ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PUPPY LOVE [CINTEUK] PART 2

    ลำดับตอนที่ #1 : MY PUPPY LOVE 1 ::: น้ำตาลูกผู้ชาย [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.22K
      1
      27 มี.ค. 55

    น้ำตา ??
     
    คุณเคยคิดว่าตัวคุณมีน้ำตามากมายแค่ไหน 
     
    คุณเคยคิดว่าคุณจะเสียน้ำตาให้กับใคร
     
    ถ้าคนนั้นเป็นคนที่คุณรักมากหล่ะ น้ำตาคุณมากพอที่จะเสียให้คนที่เรารักรึป่าว
     
     
     
     
    -ฉันไม่ได้จำไม่ได้ แต่ฉันไม่รู้จักนายเลยต่างหาก ฉันไม่ใช่ลูกหมาของนาย ฉันไม่เคยรู้จักนาย คุณคิมฮีชอล-
     
    ราวกับถูกทุบหัวเป็นสิบๆครั้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะตายให้ได้ เหมือนอากาศรอบตัวมันหายไปดื้อๆ
     
    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่เจ้าของก็ไม่มีท่าทีที่จะสนใจมันแม้แต่น้อย ตาสวยเหม่อลอยออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เสียใจ เสียใจ แล้วก็เสียใจ มันยังคงดังซ้ำไปซ้ำมา 
     
     
     
     
     
     
    หยุดร้องไห้สักทีสิ 
     
    อีทึกได้แต่พร่ำบอกในใจ หลังจากที่เพื่อนๆกลับไปกันเกือบหมดแล้วเหลือเพียงแต่เยซองกับรยออุคที่อาสาจะเฝ้า เยซองนั่งที่โซฟาตัวยาวเอาหัวพิงกับกำแพงส่วนรยออุคก็นอนตักเยซอง เหยียดขาจนเต้มโซฟา 
     
    ริมฝีปากเล็กกัดแน่น เพื่อสกัดเสียงสะอื้นไม่ให้หลุดลอดออกไป กี่คืนแล้วที่ไม่นอน กี่คืนแล้วที่ไม่มีฮีชอลข้างกาย ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นซะอีก 
     
    อีทึกปาดน้ำตาออก แล้วค่อยๆหลับตาลง 
    ลืมให้หมดว่าคิดถึงฮีชอลมากแค่ไหน
    ลืมให้หมดว่าเคยมีความสุขมากแค่ไหนตอนอยู่กับฮีชอล 
    ลืมให้หมดว่าเคยรักฮีชอล...มากแค่ไหน
     
     
     
     
     
    พอเวลาโพล้เพล้ ร่างสูงก็ลุกขึ้นกลับไปที่รถตัวเอง แล้วขับออกจากที่นี่ทันที
     
     
     
    ร่างสุ.มาหยุดยืนหน้าโรงพยาบาลที่อีทึกพักรักษาตัวอยู่ แทบไม่รุ้ตัวด้วยซ้ำว่าขาพาตัวเค้าเองมาในหน้าห้องของอีทึกได้ยังไง มือหนาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือหนาค่อยๆจับลูกบิดมันเย็นเฉียบจนรู้สึกได้   อากาศภายในเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศ ฮีชอลปรับสายตาในความมืด แล้วมองหาอีทึก คนที่เค้ารัก…รักหมดหัวใจ  
     
     
     
    ฮีชอลเข้ามาอย่างเงียบๆ สายตามองไปเจอเยซองกับรยออุคกำลังหลับอยู่
     
     
     
    ขายาวก้าวไปยังเตียงผู้ป่วย ฮีชอลสำรวจใบหน้าสวย ขอบตาบวม สภาพไม่จากเค้าเท่าไหร่ ฮีชอลค่อยๆเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ มาหนาดึงมือเล็กมากุมไว้ ก่อนจะประริมฝีปากเบาๆ ริมฝีปากสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เค้ากำลังจะร้องไห้อีกแล้ว
     
     
    “จำฉันไม่ได้หรอ…ไม่สิ นายไม่เคยรู้จักฉัน” มือหนาบีบมือเล็กแน่น ใจมันหวิวลงไป จนแทบจับชีพจรไม่เจอ  
     
