ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 696
      2
      13 มิ.ย. 64


    00.50


    เวลากำลงหมด

                    

    00.49

                    

    เวลากำลังหมดไปเรื่อยๆ

                    

    00.48

                    

    ซีวอนพยุงร่างของตัวเองกัดฟันทนกับความเจ็บมาจากชั้นสองขึ้นมาจนถึงชั้นหก เขาปราดไปยังฮีชอลที่ดูจะมีสีหน้ากระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดเพียงแค่ได้เห็นร่างสูงเดินโซซัดเซเซขึ้นมาเสียงหวานก็ตะโกนเรียกชื่อเสียดังลั่น

                    

    ซีวอน!!”มันเป็นช่วงเวลาที่ตื้นตันใจเป็นที่สุด ภาพคนรักเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างนั้นทำเอาความเป็นกังวลมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ซีวอนคุกเข่าบรรจงปลดล้อกข้อมือทั้งสองแข่งกับเวลา ทันทีที่ข้อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระจากพันธนาการร่างบางก็กระโจนขึ้นมากอดคนตรงหน้าเอาไว้เสียแน่นราวกับว่าคนในอ้อมกอดจะหายไปจากหน้า

                    

    ฉันเป็นห่วงนายเอ่ยพูดเบาๆพลางกดดวงหน้ากับแผ่นอกกว้าง ซีวอนลูบหัวคนรักเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้เมื่อดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมามอง “ผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับ...ก็บอกแล้วว่าจะออกไปจากตึกนี้ด้วยกันสองคน

                    

    ร่างเล็กหันหน้าไปมองยังคอมพิวเตอร์ที่ขึ้นหน้าจอบอกเวลาเอาไว้...00.40 มีเวลาไม่มากเสียแล้ว

                    

    ราวกับอ่านใจออกชายหนุ่มก็ช้อนตัวคนรักขึ้นมาตัวลอยก่อนจะสูดหายใจ ความเจ็บแปลบที่ท้องน้อยแม้จะยังพอเจ็บอยู่บ้างแต่ความอุ่นใจที่ได้เจอคนรักอีกหนึ่งครั้งนั้นก็ช่วยบรรเทาความเจ็บลงไปบ้าง

                    

    00.20


    ฮีชอลคล้องแขนรอบลำคออย่างรู้หน้าที่ระหว่างที่ในใจนึกภาวนาขอให้เขาทั้งสองคนออกจากตึกนี้ทันเวลาก่อนที่จะระเบิดด้วยเถอะ เขารู้สึกถึงความเร็วที่ลดลงและท่าเดินที่แปลกๆของชายหนุ่ม ไวเท่าความคิดริมฝีปากเอ่ยขยับถามคำถามออกไปอย่างเป็นห่วง “โดนต่อยแถวท้องเหรอ?”

                    

    คนโดนถามพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจเมื่อทั้งสองคนมาถึงยังชั้นสองแล้วในที่สุด ดวงหน้าคมคายเงยขึ้นไปมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาถอยหลังและกำลังจะหมดไป...00.13

                    

    สภาพแบบนี้คงไม่มีทางไปถึงชั้นหนึ่งได้ทันเวลาแน่ๆมีเพียงทางเดียวเท่านั้น...

                    

    คิมฮีชอลดูจะแปลกใจเป็นที่สุดเมื่อร่างสูงวางตัวเองลงบนพื้นแล้วลากไปยังผนังที่มีช่องว่างขนาดใหญ่คั้นเอาไว้เผยให้เห็นวิวข้างนอก ราวกับอ่านความคิดออกดวงหน้าหวานได้แต่พยักหน้าเงียบๆเป็นเชิงตกลง...ไม่มีเวลาจะมาต่อล้อต่อเถียง นี่คือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่

                    

    00.10

                    

    ขอบคุณที่เชื่อใจผมนะเสียงทุ้มกระซิบข้างๆริมหูระหว่างที่กระชับมือเล็ก คนข้างๆได้แต่ฉีกยิ้มหวาน “ฉันเชื่อใจนายมาตลอด...และฉันก็เชื่อตอนที่นายโกหกฉันเรื่องงานของนายด้วยเหมือนกัน

                    

    ร่างสูงหัวเราะร่า “ผมเองก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้เราสองคนหายกันแล้วนะครับ” เมื่อคำตอบคือการพยักหน้าชายหนุ่มจึงกระชับมือเล็ก สูดหายใจเข้าก่อนหันมามองร่างข้างๆ

                    

    00.08

                    

    ไปกันเถอะครับ

                    

    00.07

                    

    ทั้งสองร่างออกแรงวิ่งสุดชีวิต เป้าหมายคือการกระโดดออกไปจากตึกนี้ก่อนที่ตัวตึกจะระเบิดออกมา ช่องว่างโหว่ขนาดใหญ่ระหว่างกำแพงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งสองคนเร่งความเร็วให้มากขึ้นระหว่างที่มือยังคงจับกันเอาไว้ซึ่งกันและกันไม่ให้อีกฝ่ายหลุดมือไป

                    

    00.04

                    

    พรึ่บบบบบบบบบบ!

