ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 64


     

              

    ที่นี่ที่ไหน?

                    

    นี่คือคำถามแรกที่ผุดเข้ามาในหัวเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้อง...ไม่ใช่ห้องนอน ไม่ใช่ห้องรับแขก

                    

    แต่มันดูเหมือนสำนักงานเสียมากกว่า!

                    

    โต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสารและรูปถ่ายมากมาย ห้องที่ไร้ซึ่งผู้คนนั้นราวกับต้องการจะบอกเขาว่ารอให้เขาตื่นก่อนแล้วจะเริ่มกลับมาทำงานใหม่ ดวงหน้าหวานก้มลงมองก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนโซฟา และเสื้อโค้ทที่คลุมเขาเพื่อให้ความอบอุ่นอยู่นั้นก็เป็นเสื้อโค้ทสีดำคุ้นตา

                   

    เหมือนกับที่ผู้ชายที่เขาเจอก่อนเผลอหลับไปใส่

                    

    เท่าที่คิบอมจำได้ แม้ภาพข้างหน้าจะเลือนรางเบลอไปขนาดไหน แต่เขาก็จำไม่ผิดแน่ๆว่าคนที่วิ่งมารับเขาก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบหลับไปนั้นคือคนๆเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าโบสถ์ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ

                    

    และเป็นคนกับที่เขาให้ถุงมือขนแกะนั่น

                    

    อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนะ...

                    

    คิดได้เท่านี้ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมานั่งคิดใหม่อีกรอบ...บังเอิญอย่างงั้นเหรอ? ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงวิ่งมารับเขาได้ทันเวลาก่อนจะฟุบลงพื้นหละ? มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

                    

    หรือมันเป็นเรื่องจงใจมากกว่าเหตุบังเอิญ?

                    

    อ้าว ตื่นเสียทีนะคิมคิบอม”เสียงทุ้มของอาคันตุกะผู้มาใหม่ดังขึ้นมาเรียกสติของเจ้าของชื่อให้สะดุ้งเฮือกหลุดออกมาจากภวังค์ ดวงตาตี่หันขวับมามองก็พบกับชายหนุ่มร่างท้วมในชุดลำลองสบายๆ ในมือถือถาดกระดาษที่บรรจุแก้วกาแฟสี่แก้ว

                    

    ท่าทางนายคงเพลียสินะ คนอื่นป้อกหลับไปแค่สิบนาทีเลย แต่นายนี่เล่นเป็นวันเลยนะเนี่ย”คนแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพลางเคลื่อนตัวจากประตูห้องมายังโต๊ะที่รกไปด้วยเอกสารนั่น

                    

    คุณรู้จักผม?”เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย เท่านี้คิบอมก็พอจะเดาออกแล้วว่าเขาโดนจับตัวมา...แล้วคนอื่นที่หลับไปสิบนาที? มันหมายความว่ายังไงเนี่ย?!

                    

    คนตรงหน้าตอบคำถามของเขาด้วยรอยยิ้ม “นายหนะดังมากในหมู่พวกเราเลยนะ” คำตอบนั้นทำเอาคิบอมต้องเลิกคิ้วแล้วทวนคำอย่างงุนงง “ดังมากในหมู่ของพวกคุณ?”

                    

    ตำรวจหนะ”เพียงเท่านั้นก็ทำเอาคนรับฟังถึงกับใจหายวาบก่อนที่จะตะโกนกลับไปอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด “ผมไม่ต้องการให้คำให้การ!”

                    

    ชินดงฮีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้อยู่แล้วว่าพอคิบอมรู้ว่าเป็นฝีมือของตำรวจที่ลักพาตัวมาก็คงอาละวาดสำนักงานตำรวจแตกสาแหรกขาดอย่างแน่นอน กระนั้นเขาเองก็ไม่เก่งเรื่องรับมือกับคนอาละวาดเสียด้วย

                    

    FBI นะครับ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กTT~!!

                    

    ราวกับสวรรค์เป็นใจให้คนที่ไม่อยากทำหน้าที่ปลอบใจร่างเล็กให้อารมณ์เย็นลงเมื่อจู่ๆประตูก็เปิดออกมาพร้อมกับลีดงแฮที่เดินตัวปลิวเข้ามาในห้องโดยไม่ได้สังเกตุถึงคนที่กำลังโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อย

                    

    อรุณสวัสดิ์ชินดง~ ขอบคุณสำหรับอเมริกาโน่นะ”ไม่ว่าเปล่าก็เดินตัวปลิวไปหยิบแก้วเครื่องดื่มของตน

                    

    ไม่เป็นไรดงแ...”