     
    “เราไม่เคยรู้จักกันเลยหรอ แค่นิดเดียวเราก็ไม่เคยรู้จักกันหรอ” ฮีชอลยังคงทวนคำที่อีทึกพูดไปมา เพื่อ…? เพื่อให้เค้าเจ็บกว่าเดิมงั้นหรอ 
     
     
     
    “อีทึก ฉันรักนาย” ฮีชอลก้มประทับจูบที่หน้าผากมนเบาๆ 
     
     
     
    “ฉัน…ไม่เคยได้พูด เพราะนายไม่เคยเปิดโอกาสให้ฉัน ให้ฉันได้บอกนายว่าฉันรักนายมากกว่าลูกหมานั่น แล้วก็รักนายมากกว่า…มากกว่าแทยอน ฉันรักนายอีทึก ฉันรักนาย รักฉันเหมือนเดิมได้รึป่าว” ฮีชอลพยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงคอลงไป แต่ว่า เค้าก็เข้มแข็งไม่พอ จนเสียงสะอื้นลอดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ 
     
     
     
    “ฉันรักนาย” ฮีชอลประทับจูบลงกับริมฝีปากอีกครั้งแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ
     
     
     
    ทันทีที่ออกมา น้ำตาก็ไหลกลับมาอีกครั้ง เค้าจะไม่ได้อยู่ข้างอีทึกอีกแล้ว เพียงแค่นี้มันก้ทำให้เค้ารู้ว่า เค้าขาดอีทึกไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
     
     
     
     
    ทันทีที่เสียงปิดประตูปิดลง คนตัวเล็กที่แสร้งหลับอยู่บนเตียงก็สะอื้นออกมา แล้วเป็นอย่างนี้เค้าจะตัดใจจากฮีชอลได้ยังไงหล่ะ   
     
     
    มีเพียงแค่ประตูบานเดียวเท่านั้น ที่รับรู้ว่าทั้งคู่เจ็บปวดมากขนาดไหน น้ำตาที่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ ว่าอีกฝ่ายต้องเสียน้ำตามากมายแค่ไหน กลับความคิดถึงที่ส่งไป จะถึงคนรับบ้างมั๊ย แล้วความรักหล่ะ ที่เราจะรัก จะรู้สึกบ้างรึป่าว ??
     
     
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- [15 %]


      รุ่งเช้า
     
    เยซองตื่นมาด้วยอาการงัวเงียสุดๆ พร้อมมองรอบตัว รยออุคที่นอนอยู่ที่ตักยังไม่ตื่น เยซองจึงหยิบหมอนมารองศรีษะแทนแล้วลุกขึ้นยืน เยซองมองหาอีทึกที่นอนอยู่ที่เตียงแต่ว่า อีทึกไม่ได้อยู่ที่นอนเตียง เยซองรีบวิ่งไปดูที่ห้องน้ำ และที่ระเบียง ปรากฏว่าไม่เจอแม้แต่เงาของอีทึก
     
    เยซองกดกริ่งเรียกพยาบาลให้ช่วยตามหา ก่อนจะวิ่งลงไปด้านล่างวิ่งตามทางเดินก็ไม่เจออีทึก จนกระทั่งเห็นอีทึกนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ เยซองจึงเดนเข้าไปหา
     
    “มานั่งทำอะไรอยู่แถวนี้ ฉันตามหานายตั้งนาน” เยซองหอบนิดหน่อยก่อนจะนั่งลงข้างๆ
     
    “มานั่งเฉยๆน่ะ แค่สับสน” แววตาหุบลงต่ำ แววตาเศร้าจนสังเกตได้
     
    “สับสน? เรื่องอะไร” เยซองถามขึ้น ตาของอีทึกช้ำจนรู้ว่าผ่านการร้องไห้มาหนักแค่ไหน ต่อให้พยายามหยุดร้องไห้ยังไง น้ำตาก็ยังไหลออกมาอยู่ดี   เยซองดึงอีทึกเข้ามากอด เมื่อคนตัวเล็กเริ่มสะอื้น
     
    “ฮีชอล ฮึก...เมื่อคืนฮีชอลมาหา” มือเล็กดึงเสื้อเยซองแน่น
     
    “แล้วฮีชอลว่าอะไรบ้างรึป่าว” เยวองค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาอีทึก
     
    อีทึกส่ายหน้าพร้อมมองหน้าเยซอง “ฮีชอลบอก...ฮึก”
     
    คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไม่ยอมหยุด จนเยซองต้องปลอบสักพักใหญ่ จนถึงยอมเงียบได้
     
     
    “ฮีชอลบอกว่าอะไรหล่ะ”  เยซองถามอีกรอบ
     
    “ฮีชอลบอกรักฉัน” อีทึกหลบสายตาร่างสูงที่จ้องเข้ามา
     
    ยซองเงียบไป ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ค้างอยู่ในใจ
     
    “แล้วนายไม่ดีใจหรอ” เยซองถาม อีทึกไม่ตอบเพียงแต่นั่งเงียบ ริมฝีปากถูกเม้มเข้าเป็นเส้นตรง   เยซองก็นั่งรอคำตอบอย่างใจเย็นโดยไม่พูอะไรสักคำ 
     
    “ฉันไม่รู้ ฮึก เยซอง…ฉันจะทำยังไงดี” มือเล็กดึงเสื้อของเพื่อนแน่น 
     
    เยซองปล่อยให้อีทึกร้องไห้ จนไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ กอ่นจะปล่อยให้คนตัวเล็กหลับไปคาอก แล้วค่อยๆอุ้มขึ้นห้องไป 
     
     
     
     
     
    ตอนเที่ยง เพื่อนก็ทยอยกันมาแล้ว ซีวอนก็ซื้ออาหารเที่ยงมาให้เพื่อนๆ ส่วนอีทึกก็ฟื้นแล้ว ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนๆ
     
    ซองมินกับฮยอกแจก็เดินเข้ามาคุย ซีวอนก็มีเดินเข้ามาถามบ้างแต่ก็ยังไม่มีโอกาศได้คุยกันสักที
     
    “แล้ว คิบอมกับทงแฮหล่ะ” รยออุคถามถึงเมื่อไม่เห้นทั้งคู่
     
    “ทงแฮบอกเพิ่งจะกำลังออกมาจากบ้านน่ะ” ซองมินบอกแล้วหันไปคุยกับอีทึกต่อ
     
     
    อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ทงแฮกับคิบอมก็มาถึงพร้อมกับ…ฮีชอล 
     
    ในสภาพที่เมาไม่รู้เรื่อง ทงแฮกับคิบอมเลยต้องช่วยกันพยุงไว้ พอมาถึงในห้องซีวอนกับฮันคยองก็รับต่อ ช่วยกันหิ้วปีกฮีชอลไปนั่งที่โซฟา แต่ละคนเห็นสารภาพฮีชอลถึงกับอึ้งไปตามๆกัน
     
    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้” ซองมินมองสารภาพฮีชอล รยออุคก็จัดการเตรียมกะละมังน้ำเพื่อให้ฮีชอลสร่างเมา
     
    “ไม่รู้ ออกมาจากบ้านก็เจอนอนเมาไม่รู้เรื่องอยู่หน้าบ้าน” ทงแฮเล่า ก่อนจะมองฮีชอลอย่างนึกสงสาร 
     
    รยออุครีบเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ฮีชอลที่เมาไม่รู้เรื่อง 
     
    “อีทึกอ่า” ฮีชอลเพ้อชื่อนึงออกมา ทำให้ทุกคนยืนจนเกือบจะหยุดหายใจ แต่คนที่ถูกเอ่ยถึงกลับจ้องหน้าฮีชอลนิ่ง อีทึกหยุดหายใจไปแล้วมั้ง ??


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------30%

    ทุกคนหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่เตียง ที่ทำสีหน้าไม่ถูก
     
    “เอ่อ...” อีทึกพยายามนึกข้อแก้ตัวแต่เสียงเยซองก็ดังขัดขึ้นมาก่อน
     
    “ทงแฮ วันนี้ซื้ออะไรมากิน ฉันหิวจัง” เยซองเอามือลูบท้องแล้วเดินไปหาทงแฮ
     
     
    “อีทึก” ซีวอนเดินเข้ามาหาก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งด้วย “หิวข้าวรึยัง” มือหนาลูบผมนิ่มเบาๆ
     
    อีทึกส่ายหน้าช้าๆ เพื่อนก็ต่างหันมามองอย่างเป็นห่วง 
     
    ซีวอนยังคงจ้องสำรวจใบหน้าของอีทึก ทั้งแววตาที่ทำเค้าใจกระตุกวูบ มันเศร้าได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ ซีวอนค่ยอสัมผัสใบหน้าเนียนลูบแก้มนิ่มไปมา 
     
