คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
ชเวซีวอนได้แต่มองดูภาพเพื่อนรักหยอกล้อกันอย่างนึกเอ็นดูผ่านทางประตูหลังรถตู้ที่เปิดเอาไว้ เขาไม่รู้สึกหึงเลยแม้แต่น้อยที่ฮีชอลจู่ๆจะเดินลงมาจากรถไปหาเพื่อนรักที่ยืนตากลมรอแขกที่กำลังจะมาอยู่ หรือจะเกิดอาการหน้าแดงแปร้ดเวลาอยู่กับดงแฮเช่นเดียวกับเขา
ที่มันแดงหนะ ไม่ใช่เพราะรักดงแฮหรอก
แต่เพราะหมอนั่นไปล้อต่างหากและที่ลงไปหาหนะก็เพราะว่าเป็นห่วงต่างหาก
ซีวอนเองก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันกับความสัมพันธ์ระหว่างดงแฮและฮีชอล
เพราะต่างคนเองก็มีนิสัยต่างกันสุดขั้วชนิดสุดๆไปเลยแต่ก็ยังเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันได้มาตั้งแต่เด็ก
และลีดงแฮก็เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของคิมฮีชอล
เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าดงแฮทำงานตำรวจ
ตอนแรกเขาแอบเจ็บปวดเมื่อเห็นดงแฮเดินมาลูบหัวร่างเล็กด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตอนแรกที่เขาเจอดงแฮ
แต่พอมารู้ทีหลังว่าแค่เพื่อนกันและดูเหมือนดงแฮเองก็สนับสนุนให้เขาคบกับฮีชอลด้วยนั้นทำให้เขาเชื่อมั่นว่าระหว่างดงแฮและฮีชอลนั้นคือเพื่อนสนิทแสนดีคนหนึ่งเท่านั้น
ดงแฮเป็นคนตลก ฮีชอลเป็นคนเส้นลึก
ดงแฮนั้นพูดมาก ฮีชอลนั้นพูดน้อย ดงแฮดูชิวๆและเล่นๆกับทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียหมดส่วนฮีชอลนั้นจริงจังกับงานที่ได้รับมาทุกชิ้น
ดงแฮเป็นคนอารมณ์ดีในขณะที่ฮีชอลเป็นคนเย็นชา
แต่ในขณะเดียวกัน
ทั้งสองคนมีอะไรคล้ายๆกันนั่นก็คือการมองโลกในแง่ดีเสมอแม้ดงแฮจะแสดงมันออกมามากกว่าฮีชอลผู้เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้แล้วพูดออกมาผ่านคำพูดเป็นนัยกำกวมฟังดูไม่เข้าใจและกลายเป็นคิดในแง่ร้ายต่อประเด็นที่ถูกพูดออกมา
หากแต่ถ้าลองฟังดีๆแล้วลองมาคิดดูหลายตลบจะรู้ว่าประโยคนั้นๆไม่ต่างอะไรไปกับการมองโลกในแง่ดีเลย
และนั่นก็คือแม่เหล็กที่ดูดดงแฮคนเฮฮายิ้มแย้มกับฮีชอลคนเย็นชาหยิ่งยโสเอาไว้ด้วยกัน
และคำหนึ่งคำที่ลอยอยู่เหนือสองคนนั้น...
...มิตรแท้
บรรดาแขกเรือที่เดินทางเพื่อเข้าร่วมพิธีมิซซานั้นเยอะเสียเหลือเกิน
ลีดงแฮได้แต่ทำหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายมานั่นก็คือการฉีกยิ้มหน้าสู้ลมหนาวไปอย่างเป็นมิตรเป็นเวลานานทว่าในใจกลับนึกอีกอย่าง
เมื่อไหร่จะเข้าไปนั่งกันให้หมดจบๆเสียทีวะ
กูหนาวววTT?!
“คุณครับ...”
เสียงหวานของคนๆหนึ่งดังขึ้นมาเรียกความสนใจของพนักงานต้อนรับผู้ปลอมตัวมาให้ละสายตาจากรถตู้สีดำที่จ้องอย่างนึกหมั่นไส้...อุ่นกันเข้าไปนะพวกนาย
เห็นใจคนยืนหนาวคนนี้บ้างเซ่!
นึกในใจอย่างหงุดหงิดก่อนที่ดวงหน้าคมคายจะหันหน้ากลับมายังต้นเสียงที่ยืนเรียกชื่ออยู่ข้างหน้าตน
ลืมไปหมดแล้ว...
