ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจมังกร

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 58




     





     
    ตอนที่ 1


     

       “ฮองเฮากำลังจะไปไหนหรือเจ้าค่ะ”


    จื่อหลินหรือท่านหญิงจื่อหลินเอ่ยถามฮองเฮาที่นั่งข้างๆในรถม้าคันใหญ่ ฮองเฮาหันมองใบหน้า
    เล็กที่ยังคงเปื้อนฝุ่นอย่างเอ็นดู พระนางยกมือเรียวขึ้นลูบผมนางแผ่วเบาไปมา
     


       “ไปไหว้พระบนเขา ตอนนี้ฮ่องเต้..... เสด็จพ่อของเจ้าทรงประชวร แม่จึงอยากไปขอพรให้
    พระพุทธองค์ทรงคุ้มครองเสียหน่อย หลินเอ๋อร์ จากนี้ไปเจ้าต้องเรียกแม่ว่าเสด็จแม่ เพราะเจ้า
    คือท่านหญิงจื่อหลิน ไม่ใช่จื่อหลินเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนะ”


      “ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะฮอง….. เอ่อ….เสด็จแม่”



    เพียงแค่ได้ยินคำนี้จากริมฝีปากเล็ก ฮองเฮาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างประหลาดเพียงแค่เห็น
    หน้าจื่อหลินพระนางก็รู้สึกดูชะตากับนางเสียเหลือเกิน คิดไม่ผิดที่รับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม
    จริงๆ
     




       ขบวนเสด็จของฮองเฮาเดินทางมาถึงวัดฮั่นเมิ่งที่ตั้งอยู่บนเขาในช่วงเย็น จื่อหลินกวาดสาย
    ตามองรอบๆวัดด้วยความสนใจ ที่นี่ทั้งสวยงาม โอ้อ้ามากกว่าจะเป็นวัดธรรมดาๆอย่างที่นาง
    คิดไว้แต่แรก ฮองเฮาจูงมือเล็กให้เดินตามเข้าไปข้างใน น่าแปลกตั้งแต่มาถึงจื่อหลินกลับไม่เห็น
    ใครเลยแม้แต่หลวงจีนก็ยังไม่มี บรรยากาศเงียบมากด้วย


      “เสด็จแม่เจ้าคะ ที่นี่เป็นวัดจริงหรือ ทำไมไม่มีหลวงจีนเลยเจ้าคะ”


      “ที่นี่เป็นวัดของเชื้อพระวงศ์ เป็นศาลบรรพชนด้วยมีเพียงคนดูแลไม่กี่คนเท่านั้นคนนอก
    เข้าออกที่นี่ไม่ได้หรอก”


    ที่แท้เพราะเป็นศาลบรรพชนของเชื้อพระวงศ์นี่เองวัดที่ดูสวยงามใหญ่โตแห่งนี้ถึงได้เงียบเชียบ
    เหมือนวัดร้างนัก ฮองเฮาหยุดเดินแล้วย่อกายลงมองหน้าจื่อหลินด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าเมื่อไหร่
    รอยยิ้มของพระนางก็น่ามองเสมอเลย


      “เจ้าต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ แม่จะพาเจ้าไปกราบบรรพชน เจ้าดูแลท่านหญิงด้วยนะ”


      “เพคะฮองเฮา”


    นางกำนัลจับมือเล็กของจื่อหลินแล้วเดินแยกออกไป เมื่อร่างเล็กหายลับไปจากสายตาอี้ฮวงจึงเข้า
    มาหาฮองเฮาที่จ้องมองทางเดินที่จื่อหลินหายลับตาไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข
     

       “เจ้าว่า นางจะงดงามหรือไม่”
     

       “ใบหน้าของท่านหญิงเปื้อนฝุ่นมากมาย หม่อมฉันไม่อาจคาดเดาว่าท่านหญิงจะงดงามเพียงใด
    ได้เพคะ”


