ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 25

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      3
      18 มิ.ย. 64

                    


    นี่...

                    

    เสียงหวานที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจของคนที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ให้เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพบว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังนั่งมองมือซ้ายของตัวเองอยู่ ไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรออกไปร่างเล็กก็พูดต่อไปทันที

                   

    ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณที่ว่าเส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเชื่อมต่อโดยตรงไปยังหัวใจ ผู้คนจึงนิยมสวมแหวนแต่งงานเอาไว้ที่นิ้วข้างซ้ายหยุดพูดแต่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองอยู่ดี เมื่อความเงียบเริ่มโรยตัวลงฮีชอลจึงพูดต่อไปเรียบๆปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งมองอย่างงุนงง

                    

    แหวนแต่งงานวงกลมในความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณนั้นเชื่อว่าแหวนวงกลมไม่มีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ซึ่งนั่นก็หมายถึงความเป็นนิรันดร์ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความสมบูรณ์แบบ

                    

    เมื่อปฏิกิริยาของชเวซีวอนนั้นยังคงความเงียบเอาไว้อยู่ ดวงหน้าหวานก็เงยหน้ามาสบตากับคนที่ดูจะงุนงงกับสิ่งที่ตนพูดออกมา นั่นก็ทำเอาคนเย็นชาดุจน้ำแข็งถึงกับหน้าแตกเพล้งเมื่อดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดไปแฝงนัยเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานโดยหวังว่าคนที่ฟังอยู่คงจะเข้าใจมัน แต่กลับกลายเป็นว่าซีวอนยังคงนั่งหน้าเหร๋อหร๋าตากระพริบปริบๆเสียได้

                    

    เอ่อ...ฉันไปทำงานก่อนนะ!”รีบพูดขึ้นเมื่อดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินอายกับการกระทำของตัวเอง ทั้งๆที่เขาพยายามพูดเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานขึ้นมาตามคำแนะนำของดงแฮแล้วนะเนี่ย แค่ครั้งแรกก็หน้าแตกเพล้งแล้ว ครั้งที่สองเล่าจะเป็นอย่างไร เขาไม่อยากจะนึกภาพตามเลยแม้แต่น้อย

                    

    ดวงตาคมเข้มเฝ้ามองแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปจากประตูห้องพร้อมกับบานประตูที่ปิดลงก็เป็นอันต้องฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกเอ็นดูกับสิ่งที่ฮีชอลพูดออกมาเมื่อครู่

                    

    ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าร่างเล็กต้องการจะสื่อถึงอะไร ลีดงแฮบอกเขาแล้วว่าเจ้าตัวได้แนะนำให้เพื่อนสนิทหน้าหวานแต่เย็นชาคนนี้ลองแสดงออกว่าอยากแต่งงานเพื่อที่เขาจะได้รู้เสียทีว่าฮีชอลเองก็รอให้เขาขอแต่งงาน

                    

    ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วนะครับคนดี”เอ่ยพูดกับคนที่เดินออกไปจากห้องก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดสายโทรออกไปยังเบอร์ที่เขาโทรไปหาเมื่อคืน วันนี้เป็นวันพิเศษและซีวอนก็ได้โทรไปขอลางานหนึ่งวันเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ

                    

    ครับ นี่ชเวซีวอนพูดครับ...คือผมอยากจะทราบว่าดอกไม้ที่ผมสั่งไปได้หรือยังครับ?”

     

     

     

     

                    

    คิมฮีชอลดูจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อทันทีที่มาถึงโต๊ะทำงานในห้องสอนวิชาประวัติศาสตร์ของตน สิ่งแรกที่เด่นสะดุดตาก็คือดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกวางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน

                    

    การ์ดใบเล็กๆถูกวางเอาไว้ข้างๆดอกกุหลาบดอกนั้น เมื่อหยิบมาอ่านจึงพบกับข้อความที่ถูกเขียนพิมพ์ด้วยตัวอักษรพิมพ์ดีด

                    

    หวังว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายของมันนะครับคนเก่งของผม

                

    ซีวอน

                    

    ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มกับข้อความบนการ์ดนั่นก่อนจะเหลือบไปมองดอกกุหลาบนั่นอีกหนึ่งครั้ง ไม่รู้เลยจริงๆว่าชายหนุ่มไปเอาเวลามาจากไหนถึงเอามาวางเอาไว้บนโต๊ะเขาได้ ทั้งๆที่ตอนเช้ายังอยู่ด้วยกันอยู่เลย

                    