ลืมวิธีหายใจไปเสียหมดทั้งสิ้นแล้ว
คนตรงหน้าเขา
แม้คนตรงหน้าดูยังไงก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย...แต่เป็นผู้ชายหน้าหวานชนิดที่ว่าทำให้เขาถึงกับหยุดหายใจเพียงแค่ได้สบตาเข้ากับดวงตากลมคู่นั้น
แม้จะสวยน้อยกว่าฮีชอล
แต่ก็หวานชนิดที่ทำให้ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาหวั่นไหวได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...พระเจ้า! นี่เขาหวั่นไหวกับผู้ชายกันเองแทนที่จะเป็นผู้หญิงอกบึ้มๆพวกนั้นที่เขาเคยควงมาเสียมากมายงั้นเหรอ?!
ร่างเล็กฉีกยิ้มหวานราวกับไม่ได้รับรู้เลยว่าที่ชายหนุ่มตรงหน้าของเขามีอาการแปลกไปเพราะตัวเองแท้ๆ
“มายืนอยู่ข้างนอกแบบนี้ ไม่หนาวหรือไง?”
อาาาา...คนๆนี้ถามเขาด้วย!
เขาควรจะทำอย่างไรดี?!
นี่เป็นครั้งแรก...ครั้งแรกจริงๆที่ทำตัวไม่ถูก
กระอักกระอ่วมใจเต้นตึกตักไปหมด มือไม้ไม่รู้จะไปไว้ไหนหมด
จะสบตาคนน่ารักตรงหน้าก็เป็นอันต้องน่าแดง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและหายใจติดขัด
ครั้งจะเบนสายตาไปที่อื่นก็ไม่อยากจะละจากดวงหน้าหวานนี่เลยแม้แต่น้อย
“ว่าไง? นี่คุณไม่หนาวเหรอ? วันนี้แปลกนะ จู่ๆลมหนาวก็ลงโดยฉับพลัน
ทั้งๆที่ช่วงนี้ควรมันเป็นช่วงอากาศอุ่นนะ”ม มา...มันมาเป็นชุด! ดงแฮรีบอาศัยจังหวะที่คนตรงหน้าพล่ามไปเรียกกำลังใจสติสตางค์ของตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิมก่อนจะสูดหายใจแล้วฉีกยิ้มกว้างตอบกลับไป
“ไม่หรอกครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”แต่ดูท่าว่าริมฝีปากเขาคงจะซีดเกินไปจนคนน่ารักตรงหน้าผิดสังเกตุได้ ร่างเล็กนิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจถอดถุงมือขนแกะราคาแพงของตนออกแล้วยื่นให้
“ถุงมืออันนี้มีค่ากับผมมากเลยนะ”เปรยขึ้นระหว่างที่สองมือบรรจงยกมือแกร่งที่เย็นเฉียบของคนตรงหน้ามาแล้วบรรจงสวมถุงมือให้อย่างเบามือ ไออุ่นจากขนแกะแล่นเข้าทำลายความเย็นเฉียบจนชาที่มือเข้าเสียหมด “คุณท่านซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวนิวซีแลนด์ แต่ผมคิดว่าผมจะให้คุณใช้ดีกว่า...ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะคุณท่านซื้อให้ผมอีกเพียบเลยหละ
เพราะฉะนั้นมันคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างคุณท่านก็คงเข้าใจผมด้วยแหละ คุณว่างั้นไหม?”
สองมือแกร่งที่เคยหนาวสั่นถูกเติมเต็มด้วยถุงมือแกะเล็กๆที่ดูจะเล็กเกินไปสำหรับมือเขา
แต่คนน่ารักตรงหน้าก็เพียรพยายามยัดมันเข้ามือทั้งสองข้างของเขาเสียจนได้
ส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะหันไปมองข้างในโบสถ์ก็เป็นอันต้องอุทานลั่น
“ตายหละ! จะเริ่มพิธีมิซซาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ!
รักษาถุงมือเอาไว้ดีๆหละ”
และคนน่ารักก็วิ่งเข้าโบสถ์ไปทิ้งให้ดงแฮมองตามไปพร้อมทั้งถุงมือคนแกะขนาดเล็กที่ยังคงบีบรัดมือที่ใหญ่เกินไซส์ของมัน
ความอุ่นไม่ได้เพียงแค่แล่นไปทั่วทั้งมือ แต่มันก็แล่นซึมเข้าไปในหัวใจเสียด้วย
เพ้อ...
นี่คงเป็นคำพูดคำเดียวที่สามารถอธิบายท่าทางและสีหน้าของดงแฮได้
ดวงหน้าคมคายยังคงเหม่อมองไปยังประตูโบสถ์ไม้ที่ปิดไปเสียนานแล้ว
มือสองข้างยังคงกุมกันเอาไว้เพื่อสัมผัสถุงมือขนแกะที่ร่างเล็กให้มา
ดวงหน้าคมคายขึ้นสีแดงระเรื่อ รอยยิ้มกว้าง และหัวใจพองโต
เพ้อเสียแล้ว...
อาาาาา~ รักแรกพบของจริงเลยให้ตายเถอะโรบิน!
“ดงแฮ?”
