ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「QUARTERBACK ϟ GOT7 」

    ลำดับตอนที่ #4 : QUARTERBACK ϟ CHAPTER 03

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 58



    THEME BY G MINOR!

    QUARTERBACK
     G O T S E V E N F A N F I C T I O N  ϟ  YUGBAM & JACKMARK 
    GENRE: VIOLENCE DARK LIFE EROTIC [NC17/R]

     




     


     

     

     

    “แล้วนายจะแปลกใจกับสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้เลย”

    แล้วก็จริงอย่างที่คุยอวดเอาไว้ ไม่ใช่ทั้งโฮเตลหรือโมเตล ยูคยอมก็แค่เหยียบคันเร่งไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย ไม่เหมือนกับคนอื่นที่เขาเคยเจอ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็มาเพื่อมีเซ็กส์กับเขาเท่านั้น แต่จะไปว่าอะไรคนพวกนั้นได้ ก็อาชีพที่เขาทำอยู่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

    “มีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าไปเรื่อยน่ะรู้สึกยังไง”

    และก็ถามคำถามได้เจ็บแสบกว่าคนอื่นๆที่เขาเคยเจอมาซะด้วย เคยคิดอยู่หรอกว่ามันก็คงต้องมีบ้างกับคำถามทำนองนี้ แต่พอเอาเข้าจริงก็รู้สึกหน้าชาเหมือนโดนตบเข้าอย่างจังอยู่เลยเหมือนกัน

    “แรกๆมันก็ไม่ชิน แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินใช้ก็เลยพยายามคิดว่ามันสนุกจนมันชินไปเอง” ถ้ากล้าที่จะถามตัวเขาเองก็กล้าที่จะตอบ ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นความจริง เขาทำเพราะมันจำเป็น เพราะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนกับใครหลายๆคน ที่ทำก็เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ

    อย่างน้อยๆในช่วงแรกที่เริ่มทำมันก็เป็นแบบนั้นน่ะนะ

    มนุษย์ทุกคนก็เป็นแบบนี้ ตอนแรกก็คิดว่าแค่ทำเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ไปวันๆก็คงพอ แต่เมื่อยิ่งนานวันความคิดแบบนั้นก็ต้องหมุนเปลี่ยนไปตามจำนวนเงินที่ได้รับ ก็แค่กับการมีเซ็กส์เหมือนกับที่ทำแต่จำนวนเงินกลับเพิ่มขึ้น แล้วแบบนั้นใครกันจะปฏิเสธิ ในเมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไรไว้ให้มากมายอยู่แล้ว

    “มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง”

    “หืม?”

    “เงินน่ะ สำคัญมากซะจนนายยอมขายศักดิ์ศรีตัวเองเลยหรือไง”

    มันอาจจะเป็นคำถามที่หยาบคาย แต่นั่นคือความจริง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องศักดิ์ศรี เพราะมันไม่เคยมีความจำเป็นกับการใช้ชีวิต ก็แค่เลือกที่จะไม่สนใจเสียงคนรอบข้าง ของพรรค์นั้นก็ไม่ต่างไปจากความไร้ค่าที่ไม่จำเป็นจะต้องมีอยู่ในชีวิต เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดอะไรยูคยอมอยู่แล้วกับคำถามพวกนี้

    ดูก็รู้ว่าชีวิตไม่เคยลำบาก แล้วคนแบบนั้นจะไปเข้าใจคนที่ต้องลำบากมาทั้งชีวิตได้ยังไง

    “จุดยืนของคุณกับผมน่ะมันต่างกัน” ความจริงก็อยากจะบอกไปอยู่หรอกว่าไอ้ศักดิ์ศรีที่ยูคยอมพูดถึงน่ะมันกินไม่ได้หรอกนะ แต่ก็อย่างที่ว่า คนเรามีจุดยืนที่แตกต่างกัน กลุ่มคนแบบเขาไม่จำเป็นต้องมีของแบบนั้น แต่คนที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารทั้งหมดอย่างยูคยอมนั้นมันก็จำเป็นจริงๆนั่นแหละ