     
     
    “ฮีชอล” ทงแฮสะกิดร่างสูงที่นอนอยู่ที่โซฟา  
     
    “อื้อ” เสียงครางน้อยดังลอดออกมา ไม่นานฮีชอลก็ลืมตาขึ้น ภายในห้องพักยังคงเต็มไปด้วยเพื่อนๆ
     
    “เป็นยังไงบ้าง” ทงแฮยื่นน้ำเปล่าให้
     
    “ปวดหัว” อีชอลค่อยๆลุกขึ้นมานั่งแล้วรับแก้วน้ำไป ก่อนจะมองไปที่เตียง 
     
    อีทึกที่นั่งอยู่ที่เตียงเงยหน้าสบตากับฮีชอล ข้างๆอีทึกมีซีวอนที่เอามือเกลี่ยแก้มนิ่มเล่น ฮีชอลกับอีทึกจ้องตากันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ อีทึกจะเป็นฝ่ายหลบตาสาย ฮีชอลลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง   
     
    ทงแฮมอ
    ตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ซีวอนมองตามฮีชอลที่เดินออกไปก่นอจะมองหน้าทงแฮกับอีทึกสลับกันแล้วเดินตามฮีชอลออกไป 
     
     
     
    ซีวอนเดินออกมา เจอฮีชอลนั่งอยู่ที่หน้าลง เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆ อย่างเหนื่อยล้า
     
    “เป็นอะไร แค่นี้ก็ท้อแล้วหรอ” ซีวอนถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ
     
    ฮีชอลยังคงเอาแค่หลับตาไม่พูดอไรสักคำ
     
    “ที่อีทึกเค้ารักนายแค่ไหน เค้ายังไม่เคยท้อเลย…” 
     
    “รักหรอ ? คำนี้มันยังมีสำหรับอีทึกด้วยหรอไง หึ” ฮีชอลกระตุกน้ำเสียง
     
    “มีสิ มีมาก มากเกินไปจนนายมองไม่เห็นค่ามันไงหล่ะ จนต้องถึงวันที่นายกำลังสูญเสียมันไป นายก็ถึงจะรู้สึกมันได้” ซีวอนตบบ่าฮีชอล
     
    “…ฉันมันโง่เองหล่ะ”  ฮีชอลเบนหน้าไปทางด้านอื่น “นายชนะแล้วหล่ะ”
     
    “ฉันไม่เคยชนะนาย ตราบใด้ที่อีทึกเค้ายังรักนาย    กลับไปสิ…ไปบอกอีทึก ว่านายรักเค้ามากแค่ไหน” ซีวอนมองฮีชอลที่ดูเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
     
    “ไม่มีประโยชน์แล้วหล่ะ เค้าไม่รู้จักฉัน เค้าจะรักกับคนแปลกหน้าได้ยังไงหล่ะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ ฮีชอลลุกขึ้นเดินออกไป
     
    “ถ้านายไม่รู้จัก ก็ทำความรู้ใหม่สิ” ซีวอนพูดขึ้น ฮีชอลหันมามองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “ขอเบอร์ได้มั๊ยครับ” ซีวอนยักคิ้ว
     
    ฮีชอลกระตุกยิ้มกับความคิดของซีวอน
     
    -ไม่รู้หรอ ก็ดีแฮะ ทำความรู้จักซะใหม่ก็จบเรื่อง-
     
    “เลิกร้องไห้ซะ ดูแล้วมน่าให้จีบเลย” ซีวอนบอกแล้วชี้ไปที่ตาฮีชอล “ฉันกับทงแฮจะช่วยนายเอง” 
     
     
     
     
    “แผนการ ทวงคุณนายคิมจองซู”
     
    พูดจบซีวอนก็เดินกลับเข้าห้องไป ปล่อยทิ้งไว้ให้ฮีชอลยืนยิ้มอยู่คนเดียว
     
    -จองซู กลับมาเถอะนะ-
     
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ [50%]
     
     
     
    ซีวอนเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะส่งยิ้มให้ทงแฮเป็นนัยๆ ว่าเค้าทำสำเร็จแล้วก่อนจะเดินเข้าไปแท็กมือกันเบาๆ ทงแฮก็เลิกลั่ก มองซ้ายขวา แล้วเริ่มถาม 
     