ดูท่าว่าเจ้าของชื่อนั้นจะเพ้อเข้าขั้นอาการหนักจนถึงขั้นไม่ได้ยินที่เพื่อนรักเรียกเลยแม้แต่น้อย
ดวงหน้าหวานหันมาขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆหลังจากที่ดูท่าว่าจะเรียกไปเท่าไหร่ร่างสูงก็ยังคงหูตึงเพ้ออยู่ในโลกของตัวเองอยู่คนเดียวไม่ได้ยินที่เรียกไปอยู่ดี
“ดงแฮ!!”ครั้งเดียวได้ผลเห็นๆ เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกชื่อคนตรงหน้าให้ได้ยินกันแค่เพียงสี่คนและมือแกร่งที่ตบไหล่กว้างเบาๆราวกับจะปลุกให้ตื่นจากภวังค์นั้นสะกิดเจ้าของชื่อให้สะดุ้งเฮือกได้เป็นอย่างดี
“ท่าทางว่าเพ้อโคตรของจริง”คราวนี้เป็นความคิดเห็นจากชินดงฮีโดยมีซีวอนและฮีชอลพยักหน้าตามไปด้วยอย่างนึกเห็นด้วย คนเพ้อนั้นได้แต่ฉีกยิ้มกว้างแหยๆแล้วก้มลงมองดูถุงมือขนแกะขนาดเล็กที่ยังคงรัดมือเขาอยู่ไม่เลิก...จะกี่ทีๆก็ยิ้มกว๊างกว้างงงงง
โลกทั้งใบกำลังเป็นสีชมพู~
เมื่อเห็นท่าทางกู่ไม่กลับของจริงของเพื่อนรักตนแล้ว
ฮีชอลจึงตัดสินใจยกมือขึ้นวางบนไหล่กว้างก่อนจะเอ่ยเกริ่นด้วยสีหน้าจริงจังและซีเรียส
“ขอแสดงความดีใจด้วยดงแฮ”
อะไรบางอย่างกำลังบอกดงแฮว่าโลกทั้งใบกำลังจะกลับมามืดมัวกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
อะไรบางอย่างที่ขยับออกมาจากปากฮีชอลนั้นปลุกเขาให้ตื่นออกจากโลกสีชมพูมายอมรับความเป็นจริง
คนน่ารักคนนั้น...กับคนที่ไม่ยอมให้ปากคำกับทางตำรวจ
คือคนๆเดียวกัน
และเป็นคนๆเดียวกันกับที่พวกเขายอมทำบาปใส่ยานอนหลับลงไปในขนมปังในพิธีมิซซาเพื่อลักพาตัวมา
“นายเจอกับคิมคิบอมแล้ว”
คิมคิบอมกำลังรู้สึกง่วง
ซะลึมซะลือ มึนๆตาจะปิดให้ได้
เหมือนทั้งหัวหนักไปหมด ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะยืน
ไม่ค่อยได้ยินเสียงพรที่บาทหลวงกำลังให้ มันค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ
เขารู้สึกแบบนี้คนเดียวหรือเปล่า?
มองไปรอบๆก็พบกับแต่ละคนอยู่ในอาการเดียวกันกับเขา
โซซัดโซเซต้องพิงเก้าอี้ บางคนถึงกับทรุดหลับลงไปแล้วเฉกเช่นคนข้างๆเขา
ทำไมเขารู้สึกง่วงกันนะ?
นึกทบทวนไป
เขาไม่ได้ออกอาการแบบนี้หรือรู้สึกง่วงอะไรใดๆทั้งสิ้นเลยตั้งแต่ออกจากบ้านมาจนกระทั่งกินขนมปังและดื่มน้ำองุ่นไปจากบาทหลวง
ขนมปัง? น้ำองุ่น?
ชะงักเมื่อทุกอย่างดูจะกระจ่างแจ้ง
ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งชั่ววินาที...หรือว่าจะมีคนใส่ยานอนหลับลงไปในอย่างใดอย่างหนึ่ง?
แล้วทำแบบนี้ทำไมหละ?
...ถามได้เพียงเท่านี้ก่อนจะไม่สามารถสู้กับความง่วงได้
ดวงตาค่อยๆปรือลงมา ภาพตรงหน้าเลือนราง เรี่ยวแรงหดหายไป
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นไม่ใช่บาทหลวงหากแต่เป็นชายชุดดำผู้ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับหน้าโบสถ์ที่เขาเพิ่งให้ถุงมือขนแกะเมื่อกี้กำลังวิ่งมาทางเขา
และสรรพสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบตกลงสู่ห้วงนิทราไป
คิมคิบอมทิ้งตัวล้มลงตามฤทธิ์ยานอนหลับในอ้อมแขนของลีดงแฮพอดี
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาอัพฮาเลเพราะมีคนร้องขอในวันเดอ
ตามคำเรียกร้องน้องmiharu ^UUU^
ความคิดเห็น