    แต่อะไรบางอย่างบอกเขาไว้ว่าร่างสูงโทรไปสั่งร้านดอกไม้และฝากมาวางเอาไว้ ทั้งนี้เพราะเขารู้ว่าชายหนุ่มชอบเขียนด้วยลายมือตัวเองเวลาเขียนการ์ดไม่ใช่พิมพ์ดีดด้วยคอมพิวเตอร์แบบนี้

                    

    ดวงตากลมโตละสายตาจากการ์ดที่บรรจงวางลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบดอกกุหลาบนั่นขึ้นมา ข้อความในการ์ดเมื่อครู่ดังเข้ามาในสมองเรียกให้เขาฉีกยิ้มหวานออกมาอีกหนึ่งครั้ง

                    

    ความหมายของดอกกุหลาบสีขาว ทำไมเขาจะไม่รู้หละ? ดอกกุหลาบสีขาวนั้นมีความหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ และจำนวนดอกไม้ที่เขาได้รับมานั้นคือหนึ่งดอก และนั่นก็หมายความว่าดอกกุหลาบหนึ่งดอกนั้นสื่อความหมายว่ารักแรกพบ นอกเหนือจากนั้นแล้วดอกกุหลาบหนึ่งดอกก็แปลว่าความรักที่เรียบง่ายแต่มั่นคงอีกด้วย

                    

    เป็นความจริงที่ฮีชอลไม่คิดจะปฏิเสธเลยว่าชายหนุ่มได้บอกเขาว่าเพียงแค่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ซีวอนก็ตกหลุมรักเขาเสียแล้ว และทั้งเขาและซีวอนก็รักกันมาหลายปีแล้วด้วย

                    

    สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงนักศึกษาที่ดังมาตามทางเดิน ฮีชอลรีบจัดข้าวของเพื่อเตรียมตัวสำหรับสอนชั้นปีสองที่กำลังจะมีเรียนกันในไม่ช้า มือเล็กบรรจงวางดอกกุหลาบเอาไว้ข้างๆกระเป๋าของตนและเก็บการ์ดใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าตำราสมุด เอกสารทุกอย่างและใบงานที่เขาตรวจเมื่อคืนของปีสองมาเพื่อเตรียมตัวสอน







    ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ผู้นำพรรคนาซีและประเทศเยอรมันและโยเซฟ สตาลินแห่งสหภาพโซเวียตได้ตกลงกันอย่างสันติว่าจะไม่รบกันเอง เรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่าNazi-Soviet Pact...”

                    

    แต่สตาลินเป็นคอมมิวนิสต์และฮิตเลอร์เกลียดคอมมิวนิสต์นะครับ?!”เสียงหวานที่ดังขึ้นมาจากลูกศิษย์หน้าหวานที่นั่งแถวหน้าค้านขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้เพื่อนร่วมห้อง

                    

    ฮีชอลฉีกยิ้มพลางยักไหล่ “แต่มันก็เป็นไปแล้วหละเรียววุค” คราวนี้คิมเรียววุคมีสีหน้างุนงงกว่าเดิม “แต่...สุดท้ายฮิตเลอร์ก็บุกโซเวียต นะครับ!”

                    

    ใจเย็นๆน่าเรียววุค ตอนปี1939ไม่มีใครรู้หรอกว่าฮิตเลอร์จะหักหลังสตาลิน ตอนแรกสตาลินยังไม่เชื่อเลย บอกแล้วว่าอย่าเชื่อผู้ชายไว้หนวด”มุขตลกที่หยอดลงท้ายประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะครืนจากทั้งห้องได้เป็นอย่างมาก ร่างเล็กถอยหลังเดินไปยังกระดานดำ มือเรียวหยิบชอลก์ขึ้นมาเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษขึ้นมาก่อนจะผละออกให้ทุกคนได้อ่าน


    A. Hitler


    นี่คือชื่อของอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ หรือ เอ ฮิตเลอร์”เอ่ยออกไประหว่างที่เฝ้ามองปฏิกิริยาของนักศึกษาทุกคนที่กำลังนั่งมองชื่อนั้นอย่างใจจดใจจ่อก่อนจะเอ่ยพูดต่อไป


    ทีนี้ก็ลองนำตัวอักษรมาสลับกันก็จะได้คำๆนี้ออกมา”


    The Liar.