    “แล้วอยากรู้มั้ยล่ะว่าในจุดที่ฉันยืนอยู่เป็นยังไง”

    ถ้ามันเป็นเรื่องตลก ก็คงจะตลกมากจริงๆ ไม่มีเซ็กส์ในคืนนี้เพื่อที่จะซื้อใจเขางั้นเหรอ? ทั้งโง่แล้วก็บ้าบิ่นไปพร้อมๆกัน เพราะต่อให้เรื่องมันจะไปจบลงบนเตียงหรืออะไรก็จะไม่มีอะไรแตกต่างทั้งนั้น คนอย่างพวกเขาก็เป็นเหมือนกับถ้วยรางวัล มีเวลาให้ได้ชื่นชมแค่เพียงชั่วคราวไม่ใช่ตลอดไป

    “ค่ารายวันผมน่ะแพงนะ คุณจ่ายไหวเหรอ”

    แล้วยิ่งกับถ้วยรางวัลที่ใครๆต่างก็พากันแย่งชิงแล้วนั้น การลงพนันไปกับมันเองก็จะต้องสูงมากขึ้นเช่นกัน

    “ก็จนกว่าฉันจะเบื่อนายนั่นแหละ”

    ก็เหมือนกับการขอซื้อเหมาตัวเป็นรายวัน แบมแบมไม่ได้รู้สึกว่ายูคยอมน่าสใจไปมากกว่าเงินที่จะได้ และถึงแม้จะรู้ดีว่าการทำแบบนี้จะสร้างปัญหาให้กับจูเนียร์มากขนาดไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธิ ถ้ายกเหตุผลดีๆขึ้นมาเพื่อบอกว่าตนไม่ใช่ฝ่ายผิดก็คงจะบอกไปประมาณว่า

    พี่ก็รู้ว่ายูคยอมเป็นยังไง

    แน่นอนว่ามันก็ไม่ต่างจากโยนความผิดและเห็นแก่ตัวทุกอย่างให้กับยูคยอม แต่ว่าตัวเขาเองก็ไม่สนใจเช่นกันว่าใครจะมองผู้ชายคนนี้ยังไง ไม่มีใครอยากบอกกับคนอื่นกันไปตรงๆหรอกว่า ผมเองก็ต้องใช้เงินนะ เป็นพี่พี่ไม่เอาเหรอ อย่างน้อยเขาเองก็ต้องใช้ความเป็นเด็กหลอกคนอื่นอยู่บ้างก่อนที่มันจะหมดโอกาส

    “แล้วเคยลองเล่นอะไรมาแล้วบ้าง”

    คำถามนี้สิที่เริ่มน่าสนใจ ปกติไม่ค่อยมีใครจะถามเขาหรอกว่าลองอะไรมาแล้วบ้าง มีแต่ยื่นมาให้ส่งๆแต่ก็ไม่ได้ถึงกับขนาดที่จริงจังบังคับให้เขาต้องใช้ และตัวเขาเองก็ฉลาดมากพอที่เลือกจะป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ยาต่างๆระหว่างมีเซ็กส์

    “ผมไม่ชอบใช้อะไรแบบนั้นหรอก คุณชอบงั้นเหรอ?”

