ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PUPPY LOVE [CINTEUK] PART 2

    ลำดับตอนที่ #2 : PUPPY LOVE 2 ::: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 55


     PUPPY LOVE 2

     

    หลังจากเรียนเสร็จ  อีทึกก็รีบเก็บของกลับบ้านทันที  โดยไม่มีชวนเค้าเลยสักนิด

     

    ฮีชอล  ทงแฮแตะบ่าร่างสูงเบาๆ

     

    ฮะ  หืมฮีชอลสะดุ้งเล็กน้อย

     

    มองอีทึกหรอ

     

    อ๋อ  อืม  นายมีอะไร  ฮีชอลถามขณะที่ตายังคงจ้องอีทึกที่เดินออกไป

     

    “สู้เค้าหล่ะ” ทงแฮตบบ่าร่างสูงทีนึง่กอนจะเดินโดนคิบอมดึงออกไป

     

     

     

    หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน  อีทึกก้รีบขึ้นห้องทันที  โดยมีเยซองกับซองมินอาสามาส่งที่บ้าน

     

    ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันขอขึ้นห้องก่อน  อีทึกระบายยิ้มอ่อนๆให้  ต่อให้อีทึกยิ้มออกมาอย่างนั้นก็เถอะ แต่แววตาไม่ได้ยิ้มออกมาด้วยเลย  รู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบเพื่อนยังไงดี  แววตาที่เศร้าสร้อย ปิดยังไงต่อให้รอยยิ้มกลบเกลื่อนเท่าไหร่มันก็ยังไม่หายไปอยู่ดี

     

    “อีทึก...”ซองมินเรียกเพื่อนเอาไว้

     

    “หืม...มีอะไรหรอ” ร่างเล็กหันกลับมา

     

    “อ่อ...ป่าว ไม่มีอะไร นายไปพักผ่อนเถอะ”

     

     

     

    กลางดึก

     

         เหตุการ์ณน่าอึดอัดกลับมาเหมือนเดิม เค้ากับฮีชอลยังต้องมานอนห้องเดียวกัน แล้วเมื่อไหร่ เค้าจะตัดใจจากฮีชอลได้สักที

     

    “อีทึก” ฮีชอลเรียกร่างเล็ก แต่อีทึกกับยืนเงียบไม่ตอบรับร่างสูง

     

    ฮีชอลได้แต่มอง ปฎิกิริยาที่นิ่งเฉยของอีทึก จึงเงียบไม่ตอบ ก่อนจะเดินไปจัดที่นอนของตนเองแล้วเข้านอน อีทึกได้แต่งงๆ กับท่าทางของฮีชอล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินไปนอนเช่นกัน

     

    ร่างสูงยิ้มกริ่มกับความคิดตนเอง ก่อนจะพล็อยหลับไป

     

    ต่างกลับอีทึกที่นอนยังไงก็นอนไม่หลับ มัวแต่คิดมาก แล้วก็รู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเองให้วันนี้  อีทึกค่อยๆลุกจากที่นอน มานั่งข้างๆฮีชอลที่หลับอยู่ที่พื้น มือเล็กค่อยๆลูบใบหน้าคมที่เค้าคุ้นเคย ริมฝีปากเล็กคลี่ออกมานิดหน่อย มือเล็กยังคงแตะสัมผัสที่ใบหน้าฮีชอล

     

    “อื้ม...” เพราะฮีชอลขยับตัวนิดหน่อย ทำให้อีทึกตกใจกลัวจะอายที่ฮีชอลจะเห็นเค้าอยู่ในสภาพนี้ อีทึกเลยรีบลุกขึ้นกลับไปนอน  กว่าจะข่มตาหลับไป ก็ดึกพอสมควร

     

     

     

     

     

     

    เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าดังขึ้น ร่างเล็กงัวเงียตื่นขึ้นมา ก่อนจะมองนาฬิกาอีกดัง ได้เวลาตื่นแล้ว อีทึกรู้สึกเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก็ดึกพอสมควร อีทึกลุกขึ้นจากที่นอนอย่างงัวเงียก่อนจะคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่สังเกตว่า ร่างสูงที่นอนอยู่ที่พื้นหายไปแล้ว

     

     

    หากคุณตื่นตอนเช้า แล้วพบว่ามีช่อดอกไม้ใหญ่
    มองหาเจ้าของ คุณก็ไม่เห็นใคร
    ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะช่อนั้นมันเป็นของคุณ

     

     

    หลังจากอาบน้ำสร็จอีทึกก็กำลังจะเดินไปแต่งตัว ก็พอช่อดอกไม้สีขาว โดยมีโพสท์อิทสีเหลืองแปะอยู่

     

    ปาร์คจองซู

     

    อีทึกมองมัน ก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือฮีชอลก่อนจะมองหาเจ้าตัว

     

     

     

     

     

    “ป้าครับ  ฮีชอลหล่ะครับ” อีทึกถามป้าแม่บ้าน

     

    “คุณชายออกไปตั้งแต่เช้าแล้วหล่ะค่ะ แล้วคุณชายก็ฝากบอกว่า เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่งคุณหนูที่โรงเรียน”  ป้าแม่บ้านบอก

     

    “ครับ” อีทึกตอบรับ ก่อนจะนึกถึงฮีชอล

     

     

     

     

    อีทึกเข้ามาในห้องเรียน ก็ยังไม่เห็นฮีชอล จะถามเพื่อนๆแต่ก็ไม่กล้า

     

    “อีทึก” รยออุคเรียกเพื่อน “นายจำตอนที่นายหายไปได้มั๊ย”

    “ทำไมหรอ” อีทึกมองเพื่อนอย่างสงสัย

     

    “นายยังมีงานค้างอยู่อีกนิดหน่อยน่ะ คือนายต้องทำมันด้วยตัวเองหน่ะ ส่วนงานที่เหลือพวกฉันทำให้เสร็จหมดแล้วหล่ะ” รยออุคยื่นงานที่อีทึกต้องทำ

     

    “ขอบใจนะ รยออุค” อีทึกรับงาน แต่ก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย นี่เค้าก็ปีสุดท้ายแล้ว งานก็เยอะอยู่แล้วยังต้องมาทำงานเก่าอีก สงสัยวันนี้คงต้องอดข้าวเที่ยงซะแล้ว...

     

     

     

     

    พักกลางวัน

     

    “อีทึกกกก  เดี๋ยวค่อยทำหน่า” ซองมินพยายามจะฉุดอีทึกที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้ไปกินข้าว

     

    “เดี๋ยวก่อน ซองมิน ฉันต้องรีบทำงานนะ ลงไปกินกันเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” อีทึกบอกปัด มือก็ยังเขียนงานไม่หยุด

     

    “อีทึกอ่า” ซองมิน พองแก้มออกอย่างงอนๆ “ฉันโป้งนายแล้วนะ อีทึก” ซองมินกอดอกทำท่าจะงอนจริง จนอีทึกต้องรีบปลอบ

     

    “ซองมินอ่า...อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันต้องทำงานจริงๆนี่หน่า อีกอย่าง ฉันอยากเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกับพวกนายด้วยนะ” อีทึกบอกพร้อมเหตุผล ซองมินมองอย่างชั่งใจก่อนจะเปลี่ยนความคิดใหม่

     

    “โอเคก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะหาของกินจริงมาฝากนะ” ซองมินว่าก่อนจะดึงฮยอกแจไปด้วย

     

    “อีทึกฉันว่า นายอย่าฝากความหวังไว้กับไอ้นี่เลย” ฮยอกแจชี้ไปที่ซองมิน ทำเอาอีทึกหัวเราะคิกคัก

     

     

     