                    

    ดีดตัวลอยขึ้นไปเหนืออากาศก่อนจะค่อยๆตกลงตามแรงโน้มถ่วง ซีวอนดึงร่างข้างๆมากอดก่อนจะพลิกตัวกลางอากาศโดยให้เขาอยู่ข้างล่างแล้วคนในอ้อมกอดอยู่ข้างบน เขาสั่งห้ามไม่ให้ฮีชอลกอดเขากลับไม่อย่างนั้นถ้าตกลงไปแขนเล็กจะรับน้ำหนักทั้งหมดเช่นกันและนั่นก็คงเจ็บน่าดู

                    

    เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมเจ็บตัวคนเดียวเสียดีกว่า

                    

    00.02


    ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดระหว่างที่กำลังตกลงไปเรื่อยๆตามแรงโน้มถ่วง เขาหลับตาลงเตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อตกลงสู่พื้น...มันคงจะเจ็บน่าดู แต่อย่างน้อยฮีชอลก็จะได้ไม่ต้องมาเจ็บด้วย


    00.01


    00.00


    ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม!!


    ระเบิดที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้ไปทั่วทุกซอกทุกมุมของตึกแห่งนี้ทุกชั้นระเบิดออกมาตามเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้ เปลวเพลิงสีเหลืองขนาดใหญ่กลืนกินสิ่งก่อสร้างร้างนั่นรวมไปถึงร่างไร้วิญญาณของคนที่คิดการใหญ่ต้องการจะเป็นที่หนึ่งของอเมริกา...ลูซิเฟอร์ บาปแห่งอัตตา


    ตุบบบบบบบบ!!


    ซีวอนไม่ได้รับรู้ถึงพื้นผิวแข็งเลยแม้แต่น้อย ที่รับรู้คืออะไรบางอย่างที่นุ่มและเด้งได้ส่งผลให้ตอนที่ตกลงมาครั้งแรกนั้นเจ้าพื้นผิวนั่นดีดตัวผลักเขาให้ลอยขึ้นมาอีกหนึ่งครั้งก่อนจะตกลงมาบนมันใหม่อีกรอบ


    อุปกรณ์ช่วยชีวิตคนกระโดดตึก


    และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้


    ดวงหน้าคมคายหันหน้าไปมองยังเพื่อนรักที่ยืนข้างๆ ชินดงฮีได้แต่ฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ก่อนเอ่ยพูด “เฮ้~ ขอร้องเถอะ ฉันไปตรวจเจอระเบิดรอบๆตึกร้างตั้งเวลาเอาไว้ ขอโทษที่แก้ไม่ทันนะ”


    ซีวอนส่ายหน้าก่อนเอ่ยถาม “รู้ได้ไงว่าฉันจะกระโดดลงมา?” นั่นคือคำถามที่ชินดงแทบอยากจะกระโดดทับร่างสูงให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าชายหนุ่มกอดฮีชอลอยู่หละก็ป่านนี้คงกระโดดขึ้นเจ้าอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่พองลมขนาดใหญ่เด้งดึ๋งนี่ได้ไปกระถืบคนถามแล้ว!


    ก็เวลานายออกมาจากตึกที่กำลังจะระเบิดไม่ทัน นายก็เลือกชั้นสอง ขอให้มีช่องมีรูให้กระโดดลงมาตลอด และเพราะชั้นสองของตึกนี้มีเพียงแค่ช่องนี้ช่องเดียวฉันเลยเตรียมเอาไว้ไงคนรับฟังอดที่จะนึกชื่นชมกับคำตอบของเพื่อนรักไม่ได้ “ขอบคุณมากชินดง ฉันและฮีชอลเป็นหนี้บุญคุณนาย


    เจ้าของชื่อโบกมือไปมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เขาหันไปมองพนักงานดับเพลิงทำหน้าที่ดับไฟที่เกิดจากแรงระเบิดก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนซี้ตน “ไม่ต้องหรอก ว่าแต่ฮีชอล...เป็นไงบ้าง?”

