คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความลับของนักล่า : ตอนที่ 2
สายลมหนาวที่พัดมาปะทะใบหน้าปลุกให้ร่างบนเตียงตื่นขึ้นมาจากนิทรา แสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบกับกิ่งก้านของต้นไม้ทำให้เกิดเงาคล้ายอสูรกายในนิทาน มือน้อยๆไขว่คว้าหาคนข้างกายหมายเป็นที่ยึดแต่กลับควานเจอแค่เพียงความว่างเปล่า เด็กน้อยใช้ความกล้าลุกขึ้นจากที่นอนก่อนคว้าคุณหมีเพื่อนยัดนุ่นตัวโปรดคลำหาทางออกจากห้อง แสงสีฟ้าสว่างวาบจากข้างล่างทำให้เด็กน้อยตัดสินใจก้าวเดินลงบันได จิตสังหารที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้เธอตัวสั่น ดวงตาสีนิลเบิกกว้างเมื่อมองเห็นภาพเบื้องหน้า
แม่และพี่ชายของเธอกำลังสร้างบาเรียป้องกันผู้บุกรุกคนหนึ่งที่กำลังพังเข้ามา ดวงตาสีเขียวเหลือบมองมาที่เธออย่างเหยียดหยามก่อนแสยะยิ้มให้ดั่งปีศาจ
“แม่คะ พี่คะ” เด็กน้อยร้องอย่างเสียขวัญ พี่ชายหันมาที่เธอแวบหนึ่ง เกิดเสียงเปรี๊ยะเบาๆ บาเรียเกิดรอยร้าวเป็นแนวยาว แม่ของเธอพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้น พี่ชายก็วิ่งตรงเข้ามากอดเธอเอาไว้
บาเรียแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้บุกรุกคว้าตัวแม่เธอไว้แล้วปักดาบเข้าที่กลางหัวใจ ร่างของผู้ให้กำเนิดกระตุกเฮือกหนึ่งก่อนแน่นิ่ง ทุกอย่างตรงหน้าหายไปเมื่อพี่ชายพาเธอวาร์ปออกมา
เหมือนหัวใจโดนกรีด เด็กน้อยร้องไห้ลั่นเมื่อไม่รับรู้ถึงความมีตัวตนอยู่ของผู้เป็นแม่ มีเพียงไออุ่นจากพี่ชายของเธอเท่านั้นที่คอยปลอบโยนเธอ แสงสีแดงอมส้มที่เห็นอยู่ไกลๆเป็นเรื่องย้ำเตือนได้ดี
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พี่ชายก็พาเธอวิ่งไปตามที่ต่างๆสลับกับวาร์ปเพื่อที่จะให้นักล่าตามกลิ่นไม่เจอ เธอไม่รู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน เพราะเหนื่อยเกินกว่าที่จะถาม ป้ายบอกทางเข้าเขตชายแดนคาโนวาลพี่ชายก็พาเธอวิ่งเข้าไปในป่า
‘คริส หลับตาเอาไว้นะ’ เสียงพี่ชายเธอดังขึ้นในหัว เธอหลับตาโดยไม่ลังเล
“ข้า ฟีเนสท์ บุตรแห่งไนซินเทล โปรดเปิดทางให้เราเข้าไปด้วยเถอะ”
แสงสว่างวาบทำให้เธอหยีตาขึ้นมอง พุ่มไม้แหวกออกราวกับประตูบานใหญ่ ด้วยความที่ทั้งคู่กระโจนเข้ามาทำให้ล้มกลิ้งไปตามทาง เพราะมีพี่ชายกอดไว้ทำให้เธอไม่เจ็บอะไรมากนัก ทั้งสองช่วยกันพยุงตัวลุกขึ้นก่อนมองไปรอบๆ มีผู้คนมากมายกำลังจ้องมอง เสียงพูดคุยงึมงำเงียบหายไปเมื่อชายชราคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้ามา
“อ่า ใช่แล้ว สวัสดีเด็กน้อยทั้งสอง ฉันกำลังรออยู่เลย ยินดีต้อนรับสู่วินเวิร์ด อยู่ที่นี่พวกเจ้าจะปลอดภัย”
มือใหญ่โอบรอบพวกเราทั้งสองไว้ก่อนพาออกเดิน
“ฉันชื่อ อบิเกล เป็นคนปกครองที่นี่ และตอนนี้ฉันว่าพวกเธอสมควรที่จะได้รับการพักผ่อนนะ”
ดวงตาสีเทาอ่อนที่เผลอไปสบตาเข้าด้วยนั้นทำให้เธอนิ่งไปชั่วขณะ ชายชรายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ความรู้สึกบางอย่างที่แล่นเข้ามาบอกเธอว่าชายชราคนนี้หมายความอย่างที่พูด
พวกเราปลอดภัยแล้วจริงๆ
หลังจากกล่อมน้องเข้านอนได้แล้วเด็กชายยังคงนั่งอยู่ริมเตียงภายในหัวมีภาพเหตุการณ์ในอดีตฉายซ้ำไปมา
2ปีก่อน เป็นวันที่ฝนตกหนัก เย็นนั้นพ่อไม่กลับบ้าน แม่บอกแต่เพียงว่า พ่อมีงานใหญ่ที่ต้องทำ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครเห็นพ่ออีกเลย ถัดมาไม่กี่เดือน แม่เริ่มกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด พ่อไม่กลับมาซะที แม่ชอบบ่นอย่างนี้ ตาพยากรณ์ของแม่ถูกอำนาจที่มากกว่าขวางเอาไว้ทำให้ไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อีกเหมือนเคย
และในวันนี้คืนก่อนเกิดเหตุแม่เข้ามาเคาะประตูที่ห้องก่อนเข้ามานั่งพูดคุย
“ที่ชายแดนคาโนวาล ลึกเข้าไปในป่าจะเห็นพุ่มไม้ขนาดใหญ่ ข้างหลังจะมีหมู่บ้านซ่อนอยู่ พาน้องไปซ่อนที่นั่น น้องจะปลอดภัย”
“แล้วแม่ล่ะครับ?” ผมถามออกไปอย่างสงสัย แม่แต่ลูบหัวเด็กชายเบาๆก่อนดึงเข้ามากอด
“หนีไปให้ไกล แล้วอย่าหันหลังกลับมานะลูก” เด็กน้อยวัย 13ขวบแม้จะสงสัยในคำตอบ แต่ ณ เวลานี้ เค้าทำได้เพียงกอดแม่เอาไว้ โดยที่ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย . . .
เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กชายตื่นขึ้นอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกออกจากที่นอน เตรียมออกไปข้างนอก ติดแต่เพียงมือเล็กๆที่คว้าแขนเค้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีดำราวขนกามีน้ำตาคลอ
“อย่าไปเลยนะ” ฟีเนสท์เพียงแต่ชำเลืองมองคนร้องขอก่อนแกะมือออก
“อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า” ฟีเนสท์หันหลังแล้วเดินไปที่ประตู พยายามที่จะซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นหรือตาย ตัวเค้าเองจะไม่ลากน้องสาวเข้าไปเสี่ยงด้วยเด็ดขาด
“ไม่เอา จะไปด้วย” เด็กหญิงตั้งท่าจะวิ่งตาม
“คาริสต้า!!” ฟีเนสท์หันขวับมาเผชิญหน้ากับน้องสาวทันที ดวงตาสีฟ้าครามแปรเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงอ่อน ของภายในห้องต่างพากันปลิวว่อน เด็กหญิงหยุดชะงัก
“. . . ยะ อย่า ทิ้งหนู ปะ ไป” คาริสต้าสะอื้นเมื่อรู้ว่าทำให้พี่โกรธ
‘ขอโทษนะคริส’ ฟีเนสท์นึกในใจก่อนพูดคำที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดออกมา
“เธอไปกับพี่ก็ดีแต่เป็นตัวถ่วง” คาริสต้าสะอึกก่อนเงยหน้ามองพี่ชายของเธอแววตาที่จ้องตอบกลับมานั้นเย็นชาจนแทบอยากจะหยุดหายใจ
“รู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าแม่ตายเพราะใคร?” ฟีเนสท์พูดส่งท้ายแล้วเดินออกไปโดยไม่เหลียวกลับมามอง
ภายในห้องที่เหมือนจะว่างเปล่าและเงียบสนิท ร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆยังคงนั่งอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ เธอนั่งอยู่กับสายตาที่เลื่อนลอยและหัวใจที่แหลกสลายแทบไม่มีชิ้นดี
“เด็กเป็นไงบ้าง” ชายชรารีบรุดมาที่ห้องพยาบาลทันทีที่ได้รู้ข่าว ดวงตาสีเทาอ่อนมองไปที่ม่านที่ถูกปิดไว้อย่างนึกเป็นห่วง
“เอ่อ ดูไม่สู้ดีนัก” หมอหนุ่มเสยผมสีน้ำตาลเข้มแล้วรีบลุกขึ้นเดินพาชายชราไปที่เตียงก่อนเปิดม่านออก ชายชราเลิกคิ้วกว้าง ภาพเด็กหญิงที่อยู่บนเตียงนั้นดูอิดโรย ผมที่เคยเป็นสีดำราวขนกากลับกลายเป็นสีขาวอย่างน่าอัศจรรย์
“อาจเพราะช็อกกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นสมองเลยปฏิเสธที่จะรับรู้เหตุการณ์และ ... ลบล้างตัวตนที่เคยเป็นอยู่”
หมอหนุ่มส่ายหัวอย่างปลงๆก่อนพูดต่อ
“คนสายธาตุร่างกายภายนอกจะอ่อนแอ ทำอะไรมากไม่ได้นักหรอก
แล้วข่าวที่ท่านออกไปหามาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” นัยน์ตาสีแดงทอดมองไปยังร่างที่ยังนอนหลับไม่ได้สติ คำตอบที่ได้ยินทำให้เค้ารู้สึกสงสารเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาอย่างจับใจ
“ไม่รอด ... เจ้าหนูนี่เหลือตัวคนเดียวแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น