คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : #04 แนะนำตัวละครค่ะ + อาถรรพ์แห่งจารึก 1
แนะนำตัวละครค่า ^^
"เจ้าหญิงเนเฟรเซนามุน"
"พาย (แพรไหม) หรือ เจ้าหญิงเนฟรูเร"
ต่อจากตอนที่แล้วค่า ^^ .....................................................................................................................................................
“โอ๊ย !”
ร่างของหญิงสาวร่วงตุ้บลงมากระแทกผืนทรายด้วยอาการมึนงงและหวาดหวั่น โค้งฟ้าราตรีเบื้องบนเป็นสีน้ำเงินเข้มราวกับน้ำหมึก แสงดาริกาหรุบหรู่จนแทบมองไม่เห็นประกาย บรรยากาศช่างสงัดเงียบ ไร้สรรพสำเนียงใดๆ แม้แต่ลมทะเลทรายยามกลางคืนอันเย็นเยือกที่ควรพัดแรงก็ยิ่งนิ่งสงบอย่างน่ากลัว
จากข้อมูลที่เคยเห็นผ่านตาตอนแต่งนิยาย และสิ่งที่พ่อเคยสอนสมัยเด็กๆตอนพาเธอมาเที่ยวทะเลทราย บอกตรงกันว่าถ้าลมนิ่งๆแบบนี้ ไม่นานก็จะต้องเกิดพายุทะเลทรายลูกใหญ่แน่นอน !
หญิงสาวมองฝ่าความมืดรอบกายเพื่อหาที่หลบภัย จนกระทั่งพบกับซากวิหารร้างที่ก่อสร้างแบบโบราณ อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่
การเข้าไปหลบในวิหารร้างเบื้องหน้า...ถึงอาจจะช่วยได้ไม่มากนักเพราะจากสภาพตัววิหารเองถ้าถูกพายุแรงๆพัดเข้าก็คงกระเจิงเหมือนกัน แต่ก็น่าจะปลอดภัยกว่ายืนโต้ลมเป็นเป้านิ่งอย่างนี้ละน่า
แต่แล้วก่อนที่เธอจะก้าวเท้าออกเดิน ร่างของพายก็ไปยืนอยู่กลางความมืดมิดบนวิหารร้างนั่นแล้ว !
พายยืนช็อก ... นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน !
จารึกโบราณนั่น...มีพลังอำนาจที่จะทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ?
แล้วความคิดของพายก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวที่ดังมาจากมุมหนึ่งของวิหารร้าง
แสงสีส้มเรืองๆจากเปลวเทียนไขลอดออกมาทางรอยแตกเล็กๆของผนังหิน จากห้องห้องหนึ่งของวิหารร้างที่ยังพอมีสภาพดีอยู่ ดึงดูดใจให้พายอยากรู้ว่าใครกันที่อยู่ในนั้น
ภาพของวิหารร้างหายไป กลายเป็นห้องเล็กๆที่ค่อนข้างมืด มีเพียงเปลวเทียนจากเทียนไขเล่มเดียวที่ให้ความสว่างสลัวรางแก่ห้องนั้น แต่ก็พอทำให้พายเห็นได้ว่า ในห้องมืดๆมีคนอยู่สองคน ผู้หญิงคนนึงผู้ชายคนนึง น่าแปลกที่ถึงแม้ว่าพายจะยืนอยู่ตรงหน้า แต่ทั้งสองก็เหมือนกับว่าจะมองไม่เห็นเธอเลย
“ท่านนี่ช่างร้อนแรงจริงๆนะ เจ้าหญิงเนฟรูเร” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาว...ใช่เลยแฮะ เสียงเดียวกันกับเมื่อตะกี้เลย