    ซึ่งนั่นก็แปลว่าคนโกหก สรุปได้เลยว่าฮิตเลอร์เป็นคนโกหก และหลักฐานก็มีให้เห็นอยู่โต้งๆว่าเขาหักหลังสตาลินและบุกโซเวียตในปี1941”เอ่ยพูดก่อนจะเหลือบไปมองยังนาฬิกาห้องที่บอกเวลาเลิกชั้นแล้ว ดวงตากลมโตละสายตาจากนาฬิกาพลางเอ่ยประกาศเลิกชั้นแล้วหันมาจัดการเก็บข้าวของชั้นปีสองและเตรียมตัวสำหรับการตรวจการบ้านของปีสี่ เช้านี้เขามีคาบว่างสองชั่วโมงยาวจนถึงพักเที่ยงเลย


    เงยหน้าขึ้นไปมองเมื่อพบว่ามีเสียงฝีเท้าของอาคันตุกะผู้มาใหม่เดินเข้ามาในห้อง ดวงตากลมโตเบิกตากว้าง ฮีชอลดูจะแปลกใจมากกว่าตกใจกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มคนรักที่เดินมา สองมือไขว้กันอยู่ที่หลังราวกับจะซ่อนอะไรเอาไว้อยู่ข้างหลัง


    ผมรบกวนเวลางานของคุณหรือเปล่า?”นี่เป็นคำถามแรกที่เปิดประเดิมบทสนทนา คนโดนถามกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันกลับไปเก็บข้าวของต่อ แต่มิวายเสียงหวานก็เอ่ยตอบคำถามชายหนุ่มไป


    มีตรวจงานปีสี่ ไม่ถึงชั่วโมงก็คงเสร็จ”เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ ซีวอนจึงฉีกยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะเดินมาประชิดคนที่ทำตัวเป็นวุ่นวายจัดนู่นจัดนี่บนโต๊ะไม่เลิก ดวงตาคมเข้มเหลือบไปมองดอกกุหลาบสีขาวนั่นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง


    คุณเห็นมันแล้วใช่ไหม?”ดวงหน้าพยักหวานก่อนเอ่ยกลับไป กระนั้นร่างเล็กก็ยังไม่เงยหน้าจากงานของตัวเองแม้แต่น้อย “ซะสวยเชียว ซื้อที่ร้านไหนหละ?”


    ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยปากตอบ อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์หน้าหวานก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สองมือเล็กดึกปึกการบ้านปีสี่มาก่อนจะเอื้อมไปหยิบปากกาแดงสำหรับตรวจงานมา เมื่อตรวจงานไปได้ถึงครึ่งหน้ากระดาษหน้าแรกก็หยุดก่อนที่ดวงหน้าหวานจะเงยหน้าขึ้นมามอง


    ว่าไงหละ? ตกลงร้านไหนเนี่ย? แถมยังมีบริการส่งถึงที่ให้เสียด้วยนะร่างสูงได้แต่หัวเราะเบาๆเมื่อพบว่าฮีชอลรู้ความจริงแล้วว่าเขาโทรไปส่งดอกกุหลาบสีขาวพร้อมกับข้อความที่ฝากทางร้านพิมพ์ให้ก่อนจะรบกวนให้มาส่งวางเอาไว้บนโต๊ะของคนรัก


    คุณนี่รู้ทันผมตลอดเลยนะคู่สนทนาได้แต่กระตุกยิ้มพลางก้มหน้าลงตรวจงานต่อ ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ร่างเล็กเอาแต่ตรวจงานและซีวอนก็ได้แต่ยืนมองจนกระทั่งแผ่นสุดท้ายเสร็จสิ้นไป


    คิมฮีชอลลุกขึ้นยืน เก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมก่อนจะเลิกคิ้วมอง “แล้วนี่มีอะไรจะให้อีกหละ?” เอ่ยถามไปเรียบๆตามสไตล์คิมฮีชอลผู้เย็นชา คนโดนถามหัวเราะเบาๆพลางเดินมายืนข้างๆคนรัก ดวงหน้าคมคายโน้มมาจุมพิตเบาๆบนแก้มเนียนก่อนเอ่ยตอบไป


    ก็ดอกกุหลาบเหมือนเดิมแหละ


    พูดจบก็ยื่นเจ้าสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังเป็นเวลานานให้ คราวนี้เป็นดอกกุหลาบสีส้มจำนวนสามดอก มือเล็กรับมันมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่มีท่าทีตกใจเลยเล็กน้อยตามสไตล์คนเย็นชา ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องชินชาแล้วสำหรับชเวซีวอน เอาเข้าจริงเขาก็แอบเห็นดวงตากลมโตเบิกกว้างเพียงชั่วครู่ก่อนจะหรี่ลงเหมือนเดิมแหละ


    ดอกกุหลาบสามดอกนั้นแปลว่าฉันรักเธอ ส่วนตัวดอกกุหลาบสีส้มนั้นหมายถึงยังรักเหมือนเดิมพูดจบก็ฉีกยิ้มหวานออกมาแล้วนำดอกไม้ในมือที่ได้รับมาไปวางรวมกับดอกกุหลาบสีขาวบนโต๊ะก่อนจะหันมาประจันหน้ากับชายหนุ่มที่ยังคงมีรอยยิ้มไม่เลือนไปจากดวงหน้า


