คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 23
เสียงนิ้วรัวลงบนแป้นคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดเงียบไป
ดวงตาคมจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาสีดำของตนอย่างจดจ่อ
บนหน้าจอปรากฏหน้าต่างกำลังโหลดข้อมูลที่เพิ่งพิมพ์ไปมาเมื่อครู่ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิ๊บสั้นๆหนึ่งครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
เขากลั้นหายใจ
Access
Allow
ฮูเรในใจเบาๆเมื่อตัวอักษรภาษาอังกฤษสีเขียวปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอบ่งบอกว่าข้อมูลตำรวจที่แอลเอถูกเจาะเข้าไปในระบบได้แล้ว
และนี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ชินดงฮีสามารถเจาะเข้าระบบของทางตำรวจแอลเอได้
ร่างท้วมถอนหายใจขึ้นมาเป็นครั้งที่สามอย่างเบื่อหน่าย
เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วที่นั่งจมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในแฟลทห้องพักของตัวเอง
เมื่อวานพอจากเกาหลีมาถึงที่พัก
สิ่งแรกที่เขาทำคือโยนเสื้อผ้าให้เจ้าตัวแสบที่พักอยู่ห้องข้างบนซักให้ก่อนจะรีบอาบน้ำแล้วกระโดดลงบนเตียงก่อนจะหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน
หลับเป็นตายไปสิบกว่าชั่วโมงจนตื่นขึ้นมาอีกทีก็เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วนี่แหละ
รู้สึกไม่ได้นอนเต็มอิ่มมานานแล้ว
นอกจากที่ว่าคดีจะจบแล้วทำให้เขามีเวลาว่างนั้นอีกสาเหตุก็มาจากเพื่อนซี้ของเขา
ชเวซีวอนผู้ลางานไปเพื่อง้อแฟนคืนดีนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ได้รับวันหยุดยาวไม่มีกำหนด
เพราะปกติแล้วเขาและซีวอนเวลาจะทำคดีก็มักจะอยู่ทีมเดียวกันตลอด
เมื่อไม่มีอีกคนทาง FBI จึงตัดสินใจให้เขาพักยาวให้คุ้มกับค่าเหนื่อย
แถมยังจ่ายเงินเดือนและโบนัสเหมือนเดิมด้วย สบายเลยหละงานนี้~!
เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อหน้าจอข้อมูลของทางร้านอาหารอิตาลีระดับห้าดาวชื่อดังติดท้อปอเมริกาที่เขาเข้าไปเจาะเล่นๆนั้นกลับขึ้นตัวสีแดงแทนที่จะเป็นสีเขียวอย่างที่ปกติมักจะเป็น
Access
Denied
อ้ากกกกก ไม่ได้งั้นเร้อะ?! นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่สามารแฮกเข้าไปได้เป็นเวลาสามปีกว่าหลังจากที่พลาดในการแฮกเข้าธนาคารสวิสต์
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตที่ไม่สามารถแฮกเข้าไปได้
เพียงแค่นานๆครั้งในชีวิตเท่านั้นเองแหละ
“ก้ากกกกกกกกก~!!!”เสียงหัวเราะร่าดังลั่นขึ้นมาจากระเบียงเรียกความสนใจจากชินดงให้หันไปมองยังต้นเสียงตาเขียว
ใครวะบังอาจมาหัวเราะเยาะใส่?!
เด็กหนุ่มเกาหลีใต้วัยสิบแปดปีกำลังเปิดประตูระเบียงเข้ามา
ระเบียงของชินดงก็เหมือนระเบียงห้องของคนอื่นๆในแฟลทเล็กๆนี้ที่ต่อกับระเบียงขนาดเล็กและมีบันไดเชื่อมต่อจากชั้นล่างและชั้นบนให้ไปมาหาสู่กันได้
ดวงหน้าหวานที่ขัดกับผมสีแอลมอนด์นั้นแสดงให้เห็นสีหน้าที่ดูขบขันเป็นที่สุด
เจ้าตัวยิ่งหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างสะใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์บ่งบอกถึงความล้มเหลวของร่างท้วม
“ขำอะไรกันนักกันหนาวะชางมิน?!”
