ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~>รักหมดใจ ให้ยัยคิวปิด<~ +:+--[ My Dear CUPID! ]--+:+

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter8 บัลลังก์สวรรค์(50%)

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 49


    Chapter8 บัลลังก์สวรรค์

                    ดวงตะวันยามเช้าทอประกายเจิดจ้า ทำให้เมฆหนาๆดูสดใสขึ้นมาทันตา ลมร้อนพัดผ่านเป็นธรรมดาของประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อย่างเมืองไทย  ต้นไม้บางต้นแห้เกรียมราวกับเหนื่อยหน่ายกับอากาศเช่นนี้เต็มทน และแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ช่วงแห่งการนั่งทำงานในออฟฟิศของใครๆหลายคนแล้ว  แต่สองข้างถนนก็ยังจอแจไปด้วยนักท่องเที่ยว และผู้ที่คร้านการทำงาน ผิดกับหญิงสาวร่างบางทว่าสูงในชุดเสื้อผ้าที่เป็นแนวเปรี้ยวจัดด้วยสีสัน แต่ดูเรียบร้อยอย่างผู้หญิงไทยสมัยใหม่

                    รองเท้าส้นสูงเขย่งไปมาอย่างไม่คุ้นชิน  ใบหน้าสวยนั้นขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด ในมือมีกระดาษแผ่นใหญ่ที่มองเผินๆก็นู้ว่าเป็นแบบแปลนอาคาร  ดินสอแหลมถูกเหน็บไว้ข้างหู อากาศที่ร้อนอบอ้าวบวกกับรองเท้าคู่ใหม่ที่สูงเกินไปทำให้เธอนึกอยากจะโยนทุกอย่างทิ้งและวิ่งไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่นั่นก็เป็นเพียงจินตนาการ  ความเป็นจริงก็คือเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าหุ้นส่วนทุกคนของอาคารแฝดที่ยังไม่ได้รับการตกแต่งและเธอต้องการจะเอาชนะคู่แข่งจากอีกบริษัทให้ได้ด้วยการได้งานนี้ ซึ่งจะทำให้เธอมีหน้ามากขึ้นในวงการในฐานะที่เป็น "เด็กเพิ่งจบ"

                    ดิฉันรับรองได้ค่ะ ว่างานของดิฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" รอยยิ้มดึงดูดความมั่นใจจากผู้พบเห็นของเธอทำให้เธอมีชัยไปเกินหน้าคู่แข่งที่แอบว่าเธอลับหลังว่าเป็นเด๋กเมือนวานซืน

                   

                    หุ้นส่วนทั้งหลายพากันพยักหน้าเป็นนัยว่าพอใจ

                    "แล้วเราจะประกาศผลการตัดสินใจของเราภายในวันศุกร์หน้าทางอีเมลล์.. สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากนะครับ"  หนึ่งในบรรดาคณะกรรมการพูด จากนั้นเธอก็แยกย้ายจากตรงนั้นมาขึ้นรถพร้อมลูกน้อง และทันทที่ก้าวขึ้นรถเธอก็สลัดรองเท้าคู่งามทิ้งทันที

                    "อู้หูย.. พี่รุ้งนี่สุดยอดจริงๆเลยค่ะ เราต้องได้งานนี้แน่ๆเลยค่ะ" เด็กฝึกงานที่มาด้วยกันยิ้มแป้นพลางพูดชมเธอต่างๆนานา  ตัวรุ้งเองก็ภูมิใจไม่แพ้กัน  ถ้าเธอทำได้ นี่จะเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตการทำงานของเธอ

                   

                    รถสีดำคันใหญ่เลี้ยวออกจากบริเวณอาคารแฝดสูงที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง พัดมองตามรถคันนั้นไปอย่างสุดสายตา  ต่อให้ไม่มีเธอ คนอื่นๆก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป  พัดดีใจที่ใครๆเสียใจให้เธอไม่นานนัก เธออยากเห็นพวกเขาสดใส และเป็นกำลังใจให้กันอยู่ห่างๆอย่างนี้ตลอดไป

                   

                    ลมอะไรบางอย่างหอบให้เท้าทั้งสองพาเธอมาหยุดลงที่หน้าห้องภาพสุดหรู..