“ก็ข้าเป็นถึงธิดาแห่งสุริยเทพนี่” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงเนฟรูเรตอบกลับอย่างพึงพอใจแกมหยิ่งผยอง นิ้วเรียวเสลาราวกับเทียนขี้ผึ้งชั้นดีลูบไล้แผ่นอกแข็งแกร่งอันงดงามด้วยมัดกล้ามสมบูรณ์ราวกับรูปสลักของชายหนุ่มเคียงข้าง “ธิดาแห่งสุริยเทพอามุน – รา...ผู้มีสิทธิ์เต็มที่ในบัลลังก์แห่งธีบส์ยิ่งกว่าใครๆทั้งหมด”
“ท่านแน่ใจรึ” ชายหนุ่มถามเสียงสูงอย่างเย้าแหย่ “ถ้าหากว่าผู้ที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ผู้นั้นกลับกลายเป็นเนเฟรเซนามุนขึ้นมาล่ะ ? “
แม้ว่าจะตกอยู่ในความมืดมิด แต่พายก็รู้สึกได้เลยว่ากระแสความไม่พอใจแผ่กระจายชัดจากร่างของเนฟรูเรทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยคำว่า ‘ เนเฟรเซนามุน’
“จะเป็นไรไป ข้ามิได้คิดว่าข้าต้องครองบัลลังก์ ข้าเพียงแค่คิดว่าถ้าข้าได้อยู่บนบัลลังก์ ข้าน่าจะมอบสิ่งต่างๆให้ท่านได้มากกว่านี้ ราโฮรัสที่รัก” เสียงของเนฟรูเรยังหวานหยดย้อย
ราโฮรัสหัวเราะเสียงต่ำๆ ... แผนของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วโดยการกำจัดฟาโรห์อัคเคนามุนทิ้งไป เหลือเพียงกำจัดเจ้าหญิงหัวแข็งอย่างเนเฟรเซนามุนอีกคนเท่านั้น เมื่อเนฟรูเรได้ครองอำนาจ เขาก็จะสามารถใช้ความหลงใหลที่นางมีต่อเขาเป็นเครื่องมือในการดึงอำนาจมาจากนาง ทีละเล็ก...ทีละน้อย ต่อจากนั้นก็อาศัยอำนาจที่มีบวกกับตำแหน่งบุตรแห่งอามุน - รา หรือผู้ที่อามุน – รา ประทานลงมาเพื่อช่วยเหลือธีบส์ ตำแหน่งฟาโรห์ก็จะตกอยู่ในมือของเขาอย่างง่ายดาย และถึงตอนนั้นเนฟรูเรก็คงหมดประโยชน์ ก็แค่กำจัดนางทิ้งไปเท่านั้น โอ้...อามุน- รา เรื่องราวมันช่างง่ายดายอะไรปานนี้
ความคิดทั้งหมดของราโฮรัสหลั่งไหลเข้ามาในหัวของพายราวกับเธอสามารถอ่านใจของเขาได้ ความรังเกียจและขยะแขยงผุดขึ้นมาในใจของพายอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อได้รับรู้ความคิดอันสกปรกของชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า
"นี่ นายคนชั่ว ทำไมถึงได้คิดอย่างนี้ได้นะ ! เธออย่าไปเชื่อนะ ผู้ชายคนนี้มันชั่วร้าย หลอกลวง งูเห่าสารพัดพิษ เขากำลังจะฆ่าเธอนะ !" หญิงสาวเผลอวี้ดใส่ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าเธอเป็นอากาศธาตุอยู่นี่นา ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละ
...เจ้าหญิงเนฟรูเรจะรู้หรือเปล่านะ ว่าอสรพิษที่ร้ายกาจที่สุดอยู่ใกล้เธอเพียงเอื้อมมือเท่านั้นเอง!
เสียงลมหวีดหวิวภายนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนการสนทนาของเนฟรูเรและราโฮรัสหยุดชะงัก ฝุ่นทรายตามกระแสลมดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จน..จนผิดปกติ
“ราโฮรัส...ระ หรือว่าพายุ...” เนฟรูเรพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัว ร่างระหงผุดลุกขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ไม่ต้องสงสัยให้เสียเวลา แล้วสิ่งที่เธอคาดคิดก็เป็นจริง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ไม่มีเวลาให้เนฟรูเรและราโฮรัสหนีไปไหนได้ทัน กำแพง พายุทรายอันรุนแรงสูงเทียมฟ้าตลบกวาดทุกอย่างราบเรียบเป็นหน้ากลอง แรงมหาศาลฉีกกระชากอิฐก่อวิหารอย่างง่ายดาย เสียงกรีดร้องของเนฟรูเรดังผสมปนเปไปกับเสียงหวีดหวิวดังสนั่นราวเสียงของเทวทูตแห่งความตาย
ก่อนที่พายุทรายจะพัดพาเอาร่างของเนฟรูเรกับราโฮรัสไป วายุเทพอันโหดร้ายได้ทิ้งเวลาให้พายได้สังเกตใบหน้าของเนฟรูและราโฮรัสแวบหนึ่งก่อนที่ชีวิตของทั้งคู่จะปลิดปลิว
และนั่นทำให้พายต้องเบิกตากว้างด้วยความพิศวงงงงวย
ใบหน้าอันงดงามของเนฟรูเรเหมือนกับใบหน้าของพายอย่างกับแกะ !
และยิ่งกว่านั้น ใบหน้าของราโฮรัส...ก็คือใบหน้าของไนท์ !!
ท่ามกลางความปั่นป่วน ภาพก็ถูกตัดสลับไปยังห้องห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ด้านหนึ่งของห้องเป็นระเบียงที่เปิดให้เห็นทิวทัศน์ทะเลทรายและแม่น้ำไนล์ หญิงสาวร่างโปร่งระหงที่แต่งกายด้วยชุดสีดำคลุมตลอดร่างเหมือนชุดชายชาวเบดูอินยืนอยู่ริมขอบระเบียงกำลังชะเง้อชะแง้ลงไปด้านล่าง สายลมแรงเย็นจัดปะทะกาย ร่างนั้นชะงักงันไปนิดราวกับกำลังตัดสินใจ มือเรียวตวัดผ้าคลุมปกปิดใบหน้าและเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ยาวสยายที่ถูกถักเป็นเปียยาวก่อนม้วนพันเก็บซ่อนเอาไว้อีกที
ก่อนที่ร่างอันอำพรางตัวตนด้วยสีสันแห่งรัตติกาลจะกระโดดออกไปจากระเบียง
พื้นใต้เท้าของพายเริ่มปริ แตกเปรี๊ยะเป็นเส้นยาว ก่อนแตกทลายลง ห้องอันสวยงามกำลังถูกฉีกกระชากด้วยแรงดูดอันมหาศาลที่ดึงให้ร่างของเธอร่วงลงไปสู่ความมืดมิดไร้ก้นบึ้งข้างล่างนั่นด้วย !
“กรี๊ดดดดด!”
คราวนี้เธอถูกดึงถอยหลังออกจากภาพตรงหน้า ตามมาด้วยแรงผลักอย่างมหาศาลจนเธอรู้สึกวูบไป สัมผัสร้อนวาบกระทบผิว แล้วความมืดก็ถูกแทนที่ด้วยภาพห้องเก็บรักษาของโบราณวัตถุของดร.โมฮัมเหม็ด ภาพของแท่นวางจารึกหิน
พายสะดุ้งเฮือก ผวาถอยหลังจนไนท์ตกใจ
“เป็นอะไรไปน่ะพาย ?”
“นะ นายเห็นตอนฉันถูกดึงเข้าไปในจารึกหรือเปล่า ?” หญิงสาวละล่ำละลักถาม
ต่อตรงนี้จ้า~ .....................................................................................................................................................
