ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~>รักหมดใจ ให้ยัยคิวปิด<~ +:+--[ My Dear CUPID! ]--+:+

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter6 ลั่นระทม .. รับอรุณบนยอดตึก (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 49


    Chapter6  ลั่นระทม .. รับอรุณบนยอดตึก

                ลานหญ้ากว้างเขียวขจีสุดลูกหูลูกตามีป้ายหินตั้งห่างกันเป็นระยะ  ้นไม้ต้นใหญ่มากมายแผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่น  ากแต่แสงแรงกล้าของยามเช้าก็ยังคงแผดเผาให้ความอบอุ่นแก่ทุกๆสิ่งมีชีวิต

                    และบนเนินหญ้าเล็กๆในบริเวณเดียวกันนั้นเอง  ู้คนในชุดดำกลุ่มย่อมกำลังยืนไว้อาลัย ่อหน้าบาทหลวงและโลงศพสีครีมที่ถูกประดับอย่างเรียบๆด้วยดอกลีลาวดี  ดอกไม้โปรดของผู้จากไป

                'พี่พงศ์อย่ามามั่วน้า ..  เค้าขื่อลั่นระทมต่างหาก.. ลั่นที่แปลว่าทำให้แตกในพังน่ะ .. ทำให้ความเศร้ามันหายไปต่างหาก '

                    เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผู้เป็นพี่

                    "เธอมาจากธุลีดิน เราก็ต้องคืนเธอให้กับดิน…"  สียงใหญ่ๆของบาทหลวงวัยชรา ดังช้าๆ แต่ทว่ามั่นใจ

                    ฉันจะเป็นเรนโบว์ให้แกตลอดไป..  ครบางคนรำพึงในใจ


                   
    ในกลุ่มคนเหล่านั้น มีทั้งญาติผู้ใหญ่ในวงสังคมที่รักใคร่เอ็นดูพัดซึ่งส่วนมากเป็นเพื่อนของพ่อแม่เธอ  พื่อนสนิทมิตรสหายพร้อมหน้า  ปจนถึงเด็กกำพร้าที่เธอรับอุปถัมภ์ไว้สองคน ี่ชายคนเดียวซึ่งเป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ้อนรับแขกเหรื่อด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ากก็ยังฝืนยิ้มเจื่อนๆให้ทุกคน  กเว้นกับคนๆเดียว .. คนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องจบชีวิตลง .. คนที่เขาจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด

                    รอยช้ำที่ดวงตาของเขายังไม่หายดีนัก ต่แว่นกันแดดสีดำก็ช่วยอำพรางมันได้  ขามองนายภัทรพงศ์ มฆาวลัยเสถียรด้วยสีหน้าที่แปลเป็นคำพูดได้ว่า  'ผมเสียใจ'  ต่เมื่อเขาเห็นดวงหน้านั้น วามรู้สึกอยากจะเสยคางด้วยกำปั้นหนักๆอีกสักทีเหมือนในวันที่อยู่ในโรงพยาบาลแต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่สมควรนัก

                    หญิงสาวในชุดขาวตัวโคร่งหลบแดดอยู่ใต้ร่มไม้เขียวครึ้ม  ายตามองเหม่อไปยังกลุ่มคนที่ยืนล้อมรอบโลงศพสีนวลตานั้น  นานๆครั้งจะเบนไปทางอื่น  มร้อนพัดมาต้องเรือนผมสีน้ำตาลไหวน้อยๆ ารมณ์หดหู่อย่างบอกไม่ถูกเคลื่อนเข้าครอบคลุมจิตใจ เมื่อรู้ว่าร่างของตัวเองกำลังเหยียดยาวไร้ลมหายใจอยู่ในกล่องไม้แคบๆ ละจะอยู่ในนั้นตลอดไป

                   

                    ชายหนุ่มหลีกสายตาจากจุดเดิมไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ ม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแต่เขากลับอยากจะทอดสายตามองตรงนั้นนานๆ  ันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