    พอเพื่อนๆต่างลงไปกินข้าวกลางวัน ก็เหลือ อีทึกเพียงคนเดียว จึงเริ่มลงมือทำงาน  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่งานยังคืบหน้าไม่มากมัก มือบางเลยต้องเร่งทำขึ้นไปอีก แต่ทว่าก็มีอุปสรรค เสียงท้องเค้าร้อง อีทึกเริ่มหิวข้าวแล้ว ครั้งจะรอเพื่อน ก็อย่างที่ฮยอกแจว่า ซองมินจะเชื่อได้หรอ อีทึกเลยตัดสินใจจะลงไปหาเพื่อนๆเอง

     


    โปรดอย่าสงสัย นั่นคือความจริงใจจากผม
    จากคนคนเดิม คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
    คนที่คอยอยู่ ดูแลระยะไกล
    จำได้ไหม เขายังเป็นห่วงคุณเหมือนเดิม

     

     

    แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป อีทึกก็เหลือบไปเห็นกล่องข้าวพร้อมขวดน้ำ ที่วางอยู่บนโต๊ะเรียน โต๊ะแรกใกล้ประตูทางออกพอดี อีทึกมองมันอย่างพิจารณา ก็เหลือบเห็นโพสท์อิทสีเหลืองแบบเดียวกับเมื่อเช้า มีชื่อเค้าแปะอยู่

    ปาร์คจองซู

     

    อีทึกชั่งใจอยู่สักครู่ ว่าจะกินดีรึป่าว

     

     

    คุณก็รู้ว่าใคร คุณก็รู้ใช่ไหม

     

     

     

    ฮีชอล ฮีชอลอีกแล้ว อีทึกตัดสินใจเอามันไปกินดีกว่า ที่จะเสียเวลาลงไปข้างล่าง

     

     

    อีทึกมัวแต่สนใจงานกับอาหาร จนไม่เห็นใครบางคนที่แอบยิ้มอยู่หลังประตูหลังห้องที่แอบมองปฏิกิริยาของร่างเล็กมาตลอด

     

    ร่างสูงมองอย่างพออก พอใจไม่น้อยก่อนจะเดินออกไป

     

     

     

    “อีทึกกกกก” เสียงเจื้อยแจ้วของฮยอกแจกับซองมินดังเข้ามา ทั้งคู่วิ่งข่งกันเข้ามาหาอีทึก

     

    “วะ...ว่าไง” อีทึกตกใจเล็กน้อย

     

    “มาแล้ว หิวรึป่าววววว” ฮยอกแจเอ่ยขึ้น พร้อมโชว์ถุงเปล่าขึ้น “เอ๋...” ฮยอกแจแปลกใจเล็กน้อย ก็ก่อนขึ้นมายังมีขนมปังเต็มถุงอยู่เลยนี่หน่า

     

    “แหะๆ” ซองมินหัวเราะแห้ง เอามือเกาหัวอย่าขวยเขิน  ฮยอกแจมองค้อนซองมิน

     

    “นี่ ยัยอ้วน ทำไมนายถึงทำแบบนี้ นายรู้มั๊ยอีทึกหิววว” ฮยอกแจตบะแตก เลยว่าซองมิน

     

    “กะ...ก็  ก็ฉันหิวนี่หน่า กินนิด กินหน่อยก็ไม่ได้” ซองมินว่า

     

    “ไม่หน่อยแล้วหล่ะ หมดแล้ว” ฮยอกแจว่าอีกทีพร้อมชูถุงเปล่า

     

    “เพราะนายนั่นแหละ ฮยอกแจ” ซองมินโทษฮยอกแจ

     

    “ยังจะมาโทษฉันอีกนะ”

     

    “ก็นายซื้อขนมน่ากินมาทำไมหล่ะ”

     

    “แล้วใครใช้ให้นายกิน” ฮยอกแจถึงกับชี้หน้า ทำผิดแล้วยังมาโทษคนอื่น

     

    “ก็...”