                    

    ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า?!!”เสียงหวานที่ตะโกนลั่นกลบประโยคของร่างท้วมขึ้นมาเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปมองก็พบว่าคนที่ลักพาตัวมาเมื่อวาน ณ บัดนี้ตื่นแล้วเรียบร้อย

                    

    โอ้วว! ตื่นแล้วหรือ?”เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีพลางวางแก้วกาแฟของตนลงบนโต๊ะก่อนจะก้าวเดินมาข้างหน้าผิดกับคิบอมที่นั่งหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

                    

    ฉัน...ไปหาพวกซีวอนก่อนแล้วกันนะ ฝากนายจัดการด้วยนะดงแฮ”ชินดงฮีผู้ที่ได้ยินซีวอนเพื่อนรักบอกมาเป็นนัยๆว่าตำรวจหนุ่มคนนี้กำลังเพ้อคิมคิบอมชนิดที่ว่าเพียงแค่ได้คุยกันก็ตกหลุมรักไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการเป็นก้างขวางคอเลยได้เสนอความคิดตนออกไปพลางคว้าถาดกระดาษแล้วเดินออกไปเพื่อไปสมทบอีกสองคนที่เหลือและเอาเครื่องดื่มที่สองคนนั้นสั่งไปส่งให้...และเพื่อปล่อยลีดงแฮให้จัดการคนที่กำลังโมโหอยู่

                    

    ยังไงผมก็ไม่ให้การ!”ร่างเล็กยังคงยืนกรานคำเดิมไม่เลิก ดงแฮถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความหัวดื้อของคนตรงหน้าที่อายุห่างกับเขาหลายปี

                    

    อายุเป็นเพียงแค่สายลมผ่านพัดไปเท่านั้น คนนี้เขาปิ๊งจริงๆนะเด็กกว่าแล้วไงเขาแก่กว่าแล้วไง? ลีดงแฮไม่สน!! ก็คนมันปิ๊งจริงๆนี่!!!

                    

    แค่แปปเดียวเท่านั้น ไม่ถึงสิบนาทีผมสัญญา”เอาน้ำเย็นมาลูบความโกรธแต่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ผลเมื่อดวงหน้าหวานชักสีหน้าโกรธจัดมากยิ่งกว่าเก่า “แต่ผมไม่ต้องการจริงๆ! แล้วนี่พวกคุณพาตัวผมมาได้อย่างไรกัน?!!”

                    

    มาถึงตรงนี้คนโดนถามก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอื้อกกับคำถามที่ถูกส่งมา เขาควรจะตอบว่าอย่างไรดี? ถ้าคิบอมรู้ร่างเล็กคงไม่อาละวาดหนักกว่าเก่าหรอกหรือ?!!

                    

    ว่าไงหละ?!”เอ่ยถามเสียงสูงกว่าเก่าเมื่อยังเห็นร่างสูงตรงหน้าทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลังเลไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “ตอบผมมาสิ!”

                    

    ก็เอายานอนหลับใส่ลงไปในขนมปังสำหรับพิธีมิซซาไงหละ”

                    

    คำตอบนี้ไม่ได้มาจากปากของลีดงแฮ หากแต่มาจากอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง คำตอบเรียบๆที่ง่ายแก่การเข้าใจนั้นทำเอาคิบอมถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีผิดกับดงแฮที่ต้องยกมือกุมขมับ...โธ่ ฮีชอลขอบคุณมากที่ตอบให้นะ

                    

    คิมฮีชอลในชุดเสื้อเชื้อสีขาวและกางเกงรัดรูปสีดำอวดเรียวขางามเดินเข้ามาในห้อง มือซ้ายถือแฟ้มคดีที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ ณ ตอนนี้ในขณะที่มือข้างขวาถือแก้วช้อกโกแลตร้อนจากเอาไว้โดยไม่สนใจร่างของผู้ลักพาตัวที่ลืมหายใจไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายหน้าสวยที่ดูเย็นชาคนนี้จะเล่นถึงขนาดนี้เพียงเพื่อจะให้เขาให้คำให้การ

                    

    ค คุณกำลังทำบาปมากเลยนะรู้ไหม?”เอ่ยเตือนเสียงแผ่วเบา ไม่รู้ทำไมพอคนๆนี้เหยียบเข้ามาในห้อง ความเย็นยะเยือกก็แผ่เข้ามาแล่นสู่เขาทันที...เขากลัวคนๆนี้เหลือเกิน

                    

    ฮีชอลยักไหล่ก่อนจะวางแก้วช้อกโกแลตร้อนเอาไว้บนโต๊ะ “ก็นายอยากเล่นตัวไม่ยอมให้คำให้การพวกเราก่อนนี่”

                    

    ผมไม่ได้เล่นตัว!”มาถึงตรงนี้ความโกรธก็กลับมาปะทุเหมือนเดิม ดูจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำเมื่อคู่สนทนาไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย

                    

    ถ้าไม่ได้เล่นตัวแล้วทำไมไม่ให้คำให้การหละ?”

                    

    มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผมที่จะไม่ให้! ผมเลือกที่จะไม่ให้คำให้การได้!!”เถียงกลับไปเสียงดังผิดกับคนถามที่ดูจะถามเอาเสียงราบเรียบโดยไม่สนใจอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นเรื่อยๆจนตัวของคนบนโซฟาสั่นเอาอย่างโกรธจัดเลยแม้แต่น้อย...ก็เขาไม่อยากจะให้นี่! มันผิดตรงไหน?!