    อดไม่ได้ที่จะถามย้อนกลับ จะเรียกว่าเป็นหนึ่งในการเก็บข้อมูลก็คงจะไม่แปลก เพราะปกติเขาไม่ค่อยได้มาคลุกคลีกับกลุ่มคนของยูคยอมมากเท่ากับกลุ่มอื่นเท่าไหร่ บางทีอาจเป็นเฮโรอีน แอมเฟตามีน หรือไม่ก็เอ็คซ์ตาซี ส่วนโคเคนน่ะข้ามผ่านไปได้เลย เขารู้อยู่แล้วว่าพวกไหนอยู่เบื้องหลังธุรกิจนั้น

    “เอ็คซ์ตาซี” และมันก็อย่างที่คิด ทีนี้เขาก็รู้แล้วว่าพวกไหนที่คลุกคลีกับวัยรุ่นตามไนท์คลับมากที่สุด อีกอย่างเขาเองก็เคยเห็นมาร์คลองใช้มันอยู่สองสามครั้ง เป็นภาพที่ทำเอาเขาตลกจนแทบจะเป็นบ้า จูเนียร์เคยบอกว่าภาพที่มาร์คเห็นจะดูเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นอีกวิธีของพวกที่เห็นทุกอย่างในโลกน่ารังเกียจใช้ในการหลอกตัวเอง

    “แต่เราน่ะไม่เล่นในสิ่งที่เราขายกันหรอกนะ” คงเป็นหนึ่งในกฏเหล็กที่คนทำธุรกิจพวกนี้จะรู้กันดีว่าจะไม่ยอมให้สิ่งที่เราขายมีค่ามากกว่าชีวิต จะพวกไหนก็ไม่มีใครลองเล่นในสิ่งที่ตัวเองขายทั้งนั้น หรือก็คือส่วนใหญ่จะไม่ใช้พวกสารเสพติดกับตัวเอง แต่เขาจะใช้มันกับคนอื่น

    มีแต่พวกโง่ที่คิดไม่เป็นเท่านั้นแหละที่จะปล่อยให้ตัวเองเสพย์จนเกิดอาการโอเวอร์โดส

    “จะบอกว่าคุณไม่ทำอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ ตลกไปหน่อยหรือเปล่า”

    “ก็เคยลองให้รู้ว่าผลของมันจะเป็นยังไง แต่ส่วนใหญ่ก็กัญชามากกว่า” แต่ก็นั่นแหละ จะบอกว่าเขาไม่เคยลองเลยสักครั้งก็คงจะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์ทุกคนก็เป็นแบบนี้ อยากรู้อยากเห็นอยากลอง อยู่ที่ว่าจะใช้เวลาอดทนอดกลั้นไม่ก้าวล้ำเส้นเข้าไปได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้น

    “อืม แล้วมันต่างกับพวกอื่นบ้างมั้ย แบบโคเคนหรือเฮโรอีนอะไรแบบนี้” ถ้ายูคยอมอวดฉลาดมากพอก็คงจะอธิบายออกมาเสียจนเหมือนกับว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นทุกคน และเขาเองก็คงเก็บเอาเรื่องนี้ไปคลายเครียดได้หลายวันว่าหัวโจกของEastsideเป็นพวกขี้คุย

    แต่ไว้ใจได้เลยว่าเขาไม่เอาไปพูดกับใครแน่(เหตุผลหลักก็คือไม่อยากหัวเป็นรูนั่นแหละ)

    “ของแบบนั้น

    ….

    “อยากรู้ก็หาคำตอบเองซะสิ”

    เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นรอยยิ้มแบบไหนที่อยู่บนหน้ายูคยอม โมโห ดูถูก เอ็นดู หรือสนุก แต่โดยรวมก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่กับความหมายของรอยยิ้มนั้น มันเหมือนกับกำลังบอกว่า นายน่าสนใจกว่าที่คิด หรือไม่ก็กำลังพยายามบอกว่าเขาน่ะกำลังเล่นอยู่กับตัวอันตราย

    “รีบหาคำตอบก่อนที่ฉันจะเขี่ยนายทิ้งก็แล้วกัน”

    แต่อืม ใครๆก็รู้อยู่แล้วว่ายูคยอมน่ะเป็นตัวอันตราย

    งั้นขอคิดเอาแล้วกันว่าตัวเองน่ะน่าสนใจ :)

     

     


     

     

    ▼▼


     