ชิมชางมิน อัจฉริยะด้านอาหารวัยยี่สิบปีผู้เพิ่งได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าเชฟเมื่อสองปีก่อนในร้านอาหารอิตาลีระดับห้าดาวที่ชินดงเพิ่งไปแฮกไปแต่ล้มเหลว ร่างเล็กที่มีเสน่ห์ในการทำอาหารและท่าทีอารมณ์ดีขำกลิ้งแสบสันต์นั้นเดินหอบเสื้อผ้าที่เขาฝากซักมาในห้องก่อนจะวางเอาไว้บนโซฟาแล้วเดินตรงไปยังตู้เย็นสีขาว
“กรุณาอย่าเปิดตู้เย็นเหมือนมันเป็นของๆนายสิฟะ!”อดไม่ได้ที่จะแขวะเจ้าตัวแสบอย่างนึกหมั่นไส้
ทว่าคนโดนดุได้แต่หันหน้ามาส่งยิ้มให้แหยๆเหมือนเดิมทุกครั้งที่โดนดุเรื่องนี้
ถึงจะส่งยิ้มให้เป็นเชิงขอโทษแล้วก็จริงแต่เมื่อเสร็จแล้วชางมินก็หันหลังกลับไปค้นหาข้าวของในตู้เย็นอีกครั้ง
“ก็ไอ้ริกกี้มันยังไม่กลับมาเลยนี่ ผมฝากมันซื้อของสด
ตอนนี้หิวจะตายอยู่แล้วเลยมาขอส่วนบุญพี่ชินดงคนดีกินหน่อย”ไม่ว่าเปล่าก็ปิดตู้เย็นแล้วเดินมาหาคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทานข้าวพร้อมกับขวดน้ำแอปเปิ้ลของโปรดที่ดีต่อสุขภาพของตน
“ทำไมวันนี้ริกกี้กลับช้าจัง?”หากจะพูดถึงเพื่อนร่วมห้องของร่างเล็กแล้วนั้น
ริกกี้หรือปาร์คยูฮวานก็คือลูกชายประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของที่นี่ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นรองประธานด้วยวัยเพียงยี่สี่ปี
แม้จะเด็กกว่าชายหนุ่มสี่ปีแต่ชางมินกลับไม่เคยให้ความเคารพคนแก่กว่าเลย
ตรงกันข้ามเจ้าตัวกลับปฏิบัติกับริกกี้ราวกับเพื่อนเสียมากกว่ารุ่นพี่และคนรัก
ใช่ สองคนนั้นเป็นแฟนกัน เซเมะสุดหล่อกับอุเคะน่ารักบ๊องๆนั่นคบกันมาได้หลายปีแล้วหละ
แม้กระทั่งชินดงเองก็ยังสงสัยเลยว่าคบกันได้ไง
แต่ในเมื่อคู่นี้ไม่ได้เป็นคู่แรกในชีวิตที่เขาเห็นว่าแตกต่างกันสุดขั้ว
ชินดงจึงได้แต่สรุปเอาเองว่าใจสั่งมาจบ
เพราะคู่ที่แตกต่างกว่านี้แล้วจนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่าคบกันไปได้ไงก็คือไอ้คู่หวานขมที่ลีดงแฮตั้งชื่อให้
ชเวซีวอนและคิมฮีชอลนั่นเอง
คนหนึ่งก็แสนจะโรแมนติกอบอุ่นส่วนอีกคนก็ปากแข็งเป็นน้ำแข็งได้ตลอด
แต่ในเมื่อเจ้าหวานขมสองคนนั้นลงตัวกันแล้วตามที่ซีวอนโทรมาบอกเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
เขาก็เลยได้แต่คิดหาคำตอบคนเดียวระหว่างที่รู้สึกยินดีไปด้วยเมื่อในที่สุดก็สมหวังกันเสียทีหลังจากที่เจ็บปวดกันมานานทั้งสองคน
“มีประชุมลูกค้า มันบอกจะกลับทุ่มนึง นี่เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าแหนะ
แง๊~~!!”ไม่ว่าเปล่าก็ส่งเสียงร้องไห้พลางเบะปากราวกับเด็กๆจนชินดงนึกหมั่นไส้ยกเท้าถีบไอ้เชฟอัจฉริยะนั่นตกเก้าอี้ไป
ยังดีที่ชางมินวางขวดน้ำแอปเปิ้ลเอาไว้บนโต๊ะ
สุดท้ายจึงมีแต่ร่างเล็กเท่านั้นที่ถูกถีบตกลงจากเก้าอี้
“พี่ชินดงอ้ะ!”โวยวายเสียงดังพลางลุกขึ้นยืนกลับมานั่งบนเก้าอี้ข้างๆใหม่
ดวงตากลมจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ข้างหน้าก่อนฉีกยิ้มหวานอย่างนึกสะใจเป็นที่สุด “วู้ววว~ เจาะไม่ได้ใช่ไหม? ข้อร้อง~
อย่าดูถูกร้านผมเซ่!”
