คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
ที่นี่ที่ไหน?
นี่คือคำถามแรกที่ผุดเข้ามาในหัวเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้อง...ไม่ใช่ห้องนอน
ไม่ใช่ห้องรับแขก
แต่มันดูเหมือนสำนักงานเสียมากกว่า!
โต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสารและรูปถ่ายมากมาย
ห้องที่ไร้ซึ่งผู้คนนั้นราวกับต้องการจะบอกเขาว่ารอให้เขาตื่นก่อนแล้วจะเริ่มกลับมาทำงานใหม่
ดวงหน้าหวานก้มลงมองก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนโซฟา
และเสื้อโค้ทที่คลุมเขาเพื่อให้ความอบอุ่นอยู่นั้นก็เป็นเสื้อโค้ทสีดำคุ้นตา
เหมือนกับที่ผู้ชายที่เขาเจอก่อนเผลอหลับไปใส่
เท่าที่คิบอมจำได้ แม้ภาพข้างหน้าจะเลือนรางเบลอไปขนาดไหน
แต่เขาก็จำไม่ผิดแน่ๆว่าคนที่วิ่งมารับเขาก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบหลับไปนั้นคือคนๆเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าโบสถ์ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ
และเป็นคนกับที่เขาให้ถุงมือขนแกะนั่น
อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นนะ...
คิดได้เท่านี้ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมานั่งคิดใหม่อีกรอบ...บังเอิญอย่างงั้นเหรอ?
ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงวิ่งมารับเขาได้ทันเวลาก่อนจะฟุบลงพื้นหละ?
มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หรือมันเป็นเรื่องจงใจมากกว่าเหตุบังเอิญ?
“อ้าว ตื่นเสียทีนะคิมคิบอม”เสียงทุ้มของอาคันตุกะผู้มาใหม่ดังขึ้นมาเรียกสติของเจ้าของชื่อให้สะดุ้งเฮือกหลุดออกมาจากภวังค์
ดวงตาตี่หันขวับมามองก็พบกับชายหนุ่มร่างท้วมในชุดลำลองสบายๆ ในมือถือถาดกระดาษที่บรรจุแก้วกาแฟสี่แก้ว
“ท่าทางนายคงเพลียสินะ คนอื่นป้อกหลับไปแค่สิบนาทีเลย
แต่นายนี่เล่นเป็นวันเลยนะเนี่ย”คนแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพลางเคลื่อนตัวจากประตูห้องมายังโต๊ะที่รกไปด้วยเอกสารนั่น
“คุณรู้จักผม?”เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย
เท่านี้คิบอมก็พอจะเดาออกแล้วว่าเขาโดนจับตัวมา...แล้วคนอื่นที่หลับไปสิบนาที?
มันหมายความว่ายังไงเนี่ย?!
คนตรงหน้าตอบคำถามของเขาด้วยรอยยิ้ม “นายหนะดังมากในหมู่พวกเราเลยนะ”
คำตอบนั้นทำเอาคิบอมต้องเลิกคิ้วแล้วทวนคำอย่างงุนงง “ดังมากในหมู่ของพวกคุณ?”
“ตำรวจหนะ”เพียงเท่านั้นก็ทำเอาคนรับฟังถึงกับใจหายวาบก่อนที่จะตะโกนกลับไปอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด
“ผมไม่ต้องการให้คำให้การ!”
ชินดงฮีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้อยู่แล้วว่าพอคิบอมรู้ว่าเป็นฝีมือของตำรวจที่ลักพาตัวมาก็คงอาละวาดสำนักงานตำรวจแตกสาแหรกขาดอย่างแน่นอน
กระนั้นเขาเองก็ไม่เก่งเรื่องรับมือกับคนอาละวาดเสียด้วย
FBI นะครับ ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กTT~!!
ราวกับสวรรค์เป็นใจให้คนที่ไม่อยากทำหน้าที่ปลอบใจร่างเล็กให้อารมณ์เย็นลงเมื่อจู่ๆประตูก็เปิดออกมาพร้อมกับลีดงแฮที่เดินตัวปลิวเข้ามาในห้องโดยไม่ได้สังเกตุถึงคนที่กำลังโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อย
“อรุณสวัสดิ์ชินดง~ ขอบคุณสำหรับอเมริกาโน่นะ”ไม่ว่าเปล่าก็เดินตัวปลิวไปหยิบแก้วเครื่องดื่มของตน
“ไม่เป็นไรดงแ...”
“ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า?!!”เสียงหวานที่ตะโกนลั่นกลบประโยคของร่างท้วมขึ้นมาเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปมองก็พบว่าคนที่ลักพาตัวมาเมื่อวาน
ณ บัดนี้ตื่นแล้วเรียบร้อย
“โอ้วว! ตื่นแล้วหรือ?”เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีพลางวางแก้วกาแฟของตนลงบนโต๊ะก่อนจะก้าวเดินมาข้างหน้าผิดกับคิบอมที่นั่งหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉัน...ไปหาพวกซีวอนก่อนแล้วกันนะ ฝากนายจัดการด้วยนะดงแฮ”ชินดงฮีผู้ที่ได้ยินซีวอนเพื่อนรักบอกมาเป็นนัยๆว่าตำรวจหนุ่มคนนี้กำลังเพ้อคิมคิบอมชนิดที่ว่าเพียงแค่ได้คุยกันก็ตกหลุมรักไปเสียแล้ว
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการเป็นก้างขวางคอเลยได้เสนอความคิดตนออกไปพลางคว้าถาดกระดาษแล้วเดินออกไปเพื่อไปสมทบอีกสองคนที่เหลือและเอาเครื่องดื่มที่สองคนนั้นสั่งไปส่งให้...และเพื่อปล่อยลีดงแฮให้จัดการคนที่กำลังโมโหอยู่
“ยังไงผมก็ไม่ให้การ!”ร่างเล็กยังคงยืนกรานคำเดิมไม่เลิก ดงแฮถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความหัวดื้อของคนตรงหน้าที่อายุห่างกับเขาหลายปี
อายุเป็นเพียงแค่สายลมผ่านพัดไปเท่านั้น คนนี้เขาปิ๊งจริงๆนะ! เด็กกว่าแล้วไงเขาแก่กว่าแล้วไง? ลีดงแฮไม่สน!!
ก็คนมันปิ๊งจริงๆนี่!!!
“แค่แปปเดียวเท่านั้น ไม่ถึงสิบนาทีผมสัญญา”เอาน้ำเย็นมาลูบความโกรธแต่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ผลเมื่อดวงหน้าหวานชักสีหน้าโกรธจัดมากยิ่งกว่าเก่า “แต่ผมไม่ต้องการจริงๆ! แล้วนี่พวกคุณพาตัวผมมาได้อย่างไรกัน?!!”
มาถึงตรงนี้คนโดนถามก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเอื้อกกับคำถามที่ถูกส่งมา
เขาควรจะตอบว่าอย่างไรดี? ถ้าคิบอมรู้ร่างเล็กคงไม่อาละวาดหนักกว่าเก่าหรอกหรือ?!!
“ว่าไงหละ?!”เอ่ยถามเสียงสูงกว่าเก่าเมื่อยังเห็นร่างสูงตรงหน้าทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ลังเลไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “ตอบผมมาสิ!”
“ก็เอายานอนหลับใส่ลงไปในขนมปังสำหรับพิธีมิซซาไงหละ”
คำตอบนี้ไม่ได้มาจากปากของลีดงแฮ
หากแต่มาจากอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง
คำตอบเรียบๆที่ง่ายแก่การเข้าใจนั้นทำเอาคิบอมถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีผิดกับดงแฮที่ต้องยกมือกุมขมับ...โธ่
ฮีชอลขอบคุณมากที่ตอบให้นะ
คิมฮีชอลในชุดเสื้อเชื้อสีขาวและกางเกงรัดรูปสีดำอวดเรียวขางามเดินเข้ามาในห้อง
มือซ้ายถือแฟ้มคดีที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ ณ
ตอนนี้ในขณะที่มือข้างขวาถือแก้วช้อกโกแลตร้อนจากเอาไว้โดยไม่สนใจร่างของผู้ลักพาตัวที่ลืมหายใจไปชั่วขณะ
นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายหน้าสวยที่ดูเย็นชาคนนี้จะเล่นถึงขนาดนี้เพียงเพื่อจะให้เขาให้คำให้การ
“ค คุณกำลังทำบาปมากเลยนะรู้ไหม?”เอ่ยเตือนเสียงแผ่วเบา
ไม่รู้ทำไมพอคนๆนี้เหยียบเข้ามาในห้อง ความเย็นยะเยือกก็แผ่เข้ามาแล่นสู่เขาทันที...เขากลัวคนๆนี้เหลือเกิน
ฮีชอลยักไหล่ก่อนจะวางแก้วช้อกโกแลตร้อนเอาไว้บนโต๊ะ “ก็นายอยากเล่นตัวไม่ยอมให้คำให้การพวกเราก่อนนี่”
“ผมไม่ได้เล่นตัว!”มาถึงตรงนี้ความโกรธก็กลับมาปะทุเหมือนเดิม
ดูจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำเมื่อคู่สนทนาไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่ได้เล่นตัวแล้วทำไมไม่ให้คำให้การหละ?”
“มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผมที่จะไม่ให้! ผมเลือกที่จะไม่ให้คำให้การได้!!”เถียงกลับไปเสียงดังผิดกับคนถามที่ดูจะถามเอาเสียงราบเรียบโดยไม่สนใจอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นเรื่อยๆจนตัวของคนบนโซฟาสั่นเอาอย่างโกรธจัดเลยแม้แต่น้อย...ก็เขาไม่อยากจะให้นี่!
มันผิดตรงไหน?!
