบกล่องอาหารออกมาวางบนโต๊ะ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าอยากจะกินบนดาดฟ้าแท้ๆ

    “รีบกินเถอะจะหมดเวลาแล้ว”

    “เด็กที่ชื่อต้าเหว่ยเป็นน้องชายนายเหรอ ?” ขณะที่กินอยู่จู่ๆด้วยความอยากรู้มินซอกก็เลยถามขึ้นซึ่งจื่อเทาพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ

    “แต่ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอก ลูกพี่ลูกน้องน่ะ”

    “ไม่ถูกกันเหรอ ?”

    “คงงั้นมั้ง” จื่อเทาตอบเสียงเบาพลางนึกตามว่าตกลงเขากับน้องชายไม่ถูกกันจริงๆหรือเปล่า เมื่อก่อนเขากับต้าเหว่ยสนิทกันมากจนกระทั่งจื่อเทาเริ่มมีเพื่อนที่ชิงเต่าและไม่มีเวลาให้น้องชายอย่างต้าเหว่ยอีกต่อไป เขากลายเป็นพวกเกเรอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆเพราะต่อมาไม่นานเขาก็ต้องย้ายมาอยู่ที่เกาหลี แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขากับต้าเหว่ยนั้นเปลี่ยนไปแล้ว

    “แบบนั้นแปลว่าไม่ได้ไม่ถูกกันนี่” มินซอกตีความคำพูดของจื่อเทา ถ้าหากไม่ถูกกันจื่อเทาคงไม่พูดแบบนั้น

    “ฉันไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้นหรอก แต่เด็กคนนั้นคงจะเกลียดฉันไปแล้ว”

    “ฉันว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า” มินซอกพูดพลางยื่นมือไปตบไหล่หนานั่นเบาๆ

                “ช่างมันเถอะ” เมื่อจื่อเทาว่าอย่างนั้นมินซอกก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็เลือกที่จะคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อยโดยที่ทานอาหารไปด้วย และเพราะแบบนั้นเลยดูเหมือนว่าจื่อเทาจะค่อยๆลืมเรื่องของต้าเหว่ยไป

               

                ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่มินซอกยังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย อึนจีก็เลยอาสาพานำเที่ยวโดยมีนาอึนและจื่อเทาไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย มินซอกออกมาเจอกับจื่อเทาที่หน้าบ้านเหมือนกับทุกๆเช้าที่ไปโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าจื่อเทาจะยังไม่ออกมารอเหมือนอย่างเคยมินซอกก็เลยกดกริ่งเรียก แต่คนที่ออกมารับหน้าบ้านกลับเป็นเด็กที่มินซอกจำได้ว่าชื่อต้าเหว่ย ไม่ใช่จื่อเทา...

                “มาทำอะไร” เด็กคนนั้นพูดเสียงห้วนแต่มินซอกเลือกที่จะส่งยิ้มกลับไปให้

                “มาหาจื่อเทาน่ะ ขอเข้าไปได้มั้ย ?” ตอนแรกมินซอกคิดว่าเด็กคนนั้นคงไม่มีทางเปิดประตูให้เข้าไปแต่กลับกลายเป็นว่าประตูรั้วถูกเปิดออกอย่างง่ายๆและต้าเหว่ยก็เดินนำเข้าไปข้างในโดยที่ไม่พูดอะไร.. จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่เด็กเลวร้ายก็ได้ ?

                “หมอนั่นคงหลับอยู่ นายเดินขึ้นไปเองก็แล้วกัน” ต้าเหว่ยพูดเท่านั้นแล้วก็ทำท่าจะเดินกลับไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลนัก

                “นี่ คุยด้วยหน่อยสิ” อาจจะเพราะเห็นว่าต้าเหว่ยดูไม่ใช่คนที่เข้าถึงยากหรือว่าแข็งกระด้างอย่างที่แสดงกับจื่อเทา มินซอกก็เลยอยากทดสอบอะไรบางอย่าง

                “อะไร ?”

                “เกลียดจื่อเทาเหรอ ?” คำถามของมินซอกทำให้ต้าเหว่ยผงะไปเล็กน้อย

                “ถามทำไม ?”

                “อยากรู้สิถึงได้ถาม” คำพูดของมินซอกทำให้ต้าเหว่ยถอนหายใจออกมา ปฏิกิริยาแบบนั้นทำให้มินซอกคิดว่าต้าเหว่ยกับจื่อเทานี่มีความคล้ายคลึงกันอยู่เหมือนกัน

                “ทำไมฉันต้องตอบนาย อยากจะไปหาจื่อเทาก็เดินขึ้นไปก่อนที่ฉันจะไล่นายออกไป”

                ดุแฮะ.. มินซอกขอถอนความคิดที่ว่าคล้าย เด็กคนนี้คงจะดุกว่าจื่อเทาสินะ พอได้ยินคำพูดนั้นมินซอกยักไหล่น้อยๆแล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนแทน แต่มินซอกลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง

     

                ลืมถามว่าห้องจื่อเทาอยู่ที่ไหน...

     

     

     

     

    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×