คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #05 อาถรรพ์แห่งจารึก 2
‘กริ๊ก’
หลังจากเก้กังคลำหาสวิตช์ไฟอยู่ชั่วครู่ ไนท์ก็กดให้ไฟในห้องสว่างขึ้น
นั่นไง สมุดของเขานอนนิ่งอยู่บนแท่นเกือบมุมในสุดของห้อง ตรงส่วนแสดงพัสตราภรณ์โบราณ
“เอ นี่เราเดินเข้าไปถึงตรงนั้นด้วยเหรอเนี่ย ทำไมจำไม่ได้เลยนะ ?” เขาพึมพำเบาๆอย่างงุนงง แต่เอาเถอะเรื่องนั้นช่างมันก่อน เพื่อนทั้งคณะกำลังรอเขาคนเดียวเข้ามาเอาสมุดอยู่ข้างนอก
การเดินลุยเดี่ยวเข้าไปในห้องที่มีโบราณวัตถุอันมีเสียงร่ำลือถึงอาถรรพ์ต่างๆนาๆ ที่บัดนี้สิ่งของเหล่านั้นต่างทอดกายอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวรอบตัวสามารถทำให้รู้สึกหนาวเย็นลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าพิศมัยเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดมีตุ๊กตาชาวับตีหรือคนรับใช้ในโลกหน้าของชาวอียิปต์โบราณสักตัวลุกขึ้นมาเต้นเฮดสปิน คงได้เผ่นป่าราบกันละ
“ฟู่ว” เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมือแตะสมุด
ไนท์หันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ออกจากห้องมืดๆเย็นๆแสนวังเวงนี่ไปให้ได้เร็วที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อพบว่ามีผู้มายืนดักรออยู่ข้างหลังก่อนแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“ดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด” แสงไฟเหนือศีรษะส่องใบหน้าที่มีหนวดเคราสีเทารกครึ้มให้เห็นชัดถนัดตา
“ใช่ ผมเอง” นัยน์ตาที่เปล่งประกายร่าเริงอยู่เสมอของดอกเตอร์ บัดนี้กลับนิ่งอย่างประหลาด “คุณยังออกไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้นำพาสิ่งนั้นออกไปด้วย”
นิ้วชี้ของเขาชี้ไปยังด้านหลังของไนท์ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มต้องหันหลังกลับไปมองยังจุดเดิมอีกครั้ง
“แหวน ?”
มันเป็นแหวนสีทองสุกสว่างบนเบาะกำหยี่สีแดงเข้ม แผ่นปาปิรัสที่แปะไว้อธิบายว่าเป็นแหวนในสมัยราชวงศ์ที่ 13 ของ middle kingdom
“นี่คือสิ่งที่ถูกเรียกว่าแหวนแห่งอามุน ตามตำนานไอยคุปต์มีเพียงธิดาแห่งอามุน รา เท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้ แต่ตอนนี้มันเป็นของคุณ”
“หา ?” ไนท์ขมวดคิ้วเข้าอย่างงงงวย ก่อนที่จะทันทำอะไรต่อไป แหวนวงเล็กคล้ายแหวนของสตรีวงนั้นก็ถูกดอกเตอร์ชูขึ้นมาในระดับสายตาของไนท์แล้ว ใกล้มาก...ใกล้เสียจนเห็นรอยสลักในเรือนแหวนได้อย่างชัดเจน
มันคืออักษรภาพไอยคุปต์โบราณ ที่เรียกว่าอักษรเฮียโรกลิฟฟิก
ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองเพราะเขาเองก็เรียนรู้ภาษาอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิกมาจากดร.จูเลียนผู้เป็นญาติทางฝ่ายแม่ของเขา อักษรภาพตัวหนึ่งที่อยู่บนเรือนแหวนคือดวงเนตรแห่งอามุน - รา หรือ "อั๊ตจั๊ต" ..เป็นสัญลักษณ์แห่งความสูงศักดิ์ของยุคไอยคุปต์โบราณแน่นอน หากอักษรภาพจิ๋วๆตัวอื่นนี่สิ...เอ มันอ่านว่าอะไรกันนะ ? เนเฟร..เนเฟรอะไรซักอย่าง...
“..เนเฟรเซนามุน..”