                    

    พอเถอะฮีชอล เดี๋ยวฉันจัดการเองก็แล้วกัน”ลีดงแฮเมื่อทนเห็นบทสนทนาที่ดูจะยิ่งราดน้ำมันลงไปบนกองไฟให้มากกว่าเก่าไม่ไหวโพล่งขึ้นมาพลางส่งสายตาขอร้องให้หยุดไปยังเพื่อนรักของตน

                    

    ร่างเล็กมีหรือจะกล้าขัด ในเมื่อเขาเองก็ขี้เกียจจะเถียงกับคนหัวดื้ออยู่แล้วจึงคว้าแก้วช้อกโกแลตร้อนขึ้นอีกหนึ่งครั้ง เหลือบไปมองยังคิบอมด้วยหางตาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

                    

    ถ้าคิดจะเล่นตัวต่อไปแบบนี้ ชีวิตคนอีกมากมายอาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย ขอบคุณสำหรับความเห็นแก่ตัวที่ส่งผลให้คนอื่นตายเพิ่มไปของนายนะคิมคิบอม”พูดจบก็หันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม

                    

    ฉันต้องการคำให้การจากปากเด็กนั่นเร็วๆ ไม่อย่างนั้นคดีนี่ก็ไม่ขยับไปไหนเด็ดขาด”

                    

    คิมฮีชอลเดินจากไปแล้ว แต่คนที่ถูกเรียกว่าเห็นแก่ตัวนั้นยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนโซฟา ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองร่างทันทีที่ประตูถูกปิดลง ดงแฮเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดด้วยอะไรดีเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี่และเพื่อที่จะทำให้เขาได้คำให้การมาเร็วๆเพื่อจะได้สืบคดีกันต่อ

                    

    ผมผิดมากเลยเหรอ?”

                    

    เสียงหวานที่ดังลอดริมฝีปากเล็กมาอย่างแหบพร่านั้นเรียกสติชายหนุ่มที่คิดไม่ตกให้เงยหน้าขึ้นมามองร่างที่ก้มหน้านิ่ง “ผมมันเห็นแก่ตัวมากเลยเหรอที่ไม่ยอมให้คำให้การ?”

                    

    เป็นคำถามที่รู้คำตอบกันอยู่ชัดๆแล้ว แต่ลีดงแฮเลือกที่ปิดปากเงียบไม่ตอบ ปล่อยให้ร่างบนโซฟาตอบเองเสียดีกว่า

                    

    คงใช่สินะ...”ร่างทั้งร่างเริ่มสั่น แต่ก็ยังไม่มีเสียงสะอื้นไห้หลุดออกมา “ผมแค่ไม่อยากรื้อฟื้นภาพเหตุการณ์ตอนที่เห็นคุณท่านโดนยิงตายต่อหน้าต่อตามาต่างหาก...คุณเข้าใจผมใช่ไหม?”

                    

    ประโยคหลังเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มทั้งน้ำตา “คนที่คุณเคารพรักมากต้องมาตายไปต่อหน้าต่อตา คนที่อุปการะผมมาตั้งแต่เด็กจนโตต้องมาตายไปโดยที่ผมอยู่ในเหตุการณ์...คุณเข้าใจความรู้สึกผมใช่ไหม?!!”

                    

    ตะเบ็งเสียงถามทั้งน้ำตาก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมอีกครั้ง ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มตรงหน้าตนเลยแม้แต่น้อย เป็นเวลานานก่อนที่ลีดงแฮจะตอบกลับมาเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินมาหยุดอยู่ข้างหน้า ย่อเข่าแล้วยิ้มเศร้าๆ

                    

    ผมไม่เข้าใจครับ...”

                   

     

     

                    

    เด็กเขาเพิ่งสูญเสียที่พึ่งสุดท้ายในชีวิตไปนะ เข้าใจคิบอมเขาหน่อยสิ”

                    

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยไม่ยอมใครเป็นที่สุดเมื่อร่างเล็กเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา ไม่ต้องเดาก็รู้คิมฮีชอลกำลังอารมณ์เสียเป็นที่สุด

                    

    ดวงตากลมโตปรายสายตามามองก่อนที่จะยกช้อกโกแลตร้อนขึ้นจิบข่มอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงก่อนผละออก “แต่มันก็เพื่อชีวิตของคนอื่นนะ ทีพวกคนที่คนที่รักถูกฆ่าตายยังวิ่งแจ้นมาบอกได้ทั้งน้ำตาเลย”

                    

    คนเรามีระดับความเข้มแข็งที่ต่างกันนะฮีชอล”ไม่ว่าเปล่าก็ทิ้งตัวลงข้างๆร่างเล็ก เมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากคนข้างๆจึงเหลือบไปมองก็พบว่ามือเล็กข้างที่ว่างอยู่บนตักนิ่มนั้นกำเข้าหากันอยู่

                    

    และนั่นก็สามารถบอกได้เลยว่าฮีชอลกำลังโกรธจัดมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาเผลอไปพูดให้ร่างเล็กอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้นไปอีก

                   

    ไวเท่าความคิดมือซ้ายรีบเอื้อมไปเกาะกุมกำปั้นเล็กทันที บีบเบาๆให้คลายออกจากกันก่อนจะบีบมือนั้นทั้งมือเป็นเชิงให้ใจเย็นลง “ผมขอโทษ...ลืมไปว่าคุณกำลังอารมณ์เสียอยู่”

                    

    เมื่อไม่มีคำตอบจากฮีชอล ชายหนุ่มจึงพูดต่อไป “แต่แค่ผมอยากจะให้คุณรู้ว่า คิบอมเขาเพิ่งสูญเสียคนที่รักมากไป เลยไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำอันเลวร้ายขึ้นมาอีกครั้ง...”

