ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Passion อารมณ์รัก [ Yaoi > HaeEun ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 ไม่ใช่สเปค

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 53


    ตอนที่ 1 ไม่ใช่สเปค

     

    เจ๋งว่ะ  ฉันอยากนั่งรถแบบนี้บ้างจัง  เพื่อนสนิทร่างโตของผม มองรถเบ๊นซ์คันหรูสีดำมันวาวที่จอดเทียบถนนหน้าร้านพิซซ่าด้วยสายตาละห้อย ผมและเพื่อนสามคนชวนกันมาหาอะไรกินกัน หลังชั่วโมงเรียนสุดท้ายของวัน เราทั้งสี่คนนั่งโต๊ะติดกระจก มองตามคนในรถคันนั้น ซึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน

    นั่นสิชินดง หมอนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ ซองมิน เพื่อนอีกคน เท้าคางมองดูเจ้าของรถ ซึ่งตอนนี้เดินผ่านประตูเข้ามาแล้ว

    ผมส่ายหน้าให้กับอาการหลงปลื้มของบรรดาเพื่อนๆ หมอนั่นก็แค่ลูกเศรษฐีที่หาดีไม่ได้เลยซักอย่าง ผมจ้องใบหน้าเฉยชาของเขา และยังคงจ้องต่ออย่างพยายามเก็บความแปลกใจเมื่อเขาหันมายิ้มให้ เป็นไปได้ไง เขายิ้มให้ผมเหรอ?

    แต่ดูเหมือนผมจะเข้าใจผิดอย่างไม่น่าเลย... เขาหุบยิ้มลงและมองผมอย่างไร้ความรู้สึก... อ๋อ... เมื่อครู่ เขายังไม่ทันมองเห็นผมสินะ

    เฮ้ย... เขายิ้มให้ฉันเว้ย ลีฮยอกแจยิ้มให้ฉัน เยซองกระซิบกระซาบให้เราได้ยินกันทั้งโต๊ะ ท่าทางทั้งดีใจและไม่อยากเชื่อ

    นี่! เขายิ้มให้รึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันว่านายเก็บอาการบ้างก็ดีนะ ซองมินก้มลงหยิบพิซซ่าอีกชิ้นขึ้นมาแทะ

    แต่ฉันว่าเขาคงยิ้มให้นายจริงๆ ว่ะเยซอง ผมบอกเยซองพร้อมกับเลื่อนจานพิซซ่าที่เหลือชิ้นสุดท้ายให้มัน

    ฉันก็ว่างั้น ทำไม! ซองมินนายอิจฉาเหรอ นายก็ด้วยชินดง

    ทำไมต้องอิจฉา ก็แค่ผู้ชายยิ้มให้ มันรู้สึกดีอะไรนักหนา ผมยิ้มและรู้สึกสะใจอยู่ลึกๆ กับคำพูดชินดง... ใช่แล้ว ลีฮยอกแจก็แค่ผู้ชายอวดดีคนหนึ่ง

    ฉันไปชวนเขามานั่งด้วยยังได้เลย ซองมินเหมือนจะสนับสนุนที่ชินดงพูด

    เอาสิๆ อย่าดีแต่ปากหน่อยเล้ย เยซองท้าทายซองมินด้วยน้ำเสียงที่ยั่วให้อารมณ์คุ และมันก็ได้ผลเพราะซองมินวางพิซซ่าลงอย่างขัดใจ แล้วมองเยซองอย่างเหลืออด ผมเริ่มรำคาญนิสัยเด็กๆ ของเพื่อนทั้งสองคน อะไรนิดหน่อยก็ไม่มีใครยอมใครก่อน ผมกำลังจะปรามเยซองซึ่งกำลังยักคิ้วท้าความกล้าของซองมิน แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะซองมันลุกเดินเข้าไปหา เขา ตัวต้นเหตุที่กำลังยืนดูเมนูอยู่หน้าเคาท์เตอร์

    เฮ้ย... เอาจริงแฮะ เยซองพูดขำๆ

    ถ้านายยอมอยู่เงียบๆ ฉันจะอดทนไม่ต่อยปากนาย เยซอง ผมหันไปพูดกับเยซอง รู้สึกเซ็งมันขึ้นมา โตๆ กันแล้วแท้ๆ

    อ้าว... เยซองตั้งท่าจะเถียงต่อ แต่ก็หยุดไปก่อนพร้อมกับหน้าที่สลดลงของมัน มันคงรู้ว่าผมไม่พอใจจริงๆ

