คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งสงคราม
แสงตะวันยามเช้าเริ่มลามเลียไปตามส่วนต่างๆของหมู่บ้านมอลบิค ความคึกคักแผ่กระจายไปทั่วทั้งเมือง หลายชีวิตเริ่มประกอบกิจวัตรประจำวัน ร้านรวงต่างๆล้วนยื้อแย่งแข่งขันกันเพื่อเรียกลูกค้าตั้งแต่เช้า ความสุขฉาบอยู่บนใบหน้าของชาวบ้านทุกคน โดยที่ไม่มีใครรับรู้ถึงลางร้ายที่กำลังจะมาถึง
"น้าหลีกทางหน่อยคร้าบบบบบบบ" เสียงร่าเริงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนโหวกเหวกเพื่อขอทาง หลายคนหันมามองแล้วยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู
เฟลิกซ์ เด็กหนุ่มอายุประมาณ 16 ปี เขามาอยู่ที่นี่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ภาพเด็กชายหน้าอายุ 10 ขวบหน้าตามอมแมม มายืนอยู่ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านยังคงติดตาชาวเมืองหลายคนอยู่
"เจ้าหนูเจ้ามาจากไหนหน่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านพาเฟลิกซ์เข้าไปในร้านกาแฟประจำหมู่บ้านและเลี้ยงดูอย่างดีแล้ว
"ออร์คฟราสก์" เฟลิกซ์ตอบพลางเคี้ยวอาหารที่ยังคาอยู่เต็มปาก
"แล้วเธอชื่ออะไรหล่ะ" เสียงนุ่มนวลของหญิงสาววัยไม่มากนักถามเขาขึ้นมา
"เฟลิกซ์ เฟลิกซ์ อันเดอร์เมียส" เสียงของเขายังคงอู้อี้เพราะมือทั้งสองของเขายังไม่ปล่อยจากอาหารที่อยู่ตรงหน้า
"อย่าเพิ่งมาถามเด็กคนนี้ตอนนี้เลย ปล่อยให้แกกินเสร็จก่อนแล้วค่อยถาม" เสียงของผู้ชายอีกคนพูดขึ้นมา ทำให้เฟลิกซ์ต้องหันไปมอง เพราะน้ำเสียงของเขานั้นฟังดูมีอำนาจเหนือคนอื่นน่าจะเป็นผู้นำของหมู่บ้านนี้
"ขอบคุณครับ" เฟลิกซ์ตอบชายคนนั้นไป
"เฟลิกซ์ มาแล้วเหรอลูก" เสียงของหญิงวัยกลางคนตะโกนมาถาม เมื่อเห็นเฟลิกซ์วิ่งมา
"ครับแม่" เฟลิกซ์ตะโกนตอบก่อนจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าแม่ของเขา
"ใครจะรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยง หล่ะหรือว่าจะปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้" เสียงของคนที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านถามกับชาวบ้านที่มามุงดูเขาอยู่
"นั่นสินะ ใครๆเค้าก็ไม่มีเงินกันทั้งนั้น" หลายเสียงตอบกลับมา
"ชั้นจะรับเลี้ยงแกเอง" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
"มิเลเน่ เธอจะเลี้ยงได้ยังไงเธอยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ แล้วใครจะมองยังไง หากเธอมีลูกโตขนาดนี้แล้ว" เสียงของผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นมา
"ไม่เห็นเป็นไรเลย" ผู้หญิงคนนั้นกล่าวตอบ
"เป็นยังไงบ้าง ซื้อมาได้กี่อย่างหล่ะลูก" แม่ของเฟลิกซ์หรือผู้หญิงคนนั้นเมื่อ 6 ปีก่อนที่เคยรับเลี้ยงเขาไว้ ถามเฟลิกซ์ หลังจากที่เขาหยุดยืนจนหายเหนื่อยแล้ว
"ก็มีใบเลิฟกรีส รากมิเรนา แล้วก็ดอกโฟรฟรี" เฟลิกซ์ตอบแม่ของเขา ซึ่งเป็นเหมือนหมอประจำหมู่บ้านแห่งนี้
"แค่นี้ก็พอแล้วหล่ะ" แม่ของเขาบอก ที่จริงแม่ของเขาน่าจะมีครอบครัวไปแล้ว แต่ว่าเพราะมารับเลี้ยงดูเฟลิกซ์ตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน จึงไม่มีใครแต่งงานด้วย
"แล้วแม่จะทำอะไรเหรอครับ"
"ก็......."