“พอเถอะฮีชอล เดี๋ยวฉันจัดการเองก็แล้วกัน”ลีดงแฮเมื่อทนเห็นบทสนทนาที่ดูจะยิ่งราดน้ำมันลงไปบนกองไฟให้มากกว่าเก่าไม่ไหวโพล่งขึ้นมาพลางส่งสายตาขอร้องให้หยุดไปยังเพื่อนรักของตน
ร่างเล็กมีหรือจะกล้าขัด
ในเมื่อเขาเองก็ขี้เกียจจะเถียงกับคนหัวดื้ออยู่แล้วจึงคว้าแก้วช้อกโกแลตร้อนขึ้นอีกหนึ่งครั้ง
เหลือบไปมองยังคิบอมด้วยหางตาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าคิดจะเล่นตัวต่อไปแบบนี้ ชีวิตคนอีกมากมายอาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย
ขอบคุณสำหรับความเห็นแก่ตัวที่ส่งผลให้คนอื่นตายเพิ่มไปของนายนะคิมคิบอม”พูดจบก็หันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“ฉันต้องการคำให้การจากปากเด็กนั่นเร็วๆ ไม่อย่างนั้นคดีนี่ก็ไม่ขยับไปไหนเด็ดขาด”
คิมฮีชอลเดินจากไปแล้ว
แต่คนที่ถูกเรียกว่าเห็นแก่ตัวนั้นยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนโซฟา
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองร่างทันทีที่ประตูถูกปิดลง
ดงแฮเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดด้วยอะไรดีเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี่และเพื่อที่จะทำให้เขาได้คำให้การมาเร็วๆเพื่อจะได้สืบคดีกันต่อ
“ผมผิดมากเลยเหรอ?”
เสียงหวานที่ดังลอดริมฝีปากเล็กมาอย่างแหบพร่านั้นเรียกสติชายหนุ่มที่คิดไม่ตกให้เงยหน้าขึ้นมามองร่างที่ก้มหน้านิ่ง “ผมมันเห็นแก่ตัวมากเลยเหรอที่ไม่ยอมให้คำให้การ?”
เป็นคำถามที่รู้คำตอบกันอยู่ชัดๆแล้ว
แต่ลีดงแฮเลือกที่ปิดปากเงียบไม่ตอบ ปล่อยให้ร่างบนโซฟาตอบเองเสียดีกว่า
“คงใช่สินะ...”ร่างทั้งร่างเริ่มสั่น แต่ก็ยังไม่มีเสียงสะอื้นไห้หลุดออกมา
“ผมแค่ไม่อยากรื้อฟื้นภาพเหตุการณ์ตอนที่เห็นคุณท่านโดนยิงตายต่อหน้าต่อตามาต่างหาก...คุณเข้าใจผมใช่ไหม?”
ประโยคหลังเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มทั้งน้ำตา “คนที่คุณเคารพรักมากต้องมาตายไปต่อหน้าต่อตา
คนที่อุปการะผมมาตั้งแต่เด็กจนโตต้องมาตายไปโดยที่ผมอยู่ในเหตุการณ์...คุณเข้าใจความรู้สึกผมใช่ไหม?!!”
ตะเบ็งเสียงถามทั้งน้ำตาก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมอีกครั้ง
ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มตรงหน้าตนเลยแม้แต่น้อย
เป็นเวลานานก่อนที่ลีดงแฮจะตอบกลับมาเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
เดินมาหยุดอยู่ข้างหน้า ย่อเข่าแล้วยิ้มเศร้าๆ
“ผมไม่เข้าใจครับ...”
“เด็กเขาเพิ่งสูญเสียที่พึ่งสุดท้ายในชีวิตไปนะ เข้าใจคิบอมเขาหน่อยสิ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยไม่ยอมใครเป็นที่สุดเมื่อร่างเล็กเดินเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา
ไม่ต้องเดาก็รู้คิมฮีชอลกำลังอารมณ์เสียเป็นที่สุด
ดวงตากลมโตปรายสายตามามองก่อนที่จะยกช้อกโกแลตร้อนขึ้นจิบข่มอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงก่อนผละออก “แต่มันก็เพื่อชีวิตของคนอื่นนะ
ทีพวกคนที่คนที่รักถูกฆ่าตายยังวิ่งแจ้นมาบอกได้ทั้งน้ำตาเลย”
“คนเรามีระดับความเข้มแข็งที่ต่างกันนะฮีชอล”ไม่ว่าเปล่าก็ทิ้งตัวลงข้างๆร่างเล็ก
เมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากคนข้างๆจึงเหลือบไปมองก็พบว่ามือเล็กข้างที่ว่างอยู่บนตักนิ่มนั้นกำเข้าหากันอยู่
และนั่นก็สามารถบอกได้เลยว่าฮีชอลกำลังโกรธจัดมาก
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาเผลอไปพูดให้ร่างเล็กอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไวเท่าความคิดมือซ้ายรีบเอื้อมไปเกาะกุมกำปั้นเล็กทันที บีบเบาๆให้คลายออกจากกันก่อนจะบีบมือนั้นทั้งมือเป็นเชิงให้ใจเย็นลง “ผมขอโทษ...ลืมไปว่าคุณกำลังอารมณ์เสียอยู่”
เมื่อไม่มีคำตอบจากฮีชอล ชายหนุ่มจึงพูดต่อไป “แต่แค่ผมอยากจะให้คุณรู้ว่า คิบอมเขาเพิ่งสูญเสียคนที่รักมากไป
เลยไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำอันเลวร้ายขึ้นมาอีกครั้ง...”