ร่างท้วมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุดกับความยากในการเจาะเข้าระบบของร้านอาหารที่เจ้าตัวชอบทำเสียงดังปัญญาอ่อนที่ทำงานอยู่ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างนึกเอ็นดูระหว่างที่สองหูทำหน้าที่รับฟังชางมินคุยโวเรื่องอาชีพและสถานที่ทำงานที่เจ้าตัวรักนักรักหนาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ความสัมพันธ์ของชินดงและชางมินก็คือพี่ชายและน้องชายที่รักกันราวกับพี่น้องแท้ๆมาเป็นเวลาตั้งแต่ชางมินยังอยู่ไฮสคูลสิบกว่าปีก่อน
ครอบครัวเขาและชางมินรู้จักกันจึงส่งผลให้เขารู้จักกับเจ้าตัวเล็กนี่ไปด้วย
และเมื่อชางมินย้ายมาอยู่คนเดียวตอนมหาลัยที่แฟลทนี้เขาก็ได้รับการไว้วานให้ช่วยดูแล
และนั่นก็ยิ่งกระชับความสัมพันธ์ให้มากขึ้นไปอีก
“ว่าแต่พี่เถอะ เป็นไงบ้างคดีล่าสุด เห็นว่าไปไกลถึงเกาหลีใต้เลยนี่นา”หันมามองพร้อมกับสายตาแวววับเมื่อนึกถึงประเทศบ้านเกิดที่นานๆทีจะได้ไปเหยียบเวลาไปเยี่ยมญาติหรือไอ้เจ้าริกกี้แฟนสุดหล่อแสนรักลากไปดูงานเป็นเพื่อนและจะได้พาไปเที่ยวด้วย
“ไม่ใช่แค่เกาหลีอย่างเดียวนะ แต่ไปที่มาเลเซีย เบลเยี่ยม
อียิปต์และฝรั่งเศสอีกด้วย”ร่างเล็กตาลุกวาวก่อนเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กๆ “โหยยย แสดงว่าคดีมันต้องยิ่งใหญ่มากเลยใช่ไหมฮะ?!”