กรี๊ด...............กรี๊ด..................... ปังๆๆๆๆๆๆ......................
เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังระงมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ความวุ่นวายแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลายคนต่างวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด เสียงเด็กร้องตะโกนหาผู้เป็นมารดา เสียงแม่ร้องเรียกหาลูก เสียงของผู้ชายที่ช่วยกันวิ่งไปยังทางเข้าหมู่บ้าน และเสียงต่างๆอีกมากมาย ที่สร้างความหดหู่แก่หมู่บ้านแห่งความสุขแห่งนี้
"รีบพาผู้หญิงกับเด็กออกไปทางท้ายหมู่บ้านเร็วๆเข้า" เสียงของผู้ใหญ่บ้านตะโกนบอกพวกลูกบ้าน เขาเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมสติของตัวเองอยู่ได้
"แล้วพวกผู้ชายที่เหลือ ไปเตรียมอาวุธให้พร้อม อีกไม่นานพวกมันคงจะพังประตูหน้าหมู่บ้านมาได้แล้ว" เขายังคงสั่งการต่อไป
ทหารจากเมืองโรเซียเมืองหลวงของโรเซเรียนับหมื่นนับแสนคนกำลังช่วยกันพังประตูทางเข้าหมู่บ้านด้วยความฮึกเหิม แต่ชาวบ้านกลังตรงกันข้าม ทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่มีแม้ใครซักคนที่กล้าที่จะอาสาออกไปรบ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับกษัตริย์ของพวกเขา
"แม่ครับไปกันเถอะครับ" เฟลิกซ์ดึงแขนของแม่เขาออกไปทางท้ายหมู่บ้าน
" ไม่หล่ะ ลูกไปเถอะ แม่เป็นหมอแม่ต้องอยู่ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีใครคอยรักษาพวกที่บาดเจ็บ " เสียงของแม่เขาฟังดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเกินกว่าจะเป็นแค่ผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา ที่จริงเขาก็ไม่อยากที่จะไปจากหมู่บ้านนี้เท่าใดนัก เพราะที่นี่คือบ้านของเขา เขาอยากจะตอบแทนบุญคุณให้กับชาวบ้านทุกคนที่นี่ที่ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับว่าเขาคือคนของที่นี่ และที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ที่รับเขามาเลี้ยงและยังให้เขาเรียกเธอว่าแม่ เธอให้ทั้งที่พัก อาหาร และที่สำคัญคือเธอให้คำว่าครอบครัวแก่เขา ที่มันเคยขาดหายไปหลายปีกลับมาอีกครั้ง เขาจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ถ้าไม่มีชาวบ้านที่นี่และแม่ของเขา
"งั้นผมจะอยู่กับแม่ครับ" น้ำเสียงของเฟลิกซ์ฟังดูกล้าหาญเกินตัว
"ไม่ได้หรอกลูก ลูกยังเด็กเกินไปที่จะทนรับกับสภาพที่เลวร้ายอย่างสงครามเช่นนี้ได้" เธอจูบที่หน้าผากของเฟลิกซ์ แล้วพูดด้วยนำเสียงอันอ่อนโยน
"ไม่ครับ" เขายังคงยืนยันคำเดิม
"ถ้าไม่มีแม่ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น" เขายังคงพูดต่อไป