“มันก็เหมือนตอนที่ผมบอกเลิกคุณแล้วจากไป
ผมพยายามที่จะไม่รื้อฟื้นตอนที่ผมเดินหันหลังจากคุณไป”
“แล้วจะรื้อฟื้นทำไมให้เจ็บหละ?”เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
เขารู้สึกว่ามือแกร่งที่กุมเขาอยู่บีบมือเขาแรงๆหนึ่งทีก่อนพูดต่อ
ฮีชอลโน้มไปข้างหน้าวางแก้วช้อกโกแลตร้อนของตนระหว่างที่หูก็ทำหน้าที่ฟังคำพูดของร่างสูงต่อไป
“เพราะทุกครั้งที่ผมทำอะไร
มันมักจะนึกถึงเวลาเราสองคนอยู่ด้วยกันตลอดจากนั้นมันก็จะหวนมายังตอนที่ผมบอกเลิกคุณ...ผมโง่มากสินะที่บอกเลิกคุณไปแล้วยังมานั่งย้อนภาพวันหวานระหว่างเราสองคนให้เจ็บหัวใจอีกทั้งๆที่มันจบลงแล้ว”
ชเวซีวอนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
เมื่อหันไปมองก็พบว่าร่างเล็กกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเสียงเบาราวกับกำลังกระซิบอยู่ “ฉันเองก็โง่มากเหมือนกัน...”
“...และก็ยังโง่ที่นั่งย้อนภาพสมัยก่อนมาจนถึงวันนี้ด้วย”
คำพูดนั้นทำเอาร่างสูงอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะโน้มดวงหน้ามาจุมพิตเบาๆบนกลีบปากเล็กที่ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ...ก็บอกแล้วไงว่าชเวซีวอนเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหลอมเขาให้ละลายได้
มือแกร่งทั้งสองข้างบรรจงประคองดวงหน้าหวานให้เงยหน้าขึ้นมารับสัมผัสรักผ่านริมฝีปากหยักและลิ้นอุ่นที่เกี่ยวตวัดกับอีกฝ่ายในโพรงปากมากยิ่งขึ้นหัวใจนั้นยิ่งเต้นจนแทบจะกระโดดออกมาข้างนอกกับประโยคที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัว
เพียงแค่ได้ยินก็รู้ทันที...
...ว่าคิมฮีชอลยังคงรักเขาอยู่
คิมคิบอมขมวดคิ้วอย่างงุนงงกับคำตอบที่ตนได้รับมา...ไม่เข้าใจเขาแล้วจะยิ้มให้ทำไม
แล้วจะบอกเขาทำไมหละ?
ราวกับอ่านใจออก ชายหนุ่มถอนหายใจเศร้าๆก่อนเอ่ยอธิบาย
“ครอบครัวผมไม่เคยมีใครถูกฆ่าตายหรอก เพราะฉะนั้นผมไม่เข้าใจคุณว่าคุณรู้สึกอย่างไรแต่ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ...ว่าการที่ต้องมารื้อฟื้นเหตุการณ์ที่โหดร้ายนั้นมันเจ็บปวดขนาดไหน
แต่ถ้าคุณไม่ให้คำให้การ...”
มาถึงตรงนี้ก็หยุดเล่า สองมือขึ้นยกกุมสองมือเล็กที่เย็นเฉียบ
ดวงตาคมจ้องลึกสบตาคนตรงหน้าที่ตั้งท่าจะอาละวาด...คิบอมที่หมายจะอ้าปากเถียงนั้นเป็นอันว่าต้องเงียบไปเมื่อสบสายตาชายหนุ่มตรงหน้า
เหมือนทั้งร่างถูกตรึงสะกดเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
หายใจติดขัด...ที่สำคัญคือหัวใจเต้นระรัวอย่างน่าแปลกใจ
“ผมไม่อาจบอกคุณได้ว่า ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องสูญเสียไปหากเราไม่ตามหาตัวฆาตกรได้ทัน”
ราบเรียบหากแต่เนื้อหากลับทำให้คนฟังถึงกับขนลุก
รู้สึกหนาวยะเยือกที่สันหลังโดยไม่มีสาเหตุ...คนอีกมากมายจะต้องตายถ้าเขาไม่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ
เจ้าคนฆ่าคุณท่านนั้นก็เคยพูดกับเขาแบบนี้นี่...โลกจะปั่นป่วนไปมากกว่านี้...งั้นก็หมายความว่าเขาจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ตามที่เจ้าฆาตกรนั่นบอกจริงๆสินะ
“ยอมรื้อฟื้นความเจ็บปวดที่แสนโหดร้ายนั่นหนึ่งครั้งเพื่อความสงบสุขของโลกใบนี้และชีวิตของคนอีกหลายล้านคนทั่วโลกเถอะครับ”
ไม่รู้ว่าว่าเพราะความอบอุ่นจากสองมือที่แผ่ซ่านไปจนถึงหัวใจขับไล่ความเย็นออกไปจากตัวเขาหรือเพราะดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูเชื่อถือ
หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผู้ชายข้างหน้าตนที่ทำให้สุดท้ายแล้ว...