     

    “พอแล้วน่า  ฮยอกแจ ซองมิน” อีทึกพูดขึ้น ทั้งสองเงียบไปแต่ก็ยังเขม่าตาให้กัน  “ฉันกินแล้วหล่ะ”

     

    “กินแล้ว? กินตอนไหนน่ะ” ฮยอกแจถามอย่าง งงๆ

     

    “มีคนเอามาให้หน่ะ” อีทึกตอบพร้อมก้มเขียนงานต่อ ไม่งั้นวันนี้ไม่เสร็จแน่

     

    “ใครเอามาให้หรอ” ซองมินถามขึ้นอีกครั้ง

     

    “ไม่รู้เหมือนกันสิ” อีทึกตอบยิ้มๆ

     

     

    คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

     

     

     

     

    หลังจากพักเที่ยง เพื่อนก็เริ่มทยอยเข้ามาให้ห้อง แต่อีทึกกลับวางงานแล้วชะเง้อหาคนๆ คนเหนึ่ง ทงแฮที่นั่งอยู่กับคิบอมเห็นปฏิกิริยาของอีทึก แล้วก็อดยิ้มไม่ได้

     

    “หาใครอยู่หรอ” ทงแฮแกล้งถามขึ้นมา

     

    “ปะ...ป่าวหนิ ก็ไม่ได้หาใคร เอ่...ซีวอนหล่ะ” อีทึกแกล้งอ้างชื่อไปเรื่อย  แล้วก็ถูกบุคคลนิรนามเอาปากกาเคาะหัวเบาๆ

     

    “ฉันอยู่นี่ไง...ฉันมาตั้งนานแล้ว นายแหละ มัวหาใคร” ซีวอนว่าขำๆ “เอ่...หรือว่าหา....” ซีวอนชะเง้อตาม แล้วมองหน้าอีทึกอย่างจับผิด อีทึกเลยต้องหลบสายตานั้น ด้วยการแสร้งทำงาน

     

    “เอ่อ...ฉันทำงานก่อนนะ” ว่าแล้วอีทึกก็ลงมือทำงานอีกครั้ง  จนกระทั่งคาบเรียนเริ่มขึ้น เค้าก็ยังไม่เห็นฮีชอล

     

     

    แล้ววันนั้นทั้งวันเค้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของฮีชอล  ข้างนอกฝนก็เริ่มจะตั้งเค้าแล้ว ฮีชอลจะเป็นยังไงบ้าง...

     

     

     

    หลังเลิกเรียน ทุกคนก็ต่างเก็บของบ้าน

     

    “อีทึกจะไปด้วยกันรึป่าว วันนี้พี่ฮันคยองเอารถมารับหน่ะ ฝนจะตกแล้ว นายจะกลับบ้านลำบากนะ” ฮยอกแจเอ่ยชวน เพราะฝนก็เริ่มตกแล้ว

     

    “ไม่เป็นไรนะ ฮยอกแจ ฉันยังมีงานต้องทำอีก เดี๋ยวจะไม่ทันส่ง ไม่อยากให้นายเสียเวลารอด้วย” อีทึกบอกพร้อมเขียนงานในมือไปด้วย

     

    วันนี้ปวดมือชะมัด  อีทึกได้แต่บ่นอุบในใจ ก่อนจะสะบัดข้อมืออย่างเหนื่อยล้า

     

    “อีทึก จะกลับพร้อมฉันรึป่าว เดี๋ยวฉันไปส่ง” ซีวอนเอ่ยชวน เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆก็เริ่มทยอยกลับกันเกือบหมด

     

    “ไม่เป็นไร นายกลับไปก่อนเถอะ วันนี้พ่อกับแม่นายกลับมาไม่ใช่หรอ ไปเถอะไม่ต้องเป็นหวังฉัน” อีทึกตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เค้าเองก็รู้ดีว่า ซีวอนลำบากใจนิดหน่อย