    “เป็นยังไงบ้างสำเร็จมั๊ย” ทงแฮกระซิบให้เบาที่สุด
     
    “เรียบร้อย ต่อไปนี้เราก็แค่ช่วยอยุ่ห่างก็พอ” ซีวอนกระซิบตอบกลับเช่นกัน 
     
    ได้ยินอย่างนั้นเจ้าปลาน้อยก็ยิ้มขึ้นมาอย่างโล่งอกก่อนจะมองเพื่อนตัวเองที่นอนตาบวมไม่จากคนที่อยู่ข้างนอก เค้าเข้าใจดีว่าเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ที่อีทึกไม่อยากกลับไปหาฮีชอลมีอะไรบ้าง แต่เค้าก็จับต้นชนปลายไม่ถูก 
     
    “แล้วนายต้องขอบคุณฉันสองคน อีทึก ฮีชอล” ทงแฮแอบลอบยิ้มกับซีวอนเล็กๆ ก่อนจะปรับสีหน้าเมหือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     
     
     
     
     
    วันรุ่งขึ้น
     
    ทั้งซีวอนและทงแฮบุกไปที่บ้านของฮีชอลแต่เช้า ก่อนจะพยายามลากร่างสูงออกมาจากที่นอน

    “ตื่นได้แล้ว นี่นายน่ะ นอนขนาดนี้ถ้ามีคนอื่นเข้ามาจีบอีทึกเค้าคงคะแนนไปถึงไหนแล้ว นายยังเอาแต่นอนอย่างนี้” ทงแฮบ่นยืดยาวก่อนจะพยายามดึงตัวร่างสูงใหลุกจากที่ 
     
    “ไม่เอาอ่ะทงแฮ ยังเช้าอยู่เลยนะ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ตั้งเกือบสว่างแหน่ะ ขอนอนหน่อยน้า” ก็เมื่อคืนเล่นคิดมากทั้วคืนใครจะไปหลับลง
     
    “ไม่เอาลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ทงแฮดึงมือฮีชลอให้ลุกขึ้นมานั่ง
     
    “นี่ ถ้านายไม่ตื่นนะ ฉันจะจีบอีทึกเองจริงๆด้วย” ไม้ตายซีวอนได้ผล คนตัวสูงลุกขึ้นนั่งหลังตรงตาสว่างทันที 
     
    “อะไรของนาย” ฮีชอลขมวดคิ้วถาม ทงแฮแอบหัวเราะกับท่าทางของฮีชอล
     
    -ท่าทางเค้าจะหวงของจริงแฮะ- 
     
    “นี่ นายลืมไปหรือไง ว่าวันนี้อีทึกจะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ” ทงแฮพูดเตือนสติ
     
    “รู้แล้วน่า” ฮีชอลตอบอย่างปัดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ
     
     
     
     
    ตอนนี้ภายในห้องพักผู้ป่วย มีฮีชอล ทงแฮ ซีวอนและคิบอม ตามด้วยบุพการีของตระกูลคิมอีกสองคน เพราะงานยุ่งมาก เค้าจึงมาได้แค่พาลูกชายกลับบ้านเท่านั้น
     
    “อีทึก กลับไปอยู่กลับแม่เถอะนะ” คุณนายคิมกุมมือเล็กแน่น เมื่ออีทึกมีท่าทางว่าจะไม่ยอมกลับไปอยู่ที่บ้านอีกแล้ว ฮีชอลก็พลอยใจหายไปด้วย
     
    “เอ่อ…แต่ว่า” อีทึกอึกอั่ก เหมือนกำลังจะขอค้าน คุณนายคิมเลยต้องใช้มารยานิดหน่อย โดยการปี่แตก เพราะใครก็รู้ว่าผู้ชายแพ้น้ำตาผู้หญิงราบคาบ วิธีเค้าก้เคยใช้ได้ผมาแล้ว ไม่งั้นจะมีฮีชอลทุกวันนี้หรอ
     
    “ทำไมหล่ะ…ไม่รักแม่แล้วหรอ ฮึก…ฮือออ!!” คุณนายคิมสูดขี้มูกเข้าไป “ใจร้ายกับแม่จังเลย…ฮือออ แล้วแม่จะอยู่กับใคร” คุณนายคิมคร่ำครวญไม่หยุด คุณคิมก็เลยสมทบเพื่อให้บทบาทดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
     