    เฮ้ย... ดูนั่นสิ ชินดงเรียกให้ผมและเยซองหันไปมองตาม ซองมินเดินไปจะถึงลีฮยอกแจอยู่แล้ว และเขาก็เหมือนจะรู้ตัวเงยหน้าขึ้นมามอง  คงกำลังงงและตลก ว่าที่ซองมินทำท่าจะเดินต่อ ชะงัก หรือว่าจะถอยหลังนั้น จะเอาแบบไหนกันแน่ ผมเห็นลีฮยอกแจขำ เขาอมยิ้มเมื่อเห็นซองมินผละถอยหลังเพราะผู้ชายตัวโตใส่สูทเดินหน้าบึ้งตึงเขามาขวาง

    เฮอะๆ ไอ้อ้วนเอ๊ย ชินดงพูดกลั้วหัวเราะ ผมกับเยซองเลยหัวเราะตาม แต่หัวเราะชินดงเพราะไอ้อ้วนที่ชินดงว่า ก็อ้วนไม่มากกว่าชินดงเท่าไหร่

    มันจะอะไรนักหนาวะ แค่จะเข้าไปคุยด้วย ไม่ได้ไปฆ่าเจ้านายมันซักหน่อย เยซองพูดแบบไม่ได้จริงจัง และเราต่างกลั้นขำไว้เมื่อซองมินเดินกลับมานั่งลงที่เดิม

    สาบานเลยนะ ฉันจะอัดลุงอ้วนหน้าโหดสักวัน ซองมินพูดใส่อารมณ์

    กินเถอะซองมิน ชินดงมองพิซซ่าที่ซองมินกินเหลือไว้ แล้วเงยขึ้นพูดจริงจัง ตัวเล็กแค่นี้ นายจะไปสู้อะไรเขาได้

    ฉันว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาไม่คิดผูกสัมพันธ์กับใครหรอก ผมพูดในสิ่งที่คิด พลางนึกถึงภาพใบหน้าเฉยชาของเขาเมื่อวันก่อน

    นายหมายถึงลีฮยอกแจเหรอวะ เยซองถาม

    ทำไมคิดอย่างนั้น เมื่อกี๊เขายังเหมือนจะยิ้มให้ฉันเลยนะ ซองมินแสดงความเห็น

    วันก่อนฉันพาพี่สาวไปสัมภาษณ์งาน เขายืนเฉยๆ มองพ่อสั่งลูกน้องทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ใจดำทั้งพ่อทั้งลูก คนพ่อชีวิตมีแต่ผลประโยชน์ ส่วนลูกก็รักแต่ตัวเอง ผมเล่าสิ่งที่เจอมาให้เพื่อนทั้ง 3 ฟัง ผมเหลือบสายตาขึ้นมองลีฮยอกแจเดินถือฟาสต์ฟูดส์... คงเป็นอะไรสักอย่างที่เขาสั่ง เขาเดินออกไปยังรถที่จอดอยู่ข้างถนนหน้าร้าน

    ไปซะแล้ว เยซองมองตามลีฮยอกแจจนเขาเข้าไปนั่งในรถ และจนกระทั่งรถคันนั้นก็ถูกขับออกไป

    นายเป็นอะไรกับเขาวะเยซอง เพ้อแบบนี้ ชอบลีฮยอกแจเหรอ ชินดงถามขึ้น ผมและซองมินเลยหันมองเยซองทันที ก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงต้องทำอย่างนั้น คงเพราะคำถามของชินดงเป็นประเด็นใหม่ แปลก และผมก็อยากรู้เหมือนกัน

    นั่นสิ สงสัยจะชอบว่ะ มองแล้วเพลินคำตอบของเยซองทำให้เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง ผมคิดตามคำพูดเยซอง.. มองแล้วเพลินเหรอ.. มองแล้วหงุดหงิดสิไม่ว่า ถ้าเยซองชอบผู้ชายจริงผมไม่คิดจะต่อต้านอยู่แล้ว ยังไงก็แล้วแต่ ถึงเยซองจะถือว่าหน้าตาคมเข้ม รูปร่างหน้าตาของเขาอยู่ในขั้นมีสาวๆ เป็นปลื้มไม่น้อย หากสำหรับลีฮยอกแจแล้ว เยซองคงได้แค่ชอบ ไม่มีทางสมหวังหรอกผมมองไม่เห็นทางไหนเลยที่เยซองจะพิชิตใจเขาได้