ชินดงพยักหน้าและเริ่มต้นเล่าถึงคดีผจญภัยไปหลากหลายประเทศและการต่อสู้ที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้าได้รับการช่วยเหลือ
เขาเล่าให้ผู้ที่รักดั่งน้องแท้ๆฟังถึงความสามารถของลีดงแฮผู้สามารถคล่ำกูลาคนตัวใหญ่กว่าได้ด้วยมือเปล่าและมีดระหว่างที่อีกฝ่ายมีไม้กระบองขนาดยักษ์
เขาเล่าถึงคิมคิบอมผู้เป็นพยานรู้เห็นและคนที่ได้รับเลือกให้ฝากข้อความมาให้พวกเขา
เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดผู้พบกับชะตากรรมที่น่าสงสารจับใจและความช่างสังเกตอันเป็นผลประโยชน์สำหรับทีมได้
และการลักพาตัวคิมคิบอมโดยการวางยานอนหลับในชนมปังสำหรับพิธีมิซซา
เขาไม่ลืมจะที่เล่าให้ฟังเรื่องความฉลาดของคิมฮีชอลที่สามารถแก้ไขปริศนาทุกอย่างที่เหล่าบาปทั้งเจ็ดมอบหมายมา
และสุดท้ายแล้วก็คือความสามารถของชเวซีวอนเพื่อนรักของเขาที่ชางมินเองก็ได้ยินกิตติศัพท์ลือลั่นมาเป็นอย่างดี
ชางมินนั่งรับฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบผ่านปากผู้ที่อยู่ร่วมกับเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้นราวกับเด็กที่กำลังนั่งฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่องการผจญภัยแสนน่าอัศจรรย์ใจและเต็มไปด้วยอันตรายแสนตื่นเต้น
“และเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”เอ่ยจบก่อนจะหันกลับไปกดปิดคอมพิวเตอร์
รอจนหน้าจอขึ้นสีดำแล้วพับมันลงก่อนจะหันมาดูปฏิกิริยาคนที่ดูท่าว่าจะอึ้งไปเสียแล้ว
“สุดยอด”นี่คือคำแรกที่หลุดออกมาจากปากเด็กหนุ่ม
ชางมินกระพริบตาปริบๆก่อนจะเอ่ยออกมาอีกหนึ่งคำ “น่าหวาดเสียวเป็นบ้าเลย...แต่ผมก็ดีใจแหละที่พี่รอดชีวิตกลับมา”ไม่ว่าเปล่าก็กระโจนมากอดร่างท้วมเสียแน่น
“ผมเป็นห่วงพี่แทบแย่แหนะ ไม่เชื่อถามไอ้ริกกี้มันดูก็ได้”เอ่ยพูดหลังจากกลับมานั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม
“บอกตามตรงนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่ทำคดีแบบโคตรนาน ปกติพี่ทำแค่แบบสองสามวันจบ ยาวสุดก็อาทิตย์กว่าๆเป็นเท่านั้น
แต่หนึ่งเดือนกว่านี่มันให้ความรู้สึกว่ามันนานเกินไป”
ถอนหายใจเศร้าๆพร้อมกับดวงหน้าหวานที่ชักสีหน้าสลดตาม “ผมเป็นห่วงพี่มาก เพราะพี่ไม่ได้ติดต่อมาเลย
มันเหงามากเลยหละตอนที่พี่ไม่อยู่”ปกติแล้วเวลาที่ริกกี้กลับบ้านดึก ชางมินก็มักจะเดินลงบันไดระเบียงมายังระเบียงข้างล่างแล้วเข้าไปก่อกวนร่างท้วมเล่นๆฆ่าเวลา
บางทีก็มาหาอะไรกินเวลาฝากซื้อของสดแต่คนที่ฝากยังไม่กลับ
แต่เมื่อพี่ชายสุดที่รักห่างหายไปนานแสนนานเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า
ชางมินก็เลยได้แต่นั่งเหงาอยู่คนเดียวในห้อง
อาทิตย์แรกเขาจำได้เลยว่าเขาเผลอลงมาเคาะประตูระเบียงห้องชายหนุ่มยามเหงาด้วยความเคยชิน