    ผมแทนความรู้สึกของผมด้วยดอกกุหลาบ แล้วฮีชอลหละครับ? จะใช้ดอกไม้อะไรดีที่จะแทนความรู้สึกของตัวเอง?”เป็นคำถามที่ทำเอาเจ้าของชื่อกระตุกยิ้มที่มุมปากตามอย่างนึกสนุกกับคำถามที่ชวนคิด ดวงหน้าหวานทำหน้าคิดหนักก่อนจะส่งยิ้มหวานออกมา


    ดอกไลแลค


    หากจะพูดถึงเรื่องน้ำหอมที่เป็นประเภทที่โรแมนติกแล้ว ส่วนมากนั้นตัวน้ำหอมก็มักจะมีส่วนผสมของกลิ่นดอกไลแลคแฝงอยู่ ดอกไม้เล็กๆที่มีลักษณะเป็นช่อสีม่วงอ่อนนั้นมีกลิ่นหอมอบอวนที่ให้ความรู้สึกโรแมนติก


    และความหมายของดอกไลแลคนั้น ซีวอนเองก็รู้ และเพราะรู้ชายหนุ่มจึงได้ส่งยิ้มกว้างก่อนจะดึงคนตรงหน้ามารับจุมพิตร้อนที่ซึ่งร่างในอ้อมกอดก็ตอบสนองเป็นอย่างดี มือเล็กยกขึ้นกดท้ายทอยอีกฝ่ายระหว่างทีอีกมือขยำเสื้อเชิ้ตสีขาวระบายอารมณ์ร้อนที่ทำเอาน้ำแข็งเย็นชาอย่างเขาแทบหลอมละลาย


    ความหมายของดอกไลแลคนั้นคือรักครั้งแรก


    และชเวซีวอนก็คือรักครั้งแรกของคิมฮีชอล

                   

    เป็นเวลานานกว่าชายหนุ่มจะผละออกก่อนกดจูบซ้ำๆอีกหนึ่งรอบบนริมฝีปากเล็กที่บวมเจ่อเพราะจูบแสนดูดดื่มเร่าร้อนเมื่อครู่ ดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นเลือกที่จะซบลงบนหน้าอกกว้างเพื่อปิดบังความเขินอายที่มีอยู่มาก ซีวอนจุมพิตเบาๆบนขมับบางก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

                    

    คุณคือดอกกุหลาบเก้าดอกของผม”

                    

    นั่นเป็นคำบอกรักภาษาดอกไม้ที่ทำเอาร่างในอ้อมกอดถึงกับยิ่งซุกหน้ากับอกกว้างเข้าไปใหญ่ ดวงหน้าหวานพยักหน้าอย่างอายๆกับความหมายของจำนวนดอกกุหลาบเก้าดอกนั่น...

                   

    เราสองคนจะรักกันตลอดไป

     

     

     

                    

    ฮีชอลดูจะแปลกใจถึงมากที่สุดเมื่อจู่ๆอาจารย์ฮันคยอง ครูสอนภาษาจีนเดินมาบอกว่าทางมหาลัยอณุญาติให้กลับบ้านได้ก่อนเวลาเลิกงานได้ และที่ทำให้เขาเป็นอันต้องเลิกคิ้วอย่างงุนงงไปมากกว่านั้นคือเมื่อเดินออกมาจากหน้าห้องก็พบกับช่อดอกกุหลาบสีชมพูสิบเอ็ดดอกที่ถูกยื่นมาให้จากคนที่ยืนรอเขาอยู่หน้าห้องวิชาประวัติศาสตร์

                    

    ดอกกุหลาบสีชมพูสื่อความหมายถึงความงดงามและความอ่อนโยน และจำนวนเลขสิบเอ็ดนั้นก็หมายความว่า...