...คิมคิบอมก็พยักหน้าแทนการตอบตกลง
ทุกครั้งที่น้ำตาจะไหลมือเล็กข้างขวาที่ถูกเกาะกุมด้วยมือแกร่งจากคนที่นั่งข้างๆนั้นจะรีบบีบเข้ามือใหญ่ราวกับต้องการกำลังใจในการจะเล่าต่อไปอยู่เสมอราวกับต้องการจะหาที่พึ่งยามอ่อนแอ
และคิมคิบอมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกว่าทุกครั้งที่ชายหนุ่มบีบมือเขาหรือยกมืออีกข้างลูบมือเขาเบาๆ
กำลังใจและความอบอุ่นอ่อนโยนจะถูกส่งผ่านมาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเสียตลอด
หัวใจดวงน้อยๆรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคนข้างๆที่แผ่ซ่านมายังตนบ่งบอกเขาเสมอว่าจะอยู่เป็นเพื่อนตลอด
“เพราะคุณท่านสั่งให้ผมซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ
ผมไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ผมได้ยินเสียงปัง...และทุกอย่างก็เงียบ
ผมเห็นร่างของคุณท่านล้มลงต่อหน้าต่อตา...ฮึกก...”
พูดได้เพียงเท่านี้ก็ต้องยกมืออีกข้างเช็ดน้ำตาเมื่อในหัวย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน
แต่กระนั้นเขาก็ยังคงทำใจให้เข้มแข็งแล้วเล่าต่อไป “แล้วผมก็ได้ยินฆาตกรพูดกับผม...เขาบอกว่า...”
“ฟังให้ดีนะเจ้าหนู รีบไปบอกคำใบ้ให้พวกนั้นแล้วเราจะรออยู่ที่สถานที่นั่น
ยิ่งเร็วยิ่งดีเพราะถ้าช้าเกินไปโลกอาจจะปั่นป่วนมากกว่านี้...”
“...จงมอบกระดาษแผ่นนี้ให้พวกนั้น”
ปังงงงงงงงงง!!!
กำปั้นเล็กที่ทุบลงบนโต๊ะเมื่อสิ้นประโยคนั้นทำเอาสิ่งมีชีวิตอีกสี่คนถึงกับสะดุ้งโหยงทันที
คิบอมนั้นถึงกับสะดุ้งผวาเข้าสู่อ้อมกอดชายหนุ่มที่กอดตอบตนเสียรวดเร็ว มือแกร่งลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆเป็นเชิงปลอบขวัญระหว่างที่เอ่ยถามเพื่อนรักของตนไป “มีอะไรฮีชอล?”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยตอบ “คิมคิบอมไม่ใช่ผู้รอดชีวิตเพราะเหตุบังเอิญ
แต่เป็นผู้รอดชีวิตเพราะทางฆาตกรจงใจให้รอดต่างหาก”
“เพื่อที่จะให้คิบอมมาบอกข้อความแก่พวกเราเพื่อจะให้พวกเราเริ่มทำการจับตัวมันใช่ไหม?”คราวนี้เป็นชเวซีวอนที่เอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง
ดวงหน้าหวานพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินปลิวไปยังแฟ้มคดีที่กองอยู่บนโต๊ะ
ระหว่างที่ร่างสูงยังคงทำหน้าที่อธิบายต่อไปแทนตนเองราวกับอ่านใจออก
“คิบอมคือกุญแจในการเปิดคดีของพวกเรา
พวกนั้นต้องการให้คิบอมมาบอกคำใบ้แก่พวกเรา
เพราะฉะนั้น...เราคงต้องพาคิบอมไปกับพวกเราด้วยแล้วหละ”
“ทำไม?!”คราวนี้คนที่ดังที่สุดดูจะเป็นเจ้าของชื่อที่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง...ก็หน้าที่ของเขาในการให้คำใบ้จบไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
แล้วเขาจะต้องตามพวกนี้ไปอีกทำไมหละ?!
“ก็เพราะนายเป็นผู้รอดชีวิตที่พวกเขาจงใจให้รอดหนะสิ”คราวนี้คำตอบดังมาจากฮีชอลที่ยังคงวุ่นอยู่กับการหาอะไรบางอย่างอยู่
“เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากที่นายบอกคำใบ้พวกฉันแล้ว
พวกนั้นจะส่งคนมาฆ่านายด้วยเพราะนายหมดประโยชน์สำหรับพวกนั้นแล้วหรือเปล่า
ทางที่ดีคือให้พวกนายเดินทางมากับพวกฉันดีกว่าเพราะฉันมั่นใจว่าอยู่ที่เกาหลีมันเสี่ยงมากกว่าอยู่กับพวกฉันอีก”
ไม่ทันที่คิบอมจะได้อ้าปากเถียงเสียงหวานก็เอ่ยขัดขึ้นมาเรียบๆ “จบประเด็น ชินดงไปบอกทางFBIด้วยนะว่าเราจะมีคนเดินทางเพิ่มมาอีกคน”
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อได้แต่พยักหน้าพลางลุกขึ้นออกไปจากห้องที่คนนอกไม่สามารถมองเห็นได้ในขณะที่คนข้างในจะสามารถมองเห็นได้ว่าคนข้างนอกทำอะไรอยู่
“ดงแฮ
นายคุมคิบอมกลับบ้านไปจัดกระเป๋าด้วย...เห็นทีว่าทริปครั้งนี้มันคงมากกว่าสองอาทิตย์เพราะฉะนั้นเอาไปเท่าที่จำเป็นก็พอ
ฉันรู้สึกว่าคราวนี้เราต้องตะลอนไขคดีทั่วโลกเลยแหละ”ชายหนุ่มพยักหน้าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเฝ้ามองคนข้างๆยื่นกระดาษในมือให้ร่างตรงหน้าตนตามที่ฆาตกรคนนั้นสั่งเอาไว้ก่อนจะถูกดงแฮจูงมือเดินออกไป
เหลือเพียงชเวซีวอนที่ยังคงนั่งมองแผ่นหลังของคนที่ดูท่าว่าจะแย่งตำแหน่งหัวหน้าทีมสะสางคดีนี้ไปเสียแล้ว...เขาไม่โกรธหรอก
เขานึกเอ็นดูต่างหากเพราะว่า...