คิ้วที่ขมวดยุ่งเป็นริบบิ้นอย่างมึนงงของไนท์แทนคำปฎิเสธได้เป็นอย่างดี
“หือ เราเห็นแค่พายชะงักไปสองสามวิ แล้วจู่ๆก็สะดุ้งแว้บขึ้นมาแบบเมื่อกี้นี้แหละ เป็นอะไรไปหรือเปล่า ?”
“เรา...เอ้อ ปละ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจว่า การปล่อยให้สิ่งที่เธอพานพบเมื่อกี้ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป น่าจะเป็นการดีที่สุด
“เราจดเสร็จแล้วละ คงไม่ต้องรอดอกเตอร์โมฮัมเหม็ดอธิบายแล้ว งั้นเดี๋ยวเราขอไปเก็บข้อมูลที่อื่นก่อนนะ นายอยู่นี่รอดอกเตอร์กับเพื่อนๆได้ใช่มั้ย ?” เมื่อไนท์พยักหน้า หญิงสาวก็จ้ำอ้าวไปยังอีกฟากฝั่งของห้องที่มีแคท รูมเมทของเธอยืนดูเครื่องประดับโบราณอยู่อย่างรวดเร็วที่สุด
“อ้าว พาย มาพอดีเลย นี่ๆมาดูอะไรนี่เร็ว” แคทคว้าข้อมือเรียวของพายให้มายืนเคียงกัน
รูมเมทสาวชี้ไปที่แหวนวงหนึ่งบนเบาะกำมะหยี่สีแดงเข้ม แม้มันจะเป็นเป็นเพียงแหวนเกลี้ยงๆที่ไม่ได้มีการตกแต่งหรูหราอะไรมากมาย หากสีของแหวนที่เป็นสีทองออกเหลืองอ่อนราวแสงอาทิตย์แรกเช้า เมื่อได้รับแสงไฟก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นขึ้นมาอีก คือสิ่งที่จับตาจับใจทุกผู้ที่ได้พบเห็น
"นี่เลย เป็นแหวนโบราณสมัยราชวงศ์ที่ 13 ของ middle kingdom เชียวนะ ถ้าตามสูตรนิยายแบบที่แกเขียนนะ มันคงจะต้องเป็นแหวนของเทพีองค์ไหนสักองค์ แล้วพาฉันย้อนกลับไปหาฟาโรห์หล่อๆ ล่ำๆ ได้แน่เลยใช่ป่ะ แค่คิดก็กรี๊ดสะบัด ฉ่ำสมิหลา สงขลาปัตตานี แฟนตาซีภูเก็ตแล้วแก อ๊ายย "
“โธ่ถัง ยัยแคท ฟังฉันนะ นี่มันศตวรรษที่ยี่สิบเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วนะแก เทพเทพีอะไรพวกนั้นน่ะ สมัยนี้ล่อปล่อยควันพิษขึ้นอากาศกันบานตะไทซะขนาดนั้น มิโดนรังสีเผาเกรียมเด๊ดสะมอเร่กันไปหมดแล้วเหรอ ไอ้ที่ฉันเขียนมันเป็นแค่นิยายนะเว้ย เอาจริงจังไรมาก” พายปรามเพื่อนสาวที่กำลังกรี๊ดกร๊าด
“เฮ้อ แกนี่นะ ทำลายความฝันฉันป่นปี้หมด” แคทมองแหวนตาละห้อย ไม่รู้หรือไงว่าสาวสวยเริดเชิดโสดอย่างเธอวาดฝันไว้ซะหรูหราอลังการงานสร้างขนาดไหนว่าในกรุของเก่าอย่างนี้ คงจะมีเจ้ากำไลแหวนสร้อยพระศอพระแสงโบราณสักชิ้นหนึ่งที่จะเป็นของเทพเทพีอะไรสักองค์ และสามารถพาเธอย้อนเวลากลับไปหาองค์ฟาโรห์หนุ่มหล่อ แอบหื่นนิดๆจิตหน่อยๆชอบสั่งประหาร ตัดแขนขา ควักลูกตาเป็นว่าเล่น กระชากหัวใจสาวน้อยสาวใหญ่ได้ทั่วราชอาณาจักรแบบในคำสาปฟาโรห์นิยายอมตะที่ขึ้นหิ้งตีตรารับรองไปแล้วเรียบร้อยว่าจบแน่ๆ เพียงแค่อาจไม่จบในช่วงชีวิตของเธอเท่านั้น
“แต่โลกแห่งความจริง กับโลกแห่งความฝัน คือสิ่งที่เราต้องแยกให้ออกนะแคท” พายเตือนอย่างไม่คิดจริงจังอะไรมาก
...โดยที่เธอเองไม่คาดคิดเลยว่า ความจริงกับความฝันจะสามารถโคจรมาบรรจบกันได้จริงๆในวันหนึ่ง !