    “คุณ…ไม่เป้นไรหรอก อย่าไปฝืนใจ…ลูกเค้าเลย” คุณคิมน้ำตาคลอก่อนจะดึงมือเล็กมากุมเบาๆ “พ่อขอโทษด้วยนะลูก ที่พ่อมาบังคับลูกชาย” คุณพ่อเบือนหน้าหนีคนตัวเล้ก ก่อนที่ตัวเองจะหลุดขำ 
     
    ฮีชอลเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาทั้งคู่
     
    “เรากลับบ้านกันเถอะครับแม่” ฮีชอลมองอีทึกด้วยแววตาที่เจ็บปวดก่อนจะค่อยพาเดินทั้งคู่ให้ออกจากห้อง แต่พอเดินมาเกือบจะถึงหน้าประตู เสียงหวานก็ดังขึ้นทำให้ทุกคนยิ้มกว้าง  
     
    “ผมจะกลับไปอยู่ด้วยครับ” 
     
    หัวใจของฮีชอลเริ่มพองโตขึ้นทีน้อยอย่างรู้สึกได้ รอยยิ้มบางฉาบขึ้นบนหน้า คุณนายคิมวิ่งไปกอดลูกชายที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ที่เตียงแล้วหอมแก้มซ้ายขวาอย่างชื่นใจ
     
    อีทึกเผลอเงยหน้ามองสบตากับฮีชอลอย่างไม่ได้ตั้งใจ รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นส่งผ่านจากฮีชอลมาถึงอีทึก จนเค้ารู้สึกว่าหัวใจตัวเองมันกำลังทรยศเค้าอีกแล้ว…
     
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ [69.5%]

    ตอนนี้อีทึกก็ได้กลับมาสู่บ้าน บ้านหลังเดิมที่เค้าอยู่ บ้านหลังเดิมที่ให้ความอบอุ่นกับเค้ามาตลอด เกือบสิบปี อีทึกยิ้มออกมาเล็กๆอย่างอุ่นเมื่อได้กลับเข้ามาอีกครั้ง 
     
    ฮีชอลพาอีทึกขึ้นไปที่ห้องนอน ปรากฎว่า ห้องนอนฮีชอลกับอีทึกถูกทำกลายเป้นห้องกว้างเพียงห้องเดียว 
     
    “เอ่อ…นายอยู่ได้รึป่าว” ฮีชอลเอ่ยถาม ขณะมองสำรวจรอบห้อง
     
    “คะ…ครับ” อีทึกตอบรับก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไป 
     
    คำพูดที่ฟังดูห่างเหิน แทบจะบีบหัวใจเค้าเป็นเสี่ยงๆ
     
     
     
    ขณะทานอาหารเย็น บรรยากาศที่โต๊ะ ก็ดูจะครึกครื้นเพราะเสียงของคุณนายคิม ที่ดูจะเอาอกเอาใจอีทึกซะเหลือเกินตักนู่น ตักนี่ให้ เหมือนกำลังเห่อลูกสะใภ้(??)ไม่มีผิด  ส่วนฮีชอลก็นั่งคุยกับคุณคิมอย่างเงียบๆ
     
    “อีทึก ทานนี่สิลูก อร่อยมากเลยนะ” ว่าแล้วคุณนายคิมก้ตักอาหารจานโปรดในจานอีทึก เดี๋ยวตักนู่นใส่ ตักนี่ใส่ จนจะล้นจานอีทึก อีทึกได้แต่มองปฏิกิริยาจากคุณนาย เหมือนอาหารหมายังไงไม่รู้ มันดูผสมๆกันแปลกๆ อีทึกส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้คุณนายคิม 
     
    “พอแล้วฮะ คุณแม่ ผมทานไม่หมด” อีทึกรีบปฏิเสธเมื่อคุณนายคิมกำลังจะตักอาหารอีกอย่างใส่มา
     
    “ได้ไงลูกอีทึก ต้องทานเยอะนะ ไม่งั้นแม่เป็นห่วง เรายิ่งตัวเล็กๆ ทานเข้าไปเยอะๆ” ว่าแล้วคุณนายคิมก็ตักอาหารสารพัดชนิดใส่จานอีทึกไม่ยั้ง
     