“ฉันสั่งให้แทนนายแล้วนะหัวหน้า”ก็เพราะว่าร่างเล็กได้จ่ายคำสั่งแทนเขาราวกับอ่านใจเขาออกไปหมดแล้วไง
ผู้เป็นหัวหน้าได้แต่ฉีกยิ้มกว้างอย่างนึกขอบคุณระหว่างที่ลุกขึ้นยืน เดิมอ้อมไปหาคนที่ยืนหันหลังให้ตนก่อนที่จะส่งสองแขนแกร่งยกขึ้นโอบกอดร่างเล็กจากข้างหลัง
“กำลังหาอะไรอยู่เหรอครับ?”ถุงพลาสติกสีใสที่บรรจุขนนกสีดำที่พบในสถานที่เกิดเหตุที่ชูขึ้นมาให้ดู
ดวงหน้าคมคายเหลือบมองดวงตากลมโตที่ฉายแววจริงจังก่อนที่จะละสายตามองตามสายตาของร่างในอ้อมกอดไปมองยังขนนกนั่น
“มันคือขนของอีกา”
ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างงุนงง...ขนของอีกาคือคำถามของทุกๆคน
ทำไมต้องเอาขนกามาวางเอาไว้ในที่เกิดเหตุด้วยหละ? ฆาตกรต้องการจะสื่ออะไรกัน?
หรือว่าต้องการจะให้เป็นตัวแทนของตัวฆาตกร
และคำถามเหล่านี้ในหัวของคนอื่นๆนั้นคงจะมีเพียงคิมฮีชอลคนเดียวเท่านั้นที่สามารถตอบมันได้
“ตัวแทนของเบลซาบับ...เจ้าชายแห่งนรก”คำอธิบายนั้นไม่ได้ทำให้ซีวอนเข้าใจได้มากกว่าเก่าเลย
เขากลับยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่...เบลซาบับ? เจ้าชายแห่งนรก?
ขนอีกาเป็นตัวแทนของเบลซาบับ?
“เบลซาบับเป็นตัวแทนประจำบาปแห่งความตะกละ”หยุดเกริ่นได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องรีบอธิบายเมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของคนที่โอบกอดตนเอาไว้จากทางด้านหลัง
“บาปแห่งตะกละมีชื่อภาษาอังกฤษว่าGluttony เป็นหนึ่งในบาปที่ตั้งขึ้นตามคำสอนของพระสันตปาปาเกรกอรี่ที่หนึ่งในคริสต์ศตวรรษ์ที่หกหรือที่เรียกกันว่า...”
“...บาปทั้งเจ็ด”
ลีดงแฮสัมผัสได้ถึงความเหงาจนอยากจะร้องไห้ออกมาทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านพักเอกอัครราชทูตอเมริกาในเกาหลี
ทันทีที่เดินเข้ามา
คิบอมก็เดินตัวปลิวไปยังห้องตัวเองก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆชนิดมีสี่ล้อลากอย่างรวดเร็ว
“รีบออกจากที่นี่กันเถอะครับ”น้ำเสียงนั้นฟังดูอยากจะร้องไห้เสียเต็มทน ทั้งนี้เพราะทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
ภาพวันวานตั้งแต่เด็กจนโตกับคุณท่านก็พุ่งเข้ามาปะทะจนทำให้เขาอยากจะร้องไห้
มีเพียงแค่เขากับคุณท่านเท่านั้นในบ้านพักหลังใหญ่นี้
และเมื่อคุณท่านจากไปแล้วก็เหลือเขาคนเดียว
มันเหงาและเจ็บเหลือเกินที่ต้องอยู่คนเดียวในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำหลังนี้...
“ผมช่วยถือนะครับ”ไม่ว่าเปล่าก็คว้าหูกระเป๋ามาถือเองก่อนจะเดินตามร่างเล็กออกมาจากบ้าน
ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากบ้านนั้นดงแฮก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น...อะไรบางอย่างที่น่ากลัว
ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบวางกระเป๋าลากลงบนพื้น
ยกเท้าขึ้นแล้วถีบเจ้ากระเป๋าสี่ล้อนั่นให้เลื่อนออกไปหลายเมตรสุดแรงเกิดก่อนที่จะคว้าข้อมือร่างเล็กข้างหน้าตนแล้วดึงให้วิ่งตามไปยังอีกฝากหนึ่งของถนนตรงข้ามกับบ้าน
บึ้มมมมมมมมมมมมมมม!!!