                    

    คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าเพียงชิ้นเดียวของผม

                   

    เอ่ยกระซิบเบาๆที่ริมหูของคนที่ดูจะตกใจจนไม่สามารถพูดอะไรออกแล้วก่อนจะรับกระเป๋าและแฟ้มงานเอกสารคนรักมาถือระหว่างที่ร่างเล็กหอบดอกกุหลาบจำนวนมากสามสีเดินตามเขาไปยังรถ

                    

    นี่นายไปขอลางานให้ฉันเหรอเนี่ย?”เอ่ยถามทันทีที่วางของเอาไว้ยังเบาะหลังแล้วมานั่งข้างๆคนขับ คนโดนถามได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก แต่เมื่อถูกถามถึงสาเหตุเขาก็เลือกที่จะฉีกยิ้มกว้างไม่ตอบคำถาม ซึ่งนั่นก็ทำเอาร่างเล็กยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

                    

    รถคันหรูขับไปตามถนนสายใหญ่ก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างหน้าร้านอาหารที่ตั้งอยู่นอกเมืองท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวที่ประดับแต่งแต้มด้วยสีสันหลากสีของดอกไม้นานาชนิด

                    

    คิมฮีชอลได้แต่เก็บงำความสงสัยของตัวเองเอาไว้เงียบๆระหว่างที่เดินตามชายหนุ่มและพนักงานเสิรฟ์เข้าไปในร้าน ทะลุออกมานอกสวนที่มีเพียงโต๊ะแค่หนึ่งตัวสำหรับสองคนในสวนกว้าง

                    

    สวยไหมครับ?”เอ่ยถามเมื่อเห็นคนรักมองไปรอบๆด้วยสายตาเบิกกว้างอย่างประทับใจกับความสวยของสวนรอบตัวตนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด และที่ดูจะเยอะที่สุดแล้วคือดอกกุหลาบหลากสีสันที่ปลูกเอาไว้ข้างๆโต๊ะ

                    

    ชายหนุ่มเดินมาโอบกอดคนที่ยังคงทึ่งไม่หายกับสวนสวยจากทางข้างหลัง ดวงหน้าคมคายโน้มลงจุมพิตเบาๆบนแก้มเนียนก่อนจะเอ่ยพูดพลางเกยคางตนบนไหล่บาง

                   

    ผมสั่งให้ทางร้านหาดอกกุหลาบแบบคละสีกันมาปลูกเป็นจำนวน999ดอก คุณรู้ไหมครับว่าคราวนี้มันหมายถึงอะไร?”เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดนิ่งเงียบก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงจนปัญญานั้นชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะกระซิบตอบเบาๆที่ริมหู

                    

    ผมจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย”

                   

    เพียงเท่านั้นก็สามารถหลอมคนเย็นชาที่นานๆทีจะร้องไห้นั้นให้น้ำตาซึม ขอบตาร้อนผ่าวมาได้อย่างซาบซึ้งใจกับสิ่งที่ได้ยิน ฮีชอลรีบสั่งตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเรียบๆ พยายามกดเสียงตัวเองให้ห้วนและเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่คนที่กอดตนอยู่จะได้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขากำลังอายอยู่

                    

    ขอบคุณนะ”

                    

    ร่างสูงผละกอดแล้วจูงมือพาคนรักมานั่งตรงเก้าอี้สีขาวก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งตรงข้าม นึกดีใจเหลือเกินที่เห็นว่าฮีชอลชอบที่นี่มาก แม้ริมฝีปากเล็กจะเอ่ยสนทนากับเขาแต่ดวงตากลมโตนั่นกลับมองไปรอบๆด้วยความทึ่งเสียแทนสบตากับเขา แค่ร่างเล็กดีใจเขาก็มีความสุขตามแล้วหละ


    “Love means never having to say you’re sorry.”\


    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจของคนที่มองไปรอบๆให้หันกลับมามองคนตรงหน้าได้ ประโยคภาษาอังกฤษเมื่อครู่นั้นเป็นประโยคที่มาจากหนังดังเรื่องLove Story เมื่อสบตากับดวงตากลมโต ชายหนุ่มจึงพูดต่อไป ประโยคเดิมหากแต่แปลความหมายออกมาอย่างไพเราะ

                 

    ถ้าจะรักต้องไม่มีคำว่าเสียใจ

                    

    ฮีชอลฉีกยิ้มหวานกับประโยคคำพูดนั่น ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออีกหนึ่งครั้งเมื่อมือซ้ายของตนถูกคนตรงข้ามยกขึ้นมาจุมพิตเบาๆอย่างอ่อนโยน

                    

    ผมไม่เคยเสียใจที่ผมรักฮีชอลคำบอกรักแสนหวานนั้นเรียกให้อีกฝ่ายฉีกยิ้ม มือเล็กผละออกแล้วเกาะกุมมือข้างที่จับตนเอาไว้เสียแทนก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะขยับเปล่งเสียงตอบกลับไป

                    

    ฉันเองก็เหมือนกัน

                    

    พูดจบก็เป็นอันต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆก็มีกลีบดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวจำนวนมากโปรยลงมาจากหลังคาข้างบน ร่างเล็กนั้นได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกไปหลายนาทีและดวงตากลมโตก็เป็นอันต้องเบิกกว้างอีกหนึ่งครั้งกับสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