     

    “งั้นฉันไปละนะ นายก็รีบๆกลับหล่ะ เดี๋ยวตากฝนมากๆจะไม่สบายเอา” ซีวอนบอกพร้อมลูบผมนิ่มเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินออกไป

     

    “ซองมินนนนน”เสียงคยูฮยอนเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล ทำให้อีทึกยิ้มออกไม่ยากนัก “กลับบ้านกันนนนน”

     

    “รู้แล้วหน่า เก็บของอยู่มีตาดูมั๊ยเนี่ย” ซองมินแลบลิ้นให้คนูฮยอน

     

    “เชอะ ฉันเห็นอยู่หรอกน่า  พี่อีทึกกลับบ้านด้วยกันมั๊ยครับ” คนูฮยอนเอ่ยชวน

     

    “จะบ้าหรอ คยูฮยอน ฝนจะตก ร่มนายก็ไม่มี ถ้าให้อีทึกกลับด้วย อีทึกก็เปียกกันพอดีน่ะสิ เดี๋ยวฉันจะให้คิบอมไปส่งเอามั๊ย” ซองมินหันมาพูดกับอีทึกด้วย แต่อีทึกกลับส่ายหน้าอีกเช่นกัน  “หรือว่าจะให้เยซองไปส่ง” ซองมินถามขึ้นอีก

     

    “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันไม่ใช่เด้กๆแล้วน้า” อีทึกตอบ

     

    “ก็ได้ๆ งั้นนนายรีบกลับแล้วกันนะ มีร่มรึป่าว ถ้านายไม่มีร่ม ก็ไปขอที่ห้องพักครูแล้วกันนะ ฉันไปก่อนหล่ะ” ซองมินแล้วซองมินก็เดินออกไปพร้อมคยูฮยอน

     

    อีทึกมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลงมือทำงานต่อโดยมีเพื่อนๆค่อยๆเดินมาลา จนกระทั่งงานชิ้นสุดท้ายเสร็จลงก็เกือบ ห้าโมงกว่า อีทึกรีบเก็บของเพราะตอนนี้ไม่มีเพื่อนอยู่ในห้องแล้ว อีทึกรีบไปที่ห้องพักครูเพื่อยืมร่ม แต่ทว่าห้องพักครูกล็อคไปแล้วเลยตัดสินใจวิ่งลงไปเพื่อยืมร่มของยามด้านล่าง

     

    เค้าต้องรีบกลับบ้านเพราะนี่ก็เย็นมากแล้วแล้ว บวกกับฝนตก ทำให้ฟ้าดูมืดครึ้มมากกว่าเดิม

     

     

    เมื่อไรเจอลมฝน ตัวเปียกปอนหนาวกาย
    ต้องรีบไปให้ทัน ในใจหวังเพียงขอมีร่มซักคัน
    ก็ไม่ต้องตกใจ ถ้าคุณบังเอิญเห็นมันวางอยู่ตรงนั้น

     


    แต่ทว่าเมื่อลงไปถึงบันไดทางออกขั้นสุดท้าย ก็เจอร่มใสพลาสติก สำหรับกันฝนวางไว้อยู่แล้ว แล้วก็โพสท์อิทสีเหลืองอันเดิมที่มีชื่อเค้าติดอยู่

     

    ปาร์คจองซู

     

     

     

     

     

    อีทึกหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะกางร่มออกแล้วเดินออกไปพร้อมร่มคันนั้น

     

    ก็จะเป็นใครไปได้ ไม่ต้องวุ่นวายเก็บไปคิด
    นึกสักนิด ก็คงรู้กัน

     

     

    เมื่ออีทึกเดินออกจากโรงเรียนไปได้ไม่เท่าไหร่ รถสปอร์ตสีดำคุ้นตาก็ขับมาเทียบใกล้  กระจกรถถูกเปิดออก ปรากฏว่าเป็น ฮีชอล  คนที่เค้าคอยมองหาตลอดทั้งวัน