      “นั่นสินะ แต่ข้ากลับรู้สึกมั่นใจเสียเหลือเกิน ลูกสาวบุญธรรมของข้าคนนี้นางต้องดงามเหนือ
    หญิงใดบนผืนแผ่นดินนี้เป็นแน่”


      “หากพระนางมั่นพระทัยเช่นนั้น ท่านหญิงคงต้องงดงามเป็นแน่เพคะ”


      “ข้าก็แค่รู้สึกเช่นนั้น นางยังเด็กงดงามหรือไม่ยังเร็วไปที่จะตัดสิน เราไปกราบไหว้บรรพชน
    กันก่อนเถอะ”


      “เพคะฮองเฮา”


    อี้ฮวงประคองร่างฮองเฮาเดินไปยังห้องที่เต็มไปด้วยป้ายบรรพชน ทางด้านจื่อหลิน นางเดินตาม
    นางกำนัลมาตามทางเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง 


      “ทะ…. ท่านจะทำอะไรข้า!”


    จื่อหลินร้องเสียงหลง นางกำนัลคนเดิมเอื้อมมือมาหมายจะถอดเสื้อผ้าของนางออกโดยไม่ทัน
    ตั้งตัวลำแขนเล็กระชับเสื้อผ้าที่ขาดหวิ่นของตัวเองไว้กับตัวแน่นพลางขยับถอยหนีนางกำนัล
    ด้วยความกลัว


       “ข้าน้อยจะช่วยท่านหญิงอาบน้ำไงเจ้าคะ”


       “ชะ…. ช่วยข้าอาบน้ำ!? ไม่เป็นไรๆ แค่อาบน้ำข้าอาบเองได้”


    จื่อหลินรีบปฏิเสธทันที ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่นางก็อายอยู่ดี ตั้งแต่เด็กจนโตจื่อหลินไม่เคย
    ให้ใครต้องอาบน้ำให้แล้วจู่ๆจะมีคนมาคอยอาบน้ำให้ น่าขนลุกแย่เลย


      “ไม่ได้เจ้าค่ะ ตามกฏของวังหลวง ข้าน้อยต้องคอยปรนนิบัติรับใช้เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ แม้แต่
    บุตรธิดาบุญธรรมอย่างท่านหญิงข้าน้อยก็ต้องปรนนิบัติเจ้าค่ะ”


    นี่หรือคือสิ่งที่หญิงสาวชุดขาวบอกว่านางจะได้รับโชคสู่ความยิ่งใหญ่ แต่มันคงไม่เกี่ยวกับการที่มี
    คนอาบน้ำให้กระมัง ถึงจะพูดว่ามันเป็นกฏก็เถอะ มันก็น่าขนลุกอยู่ดี 


      “ที่นี่ไม่ใช่วังหลวงเสียหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอก”


      “ไม่ได้เจ้าค่ะ แม้ที่นี่ไม่ใช่วังหลวงแต่ข้าน้อยเป็นนางกำนัลในวังจำต้องรักษากฏระเบียบไม่อย่าง
    นั้นข้าน้อยต้องโดนลงโทษแน่ ท่านหญิงโปรดเมตตา!”


    นางกำนัลเล่นคุกเข่าขอร้องเด็กตัวเล็กอายุแค่ห้าขวบเช่นจื่อหลิน มีหรือที่นางจะใจร้ายให้
    นางกำนัลโดนลงโทษเพียงเพราะไม่ช่วยอาบน้ำได้หรอก คนเรานี่ก็แปลกแค่อาบน้ำทำไมต้อง
    ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยก็ไม่รู้


      “ก็ได้ๆ…. ข้าให้ท่านช่วยอาบน้ำก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ”


      “ท่านหญิงโปรดอย่าใช้คำสุภาพกับข้าน้อยนักเพราะข้าน้อยอาจจะโดนลงโทษได้
    เช่นกันเจ้าค่ะ”
     