เสียงสตรีหวานใส แผ่วเบาดังขึ้นข้างกายแล้วก็เลือนหายไปกับสายลม ไนท์หันขวับไปมองทันที แน่นอนว่าย่อมไม่พบผู้ใดที่เป็นเจ้าของเสียงหวานนั่นเลย เพราะตอนนี้ในห้องกว้างมีคนยืนอยู่เพียงสองคน และทั้งสองคนก็ไม่ใช่หญิงสาว !
“คำตอบของสิ่งที่สงสัย เนิ่นนานไปจะได้รู้เอง” ดวงตาของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดเริ่มดูเลื่อนลอย “อย่าให้สิ่งนี้ห่างกาย จงติดตัวเจ้าไว้ตลอดเวลา อามุน ราจะทรงลิขิตหนทางภายหน้า สู่แสงสว่างโรจนา...หรือว่าดิ่งลงในความอนธกาล”
บทกลอนแปลกๆยิ่งทำให้งงหนักเข้าไปอีก ไนท์จึงรีบรับแหวนมาแล้วร่ำลา
“เอ่อ โอเคฮะ ผมไปก่อนนะฮะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด”
แม้ตอนที่ไนท์ก้าวเท้าขึ้นรถ เสียงห้าวทุ้มของดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด ซัลลา ยังดังแว่วตามหลังมา
“จำไว้นะเจ้าหนุ่ม เจ้าต้องแก้ไขบางสิ่งแห่งอดีตกาลให้ถูกต้อง เพียงเจ้าเท่านั้น บุตรแห่งอามุน รา...และสาวน้อยผู้ถือกุญแจแห่งกาลเวลา”
ต่อตรงนี้จ้า~............................................................................................................................................................................
ห้องพักบนชั้นสามสิบกว่าของโรงแรมในไคโรสูงเหนือตึกอื่นๆจนทำให้สามารถมองเห็นไคโรทั้งเมือง ทะเลทราย แม่น้ำไนล์ และฟากฟ้าที่ถูกม่านแห่งรัตติกาลคลี่คลุมได้โดยไร้สิ่งบดบัง
อ๊อฟ หนุ่มแว่นมาดเซอร์หน้าตาหล่อเหลาผู้เป็นรูมเมทของไนท์นอนหลับฝันหวานไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ไนท์ก็ยังคงนั่งเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์อยู่กับพื้นระเบียงภายนอกห้องพัก
ภาพยามราตรีที่มองเห็นจากเมืองหลวงแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์แทบจะเป็นภาพเดียวกันที่มองเห็นจากกรุงเทพมหานคร ด้วยแสงสีจากไฟตามบ้านเรือนและถนน แม้ไคโรจะสงบเงียบกว่า แต่ความงามแห่งแสงสีในยามค่ำคืนก็แทบจะมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ดวงดาวนับแสนล้านดวงบนท้องฟ้าดำสนิทราวหยดหมึกเปล่งประกายเคียงข้างจันทร์เสี้ยวเกี่ยวฟ้าคืนแรม ทำให้แสงสว่างเพียงน้อยนิดของดวงดาวค่อยมีรัศมีมากขึ้นกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง หากภาพอันงดงามของดวงดาวกลับกลายเป็นภาพเบลอๆในสายตาของไนท์ ด้วยในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดถูกเทให้กับแหวนจากไอยคุปต์วงน้อยที่ชูขึ้นอยู่ในระดับสายตาเท่านั้น
“อย่าให้สิ่งนี้ห่างกาย จงติดตัวเจ้าไว้ตลอดเวลา อามุน ราจะทรงลิขิตหนทางภายหน้า สู่แสงสว่างโรจนา...หรือว่าดิ่งลงในความอนธกาล”
ความหมายของบทกลอนที่ดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดพูดคืออะไรกันนะ ?
พูดถึงเทพอามุน รา ก็ชักจะเสียวๆกับคำแช่งชักของพายขึ้นมาซะแล้วซิ
ในขณะนั้น...ที่ห้องของพาย
หญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เหตุการณ์ที่เธอถูก ‘ดึงตัว’ เข้าไปในจารึกไอยคุปต์โบราณนั่นยังฝังใจและติดตาอยู่มิรู้หาย จนเธอไม่อาจข่มตาให้หลับได้สักที
ถ้าหากจารึกนั่น...มีพลังพอถึงขนาดทำแบบนั้นได้ แล้วคำสาปแช่งที่เธอเอ่ยขึ้นมาเล่นตอนนั้นล่ะ ?
เทพอามุน รา จะทรงเอาจริงเอาจังจนถึงขนาดทำให้มันกลายเป็นจริงขึ้นมามั้ยนะ ?