                    

    มันก็เหมือนตอนที่ผมบอกเลิกคุณแล้วจากไป ผมพยายามที่จะไม่รื้อฟื้นตอนที่ผมเดินหันหลังจากคุณไป”

                    

    แล้วจะรื้อฟื้นทำไมให้เจ็บหละ?”เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกว่ามือแกร่งที่กุมเขาอยู่บีบมือเขาแรงๆหนึ่งทีก่อนพูดต่อ ฮีชอลโน้มไปข้างหน้าวางแก้วช้อกโกแลตร้อนของตนระหว่างที่หูก็ทำหน้าที่ฟังคำพูดของร่างสูงต่อไป

                    

    เพราะทุกครั้งที่ผมทำอะไร มันมักจะนึกถึงเวลาเราสองคนอยู่ด้วยกันตลอดจากนั้นมันก็จะหวนมายังตอนที่ผมบอกเลิกคุณ...ผมโง่มากสินะที่บอกเลิกคุณไปแล้วยังมานั่งย้อนภาพวันหวานระหว่างเราสองคนให้เจ็บหัวใจอีกทั้งๆที่มันจบลงแล้ว”

                    

    ชเวซีวอนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ เมื่อหันไปมองก็พบว่าร่างเล็กกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเสียงเบาราวกับกำลังกระซิบอยู่ “ฉันเองก็โง่มากเหมือนกัน...”

                    

    “...และก็ยังโง่ที่นั่งย้อนภาพสมัยก่อนมาจนถึงวันนี้ด้วย”

                   

    คำพูดนั้นทำเอาร่างสูงอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะโน้มดวงหน้ามาจุมพิตเบาๆบนกลีบปากเล็กที่ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ...ก็บอกแล้วไงว่าชเวซีวอนเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหลอมเขาให้ละลายได้

                    

    มือแกร่งทั้งสองข้างบรรจงประคองดวงหน้าหวานให้เงยหน้าขึ้นมารับสัมผัสรักผ่านริมฝีปากหยักและลิ้นอุ่นที่เกี่ยวตวัดกับอีกฝ่ายในโพรงปากมากยิ่งขึ้นหัวใจนั้นยิ่งเต้นจนแทบจะกระโดดออกมาข้างนอกกับประโยคที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัว เพียงแค่ได้ยินก็รู้ทันที...

                    

    ...ว่าคิมฮีชอลยังคงรักเขาอยู่

     

     


     

                    

    คิมคิบอมขมวดคิ้วอย่างงุนงงกับคำตอบที่ตนได้รับมา...ไม่เข้าใจเขาแล้วจะยิ้มให้ทำไม แล้วจะบอกเขาทำไมหละ?

                    

    ราวกับอ่านใจออก ชายหนุ่มถอนหายใจเศร้าๆก่อนเอ่ยอธิบาย

                    

    ครอบครัวผมไม่เคยมีใครถูกฆ่าตายหรอก เพราะฉะนั้นผมไม่เข้าใจคุณว่าคุณรู้สึกอย่างไรแต่ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ...ว่าการที่ต้องมารื้อฟื้นเหตุการณ์ที่โหดร้ายนั้นมันเจ็บปวดขนาดไหน แต่ถ้าคุณไม่ให้คำให้การ...”

                    

    มาถึงตรงนี้ก็หยุดเล่า สองมือขึ้นยกกุมสองมือเล็กที่เย็นเฉียบ ดวงตาคมจ้องลึกสบตาคนตรงหน้าที่ตั้งท่าจะอาละวาด...คิบอมที่หมายจะอ้าปากเถียงนั้นเป็นอันว่าต้องเงียบไปเมื่อสบสายตาชายหนุ่มตรงหน้า เหมือนทั้งร่างถูกตรึงสะกดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน หายใจติดขัด...ที่สำคัญคือหัวใจเต้นระรัวอย่างน่าแปลกใจ

                    

    ผมไม่อาจบอกคุณได้ว่า ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องสูญเสียไปหากเราไม่ตามหาตัวฆาตกรได้ทัน”

                    

    ราบเรียบหากแต่เนื้อหากลับทำให้คนฟังถึงกับขนลุก รู้สึกหนาวยะเยือกที่สันหลังโดยไม่มีสาเหตุ...คนอีกมากมายจะต้องตายถ้าเขาไม่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ เจ้าคนฆ่าคุณท่านนั้นก็เคยพูดกับเขาแบบนี้นี่...โลกจะปั่นป่วนไปมากกว่านี้...งั้นก็หมายความว่าเขาจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ตามที่เจ้าฆาตกรนั่นบอกจริงๆสินะ

                    

    ยอมรื้อฟื้นความเจ็บปวดที่แสนโหดร้ายนั่นหนึ่งครั้งเพื่อความสงบสุขของโลกใบนี้และชีวิตของคนอีกหลายล้านคนทั่วโลกเถอะครับ”

                    

    ไม่รู้ว่าว่าเพราะความอบอุ่นจากสองมือที่แผ่ซ่านไปจนถึงหัวใจขับไล่ความเย็นออกไปจากตัวเขาหรือเพราะดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูเชื่อถือ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผู้ชายข้างหน้าตนที่ทำให้สุดท้ายแล้ว...