      “เอ๊ะ!? แค่คำพูดท่านยังต้องโดนลงโทษอีกหรือ คนในวังมีกฏมากมายขนาดนี้ไม่อึดอัดแย่หรือ
    อย่างไรกัน”
     

      “เอ่อ…. ท่านหญิง”
     

      “ข้าก็พูดไปงั้นแหละอย่าถือสาเลย ตั้งแต่เกิดมาข้าก็อยู่นอกวังมาตลอดเรื่องในวังข้าไม่รู้หรอก รีบอาบน้ำเถอะ ข้าไม่อยากให้เสด็จแม่รอข้านานนัก”


    นางกำนัลลุกขึ้นแล้วโค้งให้จื่อหลินเล็กน้อยเดินนำไปยังแผงกั้นที่เตรียมน้ำไว้ให้ด้วยความ
    น้อบน้อม ก็ดีอยู่หรอกที่มีคนคอยดูแลรับใช้อย่างนี้แต่มันเป็นพิธีรีตรองมากไปจนอึดอัดนี่สิ บางทีจื่อหลินก็คิดว่าคนที่อยู่ในวังส่วนใหญ่คงจะเป็นเหมือนหุ่นยนต์ทำนู่นนี่นั่นตามคำสั่งของ
    เจ้านายมากกว่าจะทำตามใจตัวเอง
     





      “ทูลฮองเฮา ท่านหญิงจื่อหลินมาแล้วเพคะ”
     

      “ให้เข้ามาได้”
     

      “เพคะ”


    อี้ฮวงประคองฮองเฮาที่นั่งคุกเข่ามาสักพักให้ลุกขึ้น ร่างเล็กในชุดสวยงามเหมือนองค์หญิงตัวน้อย
    เดินเข้ามาด้วยท่าทีเก้กังๆเพราะความยาวของชุดรวมไปถึงรองเท้าแบบหญิงสูงศักดิ์ในวังที่ดู
    เหมือนมันเริ่มจะกัดเท้าจื่อหลินมาตลอดทาง ทั้งๆที่ระยะทางจากห้องนั้นมาถึงที่นี่ก็ไม่ไกลเลย ต่างกับฮองเฮาที่มองจื่อหลินด้วยความภาคภูมิใจ ความรู้สึกของพระนางนั่นช่างแม่นเหลือเกิน ตรงหน้าพระนางไม่ใช่เด็กสาวชาวบ้านสวมเสื้อผ้าที่ทั้งเก่า ขาดหวิ่นและเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินมาก
    มายอีกแล้ว มีเพียงแต่เทพธิดาตัวน้อยหน้าตาหมดจดงดงามกว่าองค์หญิงที่เกิดมาในวังหลวง
    ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพระนางเท่านั้น


      “งดงามมากหลินเอ๋อร์ เจ้างดงามจริงๆ”


    ฮองเฮาเดินเข้ามาลูบไล้ใบหน้าเล็กปราศจากฝุ่นด้วยความหลงใหล จากเด็กรูปร่างหน้าตา
    มอมแมมกลับกลายเป็นเทพธิดาได้เพียงแค่ขัดสีฉวีวรรณ หากใครได้เห็นจื่อหลินในตอนนี้ก็คง
    ต้องหลงใหลในความงดงามที่แสนบริสุทธิ์นี้แน่


      “แต่ข้าว่าแต่งแบบนี้มันดูไม่ใช่ข้าเลย เสื้อผ้างดงามแต่ทว่าทั้งร้อนทั้งหนักเช่นนี้ ไม่เหมาะกับ
    ข้าเลย ข้าขอเปลี่ยนเป็นชุดชาวบ้านเช่นเดิมได้หรือไม่เจ้าคะเสด็จแม่”