     

     

    “ขับรถแบบนี้มึงสอบผ่านได้ใบขับขี่มารึเปล่าวะ” เพราะโชคช่วยแน่ๆถึงทำให้พวกเขาไม่ถูกรถชนตายหรือพลิกคว่ำกันกลางทาง ถึงจะต้องยอมรับอยู่บ้างก็เถอะว่าไอ้หมอนี่มันเก่งจริงที่ขับรถได้นรกแตกขนาดนี้แต่ก็ยังใช้ชีวิตรอดแบบครบ32ชิ้นมาได้ถึงทุกวันนี้

    “ก็ไม่ผ่านน่ะสิ”

    “เวร

    “ของแบบนั้นจะสอบไปทำไม ใครๆก็ทำได้” พูดง่ายเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด แต่ก็จริงอย่างที่ว่า สำหรับคนที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลก ทุกวันนี้เรื่องการปลอมแปลงเอกสารหาเจอได้ง่ายพอกันกับการซื้อหวย และที่มันเป็นแบบนี้ได้นั้นก็ต้องขอบคุณความเข้มแข็งของมาตรการความมั่นคงระหว่างประเทศจริงๆ

     มันเป็นแค่อพาร์ทเมนต์ธรรมดาที่อยู่ใกล้กันกับจุดศูนย์กลางของเมือง ไม่ได้หรูหราหรือเสื่อมโทรมจนเตะตาหรือล่อเป้าจนน่าสงสัย เขาซื้อมันไว้เวลาใช้เวลาที่อยากจะสูบกัญชาเงียบๆคนเดียวก็เท่านั้น หรือบางทีถ้าไม่ใช่แจ็คสันก็เป็นยูคยอมที่จะเวียนกันมาทำธุระส่วนตัว

    ความจริงเขาเองก็ไม่ชอบที่จะเสียเวลาพูดกับใครเท่าไหร่นัก กับเพื่อนสนิทเองยังมีบ้างที่นึกรำคาญ ยิ่งกับคนแปลกหน้าก็ไปกันใหญ่ แต่พอเป็นไอ้คนที่เขาตัดสินใจพากลับมาด้วยนี่สิกลับคิดว่ามันตลกดีกับการได้กวนประสาท สนุกกว่าตอนชวนแจ็คสันทะเลาะด้วยซะอีก

    ทิ้งตัวลงบนโซฟาก่อนเปิดเช็คข่าวรายวัน และก็เป็นอย่างที่คนทั้งคู่คิด ประเด็นร้อนกับการแข่งรถเถื่อนในแถบชานเมือง ยึดของกลางและจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนหนึ่ง เหอะ นั่นไม่ได้ถึงครึ่งในสิบของความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ ปืนไม่กี่กระบอกกับพวกคนโนเนม

    “แล้วจูเนียร์แม่งหายหัวไปไหนของมันวะ” นึกหงุดหงิดถึงเพื่อนสนิทตัวเอง เขาคิดอยู่แล้วว่ามันต้องเกิดเรื่อง วันหลังถ้าจะเอาสองกลุ่มใหญ่มาจัดชนกันก็ขนพวกมันไปแข่งที่นอกประเทศซะเลยยังจะดีกว่า เล่นเป็นข่าวแบบนี้แล้วเขาจะหากินยังไง

    “ก็คงไปกับเพื่อนกูนั่นแหละ” กับแจ็คสันเองก็คงจะเหมือนกัน หายหัวไปตั้งแต่ยังไม่ทันแข่งรอบสอง ภาระต้องมาเฝ้าเพื่อนตัวเองว่าจะได้แข่งแย่งคุณตัวกับคนอื่นหรือเปล่าเลยมาตกอยู่ที่เจบี ดีไม่ดีถ้ามันแข่งกันขึ้นมาจริงถ้าไม่ต้องเก็บศพก็ต้องช่วยมันตะลุมบอนนั่นแหละ