แรงระเบิดนั้นทำเอาทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกลนั้นถึงกับลอยไปตามแรงอัดอากาศ
ชายหนุ่มคว้าตัวร่างเล็กมากอดก่อนที่จะพลิกตัวเอาหลังกระแทกพื้นดินแทนก่อนจะเปลี่ยนมานอนคร่อมกันเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เศษวัษดุที่ลอยมาตามแรงระเบิดตกลงมาโดนตัว
ยังดีที่สัมผัสที่หกด้านอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวของเขาทำให้เขารู้สึกตัวก่อน
ไม่อย่างนั้นเขากับคิมบอมก็คงไม่มานอนรอดชีวิตแบบนี้หรอก
คิมคิบอมมองลอดใต้วงแขนแกร่งของคนที่ใช้ตัวบังเขาเอาไว้
ภาพข้างหน้าเรียกน้ำตาของเขาให้ไหลอาบแก้มอย่างเจ็บปวด
เป็นอย่างที่คิมฮีชอลคนนั้นพูดจริงๆด้วยว่าพวกนั้นคงจะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอนเมื่อเขาให้การเสร็จ
แต่นั่นก็ไม่เจ็บปวดเท่าภาพข้างหน้า...
บ้านพักของคุณท่านในกองไฟขนาดมหึมา!
บ้านพักที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเขาและคุณท่าน
บ้านพักอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา ณ บัดนี้ถูกระเบิดตกอยู่ในกองไฟ
กำลังไหม้สลายไปต่อหน้าต่อตาเขาเสียแล้ว
จบสิ้นแล้วทุกอย่าง...ไร้ซึ่งคุณท่าน ไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย
ชีวิตของเขาดับมืดเสียแล้ว...
ชายหนุ่มที่สัมผัสได้ถึงแรงสะอื้นไห้ของคนในอ้อมกอดก้มลงมองก่อนจะใจหายวาบอย่างนึกหดหู่เศร้าใจไปด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น...มันยากเกินกว่าที่เด็กอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีอย่างคิบอมจะต้องมาแบกรับตามลำพัง
ถึงเขาจะอายุห่างกับคนๆนี้ถึงยี่สิบปี ถึงจะเจอกันเพียงแค่สองวัน
แต่ลีดงแฮก็มั่นใจว่าเขาได้ตกหลุมรักคนๆนี้ตั้งแต่แรกพบแล้ว
ร่างเล็กที่ได้แต่นอนร้องไห้สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าคนที่นอนคร่อมตนอยู่ก้มลงมาจุมพิตเบาๆที่ขมับบางอย่างอ่อนโยนก่อนจะเข้ากับดวงตาที่สั่นไหวอ่อนแอ
ลีดงแฮตัดสินใจแล้ว...
“ผมจะเป็นแสงสว่างให้คุณเอง”
เขาจะขอเป็นที่พึ่งให้คิมคิบอม จะขอเป็นคนดูแลคิมคิบอม
จะขอเป็นคนปกป้องคิมคิบอม...จะขอเป็นคนที่ทำให้คิมคิบอมมีความสุขให้ได้นับแต่นี้เป็นต้นไป
กูลามองภาพอันแสนสวยงามข้างหน้าก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากกับผลงานของตัวเองที่ไปได้สวย
น่าเสียดายที่คิมคิบอมเจ้าหนูที่เขาตั้งใจเอาไว้ให้รอดชีวิตจากการลงมือเรียกเจ้าFBIนั่นมายังคงรอดชีวิตต่อไปได้อย่างน่าเจ็บใจ
ทั้งๆที่เขากะให้มันตายในกองเพลิงพร้อมกับบ้านของคุณท่านอันเป็นที่รักของมันไปแล้วนะเนี่ย
แบบนี้แผนของเขาก็ไปได้สวยแค่ครึ่งตรงที่เขาระเบิดบ้านหลังนั้นอย่างสวยงามเท่านั้นเอง
“เด็กมันแค่สิบเจ็ดเอง จะไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอกูลา?”เสียงของเพื่อนร่วมองค์กรดังขึ้นมาจากข้างหลังเรียกความสนใจจากเจ้าของชื่อให้หันหน้ามามองยังต้นเสียงก่อนจะกระตุกยิ้มอีกหนึ่งครั้ง
“ถ้าจะคิดการใหญ่ ชีวิตของศัตรูหนึ่งคนที่เว้นเอาไว้อาจจะหมายถึงความพ่ายแพ้ได้ในทุกเมื่อ”
“นั่นก็จริงนะ”ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นปัดผมที่ตกลงมาบังดวงหน้าคมคายของตนออกไปให้พ้นทาง
“ยิ่งน่ารักๆอยู่ด้วยถึงจะเป็นผู้ชายหน่อยเถอะ ถ้านายต้องการจะฆ่าทิ้ง อย่างน้อยไว้ชีวิตแล้วให้ฉันเถอะ”