                    

    ...คิมคิบอมก็พยักหน้าแทนการตอบตกลง

     

     



     

                   

                    

    ทุกครั้งที่น้ำตาจะไหลมือเล็กข้างขวาที่ถูกเกาะกุมด้วยมือแกร่งจากคนที่นั่งข้างๆนั้นจะรีบบีบเข้ามือใหญ่ราวกับต้องการกำลังใจในการจะเล่าต่อไปอยู่เสมอราวกับต้องการจะหาที่พึ่งยามอ่อนแอ

                    

    และคิมคิบอมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มบีบมือเขาหรือยกมืออีกข้างลูบมือเขาเบาๆ กำลังใจและความอบอุ่นอ่อนโยนจะถูกส่งผ่านมาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเสียตลอด หัวใจดวงน้อยๆรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคนข้างๆที่แผ่ซ่านมายังตนบ่งบอกเขาเสมอว่าจะอยู่เป็นเพื่อนตลอด

                    

    เพราะคุณท่านสั่งให้ผมซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ผมไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ผมได้ยินเสียงปัง...และทุกอย่างก็เงียบ ผมเห็นร่างของคุณท่านล้มลงต่อหน้าต่อตา...ฮึกก...”

                    

    พูดได้เพียงเท่านี้ก็ต้องยกมืออีกข้างเช็ดน้ำตาเมื่อในหัวย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน แต่กระนั้นเขาก็ยังคงทำใจให้เข้มแข็งแล้วเล่าต่อไป “แล้วผมก็ได้ยินฆาตกรพูดกับผม...เขาบอกว่า...”

                

    ฟังให้ดีนะเจ้าหนู รีบไปบอกคำใบ้ให้พวกนั้นแล้วเราจะรออยู่ที่สถานที่นั่น ยิ่งเร็วยิ่งดีเพราะถ้าช้าเกินไปโลกอาจจะปั่นป่วนมากกว่านี้...”

                

    “...จงมอบกระดาษแผ่นนี้ให้พวกนั้น”

                   

    ปังงงงงงงงงง!!!

                    

    กำปั้นเล็กที่ทุบลงบนโต๊ะเมื่อสิ้นประโยคนั้นทำเอาสิ่งมีชีวิตอีกสี่คนถึงกับสะดุ้งโหยงทันที คิบอมนั้นถึงกับสะดุ้งผวาเข้าสู่อ้อมกอดชายหนุ่มที่กอดตอบตนเสียรวดเร็ว มือแกร่งลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆเป็นเชิงปลอบขวัญระหว่างที่เอ่ยถามเพื่อนรักของตนไป “มีอะไรฮีชอล?”

                    

    เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยตอบ “คิมคิบอมไม่ใช่ผู้รอดชีวิตเพราะเหตุบังเอิญ แต่เป็นผู้รอดชีวิตเพราะทางฆาตกรจงใจให้รอดต่างหาก”

                    

    เพื่อที่จะให้คิบอมมาบอกข้อความแก่พวกเราเพื่อจะให้พวกเราเริ่มทำการจับตัวมันใช่ไหม?”คราวนี้เป็นชเวซีวอนที่เอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง ดวงหน้าหวานพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินปลิวไปยังแฟ้มคดีที่กองอยู่บนโต๊ะ   ระหว่างที่ร่างสูงยังคงทำหน้าที่อธิบายต่อไปแทนตนเองราวกับอ่านใจออก

                    

    คิบอมคือกุญแจในการเปิดคดีของพวกเรา พวกนั้นต้องการให้คิบอมมาบอกคำใบ้แก่พวกเรา เพราะฉะนั้น...เราคงต้องพาคิบอมไปกับพวกเราด้วยแล้วหละ”

                    

    ทำไม?!”คราวนี้คนที่ดังที่สุดดูจะเป็นเจ้าของชื่อที่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง...ก็หน้าที่ของเขาในการให้คำใบ้จบไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาจะต้องตามพวกนี้ไปอีกทำไมหละ?!

                    

    ก็เพราะนายเป็นผู้รอดชีวิตที่พวกเขาจงใจให้รอดหนะสิ”คราวนี้คำตอบดังมาจากฮีชอลที่ยังคงวุ่นอยู่กับการหาอะไรบางอย่างอยู่

                    

    เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากที่นายบอกคำใบ้พวกฉันแล้ว พวกนั้นจะส่งคนมาฆ่านายด้วยเพราะนายหมดประโยชน์สำหรับพวกนั้นแล้วหรือเปล่า ทางที่ดีคือให้พวกนายเดินทางมากับพวกฉันดีกว่าเพราะฉันมั่นใจว่าอยู่ที่เกาหลีมันเสี่ยงมากกว่าอยู่กับพวกฉันอีก”

                    

    ไม่ทันที่คิบอมจะได้อ้าปากเถียงเสียงหวานก็เอ่ยขัดขึ้นมาเรียบๆ “จบประเด็น ชินดงไปบอกทางFBIด้วยนะว่าเราจะมีคนเดินทางเพิ่มมาอีกคน” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อได้แต่พยักหน้าพลางลุกขึ้นออกไปจากห้องที่คนนอกไม่สามารถมองเห็นได้ในขณะที่คนข้างในจะสามารถมองเห็นได้ว่าคนข้างนอกทำอะไรอยู่

                    