     

    “ขึ้นมาสิ” ฮีชอลพูดขึ้น

     

    แต่อีทึกกลับยืนนิ่งแล้วเงียบไม่พูดอะไรก่อนจะเดินต่อไป ฮีชอลขับรถตามไปอีก

     

    “ขึ้นมาสิ จะกลับบ้านด้วยกัน นายกลับคนเดียวมันอันตราย” ฮีชอลบอก

     

    “ขอบคุณนะฮะ แต่ไม่เป็นไร” แล้วอีทึกก็เดินต่อไป โดยไม่หันกลับมาสนใจร่างสูงอีก

     

    ฮีชอลได้แต่ขัดใจก่อนจะเดินลงจากรถ โดยทิ้งรถไว้ตรงนั้น แล้วเดินตามอีทึกกลับบ้านอย่างห่างๆ ทั้งที่ฝนตกหนัก ฮีชอลก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เค้ายอมทิ้งรถ ยอมตากฝน แต่ว่าเค้าก็อุ่นใจที่ได้เดินตามดูแลอีทึก

     

    อีทึกเดินต่อไปเรื่อย ก็คอบชำเหลืองดูด้านหลัง เป็นฮีชอลเดินกอดอกตามด้วยความหนาว เพราะฮีชอลไม่มีร่มสักคัน เพราะอะไรน่ะหรอ ก็คันนั้นเป็นคันที่อีทึกถืออยู่น่ะสิ

     

     

     

     

    ทันทีที่กลับถึงบ้าน อีทึกจัดแจงวางร่ม แล้วหันไปสั่งกับแม่บ้าน

     

    “เอาผ้าเช้ดตัวให้ฮีชอลด้วยนะครับ” อีทึกก้มหัวให้เล้กน้อยด้วยความน้อบน้อม

     

    “เดี๋ยวสิอีทึก” ฮีชอลที่เพิ่งเดินเข้า รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะคว้าข้อมือไว้

     

    “ปล่อย ผมเถอะครับ” อีทึกเกือบมอง ข้อมือที่โดจับอยู่ แต่ฮีชอลก็ยังทำเป็นไม่เห็น

     

    “...”

     

    “คุณต้องการอะไรจากผม” อีทึกหยายามบิดข้อมือให้หลุดออกากมือของฮีชอล

     

    “ฉันอยากขอโทษ” ฮีชอลก้มลงมองพื้น แก้ความจัดเขิน ก้เค้าเคยพูดขอโทษกับอีทึกสักกี่ครั้ง

     

    “อย่าเลยฮะ...เราไม่มีอะไรต้องติดค้างกัน” อีทึกมองหน้าร่างสูง “เพราะเราไม่รู้จักกัน”  อีทึกแสร้งหันไปทางอื่น เค้าไม่อยากเห็นแววตาสร้อยจากตาคู่นั้น

     

    “อีทึก...” ฮชอลมองอีทึกด้วยสายตาเสียใจ

     

    “ผมขอตัวนะครับ” อีทึกดึงข้อมือตัวเองออกมาก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน

     

    “คุณชายคะ เช็ดตัวก่อนดีมั๊ย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เฮอึนจะเอามาช่วยแต่ร่างสูงกลับโบกมือ ประมาณว่าไม่ต้อง

     

    “ฉันไม่เป็นไร มีอะไรก็ไปทำเถอะ” ฮีชอลมองตามขึ้นไป ทางที่อีทึกเพิ่งขึ้นไป  “ฉันฝากดูอีทึกด้วย”  ว่าแล้วก็รุดออกไปจากบ้าน

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาอัพต่อให้แล้วนะคะ
    หายไปอย่างนี้อย่ากลับมาเลย

    55555555555555555555

    ฝากคอมเม้นด้วยนะคะ

    รักและคิดถึง
    555555555555  ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×