.............................................................................................................
ดวงตะวันเริ่มคล้อยลงลับทิวปาล์มริมฝั่งน้ำไนล์ ฝากแสงสีส้มแดงแสงสุดท้ายเอาไว้ที่ปลายโค้งฟ้า สะท้อนภาพลงในผืนน้ำอย่างงดงาม
ซึ่งก็เป็นเวลาที่ก๊วนนักศึกษาโบราณคดีกำลังร่ำลาดอกเตอร์โมฮัมเหม็ด ซัลลา ผู้กรุณาให้ข้อมูลในการศึกษาพอดี
“ขอบพระคุณดอกเตอร์มากครับ / ค่า” ทุกคนแสดงถึงความนอบน้อมอย่างไทย โดยการพนมมือไหว้แต้อย่างสวยงาม
“ไม่เป็นไรหรอก ยินดีต้อนรับเสมอครับ” ดอกเตอร์ชาวอียิปต์ยิ้มแย้มรับไหว้อย่างแจ่มใส
ในขณะที่ทุกคนกำลังขึ้นรถตู้นั่นเอง...
“อ๊ะ” ไนท์ร้องขึ้นหลังจากพบว่าสมุดบันทึกที่ใช้จดความรู้ขณะนี้ไม่ได้ถืออยู่ในมือเสียแล้ว “อาจารย์จูเลียนฮะ ผมลืมสมุดไว้ข้างในห้องแสดงโบราณวัตถุ ขออนุญาตกลับไปเอานะฮะ”
“อ้าว โอเค งั้นรีบไปรีบมานะไนท์”
แล้วทุกคนก็หันกลับไปจดจ่อกับการเล่าเรื่องอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับโบราณวัตถุในห้องที่ได้พบเจอมา ทำให้ไม่มีใครสังเกตเลยว่า...นอกจากไนท์ที่วิ่งกลับเข้าไปเอาสมุดในห้องจัดแสดงแล้ว ใครบางคนได้เดินตามหลังชายหนุ่มไปอย่างเงียบเชียบราวกับเงาด้วยท่าทีหมายมาดในบางสิ่ง
.............................................................................................................
ตอบคอมเม้นท์ค่า ^w^
พี่แพรว >> ขอบคุณมากมายค่าสำหรับกำลังใจ เริ่มมาก็โดนแช่งทันที ฮ่าๆ มาต่อให้แล้วน้าว่า...พายเจออะไร ><
คุณสิงขรลักษณ์ >> ค่ะ จะลงให้เยอะๆน้า ^0^
คุณ M'od >>โอ้วววว เป็นปลื้มมากมายที่อุตส่าห์จำได้ >/////////< มีการอึ้ง ทึ่ง ช็อก ด้วยแฮะ ^^ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ สาธุเพี้ยงๆ >/\< จะพยายามแต่งให้สนุกๆค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า :D
ขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนเลยน้า ~ แค่คอมเม้นท์นึง วิวนึง ไรท์เตอร์ก็มีกำลังใจในการอัพแว้ววว >w<
ความคิดเห็น