    สถานที่ที่เธอไม่มีวันลืม

                    "ให้ตายเถอะมะลิ คุณดูแลที่นี่เองไม่ได้เรอะ  คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากมาที่นี่อีกแล้ว ไม่อยากจะมาเลยนับตั้งแต่วันนั้น  คุณคิดว่าคุณทำตัวเป็นแม่ผมได้รึไงกัน  ที่นี่เนี่ย ถ้าผมปิดแล้วขายให้คนอื่นได้ ผมทำไปแล้ว"  เสียงโวยวายดังลั่นมาจากรถสปอร์ตสีขาวคันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ๆ  พัดเหลียวมองเสียงที่คุ้นหูในแทบจะทันที

                    "คุณก็ปิดแล้วขายไปเลยซี่ ทิ้งๆขว้างๆแบบนี้ พนักงานจะรู้สึกยังไง คุณรู้รึเปล่าภพ ..ว่าเราขายภาพไม่ได้เลยสักภาพเดียว นับตั้งแต่คุณไม่ยอมมาที่นี่  เราต้องแสดงรำไทยให้ฝรั่งดูแค่ 3 คน! 3คนเท่านั้น! จากที่เมื่อก่อนรอบละเป็นร้อย"  เสียงแหลมเล็กดังจากผู้หยิงคนเดิมที่พัดเคยเจอ คนที่เป็นเลขานุการ

                   

                    ประตูข้างคนขับเปิดออกอย่างรวดเร็ว ภพถลาลงมาจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าประตูไป  พัดมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ โดยลืมไปเสียสนิทว่า ที่ที่เธอยืนอยู่นั้นเคยสร้างความทรมานให้กับตัวเองอย่างแสนสาหัส

                    เลขานุการสาวล็อกรถด้วยใบหน้าเช่นเดิมก่อนจะตามเข้าไปในอาคารสามชั้นสีขาวนั้น

    ไม่อยากจะมาเลยนับแต่วันนั้น

    คำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร  ตั้งแต่วันที่เธอจากไป เขาไม่ได้กลับมาบริหารบริษัทนี้อย่างเคยแล้วเหรอ .. เขาไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลยเหรอ?

                   

    พัดเดินตามสองคนนั้นไปติดๆ ตอนนี้เธอเริ่มสนุกไปกับการเป็นสายลับโดยไม่มีใครเห็น และการได้เห็นภพหัวเสียก็ดูจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งสำหรับเธอ

    พนักงานในร้านดูจะตื่นตกใจกับการกลับมาด้วยท่าทีที่แปลกประหลาดของเจ้านายที่หายตัวไปเป็นเดือน   ส้นเท้าหนักๆกระแทกลงไปตามขั้นบัยไดไม้เพ้นท์ลวดลายฉูดฉาด  ประตูไม้ขาวดำถูกผลักออกด้วยแรงโมโห  แต่แล้วภพกลับชะงักกึกอยู่เพียงเท่านั้น และอารมณ์ที่ร้อนระอุไม่ต่างไปจากกาน้ำที่ตั้งอยู่บนเตารอเวลาแผดเสียงให้โลกได้รับรู้ว่ามันเดือดแล้วก็ลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว เมื่อบนโต๊ะทำงานตรงกลางห้องนั้นกลายเป็นที่ตั้งของรูปภาพในกรอบไม้เรียบๆ รูปภาพที่เขาเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็ยังคงปรากฏอย่างแจ่มชัดในทุกๆครั้งที่หลับตา

    ดิฉันเรียกมันว่า Murder with love  ภาพตรงกลางนั่นเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธเกลียด ซึ่งเป็นที่มาของความทุรนทุราย