    ดงแฮ นายคุมคิบอมกลับบ้านไปจัดกระเป๋าด้วย...เห็นทีว่าทริปครั้งนี้มันคงมากกว่าสองอาทิตย์เพราะฉะนั้นเอาไปเท่าที่จำเป็นก็พอ ฉันรู้สึกว่าคราวนี้เราต้องตะลอนไขคดีทั่วโลกเลยแหละ”ชายหนุ่มพยักหน้าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเฝ้ามองคนข้างๆยื่นกระดาษในมือให้ร่างตรงหน้าตนตามที่ฆาตกรคนนั้นสั่งเอาไว้ก่อนจะถูกดงแฮจูงมือเดินออกไป

                    

    เหลือเพียงชเวซีวอนที่ยังคงนั่งมองแผ่นหลังของคนที่ดูท่าว่าจะแย่งตำแหน่งหัวหน้าทีมสะสางคดีนี้ไปเสียแล้ว...เขาไม่โกรธหรอก เขานึกเอ็นดูต่างหากเพราะว่า...

                    

    ฉันสั่งให้แทนนายแล้วนะหัวหน้า”ก็เพราะว่าร่างเล็กได้จ่ายคำสั่งแทนเขาราวกับอ่านใจเขาออกไปหมดแล้วไง ผู้เป็นหัวหน้าได้แต่ฉีกยิ้มกว้างอย่างนึกขอบคุณระหว่างที่ลุกขึ้นยืน เดิมอ้อมไปหาคนที่ยืนหันหลังให้ตนก่อนที่จะส่งสองแขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดร่างเล็กจากข้างหลัง

                    

    กำลังหาอะไรอยู่เหรอครับ?”ถุงพลาสติกสีใสที่บรรจุขนนกสีดำที่พบในสถานที่เกิดเหตุที่ชูขึ้นมาให้ดู ดวงหน้าคมคายเหลือบมองดวงตากลมโตที่ฉายแววจริงจังก่อนที่จะละสายตามองตามสายตาของร่างในอ้อมกอดไปมองยังขนนกนั่น

                    

    มันคือขนของอีกา”

                    

    ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างงุนงง...ขนของอีกาคือคำถามของทุกๆคน ทำไมต้องเอาขนกามาวางเอาไว้ในที่เกิดเหตุด้วยหละ? ฆาตกรต้องการจะสื่ออะไรกัน? หรือว่าต้องการจะให้เป็นตัวแทนของตัวฆาตกร

                   

    และคำถามเหล่านี้ในหัวของคนอื่นๆนั้นคงจะมีเพียงคิมฮีชอลคนเดียวเท่านั้นที่สามารถตอบมันได้

                    

    ตัวแทนของเบลซาบับ...เจ้าชายแห่งนรก”คำอธิบายนั้นไม่ได้ทำให้ซีวอนเข้าใจได้มากกว่าเก่าเลย เขากลับยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่...เบลซาบับ? เจ้าชายแห่งนรก? ขนอีกาเป็นตัวแทนของเบลซาบับ?

                    

    เบลซาบับเป็นตัวแทนประจำบาปแห่งความตะกละ”หยุดเกริ่นได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องรีบอธิบายเมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของคนที่โอบกอดตนเอาไว้จากทางด้านหลัง “บาปแห่งตะกละมีชื่อภาษาอังกฤษว่าGluttony เป็นหนึ่งในบาปที่ตั้งขึ้นตามคำสอนของพระสันตปาปาเกรกอรี่ที่หนึ่งในคริสต์ศตวรรษ์ที่หกหรือที่เรียกกันว่า...”

                   

    “...บาปทั้งเจ็ด”

                   

     

     

                    

    ลีดงแฮสัมผัสได้ถึงความเหงาจนอยากจะร้องไห้ออกมาทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านพักเอกอัครราชทูตอเมริกาในเกาหลี ทันทีที่เดินเข้ามา คิบอมก็เดินตัวปลิวไปยังห้องตัวเองก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆชนิดมีสี่ล้อลากอย่างรวดเร็ว

                    

    รีบออกจากที่นี่กันเถอะครับ”น้ำเสียงนั้นฟังดูอยากจะร้องไห้เสียเต็มทน ทั้งนี้เพราะทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ภาพวันวานตั้งแต่เด็กจนโตกับคุณท่านก็พุ่งเข้ามาปะทะจนทำให้เขาอยากจะร้องไห้

                    

    มีเพียงแค่เขากับคุณท่านเท่านั้นในบ้านพักหลังใหญ่นี้ และเมื่อคุณท่านจากไปแล้วก็เหลือเขาคนเดียว มันเหงาและเจ็บเหลือเกินที่ต้องอยู่คนเดียวในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำหลังนี้...

                    

    ผมช่วยถือนะครับ”ไม่ว่าเปล่าก็คว้าหูกระเป๋ามาถือเองก่อนจะเดินตามร่างเล็กออกมาจากบ้าน

                    

    ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากบ้านนั้นดงแฮก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น...อะไรบางอย่างที่น่ากลัว

                    

    ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบวางกระเป๋าลากลงบนพื้น ยกเท้าขึ้นแล้วถีบเจ้ากระเป๋าสี่ล้อนั่นให้เลื่อนออกไปหลายเมตรสุดแรงเกิดก่อนที่จะคว้าข้อมือร่างเล็กข้างหน้าตนแล้วดึงให้วิ่งตามไปยังอีกฝากหนึ่งของถนนตรงข้ามกับบ้าน

                    

    บึ้มมมมมมมมมมมมมมม!!!