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายคนนี้มีภารกิจคดีใหญ่ต้องสะสางจึงได้แต่เดินคอตกกลับขึ้นไปเหมือนเดิม
นอกเหนือจากความรู้สึกเหงาและหว้าเหว่ที่มักจะไม่ค่อยมี
ความรู้สึกเป็นห่วงเป็นกังวลพี่ชายคนนี้ก็แรงกล้าเป็นที่สุด
เมื่อไมได้รับข่าวสารติดต่อมาเลยอย่างที่ปกติชินดงมักจะทำนั่นก็ทำเอาร่างเล็กเครียดไม่เป็นอันกินอันนอนอันทำอะไรกลัวว่าจะเกิดอะไรมิร้ายมิดีกับพี่ชายที่เขารักหรือเปล่า
“นี่ชางมินเป็นห่วงพี่มากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?”หมายจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขันเมื่อเห็นว่าร่างเล็กตรงหน้าเริ่มเบะปากหมายจะร้องไห้ออกมาเสียแล้ว
ชางมินพยักหน้าแล้วรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
“ก็ผมมีพี่เป็นพี่ชายคนเดียวของผมนี่ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงหละ”
มาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนแล้วกอดไอ้เจ้าน้องชายตัวแสบที่เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียแล้ว
ชินดงโยกคนในอ้อมกอดไปมาอย่างนึกเอ็นดู
แม้จะดูร่าเริงสดใสอารมณ์ดีแต่ไอ้เรื่องความขี้แยหละก็ที่หนึ่งเกินใครเลยเจ้าเชฟอัจฉริยะคนนี้เนี่ย
“พี่ก็มีน้องชายเป็นชางมินคนเดียวนี่แหละ จะยอมตายง่ายได้ไงกันหละ? เพราะถ้าพี่ตายใครจะมาอยู่เป็นเพื่อนเล่นชางมินตอนริกกี้ไม่อยู่หละ?”ไม่ว่าเปล่าก็ก้มลงมองน้องรักที่ดูจะร้องไห้โฮเข้าไปใหญ่กับประโยคคำพูดจากปากร่างท้วม
จากที่หมายจะพูดให้หยุดร้องไห้กลับไปทำให้เขื่อนน้ำตาของคนร้องไห้ง่ายแตกหนักกว่าเก่า
สุดท้ายชินดงฮีจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ระหว่างที่พยายามเอ่ยปลอบร่างในอ้อมกอดให้หยุดร้องไห้
ถึงจะเป็นน้องชายก็เถอะ แต่ยังไงเขาก็ไม่เก่งเรื่องดูแลเด็กนะ!
เรื่องปลอบใจเด็กเนี่ย ไม่ถนัดที่สุดเลย!!
“พี่ชินดง?!”
เสียงของอาคันตุกะบุคคลที่สามดังขึ้นมาจากประตูระเบียงเรียกความสนใจของเจ้าของชื่อให้หันมามองก่อนจะตะโกนเรียก “มาพอดีเลยริกกี้! ช่วยปลอบแฟนนายหน่อยเร็ว! ร้องไห้ไม่หยุดแล้ว!”
แฟนหนุ่มที่เพิ่งกลับมาบ้านได้ไม่นานได้แต่ถอนหายใจ
นี่เขายังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย
เพราะทันทีที่กลับมาถึงห้องก็ไร้ซึ่งวี่แววของคนรักเสียแล้ว
พอเดาว่าคงไปขลุกอยู่กับพี่ชายสุดที่รักอย่างชินดงฮีก็ได้ยินเสียงร้องไห้งอแงดังมาจากข้างล่างเมื่อเปิดประตูระเบียงออกไป
สุดท้ายก็เดินลงมาทั้งชุดสูททำงานนี่แหละเพื่อมายังห้องข้างล่างก่อนจะพบกับชางมินที่ร้องไห้งอแงราวกับเด็กๆโดยมีร่างท้วมช่วยปลอบอยู่
ริกกี้เดินมากอดแทนเมื่อชินดงผละกอดออกแล้วเดินเอาคอมพิวเตอร์ตัวเองไปเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะกลับมาดูคู่รักปลอบกันอีก