ในเมื่อคิดแล้วก็หนักใจ เธอจึงแอบย่องออกจากห้องไปหาคนโดนแช่งที่ห้องพัก ไม่รู้ป่านนี้จะหลับไปแล้วหรือยัง
แต่ถ้ายังไม่หลับ ก็คงได้คนมาช่วยระบายความเครียด หรือไม่ก็ได้เพื่อนมาช่วยกันหนักใจนั่นแหละน่า
แอ๊ด...
“ใครน่ะ อ้าว พาย นอนไม่หลับเหรอ ?” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของไนท์ดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงแง้มประตู พร้อมกันนั้นแหวนในมือก็ถูกเก็บลงในกระเป๋าเสื้อทันที
หญิงสาวพยักหน้า ก่อนก้าวเดินตรงไปนั่งลงเคียงข้างเพื่อนหนุ่ม “เราไม่สบายใจน่ะ วันนี้เจอแต่เรื่อง...แปลกๆ แล้วก็จะมาขอโทษนายด้วยที่แช่งพล่อยๆอย่างนั้นออกไป”
“โธ่เอ๊ย ยัยโก๊ะช่างฝัน เรื่องนั้นช่างมันเหอะ”
ไนท์หัวเราะ ซึ่งท่าทางหัวเราะนั้นก็ยิ่งเพิ่มความหล่อเหลาให้กับเครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนรับกันลงตัวราวกับรูปปั้น พายหันมองเพื่อนหนุ่ม ความจริงดูไปดูมา...ถ้าหาอายไลน์เนอร์มาเขียนหางตาให้ยาวๆซักหน่อย บวกกับเรือนร่างสูงใหญ่ตามเลือดยุโรปผสมแขกขาวที่เป็นเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษของไนท์ด้วยแล้ว จะเหมือนฟาโรห์ไม่ก็เจ้าชายอียิปต์โบราณไม่มีผิดเลยนะเนี่ย
“พ่อแอนทีโนอุสเอ๊ย” แม้เธอจะอยากชม แต่ก็อดเหน็บใส่คนฟังสะดุ้งเล่นไม่ได้
“เฮ้ย จะชมว่าหล่อก็ชมสิ แต่ไม่เอานายคนนั้นจะได้ไหม” ไนท์รีบขัด
แอนทีโนอุส คือชายหนุ่มแสนรูปงามผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมงามสง่า ฝีมือในการล่าสัตว์ และปัญญาเฉลียวฉลาดแห่งกรีกโบราณผู้ได้ใจจอมจักรพรรดิโรมันอย่างจักรพรรดิเฮเดรียนไปครอง แม้เรื่องราวของทั้งคู่จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมก็ตาม
ครั้งแรกที่พายและอ๊อฟใช้คำนี้เรียกไนท์ ทำเอาเขายืดไปหลายวันโดยหารู้ไม่ว่าเพื่อนๆร่วมคณะผู้สมรู้ร่วมคิดแอบหัวเราะลับหลังกันสนุกสนาน
‘เกย์ระดับชาติ !?’ ไนท์ถึงขั้นหน้าเหวอร้องจ๊ากเมื่อจู่ๆวันหนึ่งก็ค้นพบความลับทีพายปกปิดนักหนา และทำเอาเขาไม่ยอมพูดกับหญิงสาวไปหลายวัน
‘ ไนท์โดนไปคนนึงแล้ว อ๊อฟจะเป็นใครดี เฮเดรียนดีไหมน้า...’ พายลอยหน้าขู่อ๊อฟ คู่หูของไนท์ผู้มีดีกรีขึ้นแท่นเป็นดูโอ้หนุ่มรูปหล่อแห่งชั้นปีเล่น ‘ เอาให้สาวๆเข้าใจผิดกันไปเล้ยว่าพวกนายชอบไม้ป่าเดียวกัน ฮ่าๆ’
‘โธ่เอ๊ย ยัยพาย’ หนุ่มแว่นมาดเซอร์โต้กลับ ‘เธออิจฉาแน่ๆเลยใช่ไหมล่ะ ก็คนที่มาชอบเราน่ะมีแต่สวยๆ หุ่นดีๆ...’ เขาปรายตามองอย่างเยาะเย้ย ‘หุ่นสะบึ้มซะขนาดนั้นน่ะ เธอไม่ติดขี้เล็บเล้ย’
‘นี่นาย !’