“ไม่ใช่คิมฮีชอลคนที่ดูเย็นชาๆคนนั้นหรอกเหรอที่นายต้องการหนะลัส?”กูลาเอ่ยขัดขึ้น เจ้าของชื่อหัวเราะหึๆก่อนที่จะพยักหน้า “สวย...หยิ่ง...และดูมีความรู้
แบบนี้หายาก ฉันชักจะสนใจมากแล้วสิ”
กูลาปล่อยให้เพื่อนร่วมองค์กรของตนพล่ามไปถึงความปราถนาในกามอารมณ์กับคนที่ชื่อคิมฮีชอลนั่นไป
เขาละสายตาไปมองยังนาฬิกาบนข้อมือของตน...จะบ่ายสองอยู่แล้ว เขาคงต้องรีบขึ้นเครื่องบินไปรอที่นั่นแล้วสินะ
“จะไปแล้วหรือกูลา?”ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะเดินหันหลังให้ภาพกองเพลิงอันแสนสวยงามด้วยฝีมือเขาแล้วเดินไปยังรถของตน
ลัสมองตามรถคันนั้นที่ขับจากไปก่อนที่จะหันกลับไปมองยังบ้านที่ยังคงท่วมกองเพลิงแล้วไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับตัวเอง
ความสนุกมันเริ่มต้นขึ้นแล้วหละ
วันที่11 เดือน9
วันที่11 ปี2544
รหัสประเทศอิรัก/อิหร่าน
เที่ยวบินลำแรกที่พุ่งชนตึก
Ramzi
Yousef
เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร92คน
เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร56คน
ประโยคสั้นๆเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่ในกระดาษที่เจ้าฆาตกรผู้ซึ่งฮีชอลสันนิฐานว่าคือเบลซาบับตัวแทนบาปแห่งความตะกละเป็นคนส่งให้พวกเขา...มันคือคำใบ้ให้เขาแก้แล้วนำไปยังสถานที่แห่งที่สองนั่นเอง
ดวงตากลมโตไล่อ่านประโยคคำใบ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะเบิกตากว้างกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของตน...ใช่! ต้องใช่แน่ๆ!
ไวเท่าความคิด มือเล็กก็คว้าปากกาดำมา
กดลงที่หัวเพื่อเปิดก่อนที่จะรีบเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวตนลงไปบนกระดาษแผ่นนั้นโดยมีซีวอนยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มกว้าง...คนเก่งของเขาไง
คิมฮีชอลคนนี้
เป็นเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่กระดาษแผ่นเดิมจะมีลายมือของร่างเล็กด้วยหมึกสีดำเขียนอยู่ข้างๆประโยคทุกๆประโยค
มือเล็กคว้ากระดาษแผ่นนั้นแล้วชูให้ชายหนุ่มข้างๆตนอ่านอย่างรวดเร็ว
วันที่11 เดือน9 1+1+9 =11
วันที่11 ปี2544 (2+5) + 4 =11
รหัสประเทศอิรัก/อิหร่าน 119
(1+1+9=11)
เที่ยวบินลำแรกที่พุ่งชนตึก เที่ยวบินที่11
Ramzi
Yousef ตัวอักษร11ตัว
เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร92คน 9+2=11
เที่ยวบินที่มีผู้โดยสาร56คน 5+6=11
“ตกลง...คำตอบมันคือเลขสิบเอ็ดเหรอ?”เอ่ยถามออกไปอย่างอัศจรยย์ใจกับความบังเอิญแสนจะน่ากลัวของเหตุการณ์ระทึกขวัญนี้
เมื่อดวงหน้าหวานพยักหน้าจึงโพล่งความคิดของตนไปอย่างเร่งรีบ “เลขสิบเอ็ด...ก็คือหนึ่งกับหนึ่งคู่กันเหมือนแฝด
หรือว่าคนร้ายต้องการจะบอกว่าสถานที่นั่นคืออะไรที่คู่กัน?!”
คิมฮีชอลพยักหน้า มีรอยยิ้มแห่งความภูมิใจนิดๆผุดขึ้นบนดวงหน้าหวานก่อนเอ่ยตอบ
“ที่นายพูดมาถูกหมด และตามการคาดเดาของฉัน สถานที่ต่อไปที่เจ้าเบลซาบับบาปแห่งความตะกละนั่นจะลงมือก็คือ...”
“...ตึกแฝดเปโตรนาสที่ประเทศมาเลเซีย”
---------------------------------------------------------------------------------------------
FONTเป็นอะไรก็ไม่รู้ กลายมาเป็นตัวใหญ่ ขอโทษด้วยนะคะทุกคน :(
พรุ่งนี้สอบแล้ว TT .
เจอกันหลังสอบ พุธหน้าเลยคะ ๕๕๕ '
จะมาอัพฮาเลให้ก่อนวันเดอนะคะ ;D
เพราะว่าวันเดอ ... ดองนานหน่อย กำลังรีบปั่น
ฮาเลเนี่ย ต้องเป้าหมายว่าก่อนกลับไทยครั้งนี้ต้องเสร็จให้ได้ -_-!
ความคิดเห็น