    กินแห้วไปเถอะ ซองมินใช้คำพูดได้ตรงกับที่ผมคิดเลยแฮะ

    บอกว่าชอบ ยังไม่ได้บอกจะจีบเว้ย เยซองแย้งทั้งที่มันยังทำตาเหม่อลอยอยู่

    ดูเขาไม่น่าจะชอบผู้ชายด้วย ซองมินยังคงพูดต่อ

    ก็บอกแล้วไง ว่าหมอนั่นไม่คิดรักใครหรอก รักแต่ตัวเอง ผมพูดบ้าง

    ไม่แน่ว่ะ... ทำไมเมื่อฉันไม่คิดแบบนี้วะ เรียนจบแล้วไม่รู้จะได้เจอรึเปล่า รู้งี้แอบมองตั้งแต่ปี 1 ดีกว่า นี่อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว เสียดายจริงๆ เยซองยังเพ้อต่อ

    ท่าทางจะเป็นเอามาก  ชินดงส่ายหัวอย่างเอือมๆ เรานั่งกินกันต่อสักพัก ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับกับเยซองเพราะบ้านอยู่ทางเดียวกัน ความจริงแล้วเยซองกับผมเจอกันตั้งแต่ประถมเดินผ่านกันไปมา แต่ไม่เคยทำความรู้จัก เพราะเรียนกันคนละที่ มารู้จักกันก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย มันเป็นคนกวนๆ อารมณ์ดี จริงใจและรักเพื่อน ถึงมันจะมีเรื่องยั๊วๆ กับซองมินบ้าง แต่นั่นก็แค่ตอนนั้น เพราะจริงๆ แล้วเราต่างก็รู้ว่ามันไม่ได้โกรธกันจริงๆ หรอก

    ส่วนซองมินผมก็เพิ่งรู้จักตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซองมินเป็นผู้ชายตัวเล็ก แต่ไม่ได้อ่อนปวกเปียก หรืออ่อนแอเลย ตรงกันข้าม...มันเซี้ยวมาก และที่สำคัญคือมันเป็นคนเอาใจใส่เพื่อนที่สุด แคร์ความรู้สึกเพื่อนทุกคน แต่ต้องเป็นเวลาที่มีปัญหาจริงๆ เพราะปกติแล้วชอบกวนไม่น้อยกว่าเยซองเลย

    ชินดงกับผม เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียน ม.ปลาย พึ่งพาได้ บทจะเด็กก็พูดไม่รู้เรื่อง แต่พอจะจริงจัง ก็เป็นผู้ใหญ่ได้ ชินดงเคยบอกผมว่าผมกับมันคบกันที่ผลประโยชน์ เพราะมันมาเดินกับผม ผู้หญิงจะได้มองผ่านมามองมันบ้าง ส่วนผมคบมันเพราะเวลาจะสลัดใครทิ้ง มันจะช่วยกันออกให้ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเลย... ผมไม่เคยทิ้งใครก่อน

    ฉันว่าน่าจะลองดู นายว่ามั๊ยวะดงแฮ อยู่ๆ เยซองก็ถามขึ้น มันจะเดินแยกเข้าซอยบ้านมันอยู่แล้วแท้ๆ

    นายชอบแบบนั้นเหรอ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ผมตอบไป และคิดว่าตรงกับที่มันถาม เพราะผมเดินคิดเรื่องนี้มาตลอดทาง

    ไม่รู้ว่ะ บอกตรงๆ เพิ่งเป็นวันนี้ มันตอบแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะกลบความอาย

    งั้นฉันก็บอกนายตรงๆ.... ไม่มีทางหรอกว่ะ

    อ้าว ที่พูดเมื่อกี๊คือกำลังใจเหรอ

    อืม ผมตอบแล้วเดินหันหลังให้มัน คิดได้ไง จะลองดู เสียเวลาเปล่าๆ

    นายอย่ามาแย่งของฉันทีหลังแล้วกัน เยซองยืนตะโกนไล่หลังผม

    ไม่ใช่สเปค ตามสบายเว้ย ผมตะโกนตอบ โดยที่ไม่หันกลับไปมอง บอกตรงๆ ผมฉุนนิดๆ เพราะไม่เคยมีในความคิดผมเลย... ลีฮยอกแจ ไม่ได้อยู่ในส่วนใดของสมองที่ผมจะคิดอย่างที่เยซองบอกเลย

     

     

    ------------------------------------------------------------------------------------------

      

    มีคนมาอ่านด้วย.... ว้าวๆๆๆ

    ช่วยคิดชื่อเรื่องหน่อยสิคะ อิๆๆ

    ว่าแต่ตอนที่แล้วงงตรงไหนเหรอ... มึนกันเลยสิ แฮะๆๆ ก็เรายังแต่งไม่เก่ง

    ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่าน และขอบคุณม๊ากกกก ที่เม้นให้นะคะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×