    “เพื่อนมึงนี่คนไหน”

    “แจ็คสัน”

    “ไอ้หน้ากวนตีนนั่นน่ะเหรอ เหอะ” หมดคำบรรยายเมื่อรู้ว่าเป็นใคร ถึงจะไม่เคยได้คุยแต่ก็พอจะเห็นว่ามาทำเรื่องดีลแข่งอยู่กับจูเนียร์สองสามครั้ง ไอ้ตัวปัญหาที่ชอบเผารถคนของคนที่แพ้ตัวเองแล้วเหยียดหยามคนอื่น สันดานแบบนั้นก็น่าจะไปได้ด้วยกันดีกับจูเนียร์อยู่หรอก

    “แล้วนึกยังไงถึงขนโขยงกันมา” เป็นเพราะปกตินานๆครั้งพวกฝั่ง Eastside ถึงจะมาแข่งดีล แถมมาแต่ละทีก็เว้นช่วงเป็นเดือนๆหรือไม่ก็มากันแค่คนสองคน ไม่ได้ถึงกับยกกันมาเป็นสิบกว่าคันแบบนี้ อีกอย่างถึงพวกเขาจะไม่ขึ้นตรงกับใครแต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าจะเป็นฝั่ง Westside มากกว่าที่เข้ามาตกลงเรื่องดีลกันอยู่เรื่อยๆ

    “ก็แค่เพื่อนกูมันชอบเด็กพวกมึงเท่านั้นแหละ” ความจริงก็อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าถ้าไม่ใช่เพราะจะได้เหล้าฟรีบวกกับความเป็นเพื่อนกันแล้วเขาเองก็ไม่อยากที่จะมานักหรอก ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ขายตัวรึก็งั้นๆ แล้วยิ่งไอ้รถของคนที่ขับแพ้ตัวเองนี่จะเอามาทำซากอะไร ไม่ได้โรคจิตเหมือนกับแจ็คสันที่หาศัตรูไปทั่วหรอกนะ

    แต่ถ้าเป็นรอบแข่งเอาปืนนี่ก็ว่าไปอย่าง ถ้ามันหายากก็ค่อยน่าสน

    “แบมแบม?” พอจะนึกออกอยู่ชื่อเดียวที่คิดว่าใครๆต่างก็พากันถามหา ก็ยังดีที่ว่าไม่ได้ไปถูกใจพวกฝั่ง Westside ด้วยอีกกลุ่ม ไม่งั้นเขาคงได้หาคนทำงานด้วยใหม่ เพราะไม่แน่ยังไงจูเนียร์ก็ได้เข้าลุ้นเป็นศพที่หนึ่งแน่ถ้าคนสองกลุ่มนี้มันคิดจะแย่งแบมแบมกันขึ้นมา

    “ไปเก็บมันมาจากไหนวะ”

    “ไม่รู้มัน อะไรที่ทำเงินได้จูเนียร์มันก็เอาหมดทั้งนั้นแหละ” และนั่นก็รวมถึงตัวมาร์คหรือคนอื่นๆในกลุ่มเองด้วยเช่นกัน ไม่สนหรอกว่าจะยังเด็กอยู่มากแค่ไหน ถ้าถึงขนาดยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงินก็คงไม่มีอะไรจะต้องสงสารกันอีก ในเมื่อตัวหมอนั่นเองยังไม่รู้สึกสงสารตัวเอง แล้วเขาจะไปสงสารมันทำไม?