"แม่เป็นคนสำคัญที่สุดของผม ผมจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวได้ยังไง แม่ยังไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย" เธอมองมายังดวงตาที่ฉายแววกล้าหาญของเขา ดวงตาสีน้ำเงินที่แลดูสุขุมเยือกเย็นนั้นเต็มไปด้วยความกล้าหาญ มันมากเสียจนเธอต้องถอนหายใจและบอกว่า
"ก็ได้ แต่ถ้าสงครามนี้มันเลวร้ายลงไปกว่านี้ ลูกต้องหลบไปนะ" เธอบอกแก่เฟลิกซ์
"ครับ ถ้าแม่ไปกับผมด้วย" เขายังคงยืนยันคำเดิม
บัดนี้ น้ำตาของมิเลเน่กำลังไหลลงอาบสองแก้มเนียน มันเป็นน้ำตาแห่งความปรีติยินดี แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่ทุกอย่างกำลังจะแย่ เธอก็มีความสุข แม้จะต้องตาย เธอก็คงไม่เป็นไรแล้ว เพราะเธอได้ทำตามสัญญาของเธอไปแล้ว
"แม่ดีใจที่ลูกรักแม่มากขนาดนี้" เธอพูดและยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะปาดน้ำตาที่มันพยายามไหลลงมา
"อ้าว ทำไมพวกเธอยังไม่ไปหกลบที่ถ้ำท้ายหมู่บ้านหล่ะ" ผู้ใหญ่บ้านกำลังเดินตรวจและสั่งให้ผู้ชายทุกคนที่เหลือ เตรียมตัวอยู่ในที่ๆกำหนดไว้ให้
"ผู้ใหญ่บ้านครับ ขอผมไปช่วยด้วยคนได้มั้ยครับ" เฟลิกซ์ถามผู้ใหญ่บ้าน
"ไม่ได้หรอก เธอยังไม่ได้รับการฝึก ชั้นคงให้เธอเอาชีวิตไปทิ้งอย่างนี้ไม่ได้หรอก ทางที่ดีเธอกับแม่ของเธอควรจะรีบไปหลบที่ท้ายหมู่บ้านได้แล้ว" เสียงของผู้ใหญ่บ้านเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าเขาจะพยายามปกปิดมันแล้วก็ตาม
ตามกฎของนครฟารันที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้แล้ว เด็กผู้ชายที่มีอายุ 17 ปี จะได้รับการฝึกให้สามารถใช้อาวุธได้ ซึ่งทางการจะจัดส่งทหารมาฝึกให้ หากใครที่มีฝีมือดีๆ ก็จะได้เข้ารับราชการไปอยู่ในเมืองหลวง ซึ่งก็คือเมืองคิตารานั่นเอง ส่วนเฟลิกซ์นั้นยังต้องรออีก 1 ปี แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เมื่อเขาอายุ 17 ปีแล้วหมู่บ้านนี้จะยังมีอยู่รึเปล่า
"ชั้นคงไปไม่ได้หนรอกค่ะ ผู้ใหญ่บ้าน ชั้นเป็นหมอ ชั้นต้องอยู่เพื่อรักษาคนที่บาดเจ็บ" แม่ของเขาบอกไป
"ส่วนผมจะอยู่กับแม่ครับ" เฟลิกซ์
"งั้นชั้นก็ขอให้พวกเธอโชคดีก็แล้วกันนะ แล้วเจอกัน" แล้วผู้ใหญ่บ้านก็รีบผละออกไป
"เราไปรออยู่ที่บ้านเถอะ"
"ครับ"
หลังจากนั้นไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น แล้วไม่กี่อึดใจต่อมา ก็มีคนหามคนเจ็บเข้ามาเพื่อให้แม่เขาช่วยชีวิตไว้ ไม่นานก็มีผู้ป่วยนอนอยู่เต็มบ้านของเขา
เสียงโอดโอยดังไปทั่วทั้งบ้าน แม่ของเขาต้องวิ่งไปมาระหว่างคนนั้นที คนนี้ที แทบจะไม่มีเวลาที่จะหายใจ เฟลิกซ์เองก็เช่นกันเขาต้องช่วยแม่ของเขาตลอดเวลา