                  

    ซีวอนก้มลงมองก่อนที่จะพบว่าร่างในอ้อมกอดหลับไปแล้วเรียบร้อย ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าแค่เพลียมากเกินไปจึงต้องการงีบเสียหน่อย ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มกว้างอย่างนึกเอ็นดู “สงสัยเหนื่อยเกินไป คงต้องให้คนเก่งของพวกเรางีบยาวเลยงานนี้

                    

    เอ่ยพลางค่อยๆช้อนตัวคนที่หลับไหลไปพร้อมกับพยายามทรงตัวเคลื่อนตัวเองมายืนบนพื้นดินได้อย่างค่อนข้างลำบากเพราะมีอีกหนึ่งคนต้องดูแล ร่างสูงบรรจงวางคนเก่งของเขาลงบนเตียงพยาบาลก่อนจะจุมพิตเบาๆบนหน้าผากเนียน

                    

    เดี๋ยวผมตามไปที่โรงพยาบาลนะครับ

                    

    ผละออก จ้องมองเตียงบรรทุกคนไข้เข็นขึ้นรถพยาบาล ปิดประตูและมองรถพยาบาลขับจากไปจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมามองร่างท้วม “ปิดคดีเสียที! ฝากบอกบอสด้วยนะว่าฉันขอลาหยุดยาวไม่มีกำหนด”

                    

    ชินดงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจระหว่างที่มองชายหนุ่มเดินหันหลังให้ไปยังรถตำรวจคันเดิมที่ขับมา เมื่อความสงสัยมันมีมากต้องการจะรู้เขาจึงตะโกนถามออกไปไล่หลัง “นายจะลาหยุดไปทำอะไร?!” ราวกับนั่นคือคำถามที่ต้องการมานาน ชเวซีวอนหันหลังกลับมามองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างแล้วตอบกลับไปเสียงดัง

                    

    หยุดไปง้อแฟนเพื่อขอคืนดี!”

     

     

     

                    

    แพขนตายาวค่อยๆเปิดขึ้นมาก่อนจะรีบปิดเข้าไปใหม่เมื่อแสงแดดของยามเช้าลอดเข้ามาในโสตประสาทการมองเห็นปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อปรับมโนภาพให้คงชัดเข้าที่เช่นเดิม ก่อนที่จะมองไปรอบๆห้องแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

                    

    เขาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง

                    

    ยังคงสะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน รู้สึกคิดถึงห้องนี้เป็นกองหลังจากที่ห่างเหินจากไปไม่ได้กลับมาเหยียบอีกเลยเป็นเวลาเดือนกว่าเพื่อทำคดีบาปทั้งเจ็ดอะไรนั่น ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อตอนเขายังรู้สึกตัวเมื่อกี้ยังกระโดดลงมาจากตึกที่กำลังจะระเบิดอย่างบ้าบิ่นเสี่ยงตายอยู่เลย ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนตัวเอง...ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ฝันไป

                    

    หากแต่นี่ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ

                    

    ความอุ่นจากมือข้างขวาราวกับมีคนกุมเอาไว้นั้นสะกิดเรียกความสนใจของร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมอง ความสงสัยที่ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเป็นอันต้องมลายหายไปเมื่อพบว่ามีอีกหนึ่งคนนอนกุมมือตนอยู่

                    

    ชเวซีวอนมักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาโหมงานหนักเกินไปจนเพลียหรือป่วยเป็นหวัด และทุกครั้งที่ชายหนุ่มเฝ้าไข้เขายามกลางวันก็มักจะนอนกุมมือเขาข้างๆเตียงไปแล้วค่อยนอนกอดเขาบนเตียงยามกลางคืน ไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะติดหวัดตามไปหรือไม่

                    

    กระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงภาพอดีตแสนหวาน การปรากฏตัวของซีวอนคราวนี้แม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจอะไรเหมือนกันว่าชายหนุ่มต้องการอะไรจากตนเองอีก แต่มาถึงตอนนี้แล้วฮีชอลก็เข้าใจอยู่เต็มอกแล้วว่าร่างสูงต้องการมาขอคืนดีกลับมารักกันเหมือนเดิม

                    

    และเขาเองก็ไม่ได้นึกรังเกียจหรือต้องการจะบอกปฏิเสธไปเลยแม้แต่น้อย เพราะความรู้สึกต่อซีวอนเองก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ติดอยู่ที่ว่านิสัยปากแข็งของเขานี่แหละที่มักจะพูดตัดน้ำใจให้ท้อถอยได้ง่ายๆจนทำให้ร่างเล็กเริ่มกลัว กลัวว่าชายหนุ่มจะเลิกรักตน

                    