                    

    แรงระเบิดนั้นทำเอาทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกลนั้นถึงกับลอยไปตามแรงอัดอากาศ ชายหนุ่มคว้าตัวร่างเล็กมากอดก่อนที่จะพลิกตัวเอาหลังกระแทกพื้นดินแทนก่อนจะเปลี่ยนมานอนคร่อมกันเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เศษวัษดุที่ลอยมาตามแรงระเบิดตกลงมาโดนตัว

                    

    ยังดีที่สัมผัสที่หกด้านอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวของเขาทำให้เขารู้สึกตัวก่อน ไม่อย่างนั้นเขากับคิมบอมก็คงไม่มานอนรอดชีวิตแบบนี้หรอก

                    

    คิมคิบอมมองลอดใต้วงแขนแกร่งของคนที่ใช้ตัวบังเขาเอาไว้ ภาพข้างหน้าเรียกน้ำตาของเขาให้ไหลอาบแก้มอย่างเจ็บปวด เป็นอย่างที่คิมฮีชอลคนนั้นพูดจริงๆด้วยว่าพวกนั้นคงจะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอนเมื่อเขาให้การเสร็จ

                    

    แต่นั่นก็ไม่เจ็บปวดเท่าภาพข้างหน้า...

                    

    บ้านพักของคุณท่านในกองไฟขนาดมหึมา!

                   

    บ้านพักที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเขาและคุณท่าน

                    

    บ้านพักอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา ณ บัดนี้ถูกระเบิดตกอยู่ในกองไฟ กำลังไหม้สลายไปต่อหน้าต่อตาเขาเสียแล้ว

                    

    จบสิ้นแล้วทุกอย่าง...ไร้ซึ่งคุณท่าน ไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย

                    

    ชีวิตของเขาดับมืดเสียแล้ว...

                    

    ชายหนุ่มที่สัมผัสได้ถึงแรงสะอื้นไห้ของคนในอ้อมกอดก้มลงมองก่อนจะใจหายวาบอย่างนึกหดหู่เศร้าใจไปด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น...มันยากเกินกว่าที่เด็กอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีอย่างคิบอมจะต้องมาแบกรับตามลำพัง

                    

    ถึงเขาจะอายุห่างกับคนๆนี้ถึงยี่สิบปี ถึงจะเจอกันเพียงแค่สองวัน แต่ลีดงแฮก็มั่นใจว่าเขาได้ตกหลุมรักคนๆนี้ตั้งแต่แรกพบแล้ว

                    

    ร่างเล็กที่ได้แต่นอนร้องไห้สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนคร่อมตนอยู่ก้มลงมาจุมพิตเบาๆที่ขมับบางอย่างอ่อนโยนก่อนจะเข้ากับดวงตาที่สั่นไหวอ่อนแอ

                    

    ลีดงแฮตัดสินใจแล้ว...

                    

    ผมจะเป็นแสงสว่างให้คุณเอง”

                    

    เขาจะขอเป็นที่พึ่งให้คิมคิบอม จะขอเป็นคนดูแลคิมคิบอม จะขอเป็นคนปกป้องคิมคิบอม...จะขอเป็นคนที่ทำให้คิมคิบอมมีความสุขให้ได้นับแต่นี้เป็นต้นไป

     

     

     

                    

    กูลามองภาพอันแสนสวยงามข้างหน้าก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากกับผลงานของตัวเองที่ไปได้สวย น่าเสียดายที่คิมคิบอมเจ้าหนูที่เขาตั้งใจเอาไว้ให้รอดชีวิตจากการลงมือเรียกเจ้าFBIนั่นมายังคงรอดชีวิตต่อไปได้อย่างน่าเจ็บใจ

                    

    ทั้งๆที่เขากะให้มันตายในกองเพลิงพร้อมกับบ้านของคุณท่านอันเป็นที่รักของมันไปแล้วนะเนี่ย แบบนี้แผนของเขาก็ไปได้สวยแค่ครึ่งตรงที่เขาระเบิดบ้านหลังนั้นอย่างสวยงามเท่านั้นเอง

                    

    เด็กมันแค่สิบเจ็ดเอง จะไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอกูลา?”เสียงของเพื่อนร่วมองค์กรดังขึ้นมาจากข้างหลังเรียกความสนใจจากเจ้าของชื่อให้หันหน้ามามองยังต้นเสียงก่อนจะกระตุกยิ้มอีกหนึ่งครั้ง “ถ้าจะคิดการใหญ่ ชีวิตของศัตรูหนึ่งคนที่เว้นเอาไว้อาจจะหมายถึงความพ่ายแพ้ได้ในทุกเมื่อ”

                    

    นั่นก็จริงนะ”ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นปัดผมที่ตกลงมาบังดวงหน้าคมคายของตนออกไปให้พ้นทาง “ยิ่งน่ารักๆอยู่ด้วยถึงจะเป็นผู้ชายหน่อยเถอะ ถ้านายต้องการจะฆ่าทิ้ง อย่างน้อยไว้ชีวิตแล้วให้ฉันเถอะ”