สงครามครั้งนี้ดำเนินไปเป็นเวลากว่า 2 วัน ทหารจากเมืองคิตาราก็มาถึงมอลบิค กำลังใจของชาวบ้านเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ทว่ากำลังใจนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทหารของโรเซียก็สามารถบุกยึดหมู่บ้านมอลบิคแห่งนี้ได้ หมู่บ้านมอลบิคแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นหน้าด่านสำคัญก่อนจะเข้าสู่ตัวเมืองคิตารา แต่ทำไมทหารเพิ่งจะมาถึงหลังจากที่โรเซียเข้ามาตีที่นี่ถึง 2 วัน ความสงสัยกระจายตัวอยู่ในใจของผู้กล้าแห่งมอลบิคแทบจะทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเฟลิกซ์และแม่ของเขา
"หนีเร็วเข้า ทหารโรเซียยึดที่นี่ได้แล้ว พวกมันกำลังจะเข้ามากวาดล้างที่นี่" เสียงตะโกนบอกก้องกังวานไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ความตระหนกและหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว คนเจ็บต่างพยายามตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวรอด คนที่วิ่งได้ก็รีบวิ่งไปที่ท้ายหมู่บ้าน ส่วนคนที่ไม่สามารถไปไหนได้ก็นอนน้ำไหลอาบหน้า ได้แต่คิดถึงความสุขต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชั่วชีวิตนี้
"คุณหมอครับ ไปเถอะ เดี๋ยวพวกทหารมันก็มาแล้ว" ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกแม่ของเขา
"ชั้นไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวชั้นจะไปบอกพวกทหารโรเซีย ว่าไม่ให้ทำร้ายพวกคนเจ็บ" เธอพูด
"แต่ว่า.....พวกมันไม่ปล่อยคุณหมอไว้หรอกนะครับ" ชายคนนั้นพูดต่อ
"นั่นสิครับแม่" เฟลิกซ์ห่วงแม่ของเขา
ใครๆก็รู้ว่าพวกทหารโรเซียไม่เคยปล่อยใครในเมืองที่ยึดได้ มีชีวิตอยู่ต่อไป หลายเมืองที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครรอดชีวิตเช่นกัน แม้แต่เด็กก็ยังถูกฆ่าตาย
"ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไง" เธอยังยืนยันคำเดิม
"งั้นชั้นไปก่อนนะ ยังไม่อยากตาย" ว่าแล้วชายคนนั้นก็รีบวิ่งจากไป
"เฟลิกซ์ ดูแลทุกคนให้ดีนะ แม่ไปไม่นานแล้วจะกลับ แต่ระหว่างนั้นช่วยพาทุกคนหนีไปก่อนนะ ถ้าแม่ไม่กลับมา ลูกรีบหนีไปให้ได้เลยนะ"
"ไม่ครับ ผมจะไปกับแม่ แม่ไม่ต้องปฏิเสธหรอกนะครับ ยังไงผมก็จะไป" เฟลิกซ์ไม่ปล่อยให้แม่ของเขาห้ามแต่อย่างใด เพราะหลังจากพูดจบ เขาก็รีบพาแม่ของเขาออกไปยังประตูเมืองทันที
ที่นั่นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั้งจากชาวบ้าน ทหารจากคิตาราและจากโรเซีย ความหดหู่แผ่กระจายไปในอากาศจนแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่าง เศษชิ้นส่วนต่างๆกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ จากหมู่บ้านที่เคยมีแต่รอยยิ้ม บัดนี้กลับกลายมาเป็นสนามรบอันไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต แต่แล้ว
"เฮ้ยพวกเรา ยังมีคนรอดอยู่ทางนี้เว้ยเฮ้ย" เสียงแหบห้าวของทหารจากโรเซียดังขึ้นหลังจากที่พวกเขาสำรวจที่นี่ได้ไม่นาน เมื่อสิ้นเสียงตะโกน ฝีเท้ามากมายก็รีบกรูมาที่นี่ทันที ไม่ช้าทหารโรเซียหลายคนที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอม ก็มาล้อมพวกเขาทั้งสองไว้จนหมด