    แต่ระหว่างทำคดีครั้งนี้ ซีวอนก็ได้แสดงให้เขาเห็นว่ายังรักเขาอยู่ ทุกถ้อยคำ สัมผัส การกระทำยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน...หัวใจยังคงรักอยู่ไม่มีเปลี่ยนไป

                   

    ชเวซีวอนคือผู้ชายคนเดียวที่สามารถหลอมละลายความเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาให้กลายเป็นน้ำธรรมดาๆได้ หลอมละลายหัวใจที่เย็นชาและกำแพงที่เคยปิดกั้นความรักเอาไว้ให้พังทลายลง

                    

    เปลี่ยนคนๆหนึ่งที่เคยมองความรักว่าเป็นเรื่องแย่ ตัดสินเอาจากชีวิตของตนที่เกิดมาเป็นลูกไม่มีพ่อและชีวิตของผู้เป็นแม่...ชเวซีวอนทำให้เขามองว่าความรักคือความสุข คือความทรงจำแสนหวาน คือหัวใจที่พองโต

                    

    และชเวซีวอนก็ทำให้เขารู้ว่าความรักเองก็สามารถกลายมาเป็นบาดแผลกัดกินหัวใจอย่างร้ายกาจ น้ำตาที่หลั่งออกมาอย่างเจ็บปวดและหัวใจที่แตกสลายได้

                    

    ซีวอนสอนให้เขารู้จักความรัก การรักคนอื่นในฐานะคนรักและการถูกรัก คนๆนี้คืออาจารย์ที่สอนบทเรียนความรักอันมีค่าทั้งสุขและเศร้าให้แก่เขาจดจำ

                    

    อืมมมม...เสียงทุ้มที่ครางออกมาพร้อมกับมือใหญ่ที่ขยับเล็กน้อยบ่งบอกได้ว่าคนที่หลับอยู่ได้ตื่นขึ้นแล้ว ฮีชอลไม่เลือกที่จะชักมือหนีหากแต่ปล่อยนิ่งเอาไว้ ดวงตากลมโตเฝ้ามองดูดวงหน้าคมคายค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตา...ก่อนฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ

                    

    คุณตื่นแล้ว หลับไปตั้งหนึ่งวันแหนะเอ่ยขึ้นพลางย้ายตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงข้างๆ มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างอ่อนโยน “คุณอาการดีขึ้นนะ หิวหรือเปล่า? อยากดื่มน้ำหรือเปล่า?”

                    

    คนโดนถามส่ายหน้าเบาๆ ไม่ทันจะได้เอ่ยตอบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาก่อนที่จะตามมาด้วยอาคันตุกะอีกสองคนที่เดินเข้ามาในห้อง

                    

    ฮีชอล!”แทบจะทันทีที่เปิดประตูมาเห็นเพื่อนรักอยู่บนเตียง ลีดงแฮก็ปราดวิ่งไปร่างเล็กอย่างรวดเร็วทันทีจนตัวแทบจะเกยมาอยู่บนเตียงเสียแล้ว “ชินดงโทรมาบอกว่าคดีจบแล้ว ฉันกับคิบอมก็เลยรีบจองไฟลท์ที่เร็วที่สุดกลับมาเกาหลี เพิ่งถึงเมื่อสองชั่วโมงก่อน...นายเป็นไงบ้าง? ได้ข่าวว่าสลบไป โอเคขึ้นหรือยังตอนนี้?”

                    

    โดยไม่เปิดช่องว่างให้เจ้าของชื่อได้เอ่ยตอบ ชายหนุ่มก็รีบยกถุงพลาสติกขึ้นมา “ฉันซื้อข้าวผัดหมูแดงที่นายชอบมาให้ นายจะกินเลยหรือยังฮีชอล?”

                   

    มันจบแล้วเหรอ?”

                    

    เสียงหวานที่เอ่ยถามขึ้นมานั้นทำเอาคนที่พูดไม่หยุดเงียบเสียงไป คิมฮีชอลเงยหน้าขึ้นมามองซีวอนนั่งข้างๆก่อนจะละสายตาไปมองอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่หน้าประตูและดงแฮที่นั่งข้างขวาตน เสียงหวานเอ่ยถามอีกหนึ่งครั้งอย่างแหบพร่า

                    

    คดีบาปทั้งเจ็ด...จบแล้วใช่ไหม?”