อ๊อฟย้ำเตือนแถมท้ายด้วยเสียงสูงลิ่ว ซึ่งก็ทำให้พายงอนตุปัดตุป่องไปหลายวันเช่นเดียวกัน
พายปรายตามองเพื่อนคู่กัดที่นอนหลับแน่นิ่งอยู่บนเตียง
เชอะ...ไม่ถ่ายรูปนายตอนหลับอุตุหน้าเหมือนไฮยีนาโพสต์ประจานขึ้นเฟซบุ๊คให้ฝูงแม่ผีเสื้อของนายเห็นก็บุญเท่าไหร่แล้ว นายอ๊อฟบ้า !
แล้วก็หันมาหาคู่สนทนาตรงหน้าต่อ
“จ้า ไม่เอาก็ได้” พายยักคิ้วให้อย่างผู้เหนือกว่า
“คิดถึงบ้านจัง” จู่ๆไนท์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ “คิดถึงแปลกๆ ทำไมก็ไม่รู้...รู้สึกเหมือนเรากำลังจะต้องจากประเทศไทยออกไปเรื่อยๆ...จากไปไกลมาก”
“บ้าน่า คิดมาก นี่แค่อียิปต์เองนะ” หญิงสาวหัวเราะบ้าง “ชีวิตนายน่ะ ผ่านมายี่สิบฝนแล้วน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปสุสานราชินีต่ออีก เดี๋ยวเรากลับห้องก่อนดีกว่า ได้คุยกับนายเราสบายใจขึ้นบ้างแล้วล่ะ ว่าแต่คืนนี้ดาวสวยจังเนอะ”
“อื้ม โลกสวยเสมอเมื่อมองจากมุมสูง” รอยยิ้มระบายบนใบหน้าของไนท์ เมื่อได้มองท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่สูงๆ ไม่รู้ทำไมเขามักจะรู้สึกว่ามีใครอีกคนกำลังมองดาวดวงเดียวกับเขาอยู่เช่นกัน หาก ณ ที่ใดที่หนึ่งไกลแสนไกล ใครคนนั้นที่เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้ว่าเป็นใคร ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่
แต่เป็นเพราะความผูกพันแปลกประหลาดในใจ...เมื่อไนท์ได้มองดวงดาวบนฟากฟ้าทีไร จะทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้เรื่อยไป
“เรามีตำนานดวงดาวจะเล่าให้ฟัง”
เมื่อดวงตาสีเทาเข้มอมดำด้วยหลากหลายเชื้อชาติผสมกันอันแสนจะหายากยิ่งของชายหนุ่มมองมาอย่างสนใจ พายจึงหายใจเข้าลึกๆก่อนเริ่มเล่าตำนาน
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”
ต่อตรงนี้จ้า ~ .......................................................................................................................................................
ยามอรุณรุ่งของวันใหม่มาถึง รถตู้คันเดิมวิ่งลิ่วออกจากกรุงไคโร อ๊อฟอุตส่าห์ขอยืมกีต้าร์มาจากพนักงานที่โรงแรมเพื่อมาเล่นในวันนี้โดยเฉพาะ เสียงเฮฮาร้องเพลงของเพื่อนๆจึงดังไปตลอดทาง
ปุยเมฆลอยละล่อง แซมด้วยต้นกระบองเพชรที่ยืนต้นโดดเดี่ยว นานๆถึงจะเห็นหมู่บ้านที่เป็นกระโจมหลายๆหลังตั้งติดกันหรือเป็นบ้านที่ก่อด้วยอิฐอย่างง่ายๆผ่านตามาสักหน แต่นั่นก็พอจะทำให้ถนนที่ตัดยาวผ่านทะเลทรายเส้นนี้กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมของธรรมชาติไปได้ไม่ยาก
ทว่าพายกลับทอดสายตาดูวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไปอย่างเหม่อลอย...
หัวใจของเธอตอนนี้ลอยไปพะวักพะวงอยู่กับเหตุการณ์ย้อนกลับไปเกือบสี่พันปีที่จะเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหญิงเนฟรูเรกับราโฮรัสถูกเทพอะนูบิสคร่าชีวิตไปนั่นแล้ว
เจ้าหญิงเนเฟรเซนามุน...ที่หญิงร้ายชายเลวคู่นั้นวางแผนลอบปลงพระชนม์จะทรงทำอย่างไรต่อไปนะ ? จะทรงไม่รู้เลยเชียวหรือว่ามีคนลอบทรยศอยู่ใต้จมูก ?