                    

    ดอกกุหลาบสีแดงและดอกกุหลาบสีขาว เมื่อรวมกันแล้วจึงแปลได้ว่าสองเราคือหนึ่งเดียวกัน และกลีบดอกกุหลาบพวกนั้นก็มาจากดอกกุหลาบสีแดงและขาวรวมกันทั้งหมด101ดอก ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...”เว้นช่วงประโยคไปก่อนจะเอ่ยบอกความหมายของตัวเลขนั้นให้คนที่รับฟังได้น้ำตาซึมเป็นครั้งที่สองอย่างซาบซึ้งประทับใจเป็นที่สุด

                    

    ผมจะมีเพียงฮีชอลคนเดียวเท่านั้น”

     

     

     

                    

    ตลอดทางจนถึงคอนโดที่นั่งอยู่ในรถนั้น ในหัวของคิมฮีชอลเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับวันนี้ ดอกกุหลาบหลากสีจำนวนมากนั้นทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงสาเหตุกับคนที่ขับรถอยู่ข้างๆไป

                    

    แต่คำตอบที่เขากลับได้รับมาคือรอยยิ้มกว้างหรือไม่ก็คำบอกรักที่ไม่ตรงกับคำถามเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นต่อให้ถามไปสุดท้ายก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยของเขาให้มากเข้าไปอีกทุกๆครั้งที่ได้รับคำตอบที่ไม่ได้ดั่งใจกลับมา

                    

    ฮีชอลครับ”

                    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจของคนที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกให้หยุดชะงัก ไม่ทันจะได้หันมามองสองแขนแกร่งจากคนข้างหลังก็สอดลอดใต้วงแขนเรียวโอบกอดรั้งให้ถอยหลังมาชนกับอกกว้าง

                    

    ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้นะ ว่าผมรักคุณมากและผมก็อยากจะพูดคำๆนี้กับคุณมานานแล้ว”พูดพลางเชยคางมนขึ้นมารับจุมพิตอ่อนโยนบนกลีบปากเล็กอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมไปจับลูกบิดประตูห้องก่อนจะหันมามองคนในอ้อมกอดที่ดวงหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอาย

                    

    พร้อมไหมครับคนดี?”เมื่อดวงหน้าหวานพยักหน้าแทนคำตอบแล้ว ซีวอนจึงหมุนบานประตูออกแล้วผลักออกไปเพื่อให้เปิดกว้างก่อนจะค่อยๆปล่อยกอดร่างเล็กที่บัดนี้หยุดหายใจไปเสียแล้วชั่วขณะกับภาพที่ตนเห็น

                    

    น นี่มัน...”

                    

    ภายในห้องที่มืดสนิทนั้นถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากหลอดไฟทรงกลมสีใสหลายร้อนหลอดที่ส่องแสงสว่างไสวอยู่กลางพื้นอัดแน่นกันเต็มไปหมดทั้งพื้น มีเพียงแค่ทางเดินพอดีตัวที่ลากยาวจากหน้าห้องไปจนถึงกลางห้องที่เป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่เท่านั้นที่ว่างจากการถูกเติมเต็มด้วยหลอดไฟเหล่านั้น

                    

    ขายาวพาตัวเองค่อยๆเดินมาจนถึงตรงกลางก่อนจะพบกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ มือเล็กบรรจงหยิบขึ้นมาแนบอกก่อนจะก้มลงมองกุหลาบแดงในมือของตนจำนวนมาก

                    

    กุหลาบแดง ดอกไม้แห่งความรักและความปรารถนา

                   

    “108ดอกครับ

                    

    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้หันขวับไปมองยังเจ้าของเสียงที่ค่อยๆปิดประตูห้องแล้วเดินมายืนในวงกลมกว้าง ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเขาเองแหละ สั่งซื้อหลอดไฟจำนวนมากมาต่อกันวางรอบๆห้องแล้วเว้นที่ทำเป็นทางเดินและวงกลมกว้าง...เวทีที่เขากำลังจะเอ่ยคำๆนั้นออกไป

                    

    ปล่อยให้คนรักตนได้ทิ้งตัวเองเข้าสู่ห้วงแห่งความคิด ฮีชอลนึกทบทวนถึงจำนวนความหมายของเลขดอกไม้นั่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบกับความหมายที่ทำเอาหยุดหายใจไปชั่วขณะอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาให้ได้ เมื่อหันร่างมาประจันหน้ากับคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตนก็พบว่าชเวซีวอน ณ บัดนี้ได้คุกเข่าลงเสียแล้ว มือใหญ่ข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา

                    

    สองสายตาประสานกัน ดวงตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยความรัก ความจริงใจ ความเด็ดเดี่ยวและความมุ่งมั่นนั้นทำเอาดวงตากลมโตที่สบเข้าอ่อนไหว หลอมละลายและซาบซึ้ง น้ำตาคลอเบ้าตาเมื่อพบว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร

                    

    ซีวอนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาต้องการจะพูดประโยคๆนี้มานานแสนนานแล้ว เขาเฝ้ารอวันที่จะได้เอ่ยมันออกไป ในที่สุดวันๆนี้ก็ได้มาถึงเสียที

                   

    ฮีชอล...