                   
    ผู้คนทั้งหมดที่มาร่วมแสดงความเสียใจในงานเหล่านั้น ม่มีสักคนที่ภพรู้จักหรือพอจะทักทายได้  ขารู้สิ่งนี้ดีก่อนตัดสินใจมา  ละยังลังเลอยู่หลายหนว่าจะพาน้องสาวคนเดียวมาเป็นเพื่อน ต่ก็ติดอยู่ที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงเมื่อถูกถามว่ามางานของใคร ..  พราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  แม้จะถูกซักถามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

                    ฉัน..เกลียด..คุณ

                ถ้อยคำที่บาดลึกในจิตใจของชายหนุ่มก้องไปมาอยู่ในสมอง

                    ส่วนอีกคำที่ดังสนั่นอยู่ข้างใน  ต่ไม่มีโอกาสได้พูดดังๆให้คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในโลงนั้นได้ยิน

                    ผม..ขอโทษ

    >>--+:+œ+:+--<<


                   
    ภพพยายามลืมเรื่องราวที่รบกวนจิตใจให้ไม่เป็นอันทำอะไร ล้วเปิดโน้ตบุ๊คเครื่องคู่ใจเพื่อเริ่มทำสื่อประกอบการบรรยายนักศึกษาปริญญาโท หาวิทยาลัยชื่อดังในวันพรุ่งนี้   ั้งที่เวลาก็ล่วงเลยไปจนเข็มสั้นชี้เข้าเลขสองยามราตรีกาล แล้วแต่งานก็ยังไม่คืบหน้า  ขาตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์ อนกายลงนอนแทน ขายังไม่อยากได้ตาแพนด้ามาแทนที่รอยช้ำเพราะโดนพี่ชายพัดต่อยที่ใกล้จะหาย

                    บนยอดตึกระฟ้าที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย  ญิงสาวนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่อย่างไม่กลัวว่าจะตกลงมา รรยากาศของเมืองหลวงยามค่ำคืนทำให้เธอคิดถึงชีวิตบนโลกมนุษย์นัก.. อย่างน้อยก็ยังกอดคนที่เรารักได้ถนนด้านล่างคลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะ  คนกลางคืน และแสงสีมากมาย  ดูน่าสนุกกว่าตอนกลางวันด้วยซ้ำ  พัดไม่ค่อยได้ออกมาร่าเริงในช่วงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วสักเท่าไหร่  พราะพี่ชายสุดหวงของเธอ  ต่ ณ จุดที่เธอกำลังนั่งอยู่ขณะนี้  ือสถานที่หนึ่งที่เธอเคยใฝ่ฝันจะได้มาสัมผัส ถานที่ที่สูงที่สุด ถานที่ที่เธอจะได้อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากที่สุด

                    ฟิ้วว..

                    เสียงที่เธอค่อนข้างเคยชินตั้งแต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว .. เสียงนกบินผ่าน  แต่ตอนมืดๆอย่างนี้ก็คงจะมีแต่นกหลงรังอย่างเธอเท่านั้น

                    "สวัสดีครับ"  เสียงนุ่มๆของใครสักคนดังขึ้น ต่มันก็แค่ลอยผ่านหูเธอไปเหมือนเคย

                    ชายหนุ่มนัยน์ตาอ่อนโยนจับจองที่นั่งด้านข้างพัด  ั่นล่ะที่ทำให้เธอรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ   จที่หยุดเต้นไปแล้ว ทบจะตึกตักด้วยความตื่นเต้น ธออยู่บนอาคารสูงกว่าพื้นดินเป็นร้อยเมตร ใครที่ไหนจะมาอยู่แถวนี้..