                    

    มันจบแล้วครับ

                    

    คำตอบมาจากคนที่ยืนมองเหตุการณ์ คิบอมเลือกที่จะเดินมาข้างหน้า หยุดอยู่ตรงปลายเตียงก่อนจะฉีกยิ้มให้ “มันจบแล้วครับคุณฮีชอล...พวกนั้นไม่สามารถทำลายความสงบสุขและสันติภาพได้ครับ มันจบแล้ว

                    

    น้ำเสียงหวานที่สั่นไหวและหยาดน้ำใสที่คลอเบ้าตานั้นทำเอาดงแฮรีบวางถุงอาหารที่ซื้อมาบนโต๊ะข้างๆเตียงก่อนจะลุกขึ้น ปราดมาดึงคนรักที่เพิ่งคบกันไม่กี่วันมาอยู่ในอ้อมกอด แม้ในใจจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าทำไมต้องร้องไห้ออกมาเมื่อฮีชอลถามว่าคดีนี้จบหรือยัง

                    

    มันจบแล้ว ฮึกกก...มันจบแล้วสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดคนรักพลางพร่ำพูดแต่ประโยคนี้ไปมา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักที่นอนอยู่บนเตียง

                    

    ฮีชอลเงียบไปสักพัก เขาเข้าใจดีถึงสาเหตุที่ทำไมคิบอมถึงร้องไห้ออกมา ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากัน...ก่อนขยับปากเอ่ยถามไป

                    

    แต่ยังไงก็ไม่กลับมาใช่ไหม?”

                    

    มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้ ดวงหน้าหวานอาบน้ำตาพยักหน้าไปมาพร้อมกับเอ่ยพูด “ฮึกก...มันจบแล้ว ยังไงก็...ก็ไม่กลับมา ฮึกกกก~ ต่อให้โลกทั้งใบมีแต่สันติสุข...”

                    

    ยังไงคุณท่านก็ไม่กลับมาอยู่ดี”

                    

    สงคราม...การต่อสู้แม้จะนำมาซึ่งชัยชนะแต่ก็ต้องแลกกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ชีวิตของเหล่าบุคคลอันเป็นที่รัก ทหารเหล่านั้นล้วนแต่มีบุคคลที่รักอยู่ที่บ้าน หน้าที่ของพวกเขาคือสู้เพื่อประเทศชาติปกป้องผู้คนรวมไปถึงคนที่พวกเขารัก ทหารเหล่านั้น...พ่อ พี่ชาย น้องชาย ลุง ตา คนรัก

                    

    และคิมคิบอมก็รู้ดี แม้เหล่าบาปทั้งเจ็ดพวกนั้นจะตายไปแล้ว คดีปิดและทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติราบรื่นดีแล้ว แต่ยังไงก็ตามความสงบสุข สันติภาพและความตายของคนพวกนั้นก็ไม่สามารถแลกเอาชีวิตคุณท่านที่ถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตากลับคืนมาได้อยู่ดี

                    

    ฮีชอลถอนหายใจเบาๆ ร่างเล็กนั้นคือหนึ่งในผลกระทบของการต่อสู้ในคดีนี ในทุกๆคดีจะต้องมีคนร้องไห้เพราะการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไปเสียหมด ต่อให้คดีจะปิดลงด้วยดียังไงเสียก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตของเอกอัครราชทูตอเมริกาคนนั้นฟื้นคืนชีพกลับมาได้อยู่ดี

                    

    เจ็ดโมงเช้าของวันศุกร์ ผู้คนกำลังดำเนินกิจวัตรประจำวันดั่งทุกวันที่หมุนเวียนเป็นวนกลมไม่มีวันจบ เร่งรีบกันไปทำงาน เด็กนักเรียนต่างพากันเดินเข้าโรงเรียนไป ใครคนหนึ่งคนกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของคนรัก

                    

    ร้องไห้แด่บุคคลอันเป็นที่รักผู้ล่วงลับไปแล้ว


    คนที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดดงแฮตรงหน้าเขาทำให้ฮีชอลนึกถึงบทกลอนหนึ่งบทที่เขียนขึ้นมาเมื่อจบสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แม้ความสงบสุขจะกลับมาเยือน อังกฤษและฝรั่งเศสจะเป็นผู้ชนะสงครามก็จริงอยู่ แต่สันติสุขนั้นกลับไม่สามารถแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปหลายแสนคนได้

                    

    And knew that peace could not give him back his dead.

                  

    และรู้ว่าสันติสุขนั้นก็ไม่สามารถนำบุคคลที่รักผู้ตายจากไปแล้วกลับมาได้

                    

    คุณท่าน...

     

     ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาอัพให้ตามที่กลางเรียกร้อง

     

    ใกล้จะจบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิกอึนๆ มึนๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ
    ดีใจมากเลยที่มีคนชอบ เพราะนี่เป็นฟิกที่อยากจะแต่งตั้งแต่ก่อนแต่งวันเดอแล้วด้วย
    :' DDDพิมพ์เนื้อหาตรงนี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×