ธีบส์จะเป็นอย่างไรกันนะในตอนนี้ ?
เพราะคำว่า ‘ ธิดาแห่งอามุน รา’ ที่ดันไปพ้องกับข้อความในจารึก ช่วงเวลาที่เธอต้องการจะนำไปแต่งนิยายด้วยนั่นแหละที่ทำให้พายสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
หรือว่าจารึกนั่นต้องการจะบอกอะไรกับเธอกันนะ ?
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กลับไปบอกเรื่องราวทุกอย่าง ไปช่วยเหลือธีบส์ได้ตามใจปรารถนา เธอก็คงจะไม่ต้องมานั่งครุ่นคิดเหม่อลอยอยู่อย่างนี้หรอก...
“เฮ้ พาย เหม่ออะไร ?” อ๊อฟส่งกีต้าร์ให้ไนท์เล่นต่อก่อนที่จะสะกิดหญิงสาว
“อ๋อ ปละ เปล่าๆ” พายสะดุ้งเล็กน้อย ปฏิเสธทันควัน
มือของ ‘ นายคู่อริเก่า’ ยื่นมาแตะหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
“หน้าพายซีดจังเลย ไม่สบายรึเปล่า ? ดูแลตัวเองมั่งนะ” เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย
“จ้า เราไม่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นซอมบี้หรอกน่ะ เฮ้ยย ! ถึงแล้วๆๆ ดีใจจังเลย” พายยิ้มตอบก่อนที่จะหันไปตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นขบวนอูฐและคนนำทางรออยู่ข้างถนน
“ทุกคนคงรู้แล้วนะว่าการเดินทางไปห้องฝังพระศพครั้งนี้เราจะต้องเดินทางผ่านทะเลทราย เพราะฉะนั้นโปรดปฏิบัติตามกฎหรือคำแนะนำใดๆก็ตามที่คนนำทางและอาจารย์บอกด้วย” ดร.จูเลียนพูดย้ำพร้อมเปิดประตูรถตู้
เหล่านักศึกษาเฮละโลลงจากรถตู้ ไม่ลืมไหว้ไกด์นำทางเชื้อสายอียิปเชียนที่รีบยกมือรับไหว้อย่างเก้ๆกังๆเพราะงงๆด้วย
“เอ้าๆ เลือกอูฐกันไปคนละตัวนะ อาจารย์คิดว่าเดินทางไม่น่าจะถึงชั่วโมงก็ถึงห้องฝังพระศพแล้วล่ะ” อาจารย์จูเลียนตะโกนแข่งกับเสียง ‘ อื้อหือ’ ‘ เอ้อเหอ’ ของนักศึกษาที่เกือบทุกคนไม่เคยสัมผัสการใช้อูฐเป็นพาหนะมาก่อนเลยในชีวิต
ขบวนอูฐเริ่มออกเดินทาง ความยิ่งใหญ่ของทะเลทรายปรากฎให้เห็นเด่นชัดก็ต่อเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง มันไม่เหมือนในรูปถ่ายที่บันทึกภาพเอาไว้ได้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความยิ่งใหญ่เลยจริงๆ
..............................................................................................................................
(แอบหอบ ^^'') ครบ 100 % แล้วค่า ><
แถมด้วยรูปแอนทีโนอุส บุรุษรูปงามแห่งกรีกโบราณค่ะ :D
(ต้องขออภัยแอนทีโนอุส และจักรพรรดิเฮเดรียนด้วยหากไรท์เตอร์กล่าววาจาล่วงเกินมากไปค่ะ -/\- กราบงามๆ...)
ตอบคอมเม้นท์ค่ะ ^^
พี่แพรว >> ใช่ค่ะ ชื่อพี่พิมฐา เป็นนร.เก่าเรยีนาเชลี ที่จ.เชียงใหม่ แล้วไปต่อม.ปลายที่ออสเตรเลีย พี่เค้าเป็นดาวซีซ่าคนแรกของประเทศไทยเลยค่ะ พิมชอบพี่เค้ามากก็เพราะรอยยิ้มของเค้าเนี่ยแหละ :D ขอบคุณสำหรับคำชมค่า จะพยายามปรับปรุงฝีมือให้มากๆขึ้นไปอีกน้า >w<
~แค่คอมเม้นท์เดียวจากรีดเดอร์ผู้น่ารักก็เป็นกำลังใจในการอัพแล้วค่า ^^~
ความคิดเห็น