      “แม่บอกไว้อย่างไร ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ชาวบ้านสามัญชนอีกต่อไป แต่เป็นท่านหญิงลูกสาว
    บุญธรรมของฮองเฮาเว่ยเชียวนะ จะแต่งตัวเช่นเดิมได้อย่างไรเล่า มา กราบไหว้บรรพชน
    ของเรากันเถิด”


    ฮองเฮาจับมือเล็กให้เดินตามพระนางไปยังหน้าป้ายไม้แกะสลักตัวอักษรวางเรียงรายบนชั้น
    มากมายหลายสิบชิ้น จื่อหลินนั่งคุกเข่าก้มหมอบกราบตามฮองเฮา ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในห้องนั้น
    นานพอสมควร จนจื่อหลินรู้สึกว่าขาตัวเองไร้ความรู้สึกไปแล้วเรียบร้อยเพราะนางไม่คุ้นชินกับ
    ธรรมเนียมในวังแม้แต่น้อย บางอย่างก็เป็นเรื่องง่ายที่ชาวบ้านจะทำกันแต่กับคนในวังกลับมีแต่กฏเกณฑ์มากมายจำไม่ไหว
    กันเลยทีเดียว เช่นนี้หากวันหนึ่งจื่อหลินติดตามฮองเฮาผู้เป็นแม่บุญธรรมเข้าวังนางไม่แย่หรอกหรือ


      “เสด็จแม่ ในวังมีกฏเกณฑ์เยอะหรือไม่เจ้าคะ”


    ร่างเล็กเอ่ยถามฮองเฮาหลังจากที่ใช้เวลากราบไหว้บรรพชนนานพอสมควร ทั้งสองจึงออกมาเดิน
    เล่นในสวนเล็กๆ มีดอกไม้หลายสายพันธุ์เบ่งบานเต็มพื้นที่เพื่อผ่อนคลายอารมณ์แทน


      “ในวังมีคนมากมาย กฏเกณฑ์ย่อมต้องมากตามด้วย ทำไมหรือ”


      “ข้าไม่แน่ใจแล้วว่าข้าจะทำตามกฏเกณฑ์เหล่านั้นได้หรือไม่ เสด็จแม่ก็รู้ ข้าเป็นเพียงชาวบ้าน
    ธรรมดาๆคนหนึ่ง กฏเกณฑ์ในวังวังไหนเลยข้าจะรู้ คงต้องโดนลงโทษทุกวันเป็นแน่”


    คำพูดของจื่อหลินเรียกรอยยิ้มขบขันเล็กๆปรากฏบนใบหน้าวัยกลางคนของฮองเฮา แม้เป็นเด็ก
    ตัวเล็กแต่ความคิดกลับใหญ่เกินตัวเสียจริง


      “เรื่องนั้นเจ้าวางใจเถิด แม่ไม่มีทางยอมให้ใครมาลงโทษลูกสาวแม่ได้หรอกอี้ฮวงจะคอยสอนเจ้า
    เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดในวังเช่นองค์หญิงพระองค์หนึ่งเลย เจ้าต้องตั้งใจเรียนด้วยเล่า”


      “หากเสด็จแม่ต้องการให้ข้าเรียน ข้าก็จะตั้งใจเรียนเจ้าค่ะ”


    บทสนทาสั้นๆแต่กลับทำให้ฮองเฮารู้สึกอิ่มเอมใจนักที่ข้างกายพระนางมีร่างเล็กอยู่ข้างๆ การมา
    กราบไหว้บรรพชนในครั้งนี้ถือว่าไม่เสียเปล่า นอกจากจะมาเพื่อขอให้บรรพชนคุ้มครองฮ่องเต้
    หายจากอาการประชวรแล้วการได้เจอจื่อหลินนับเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับพระนางราวกับสวรรค์
    ตั้งใจประทานนางมาให้พระนาง












     





















    มาอัพต่อล่ะค่ะ สุขสันต์วันหยุดยาวค้าาาาาาา






     
     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×