"ไม่อยากจะเชื่อว่าจะยังเหลือเด็กแล้วก็ผู้หญิงไว้แค่ 2 คน อย่างนี้มันจะสนุกอะไร นึกว่ายึดหมู่บ้านนี้ได้แล้วจะมีเรื่องสนุกๆให้ทำซะอีก" ทหารคนหนึ่งในหลายๆคนเอ่ยออกมาอย่างเซ็งๆ แต่มันกลับทำให้ความโกรธวาวโรจน์ขึ้นในดวงตาของเฟลิกซ์ จนทำให้ทหารหลายคนสะดุ้งกับความกดดันที่พุ่งพรวดขึ้นมาดื้อๆ แต่กลับหาสาเหตุของมันไม่ได้ ก็ใครจะคิดว่าเด็กกับผู้หญิงในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้จะสามารถทำให้ทหารที่กรำศึกมามากอย่างพวกเขากลัวได้ - คงต้องมีใครซ่อนยู่ที่นี่แน่ๆ - ทหารหลายคนคิด ก่อนจะเดินเลี่ยงจากกลุ่มออกมาเพื่อตามหา คนคนนั้น
"ว่าไงหล่ะน้องสาว ช่วยทำให้พวกเราสนุกหน่อยได้มั้ยจ๊ะ" เมื่อพูดจบทหารคนนั้นก็หัวเราะร่วน รวมทั้งทหารคนอื่นๆที่เหลือ โดยที่ไม่รู้เลยว่า พวกเขาคงอยู่ดีใจได้อีกไม่นาน
"คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะชั้นมานี่เพราะอยากให้พวกคุณช่วยไว้ชีวิต พวกคนเจ็บที่อยู่ในหมู่บ้านด้วยค่ะ" แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะฟังดูเข้มแข็ง แต่เขารู้ว่าบัดนี้แม่ของเขานั้นกำลังหวาดกลัว ก็สายตามันฟ้องซะขนาดนั้น
"ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนสิจ๊ะน้องสาว" ทหารคนเดิมพูด ท่าทางเขาคงเป็นนายหมู่หรือนายกองเป็นแน่ และทหารที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คงจะเป็นทหารชั้นเลวธรรมดา ทำให้เฟลิกซ์รู้สึกสงสัยว่า พวกทหารยศใหญ่ๆทั้งหลายหายไปไหนเสียแล้ว
"พวกท่านต้องการอะไร" แม้จะรู้ว่าคำตอบที่จะได้รับนั้นเป็นอย่างไร แต่เธอก็ยังคงถามออกไป เผื่อว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่คิด
"แม่ครับ ผมว่าเรากลับไปดีกว่าครับ" เขาไม่อยากให้แม่ของเขาต้องมาทำอะไรเพื่อคนอื่นมากมายขนาดนี้อีกแล้ว
"ฮึ ฮึ มีลูกแล้วรึเนี่ย แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอทำให้เราสนุกได้เราก็จะไว้ชีวิตพวกที่เจ็บอยู่ แต่ถ้าไม่พวกนั้นจะต้องตาย รวมทั้งคนพวกนั้นด้วย" สายตาลามเลียที่มันส่งมายังแม่ของเฟลิกซ์ มันทำให้เขาแทบคลั่ง เขาไม่ต้องการให้ใครที่ไหนมาทำให้แม่ของเขาต้องเสื่อมเสีย แม้ว่าจะสำคัญต่อชีวิตของคนมากมายและชีวิตเหล่านั้นต่างก็เคยมีบุญคุณกับเขามาก่อน
แต่ยังไม่ทันที่แม่เขาจะตอบกลับไป ไอ้ทหารเลวคนนั้นมันก็เข้ามาฉุดกระชากแม่ของเขาไป พร้อมๆกันนั้นลูกน้องของมันหลายคนก็เดินเข้ามาขวางระหว่างเฟลิกซ์และแม่ของเขาไว้ ในมือของพวกมันต่างก็ถือปืนกระบอกยาว และปากกระบอกปืนเหล่านั้นต่างหันมาที่เฟลิกซ์
"โชคร้ายหน่อยนะเจ้าหนูที่ไม่ทันจะเห็นแม่ตัวเองมีความสุข ก็ต้องมาตายซะแล้ว แต่น่าเสียดายนะที่แม่ของแกยังสาวยังสวยอยู่แท้ๆกลับมามีลูกโตขนาดนี้ ไม่งั้นหัวหน้าก็คงคิดจะพากลับไปอยู่ที่โรเซียด้วยแน่ๆ"