    และท่ามกลางแสงไฟจากหลอดไฟทรงกลมที่รายล้อมรอบตัวทั้งสองนั้น ริมฝีปากหยักก็ขยับออกมาเป็นคำพูดเอ่ยความหมายของจำนวนดอกกุหลาบหนึ่งร้อยแปดดอกนั่นออกมา

                    

    แต่งงานกับผมนะครับ

                    

    นั่นคือประโยคที่ไพเราะที่สุดเท่าที่คิมฮีชอลเคยฟังจากปากของผู้ชายคนนี้ มันเป็นประโยคที่เรียกให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถหักห้ามใจได้

                   

    โดยไม่ปล่อยให้วินาทีที่กำลังจะผ่านไปสูญเปล่าไปด้วยความเงียบ ดวงหน้าหวานก็รีบพยักหน้าทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างระหว่างที่เอ่ยตอบไปปะปนกับเสียงสะอื้นไห้

                    

    แต่ง...ฮึก~ ฉันจะแต่งกับนาย”พูดซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะพบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมอารมณ์แห่งความดีใจที่ทะลักออกมาอยู่ ร่างทั้งร่างทรุดตัวนั่งลงก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างปิติยินดี

                   

    เป็นเดือดเป็นร้อนถึงซีวอนที่ต้องถลามากอดตัวคนรัก โยกคนที่เคยเย็นชานักหนาที่บัดนี้กลายเป็นคนขี้แยบ่อน้ำตาแตกไปมาในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้างที่ไม่อาจจะหุบยิ้มได้ คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขาไม่จางหายไปราวกับเทปที่ฉายซ้ำอย่างไม่มีวันหยุด

                    

    ฮีชอลครับ”เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองระหว่างที่มือด้านซ้ายถูกมือใหญ่ยกขึ้น ดวงตากลมโตเฝ้ามองแหวนทรงกลมเกลี้ยงสีเงินอ่อนถูกบรรจงสวมเข้าให้ที่นิ้วนางด้านซ้ายของตน

                    

    คุณบอกผมว่าชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเชื่อมต่อไปยังหัวใจเอ่ยพูดสิ่งที่ร่างเล็กได้เปรยออกมาเมื่อเช้านี้ ประโยคที่ตั้งใจจะพูดแฝงนัยเรื่องแต่งงานเอาไว้ ณ ตอนนี้ทำให้เขาหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง ไม่ใช่เพราะหน้าแตกหากแต่เป็นเพราะความโรแมนติกที่ชายหนุ่มมอบมาให้

                    

    คุณยังบอกผมอีกว่าแหวนแต่งงานทรงกลมของชาวอียิปต์โบราณนั้นคือความเป็นนิรันดร์ ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความสมบูรณ์แบบพูดจบก็ยกมือข้างที่จับเอาไว้ขึ้นมาจุมพิตเบาๆบนแหวนสีเงินนั่นก่อนจะผละออกแล้วสบตากับเจ้าของแหวนผู้เป็นคนเดียวกับเจ้าของหัวใจเขา

                    

    ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนก้าวขึ้นมาอีกหนึ่งระดับแล้วนะครับพูดพลางส่งยิ้มกว้างระหว่างที่สองแขนกระชับอ้อมกอดคนที่ทำท่าว่าจะหยุดร้องไห้ก่อนพูดต่อ “ในฐานะสามีของฮีชอล... เว้นช่วงเอาไว้ก่อนจะสบตากับดวงตากลมโตที่แดงก่ำจากการร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อครู่

                   

     “ผมจะขอสัญญาว่าผมจะรักฮีชอลให้มากขึ้นทุกๆวัน ผมจะดูแลถนุถนอมฮีชอล ผมจะปกป้องฮีชอลไม่ให้ห่างกายผมไปไหนอีก”จูบเบาๆบนริมฝีปากเล็กอย่างอ่อนโยนเอาอกอกใจคนในอ้อมกอดก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วแนบหน้าผากชิดกับอีกฝ่าย

                    