    “ชีวิตพวกมึงนี่มันน่าสมเพชดีนะ” เพราะไม่มีเงินเลยทำได้ทุกอย่าง ทำตามคำสั่งเพื่อความบันเทิงของพวกมนุษย์ที่เห็นเงินเป็นเพียงแผ่นกระดาษ เลือกที่จะหันหลังให้กับเสียงสาปแช่งและด่าทอของสังคมจอมปลอมจนจิตใต้สำนึกถูกย้อมเป็นสีดำสนิท จะโทษว่าถูกสั่งให้ทำมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด ในเมื่อตัวเองก็ยอมที่จะก้าวขาลงไปนรกเพียงเพราะจำนวนเงินที่จะได้รับ

    โทษความขี้แพ้ของตัวเองเถอะถ้าจะทำ

    “มึงนี่นอกจากจะขี้เมาแล้วยังปากหมาอีก” มาร์คเกลียดคนประเภทที่ชอบดูถูกคนอื่น เชื่อมั่นสูงว่าตัวเองน่ะดีและอยู่เหนือกว่าใครๆ ไม่เคยจะคิดว่าตัวเองมีความผิดพลาด พวกเพอร์เฟ็คชันนิสต์ที่ความจริงแล้วไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่สมบูรณ์แบบ และเจบีก็มีครบทุกข้อที่มาร์คเกลียดแล้วด้วยเช่นกัน

    “มึงโชคดีนะที่มาปากดีใส่กู ไม่ใช่แจ็คสันหรือยูคยอม”

    งั้นเหรอ กับใครก็คงจะนรกพอกันมากกว่าหรือเปล่า ไม่งั้นแล้วจะคบกันเป็นก๊วนสนิทได้ยังไง

    “ก็บอกไว้ กลัวว่าจะได้ตายก่อนคนอื่น” และอีกหนึ่งอย่างที่มาร์คถนัดคือการกวนประสาทคู่สนทนาที่ตัวเองรู้สึกไม่ชอบหน้า แต่อย่างน้อยเขาเองก็บอกกับเจบีด้วยความหวังดีว่าปากแบบนี้นี่ส้นตีนนิยมทั้งนั้น

    “เออๆ จะพูดอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ” และนั่นเป็นครั้งแรกที่เจบีรู้สึกขี้เกียจจะออกแรงเอาชนะคนตรงหน้าแม้จะมีหลายร้อยหนทางก็ตามที่ตนคิดออก เดินหนีและทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสีฝุ่น มาร์คอาจจะเดินออกไปแล้วกลับไปอย่างที่ของตัวเองหรือยังไงก็แล้วแต่

    นั่นไม่ใช่เรื่องของเขา

     

     



     

     

    ▼▼



     

     

     

    เจบีหัวเสียแน่ถ้ารู้ว่าเขากับจูเนียร์แยกตัวออกมาจากการแข่งรถตั้งแต่ที่ยูคยอมเหยียบคันเร่งพาแบมแบมออกไป เพราะมั่นใจมากว่าในรอบการแข่งสุดท้ายจะต้องมีพวกตำรวจหน้าโง่กรูกันเข้ามาไล่ต้อนเพื่อทำการจัดฉากให้ดูว่าตัวเองยังมีความน่าไว้วางใจ แต่ไอ้ที่จับน่ะมันก็แค่พวกแพะรับบาปทั้งนั้น

    แหงล่ะ ก็คุกมันไม่ได้มีไว้ขังคนรวยอยู่แล้วนี่

    “เฮ้ยองแจ ทำความรู้จักกันไว้ซะสิ หมอนี่น่ะเพื่อนฉันเอง”

    “นายเป็นเจ้าของผับงั้นสินะ”

    “หุ้นส่วนน่ะ ไม่ใช่ของฉันคนเดียวหรอก”

    บอกไม่ได้ว่ากับการสนทนาระหว่างทั้งสองคนนี้นั้นเป็นแบบไหน และความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะเบนไปในทิศทางใด เพราะคนทั้งคู่ต่างก็เป็นคนประเภทเดียวกัน คิดทุกอย่างเป็นเรื่องธุรกิจ แต่จะต่างกันตรงที่ว่ายองแจมีวิธีการคัดเลือกให้คนแปลกหน้ากลายมาเป็นคนในครอบครัวอยู่เสมอ ไม่ใช่เห็นคนเป็นเครื่องมือผลิตเงินแบบจูเนียร์