    คุณคิมกับฮีชอลมองปฏิกิริยาของคุณนายคิม
     
    “ไม่ต้องมองเลย ทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ ตัวก็โต ไม่ต้องกินเยอะหรอก แบ่งให้อีทึกกินบ้าง ฮีชอลนั่นแหละตัวดีเลย แย่งอีทึกกินประจำดูสิ อีทึกตัวนิดเดียวลมพัดก็ปลิว” คุณนายคิมบ่นต่ออีกยืดยาว ทำฮีชอลหูชาไปได้สักพัก 
     
     
     
     
    กลางดึก  
     
    ทั้งคู่ต่างยืนอยู่ที่ปลายเตียง ต่างคนก็ต่างไม่กล้าลงไปนอน เพราะอีกฝ่าย
     
    “นายนอนไปเถอะ ฉันนอนที่พื้นเอง” ฮีชอลตัดบทเพราะตนก็เริ่มง่วง เค้าเองก็รู้ดีแก่ใจ ว่าอีทึกคงไม่อยากนอนด้วยกันกับเค้าสักเท่าไหร่
     
    “ไม่ดีกว่า ฉันแค่มาอาศัย ฉันนอนข้างล่างเอง” อีทึกดึงฮีชอลขึ้นมาบนเตียง แล้วเอาหมอนตัวเองไปวางที่พื้นแทน
     
    ฮีชอลเงียบไปกับคำพูดของอีทึก
     
    “…นายเพิ่งหายป่วย ขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ เดี๋ยวแผลจะช้ำกว่าเดิม” ฮีชอลเอาหมอนตัวเองลงไปวางที่เดิม แล้วเอาหมอนอีทึกไปไว้บนเตียง
     
    “แต่…”
     
    “แค่นี้ยังช้ำไม่พอหรอไง…” ฮีชอลพูดจบก็ล้มตัวนอน ปล่อยอีทึกให้นั่งจมกับความคิดต่อไป “ถ้าอยากนอนที่พื้น ทนได้มั๊ยหล่ะ ต้องนอนกับฉันน่ะ” 
     
    สุดท้ายอีทึกก็ต้องนอนบนเตียง ส่วนฮีชอลก็นอนที่พื้น ฮีชอลกับอีทึกต่างหันหน้าไปคนละทาง ในใจก็คิดมากเรื่องอีกฝ่ายจนนอนไม่หลับ กว่าจะกลับก็ปาไปค่อนคืน 
     
     
     
    รุ่งเช้า
     
    ใบหน้าทั้งคู่ดูแวบเดียวว่านอนไม่พอ จนเพื่อนต่างทัก
     
    “คืนดีกันแล้วหรอวะ ฮีชอล” ซีวอนกระซิบถาม เพราะเค้าแลกที่กับเด็กในห้องมานั่งข้างฮีชอลแทน
     
    “คืนดีอะไร” ฮีชอลหันไปมองเพื่อนอย่าง งงๆ
     
    “หน้าตานอนไม่พอทั้งคู่ ฉันรู้หน่าเมื่อคืนนายสองคนทำอะไรกัน โอ้ยย!!...” ซีวอนกุมหัวตัวเองเมื่อฮีชอลเอากล่องดินสอใครไม่รู้ตีหัว
     
    “คิดอะไรของนายเนี่ย   ใช่เมื่อคืนไม่ได้นอน ไม่ได้นอนเพราะอึดอัดเว้ย อีทึกไม่ยอมพูดอะไรสักคำ” ฮีชอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเบี่ยงหน้าไปทางอีทึก ที่ดูจากพูดน้อย กลายเป็นพูดน้อยลงไปอีก 
     
     
     
     
    “นั่นไงๆ อีทึกมาแล้ว” ทงแฮและซีวอนพยายามดันฮีชอลให้ออกไปจากมุมตึก ในมือถือช่อดอกไม้ ช่อใหญ่ ที่อุตส่าห์ไปแวะซื้อมาเมื่อเช้าจนเข้าโรงเรียนสาย ใจกลับเต้ไม่เป็นจังหวะ
     