    ผมขอสัญญา เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”      

                    

    ร่างเล็กได้แต่ฉีกยิ้มหวานก่อนจะซบดวงหน้าลงบนอกกว้างของคนรัก เขาไม่คิดจะเอ่ยตอบกลับไป เพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำอย่างที่เขาได้เอ่ยปากสัญญาออกไปอย่างแน่นอน สองแขนยกขึ้นกอดร่างสูงก่อนที่จะหลับตาพริ้มรับสัมผัสจากริมฝีปากอุ่นบนหน้าผากเนียน

                    

    ชเวซีวอนรู้สึกว่า ณ ตอนนี้แล้วเขาคือผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก เขาไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ภาพเหตุการณ์ที่ร่างเล็กตอบคำขอแต่งงานเขานั้น ชายหนุ่มยังจำได้อย่างดีไม่ลืมเลือนและมันก็จะตราตรึงอยู่ในหัวใจตลอดไป

                    

    ก้มลงมองคนในอ้อมกอดที่ดูดีใจไม่แพ้กัน รอยยิ้มหวานนิดๆยังคงผุดอยู่บนดวงหน้าหวานนั่น คนเจ้าเย็นชาที่ปากแข็งคนนี้เพิ่งตอบรับคำขอแต่งงานเขาไป มันเป็นความดีใจที่อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตที่ขมับบางอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว

                    

    นึกย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่ลาจากกันไป จนมาถึงตอนนี้ซีวอนก็อดจะถามตัวเองไม่ได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะบาปทั้งเจ็ดแล้ว จนป่านนี้เขากับฮีชอลจะยังคบกันอยู่หรือเปล่านะ? เพราะดูเหมือนว่าคดีที่พวกบาปทั้งเจ็ดเป็นคนก่อเอาไว้นั้นได้ทำให้เขาและฮีชอลได้มาเจอกันอีกครั้ง

                    

    เพราะ FBI ส่งเขามาร่วมงานกับทางตำรวจที่เกาหลีใต้และทางตำรวจก็ให้ฮีชอลมาร่วมทีมเป็นคนไขปริศนาต่างๆ

                    

    ตลอดเวลาหนึ่งเดือนกว่าที่สะสางคดีนั่น ทั้งซีวอนและฮีชอลต่างก็ได้พิสูจน์ให้อีกฝ่ายเห็นแล้วว่าหัวใจนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะถูกเหยียบย่ำด้วยความเจ็บมากแค่ไหนก็ตามที

                    

    แต่ ณ ตอนนี้มันกลับถูกเติมเต็มด้วยความรักจนกลับมาพองโตเหมือนเดิมแล้ว ความเจ็บปวดที่เคยกัดกินหัวใจนั้นถูกกำจัดหายไปและไม่กลับมาอีกแล้วตั้งแต่ที่กลับมาคบกันใหม่

                    

    สองแขนแกร่งกระชับกอดคนรัก เขาและฮีชอลต่างได้รับบทเรียนเจ็บปวดที่เกิดจากความรักแล้ว ซีวอนได้เรียนบทเรียนอันล้ำค่าที่เกิดขึ้นกับเขา ความเจ็บปวด ความเหงา ความโหยหาเมื่อครั้งทิ้งคนที่รักหมดหัวใจไป...และเขาก็ได้สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำอีกต่อไปแล้ว

                    

    ผมสัญญา...น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นมานั้นเรียกความสนใจของร่างเล็กให้เงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายที่รักหมดหัวใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถหลอมละลายความเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาให้หลอมละลายเป็นน้ำเปล่าธรรมดาๆได้ เป็นคนเดียวนอกจากผู้เป็นแม่เท่านั้นที่จะเห็นความอ่อนแอของเขาและน้ำตาของเขา และเป็นคนเดียวกับที่เขารัก

                    

    ชายหนุ่มก้มลงมองคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อด้วยความเอ็นดู เขาสบตากับดวงตากลมโตที่ดูเหมือนว่าร่างในอ้อมกอดแทบจะหลอมละลายไปอีกครั้งกับสายตาคมนั่น ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มก่อนจะเอ่ยถ้อยคำสัญญาที่เกริ่นมาให้จบไป

                    

    ตราบใดที่ผมหายใจอยู่ ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคุณไปเด็ดขาด

                    

    ไม่อีกแล้วเป็นครั้งที่สองที่ชเวซีวอนจะปล่อยมือคิมฮีชอลให้ห่างหายไปจากกายตนอีกหนึ่งครั้ง


    เราสองคนจะอยู่ด้วยกันและรักกันตลอดไป

     

    -จบบริบูรณ์-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×