“ชางมินครับ ไม่ร้องไห้สิครับคนดีไม่เอา”แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าตัวร้องไห้เพื่ออะไร
แต่เขาก็เอ่ยปากปลอบไปก่อนระหว่างที่สองหูรับฟังเสียงหวานที่เอ่ยตอบกลับมาปนเปื้อนไปด้วยก้อนสะอื้น
“พี่ชินดง...ฮึก ฉันเป็นห่วงพี่ชินดง”เมื่อได้ยินคำตอบก็รู้ทันทีว่าคนรักของตนร้องไห้เพราะอะไร
ดวงหน้าคมคายโน้มลงมาจุมพิตขมับบางของคนที่กำลังร้องไห้อยู่อย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มย่อตัวลงเพื่อให้ระดับหน้านั้นเท่ากันก่อนจะส่งยิ้มกว้างแล้วเอ่ยปลอบอีกหนึ่งครั้ง
“ตอนนี้พี่ชินดงก็กลับมาแล้วไง ร้องไห้ทำไมครับ? อย่าร้องอีกเลยนะ
พี่ชินดงเขากลับมาแล้วนี่ไง”ไม่ว่าเปล่าก็ชี้ไปยังเจ้าของชื่อที่ยืนดูอยู่ไกลๆราวกับกำลังปลอบเด็กเล็กๆอยู่
ชางมินหันไปมองก่อนที่จะหันกลับมาสบตากับดวงตาคมเหมือนเดิมแล้วนิ่งเงียบ
เมื่อเห็นว่าคนรักเริ่มหยุดร้องไห้แล้ว
ริกกี้จึงเอ่ยชมก่อนจุมพิตซับน้ำตาอย่างอ่อนโยนอย่างที่มักจะทำให้ทุกครั้งเวลาที่ร่างเล็กร้องไห้ “เก่งมากครับคนเก่งของผม หยุดร้องไห้ซะนะคนดี”
ชางมินพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วรีบโอบกอดคนรักเมื่อร่างสูงลุกขึ้นยืน
ดวงหน้าหวานซบเข้าบนหน้าท้องแกร่ง
ริกกี้ได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างนึกเอ็นดูระหว่างที่มือขวายกขึ้นลูบหัวคนที่เพิ่งหยุดร้องไห้ไป
“ขอบคุณมากนะริกกี้
ถ้าเกิดนายมาช้ากว่านี้มีหวังห้องฉันต้องท่วมไปด้วยน้ำตาไอ้เด็กขี้แยแน่ๆเลย”เมื่อทุกอย่างเริ่มจะกลับมาเหมือนเดิม
ชินดงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแขวะน้องชายไม่แท้อย่างนึกหมั่นไส้
ไอ้เด็กขี้แยเบะปากแล้วแลบลิ้นใส่ก่อนจะยกมือกอดอกแล้วเอ่ยตอบอย่างแง่งอนนิดๆ
“ที่ผมร้องไห้ก็เพราะเป็นห่วงพี่นั่นแหละ”คราวนี้ร่างท้วมหัวเราะร่าไม่เอ่ยปากเถียง
เขาเดินมาหยุดยืนข้างๆร่างเล็ก มือใหญ่ยกขึ้นดีดหน้าผากเนียนนั่นเบาๆ
ชางมินโอดครวญอย่างเจ็บนิดๆผิดกับผู้เป็นพี่ที่ดูมีความสุขเหลือเกิน
ชินดงฮีย่อเข่าลงสบตาร่างบนเก้าอี้แล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะ
คราวหน้าถ้ามีคดีอะไรพี่จะติดต่อหาชางมินนะโอเคไหม?”
มันเป็นคำสัญญาที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับนิ้วก้อยที่ถูกชูขึ้น
โดยไม่รอช้าชางมินรีบยกนิ้วก้อยของตนเกี่ยวก้อยกับคนตรงหน้าตนทันทีก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ
“พี่ตกลงแล้วนะ”คนโดนถามพยักหน้าก่อนจะจุมพิตเบาๆบนหน้าผากเนียนของน้องชายขี้แยของตนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองริกกี้
“เอ้อ...แล้วนี่ที่ชางมินฝากซื้อมาหนะ นายซื้อมาไหม?”