    แจ็คสันคงสะใจแย่ที่ดึงให้คนประเภทนี้มารู้จักกันได้

    “ตลกเป็นบ้า คิดภาพออกเลยว่าไอ้พวกคนรวยที่ถูกลากคอออกไปเพื่อจัดฉากมันจะควันออกหูกันขนาดไหน” ระเบิดเสียงหัวเราะให้กับข่าวที่ได้เห็นผ่านทางจอโทรทัศน์ ยี่ห้อเฟอร์รารี่และบูกัตติมีเกินกว่าครึ่ง ถึงจะไม่เห็นหน้าหรือถูกประกาศรายชื่อแต่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกที่แข่งรอบไฟนอล

    “แล้วเจบีไม่มาด้วยรึไง” เลือกที่จะไม่ถามถึงยูคยอม รายนั้นน่ะพอจะรู้อยู่หรอกว่าติดเด็ก เวลานี้ก็คงจะพากันไปหมกตัวอยู่ในที่ไหนสักที่ แต่เจบีนี่สิ เขาคิดว่าคนที่เดินเข้ามากับแจ็คสันจะเป็นหมอนั่นมากกว่าผู้ชายที่ชื่อจูเนียร์อะไรนี่ อย่างน้อยสองคนนั้นก็น่าจะสนิทกันไม่ใช่รึไง

    “ไปกับมาร์คน่ะ” เลี่ยงที่จะให้แจ็คสันตอบ รู้แน่ว่าหมอนั่นคงเลือกที่จะบอกว่า อ๋อ ทิ้งไว้ที่สนามแข่งรถน่ะ ภาวนาให้หมอนั่นโดนจับอยู่เหมือนกัน เพราะมันคงตลกดี ถึงแม้มันจะไม่มีประโยชน์หรือข้อเสียอะไรสักนิดกับเขาเลยก็ตามเถอะ

    “หืม มีความรักเหรอ?” แทบจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน โลกนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ แค่ยูคยอมสนใจใครเป็นจริงเป็นจังก็ว่าพิลึกจะแย่ แต่เป็นเจบีไปด้วยอีกคนเขาว่าพรุ่งนี้ตัวเองต้องคงต้องโดนจับ ผู้ชายปากหมาที่ขี้เหล้าขั้นรุนแรงดูให้ตายยังไงก็ไม่ใช่ประเภทที่จะใส่ใจคนรอบตัวสักนิด ให้เป็นแจ็คสันเลิกเจ้าชู้ยังจะง่ายซะยิ่งกว่า

    “อาจจะไม่ หรืออาจจะใช่”

    “ถ้าเป็นมาร์คล่ะก็ไม่แน่”

    “นั่นสินะ หมอนั่นก็ใช่ว่าจะน่าเบื่อ”

    โอเค เขาพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมแจ็คสันและจูเนียร์พอจะคุยเข้าขากันได้ ถึงแม้ว่าดูยังไงแล้วก็ไม่น่าจะสนิทถึงขั้นเรียกว่าเพื่อนก็ตามเถอะ แต่การนึกพูดะไรก็เข้าขากันไปซะหมดก็ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ดี แต่ถ้าให้คนที่คิดถึงแต่เรื่องเงินเป็นหลักกับคนที่เห็นทุกอย่างเป็นของไร้ค่ามาสนิทกันเนี่ย คิดว่าอย่าเลยดีกว่า

































    มาอัพแล้ว จากนี้จะอัพเรื่อยๆจนจบนะคะ จริงๆเรื่องนี้ไม่ยาวอยู่แล้ว
    ประมาณไม่เกิน13ตอนจบ จะพยายามให้จบภายในสองเดือนครึ่งนี้นะคะ
    ขออภัยในความช้าจริงๆนะคะ T-T #ควอเตอแบค















     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×