    “เฮ้ย…ยอมรับว่ะ ป๊อด” ฮีชอลพูดออกมาจริงๆ
     
    “แกอยากได้ใจอีทึกคืนป่ะ ถ้าอยากได้ก็รีบออก” ทงแฮดันฮีชอลอีกรอบ
     
    “เฮ้ย พอๆ” ฮีชลอยกมือห้าม ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เข้าค่อยๆก้าวเข้าไปหาอีทึกที่เดินอยู่คนเดียว
     
     
     
    อีทึกมองร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อโต 
     
    “รับไปสิ” ฮีชอลยื่นให้ แต่อีทึกก็ยังคงเงียบ จนบรรยากาศตรึงเครียดขึ้น 
     
    ฮีชอลดึงมืออีทึกให้มารับดอกไม้ แต่อีทึกกลับรับ แล้วปล่อยลงพื้น อย่างไม่ใส่ใจ พลางสายตาที่ตกใจของทงแฮและซีวอน  ส่วนฮีชอลก็หันหน้าไปทางอื่น
     
    “ไม่อยากได้มันเลยหรอ” ฮีชอลถามขึ้นริมฝีปากถูกเม้มเป็นเส้นตรงอย่างใช้ความคิด
     
    “ไม่” อีทึกตอบสั้นๆ พลางจ้องหน้าร่างสูงกลับ “ขอบคุณนะ” 
     
    อีทึกเดินข้าม ไม่สิ อีทึกเหยียบช่อดอกไม้ที่ตกพื้นอยู่ ก่อนจะเดินผ่านฮีชอลไป 
     
     
     
    “ไอ้ฮีชอล!!” ทงแฮรีบวิ่งเข้ามาหาร่างสูงที่ยืนนิ่งเป็นหินผาไปซะแล้ว “หายใจอยู่ป่ะเนี่ย” ทงแฮเอามืออังที่จมูกฮีชอล
     
    “อะไรกันวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับอีทึก!!”  ทงแฮกำลังโวยวายเหมือนคนบ้า “เพื่อนฉันๆๆ เว้ยเกิดอะไรขึ้นน!!”  
     
    “หยุดโวยวายก่อนได้มั๊ย ทงแฮ” ซีวอนพูด แล้วก้าวเข้าไปหาฮีชอล
     
    “ฉันผิดเองแหละ ที่ทำให้เค้าเกลียดขี้หน้า” ฮีชอลพูดขึ้น
     
    “ฮีชอล…นายอย่าเพิ่งท้อ นึกเข้าไว้ อีทึกเค้าทนรักนายขนาดไหน นายต้องทนให้ได้มากกว่าเค้า อีทึกอ่ะนะแปปเดียวเดี๋ยวก็ใจอ่อน” ทงแฮเดินไปตบบ่าฮีชอลเบาๆ
     
    “ดื้อเท่านั้นที่ครองโลก” ทงแอยิ้มให้ฮีชลอบางๆ ซึ้งฮีชอลก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน
     
    ซีวอนตบบ่าฮีชอลให้กำลังใจเหมือนกัน ฮีชอลคลี่ยิ้มบางๆ แล้วมองไปทางอีทึกเพิ่งเดินไป 
     
    นายใจร้ายจังนะ แล้วสักวันฉันจะเอาคืนให้สาสม 
     
    ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนที่ยืนยิ้มให้กำลังใจเค้าอยู่
     
    ฮีชอลซะอย่าง ถ้าอยากได้จองซู ก็ต้องได้
     
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------[100%]


    ^^

    เป็นกำลังใจพระเอกเราด้วยนะคะ


    ฮ่าๆๆ
    มาแล้วๆ
    รอนานมั๊ยๆๆ


    คิดถึงรีดเดอร์จุ๊บๆๆ

    ช่วงนี้ปิดเทอมกันแล้ว
    หลายคนก็ว่างมากขึ้นใช่มั๊ยคะ

    แต่เรากำลังจะมีข่าวร้ายมาบอก

    T^T
    พูดแล้วมันก็เศร้า (พูดมาเถอะ - -)

    เราคงไม่ได้อัพบ่อยขึ้น 
    เราจะอัพได้บ่อยขึ้นเมื่อหลังมีนา

    รีดเดอร์รอเราได้ใช่มิๆ

    T^T

    อยา่ทิ้งกันน้า
    แต่ว่างๆจะแอบมาอัพบ่อยนะคะ
    ^^
    รักรีดเดอรืน้าค้า
    จุ๊ฟๆ
    >//<
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×