                    "ไม่ต้องทำตัวแข็งทื่ออย่างนั้นก็ได้.." เขาหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะปรายตามองเขาด้วยซ้ำ

                    "คุณน่ะแย่จริงๆเลยรู้ไห.. จู่ๆก็มาแย่งที่ผม บนนี้น่ะเป็นของผมนะรู้หรือเปล่า"  นน้ำเสียงนั้นมีแววติเตียนอยู่มากพอที่จะทำให้เธอหันขวับไปต่อกรด้วย

                    "หันมาแล้ว.." เขายิ้มอย่างลิงโลดใจ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวด้วยความเสียฟอร์ม

                    "คุณหมายความว่ายังไงที่ฉันมาแย่งที่คุณ" พัดไม่รู้หรอกว่าน้ำเสียงของเธอจริงจังแค่ไหน

                    "ผมล้อเล่นน่า.. แค่อยากให้คุณหันมาเท่านั้นเอง ความจริงผมก็มาที่นี่บ่อยๆนะ "  

                    เป็นครั้งแรกที่พัดสังเกตชายตรงหน้า  ขามีโครงหน้าอย่างผู้ชายไทยแท้  มดำขลับ ิวค่อนข้างคล้ำอย่างคนที่ไม่ได้นั่งทำงานในห้องแอร์  วงตาและรอยยิ้มบางๆนั่นสดใสนัก  ุดขาวตัวใหญ่โคร่งถูกสวมไว้บนตัวเห็นได้ชัด แม้ร่างนั้นจะโปร่งแสงก็ตาม


                   
    "ผมอานนท์ครับ.. เรียกนนท์ก็ได้"  เขาคลี่ยิ้มบางที่ดูอบอุ่น

                    "ภัทรภรณ์ เรียก พัด..ดีกว่าค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" หญิงสาวยังคงไว้ซึ่งมารยาทที่เป็นสิ่งที่ถูกบ่มเพาะมาแต่เด็ก

                    "เช่นกันครับ"  ริ้วรอยลึกบนใบหน้าบ่งบอกอายุที่พัดคาดว่าน่าจะประมาณ 30 กว่าๆขึ้นไปเป็นแน่  ากแต่รอยยิ้มนั้นยังดูหนุ่มกว่าหลายเท่า

                    "ผมมาที่นี่บ่อยๆ แต่ไม่ยักเคยเห็นคุณ.." 

                    "บอกให้เรียกพัดไงค้า.." หญิงสาวยิ้ม "ฉันเพิ่งมาค่ะ"

                    เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจความหมาย

                    ดวงดาวบนฟ้าต่างก็กะพริบให้กันราวกับกำลังสื่อสารกันอย่างสนุกสนาน ระจันทร์เสี้ยวยังคงส่องแสงสม่ำเสมอ มเย็นยามราตรีกาลพัดมาน้อยๆให้พอเย็นสบาย ่างเป็นคืนที่งดงามเหมาะแก่การเกิดความรักขึ้นในใจของใครสักคน _ _ _

                    'หนูพัด' ได้รู้ว่า 'พี่นนท์'  คยเป็นสถาปนิกเมื่อครั้งยังมีชีวิตซึ่งมันก็ผ่านมาประมาณปีกว่าแล้ว  ขาว่าโชคดีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ขาต้องลาโลกมาเพราะความขาดสติของคนเมาแล้วขับ..


                    "คนเรา..ไม่ช้าก็เร็ว..ยังไงก็ตายอยู่ดี"  ชายหนุ่มพูดพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่บัดนี้ถูกเจือด้วยสีทองของตะวันยามรุ่งอรุณ

                    "พัดว่า. อย่างน้อย เราสองคนก็โชคดี .. ที่ไม่ต้องอยู่เห็นใครลาจากโลกไปอีก" นนท์ไม่ตอบอะไรแต่กลับมายิ้ม

                    เป็นครั้งแรกที่พัดมองว่าหน้าตาอย่างผู้ชายไทยแท้บวกกับท่าทางจริงใจและอารมณ์ดีได้ผลลัพธ์ที่ดูดีเกินกว่าผู้ชายชาติไหนๆเสียอีก

    >>--+:+œ+:+--<<

                    ม่านสีครีมพื้นๆเข้ากับลายของวอลล์เปเปอร์และเครื่องเรือนทั้งหลายทิ้งขายไว้หน้ากระจกบานใหญ่  ึงแม้ท้องฟ้าด้านนอกจะยังสว่างไม่เต็มที่นัก แต่ยวดยานบนท้องถนนก็เริ่มเรียงแถวติดกันยาวมาแต่สี่แยก  ี่นี่..วันใหม่ของชีวิตคนเมืองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