“ครับ”เอ่ยตอบก่อนก้มลงไปยิ้มให้คนรักที่เงยหน้าขึ้นมามอง ชางมินกระพริบตาปริบๆก่อนฉีกยิ้มหวาน
“คืนนี้กินข้าวห้องพี่ชินดงนะเว้ย แกขึ้นไปเอาของสดที่ฉันฝากซื้อลงมาให้หน่อยสิริกกี้”
นี่คือบทสนทนาที่แตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างริกกี้ผู้ชายอบอุ่นกับชางมินเด็กหนุ่มบ๊องๆ
คนหนึ่งพูดจาได้อบอุ่นโรแมนติกส่วนอีกหนึ่งคนฉุดบรรยากาศให้ตกฮวบลงไปด้วยสรรพนามของตน
แม้ตอนแรกชินดงจะฟังสองคนนี้คุยกันแล้วไม่ค่อยลื่นหูเท่าไหร่
แต่ตอนนี้กลับชินแล้วกับการที่คนหนึ่งจะมี‘ผม’ มี‘คุณ’ มี‘ครับ’แล้วก็มี‘คนดี’
กับส่วนที่อีกคนก็พูดจาราวกับเป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“วู้ววววว~ ไม่ต้องทำอาหารเองแล้ว”ตะโกนลั่นห้องอย่างมีความสุขเมื่อจะได้กินอาหารเย็นแสนอร่อยฝีมือรองหัวหน้าเชฟร้านอาหารอิตาลี
ชางมินหัวเราะก้ากเป็นลูกคู่ก่อนจะรีบกระโดดลุกจากเก้าอี้มากอดร่างท้วม
“ก็ทำฉลองที่พี่ชายสุดที่รักของผมกลับมาแล้วไงเล่า!”
ชินดงฮีหัวเราะร่าอย่างนึกเอ็นดูคนๆนี้ สายสัมพันธ์พี่น้องไม่แท้ที่เขาเชื่อว่าอีกหลายๆคนคงต้องเป็น
เพราะเขาเอ็นดูชางมินราวกับน้องแท้ๆและชางมินก็รักเขาราวกับพี่ชายแท้ๆ
ทั้งเขาและชางมินจึงกลายมาเป็นคู่พี่น้องอารมณ์ดีที่แม้แต่ซีวอนยังต้องเอ่ยปากชมว่ารักกันมากเวลามาเยือนห้องพักของเขา
“นี่ชางมิน”เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับสายตาประกายวิบวับของชินดง “อะไรฮะพี่? ต้องการอะไรหรือ?”
“ไปบอกไอ้คนดูแลข้อมูลร้านอาหารนายหน่อยว่าช่วยทำระบบป้องกันให้ง่ายกว่านี้หน่อย
พี่จะได้เจาะเข้าไปได้ง่า...”
โป้กกกกกกกกกก!
ไม่ทันจะได้พูดคำสุดท้ายจบ
มือเล็กก็ยกทัพพีไม้ที่วางเอาไว้บนเคาต์เตอร์ห้องครัวขึ้นมาตีโป้กเข้าที่หัวไม่แรงนักอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
แรงไม่แรงไม่รู้แต่ตอนนี้รู้แต่ว่าชินดงยกมือกุมหัวแล้วโอดครวญก่อนจะหันมามองคนตีตัวแสบตาเขียวปัด
“หนอยแน่ไอ้ตัวแสบ!”
และสองพี่น้องก็วิ่งไล่กันไปรอบๆห้องที่แสนจะเล็กอุดตลุดกันไปหมดจนกระทั่งริกกี้ที่เดินลงมาพร้อมของสดตะโกนห้ามเกมส์พี่วิ่งไล่จับหมายจะตีน้องคืนจึงหยุดไปโดยปริยาย
----------------------------------------------------------------------------
กลางเรียกร้องให้มาอัพ ๕๕๕ :P:PP อัพแล้วนะกลางง
อัพโฮมเอาตอนหวีทๆหวานๆแล้วรวมเล่มด้วยนะเคอะ^^
อีกสองตอนจบ!!! บางคนอาจจะงง ตอนนี้มาไงเนี่ย? ให้บทเฮียชินแกหน่อยแล้วกันนะ ๕๕๕ :D
โดนคู่วอนชอลเฮคิแย่งความหวานซีนซึ้งกันไป ให้เฮียแกฉายเดี่ยว featuringกับริกมินแล้วกัน ><
บ้าริกมินคะ ๕๕๕๕
ความคิดเห็น