    เสียงเล็กๆนั่นก้องกลับไปกลับมาอยู่ในโสตประสาทของชายหนุ่ม  รูปภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะนั้นคือภาพที่พัดนำมาเสนอขายเขาในวันที่เธอจากไป และภาพนี้ก็หายไปพร้อมๆกับเธอ  ..หากแต่วันนี้มันปรากฏขึ้นอีกครั้งในห้องทำงานของเขา

                   

    มัลลิกาที่เพิ่งตามมาถึงเห็นภพยืนนิ่งอยู่หน้าประตูก็โวยวายเสียงดัง

                    "ใคร .. ใครเอาภาพนี้มาไว้ที่นี่!" เสียงเข้มและหนักแน่นสนั่นไปทั่วบริเวณทำเอาเลขาตัวแสบเงียบกริบในพริบตา  สีหน้าท่าทางขิงเขามิได้แสดงออกถึงความน่าเกรงขาม แต่เป็นความราบเรียบแบบที่หาเจอได้ยากจากตัวหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้

                    พัดยืนมองเหตุการณ์นั้นอยู่เงียบๆ  เธอรู้สึกได้ถึงความสะเทือนใจของภพที่แทรกซึมอยู่ในน้ำเสียง แต่ก็แทบจะในทันทีที่เธอคิดสมน้ำหน้า และเทความผิดทั้งหมดไว้ที่เขา

                    ภาพที่เธอภูมิใจนักหนา  สิ่งที่เธอเรียกมันว่า ผลงานชิ้นโบว์แดง  ผลงานที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า และอีกครั้งที่เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไม่ต่างไปจากอากาศ  ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะเก็บมันเอาไว้กับตัวเอง ไม่อยากจะให้มันกลายเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับคนอื่น

                    "เคลียร์ภาพที่อยู่หน้ากระจกทุกภาพออก .. แล้วเอาภาพนี้ไปวางแทน ถ้าใครจะซื้อก็บอกไปว่าไม่ขาย" น้ำเสียงที่เรียบเสียยิ่งกว่าสีหน้าทำให้เลขาจอมโวยขนลุกตั้งชันโดยไม่รู้ตัว  พนักงานสองคนถูกเรียกมายกภาพนั้นไป  มัลลิกาเหมือนจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมหากจะกวนใจภพ เธอจึงเลือกที่จะกลับไปประจำที่ตามเดิม

                   

                    ภพทิ้งตัวลงบนโซฟาตรงมุมห้อง  เขาไม่เคยรรู้มาก่อนว่าตัวเองอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้  แม้เหตุการณ์จะผ่านไปนานนับเดือนแล้ว  แต่ทำไมบางครั้งภาพกลับชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  อีกทั้งผู้หญิงที่ชื่อภัทรากับเขาก็เพิ่งเคยพบกันเพียงครั้งเดียว  แต่การจากไปของเธอนั้นราวกับจะพรากชีวิตชีวาทั้งหมดในโลกของเขาไปด้วย

                    พัดนั่งลงบนโซฟาตัวถัดไป เธอแน่ใจว่าเขาคงไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของเธอ จึงถอนหายใจออกมาดังๆ ดวงตาของชายหนุ่มหลับลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขาต้องต่อสู้กับมัลลิกาตั้งแต่เธอปลุกเขาขึ้นจากเตียงและบังคับให้เขามาในที่ที่ไม่ต้องการจะเห็น  แถมยังมีเรื่องสะเทือนใจมาให้คิดอีก เธอมองดวงหน้าของเขาอย่างใคร่รู้ เขาจะรู้สึกสำนึกผิดบ้างไหมหากรู้ว่าตอนนี้เธอนั่งอยู่ตรงข้ามเขาในสภาพที่ไร้ตัวตน และอยู่ในโลกอีกใบที่ซ้อนทับกันเช่นนี้

    +:+--œ--+:+

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×