                    ชายหนุ่มงัวเงียลุกจากเตียงไซส์คิงอย่างอาลัยอาวรณ์เพื่อไปจัดการปิดเสียงปลุกที่ดังราวกับเสียงหวอเตือนภัยช่วงสงครามโลก ี่น้องสาวตัวแสบหวังดีแอบตั้งไว้ให้  ึงเขาจะบ่นรำคาญที่มันแผดเสียงเซอร์ราวนด์ลากเขาลงจากสวรรค์วิมานแห่งการนอนหลับทุกเช้าแต่มันก็ช่วยเขาให้รอดพ้นจากการสายและผิดนัดมาแล้วหลายครั้ง

                    เขาหลิ่วตามองตัวเลขบอกเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งควักออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อวาน วังเพียงจะให้มีสัญญาณบอกว่ากลับไปนอนต่อได้.. แต่ก็ไม่มีแม้เงาเจ้าสัญญาณที่ว่า .. หากแต่ต้องเร่งทำภารกิจส่วนตัวให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อจิตใต้สำนึกเตือนว่าเขายังทำสื่อการสอนไม่สำเร็จ

                    โทรศัพท์เครื่องแพงถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ใยดี  สื้อคลุมอาบน้ำสีน้ำเงินเข้มถูกสวมลวกๆก่อนจะเดินไปชักม่านเปิด  วลาเกือบ10วินาทีถูกอุทิศให้กับการทอดสายตาไปยังถนนสายใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยบุคคลที่กำลังเร่งรีบเบื้องหน้า  นรถครอบครัวคันใหญ่ ุณแม่บนเบาะข้างคนขับกำลังพยายามถักผมเปียให้กับลูกสาวคนเล็ก ณะที่พี่สาวคนโตกำลังป้อนอาหารให้น้องชายที่เบาะหลัง   นรถญี่ปุ่นคันเล็ก  าวออฟฟิศบนเบาะคนขับกำลังใช้เวลาว่างยามรถติดไปกับการปัดขนตา  ในรถสปอร์ตคันหรู  ู้ชายท่าทางสมาร์ทกำลังโทรศัพท์ไปปลุกแฟนด้วยคิ้วที่ผูกเป็ฯโบว์  าก็มองแต่นาฬิกาข้อมือด้วยกลัวเป็นที่สุดว่าจะไปประชุมไม่ทัน

                    ภพส่ายหัวให้กับภาพเดิมๆ  ุกคนที่นี่เร่งรีบกันทั้งนั้น  พราะถ้าไม่รีบ ็จะไม่ทันคนอื่น  ั้งที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงที่วุ่นวาย ต่ก็ต้องอยู่..  เขาจะใช้เวลาเล็กน้อยหลังตื่นนอนไปกับการมองดูผู้คน ดูว่าพวกเขารีบกันแค่ไหน เพื่อเตือนตัวเองว่า ขาจะเอื่อยเฉื่อยไม่ได้  ทั้งที่ในใจลึกๆ ก็โหยหาชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบ .. กับใครสักคน

                    ภพใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไปกับการทำภารกิจส่วนตัว  น้ตบุ๊คเครื่องเดิมถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  ขณะที่หน้าจอสีฟ้าบ่งบอกว่าเครื่องกำลังรัน  าพความฝันเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาให้ขบคิดไปพลางๆ

                    ภาพต้นไม้ต้นเดิมที่เขารู้สึกคุ้นตานักหนา พียงแต่ใต้ร่มไม้นั้นมีผู้หญิงร่างบางในชุดขาว  บหน้าซูบซีดและหม่นหมอง  ืนทอดสายตาไปโดยไร้จุดหมาย รือนผมหนาเป็นแพสยายเต็มแผ่นหลัง

                    ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไกลเกินกว่าชายหนุ่มจะจำหน้าได้..