                    

    ไม่ใช่คิมฮีชอลคนที่ดูเย็นชาๆคนนั้นหรอกเหรอที่นายต้องการหนะลัส?”กูลาเอ่ยขัดขึ้น เจ้าของชื่อหัวเราะหึๆก่อนที่จะพยักหน้า “สวย...หยิ่ง...และดูมีความรู้ แบบนี้หายาก ฉันชักจะสนใจมากแล้วสิ”

                    

    กูลาปล่อยให้เพื่อนร่วมองค์กรของตนพล่ามไปถึงความปราถนาในกามอารมณ์กับคนที่ชื่อคิมฮีชอลนั่นไป เขาละสายตาไปมองยังนาฬิกาบนข้อมือของตน...จะบ่ายสองอยู่แล้ว เขาคงต้องรีบขึ้นเครื่องบินไปรอที่นั่นแล้วสินะ

                    

    จะไปแล้วหรือกูลา?”ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะเดินหันหลังให้ภาพกองเพลิงอันแสนสวยงามด้วยฝีมือเขาแล้วเดินไปยังรถของตน ลัสมองตามรถคันนั้นที่ขับจากไปก่อนที่จะหันกลับไปมองยังบ้านที่ยังคงท่วมกองเพลิงแล้วไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับตัวเอง

                    

    ความสนุกมันเริ่มต้นขึ้นแล้วหละ

     

     



                    

    วันที่11 เดือน9

                

    วันที่11 ปี2544

                

    รหัสประเทศอิรัก/อิหร่าน

                

    เที่ยวบินลำแรกที่พุ่งชนตึก

                

    Ramzi Yousef

                

    เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร92คน

                

    เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร56คน

                    

    ประโยคสั้นๆเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่ในกระดาษที่เจ้าฆาตกรผู้ซึ่งฮีชอลสันนิฐานว่าคือเบลซาบับตัวแทนบาปแห่งความตะกละเป็นคนส่งให้พวกเขา...มันคือคำใบ้ให้เขาแก้แล้วนำไปยังสถานที่แห่งที่สองนั่นเอง

                    

    ดวงตากลมโตไล่อ่านประโยคคำใบ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะเบิกตากว้างกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของตน...ใช่ต้องใช่แน่ๆ!

                    

    ไวเท่าความคิด มือเล็กก็คว้าปากกาดำมา กดลงที่หัวเพื่อเปิดก่อนที่จะรีบเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวตนลงไปบนกระดาษแผ่นนั้นโดยมีซีวอนยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มกว้าง...คนเก่งของเขาไง คิมฮีชอลคนนี้

                    

    เป็นเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่กระดาษแผ่นเดิมจะมีลายมือของร่างเล็กด้วยหมึกสีดำเขียนอยู่ข้างๆประโยคทุกๆประโยค มือเล็กคว้ากระดาษแผ่นนั้นแล้วชูให้ชายหนุ่มข้างๆตนอ่านอย่างรวดเร็ว

                    

    วันที่11 เดือน1+1+9 =11

                

    วันที่11 ปี2544 (2+5) + 4 =11

                

    รหัสประเทศอิรัก/อิหร่าน 119 (1+1+9=11)

                

    เที่ยวบินลำแรกที่พุ่งชนตึก เที่ยวบินที่11

                

    Ramzi Yousef ตัวอักษร11ตัว

                

    เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร92คน 9+2=11

                

    เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร56คน 5+6=11

                    

    ตกลง...คำตอบมันคือเลขสิบเอ็ดเหรอ?”เอ่ยถามออกไปอย่างอัศจรยย์ใจกับความบังเอิญแสนจะน่ากลัวของเหตุการณ์ระทึกขวัญนี้ เมื่อดวงหน้าหวานพยักหน้าจึงโพล่งความคิดของตนไปอย่างเร่งรีบ “เลขสิบเอ็ด...ก็คือหนึ่งกับหนึ่งคู่กันเหมือนแฝด หรือว่าคนร้ายต้องการจะบอกว่าสถานที่นั่นคืออะไรที่คู่กัน?!”

                    

    คิมฮีชอลพยักหน้า มีรอยยิ้มแห่งความภูมิใจนิดๆผุดขึ้นบนดวงหน้าหวานก่อนเอ่ยตอบ “ที่นายพูดมาถูกหมด และตามการคาดเดาของฉัน สถานที่ต่อไปที่เจ้าเบลซาบับบาปแห่งความตะกละนั่นจะลงมือก็คือ...”

                    

    “...ตึกแฝดเปโตรนาสที่ประเทศมาเลเซีย”

     

     ---------------------------------------------------------------------------------------------

     

    FONTเป็นอะไรก็ไม่รู้ กลายมาเป็นตัวใหญ่ ขอโทษด้วยนะคะทุกคน :(
    พรุ่งนี้สอบแล้ว TT .
    เจอกันหลังสอบ พุธหน้าเลยคะ ๕๕๕ '
    จะมาอัพฮาเลให้ก่อนวันเดอนะคะ ;D
    เพราะว่าวันเดอ ... ดองนานหน่อย กำลังรีบปั่น
    ฮาเลเนี่ย ต้องเป้าหมายว่าก่อนกลับไทยครั้งนี้ต้องเสร็จให้ได้ -_-!




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×