                    หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงพื้นหลังเดสก์ท็อปและไอคอนเรียบร้อยแล้ว  พลืมภาพฝันนั้นไปหมดสิ้นราวกับว่ามันไม่เยรบกวนจิตใจมาก่อนเลย ่ามือใหญ่วางลงบนเมาส์ตัวเล็กและเลื่อนไปมาอย่างชำนาญ ม่นานนักสื่อการสอนเท่าที่จำเป็นก็เสร็จ

                    ออดหน้าห้องส่งเสียงดังไปรอบๆห้องที่ถูกตกแต่งเรียบๆทว่าหรูหรา   ายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

                    ไร้มารยาท .. มาปลุกคนตอนเช้าๆ  _ _ เขาแอบว่าคนที่ยังไม่รู้หน้าในใจ

                    นิ้วมือยาวเรียวกดออดรัวเมื่อเห็นว่าไม่มีใครออกมาเปิดสักที องเท้าส้นเข็มสูงน่ากลัวถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างไม่พอใจ  ธอรู้ว่าชายหนุ่มยังอยู่ด้านในห้องเป็นแน่ พราะเธอถามยามตรงประตูคอนโดเรียบร้อยแล้ว

                   

                    ภพทำทีชักช้าแต่ก็ทนเสียงกดออดรัวๆอย่างนั้นไม่ไหวจึงต้องผละจากคอมพิวเตอร์ไปอย่างเสียไม่ได้  ขาส่องดูหน้าผู้มาเยือนผ่านช่องตาแมวเล็ก

                    ซวยบรรลัย.. ยัยอานตี้ แอนน์ นี่อีกแล้ว..

                   

                    เขาเปิดประตูพลางฉีกยิ้มกว้างอย่างเสแสร้ง

                    "สวัสดีคร้าบบ..เลดี้แอนน์"

                    ผู้หญิงตรงหน้านั้นเซ็กซี่เสียจนผู้ชายหลายคนต้องเหลียวหลัง  ธอเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทผลิตเหล็กกล้าที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง  'แอนน์' ดวงหน้าฝรั่งจ๋านั้นเปรี้ยวเซี้ยวนัก  ดวงตาสีเขียวซุกซนเป็นประกายเจิดจ้า  ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบ  ชุดกระโปรงสั้น เกาะอก และรองเท้าส้นสูง

                    สำหรับผู้ชายทั่วไป  แอนน์นั้นเป็นราวกับนางบนสวรรค์  ครั้งหนึ่งเธอก็เคยเป็นสำหรับภพ .. หากแต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนุกอีกต่อไป

                    หญิงสาวกระโดดเข้าคล้องคอภพ ประกบปากทันที .. ชายหนุ่มผลักเธอออกเหมือนขยะแขยงเต็มทน เธอหน้าบูดทันที ภพรีบเดินไปปิดประตู  เขาทนไม่ไหวกับพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้ ถึงแอนน์จะเป็นฝรั่ง แต่เธอก็เติบโตในเมืองไทย อย่างน้อยก็น่าจะมีมารยาทเสียบ้าง

                    "เกิดอะไรขึ้นคะภพ  What's wrong? ที่ฉันทำมันผิดตรงไหน"  ญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงที่มีโน้ตบุ๊คและเอกสารวางอยู่เกะกะ   พต้องรีบไปจัดการกับของเหล่านั้น

                    เขาพูดอะไรไม่ออก  ความเป็นสุภาพบุรุษและความเกรงใจที่มีต่อพ่อของเธอมันมีมากเกินกว่าจะทำให้เขากล้าจัดการเธอออกไปให้พ้นทาง

                    แอนน์ลุกขึ้นอย่างมีเลศนัย  ธอเข้าไปกอดถพจากข้างหลัง

                    "ภพเป็นอะไรไปคะ.. เครียดกับงานเหรอ.." แอนน์ขยับขึ้นมาข้างหน้า เธอปลดกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด

                    "ให้ตายเถอะแอนน์.. พอซัที"  น้ำเสียงเด็ดขาดและจริงจังทำให้หญิงสาวหน้าเสีย

                    ในเมื่อจัดการกับภพไม่ได้ ธอจึงหันมาจัดการกับตัวเอง ิปด้านหลังของชุดแส็กสั้นนั้นถูกรูดลง รองเท้าส้นเข็มสีดำถูกโยนไปไกล

                    "แด๊ดดี้ของฉันจะว่ายังไงน้า.. ถ้าเขารู้ว่าคุณ.. ทำร้าย  จิตใจ  ฉัน"

                    ภพยืนตัวแข็งทื่อ  ขารู้ดีว่ามิสเตอร์เฮ็นรี่ที่เขานับถือหวงลูกสาวตัวเองขนาดไหน .. นึกต่อว่าตัวเองในใจที่เปิดประตูให้ยัยนี่เข้ามา

                    แอนน์เริ่มใช้มือตัวเองให้เป็นประโยชน์ ธอหันหลังให้ชายหนุ่มปลดตะขอเสื้อชั้นใน

                    "ผมมีสอน.. ต้องไปแล้ว" ชายหนุ่มหลีกจากหญิงสาวไปเก็บเอกสารใส่กระเป๋า ทิ้งแอนน์ให้ยืนหัวเสียเพราะถูกตัดอารมณ์

                    "กรี๊ดด..ฉันไม่ยอมนะภพ..!"

                    เขาปล่อยเธอให้ชักดิ้นชักงออยู่หน้าเตียงคนเดียว

                    "Why?..ทำไมคุณไม่เป็นแบบเมื่อก่อนคะภพ! Tell me now!"

                    "แต่งตัวซะ"

                    "ไม่ค่ะ! ฉันยอมให้คุณขนาดนี้แล้วนะภพ  When you will love me?" แอนน์เริ่มหยิบมารยาหญิงมาใช้ น้ำตาถูกบีบออกมา

                    ภพมองร่างนั้นอย่างสมเพช ้าเขาออกจากที่นี่ช้ากว่านี้เพียง10นาที ขาจะสาย ละการที่ผู้บรรยายสายกว่าคนฟังคงไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ

                    "แอนน์.." เธอทำงอน ไม่ยอมหันหน้ามาตามคำเรียก

                    "เลดี้แอนน์ครับ แต่งตัวซะเถอะครับ ันนี้ผมไม่ว่าง ต่พรุ่งนี้เย็นจะพาไปดินเนอร์ ีไหม?" เขาพยามยิ้ม

                    "ก็ได้ค่ะ… ภพ..รูดซิปให้หน่อยสิคะ"

                    ภพต้องตั้งใจทำตาม ทั้งที่ใจจริงอยากจะไล่ยัยนี่ออกไปไวๆ

                    'ฉันไม่ยอมแพ้คุณหรอก .. สักวันคุณจะต้องยอมรับว่าคุณรักฉัน'

                    หญิงสาวคิดอย่างเย่อหยิ่งก่อนจะเดินตามภพออกจากห้องไป

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    จบตอนอีกแล้วนะคะ .. อ่านแล้วงงตัวเองเนาะตอนนี้ แรกๆก็เศร้าอยู่ล่ะ ไหงหลังๆมันติดเรทซะงั้น 55+ ^0^  เปิดตัวแล้วค่ะ สำหรับเลดี้แอนน์  นอาร้ายย ร้ยางอายเสียจริงๆ  =o=;;  ร้างสีสันให้กับเรื่องค่ะ อบไม่ชอบยังไงก็ลองเม้นๆไว้นะคะ ดี๋ยวสงกรานต์นี้คงต้องพักไว้ก่อน อหลังสงกรานต์แล้วกันเนาะ ่าแต่ไปเที่ยวไหนก็ระวังๆกันด้วย นเยอะๆน่ากลัวถูกฉกกระเป๋า - -* (ส่อแววขี้งก) ยังไงก็ติดตามกันต่อๆไปด้วยนะคะ อบคุณทุกๆคอมเม้นและโพสคะแนนค่ะ =)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×