- ฮึม คนพวกนี้คงไม่เท่าไหร่หรอก ถึงจะมีจำนวนมากแต่ก็คงจัดการได้สบาย แต่พวกที่ไม่อยู่ที่นี่สิ ไม่รู้ว่าพวกมันจะมากันเมื่อไหร่ - เฟลิกซ์กำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดคนพวกนี้ แต่มันก็ทำให้เขาอดคิดไม่ว่าไอ้ความรู้สึกกดดันอย่างมหาศาลในระหว่างที่เกิดการต่อสู้กันอยู่นั้นมาจากไหนกัน เขาไม่ทางเชื่อเด็ดขาดว่าความรู้สึกพวกนั้นจะมาจากกลุ่มทหารเหล่านี้
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่เขาจะไปคิดถึงพวกคนที่ยังไม่มาแล้ว ยังไงซะเขาก็ต้องช่วยแม่ของเขาก่อน
ไม่ทันที่ทหารเหล่านั้นจะลั่นไก เด็กชายที่เคยอยู่ตรงหน้ากลับหายไปซะแล้ว ดวงตาหลายคู่จึงเบิกกว้างอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก่อนสมองจะสั่งการให้สายตาเหล่านั้นค้นหาร่างของเด็กชาย ลมหายใจของพวกเขาก็พลันหายห้วงไปเสียก่อน ร่างอันใหญ่โตด้วยกล้ามเนื้อกระตุกเล็กน้อยก่อนเลือดที่คอจะทะลักออกมา เพราะหลอดลมที่อยู่บริเวณคอหอยถูกของมีคมกรีดจนขาดลึกเข้าไปถึงเส้นเลือดใหญ่ กล้ามเนื้อที่เคยแข็งเกร็งกลับคืนการยืดคลาย ทำให้ปืนที่เคยอยู่ในอุ้งมือแข็งแรงที่ถือมันเพื่อใช้ประหัตประหารเหล่าผู้บริสุทธิ์มากมายร่วงหล่นลงสู่พื้น ไกปืนของบางกระบอกกระตุกเล็กน้อยจากแรงกระแทกเมื่อหล่นลงถึงพื้น ทำให้มันปล่อยก้อนโลหะกลมพร้อมทั้งแรงปะทุอันรุนแรงออกมาตามรังเพลิง
ปัง
สายตาของมิเลเน่หันกลับมายังที่ที่เธอและเฟลิกซ์เคยยืนอยู่ทันที หลังจากที่เธอถูกทหารคนนี้ลากมาแล้ว เธอก็พยายามอ้อนวอนให้เขาปล่อยลูกของเธอและคนเจ็บที่กำลังนอนรอความตายอยู่ในบ้านของเธอ ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นขึ้นอยู่กับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนทหารคนนั้นจะพาเธอเข้ามายังบ้านหลังหนึ่งที่ยังมีสภาพดีอยู่แม้เทียบกับหลังอื่นๆในละแวกนี้ คือ ภาพของทหารมากมายที่ยืนล้อมเฟลิกซ์และหันปากกระบอกปืนไปทางเขา แต่ก่อนที่จะเดินไปในบ้าน เสียงปืนก็ดังขึ้น ภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกยิงก่อนจะค่อยๆล้มลง ปรากฏขึ้นเป็นมโนภาพในสมองของเธอ
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย" เมเลเน่ตะโกนออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก่อนจะรีบถลันออกมาจากบ้านหลังนั้น แต่ก็ถูกใครบางคนฉุดข้อมือของเธอไว้ ก่อนจะผลักเธอเข้ามาในบ้านและลงมือปิดประตูเพื่อไม่ให้เธอออกไป ทหารคนนั้นค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ สายตาของมันวาวโรจน์ด้วยความหื่นกระหายในแสงมืดสลัวของยามเย็น
น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มเนียน ภาพของผู้คนที่เธอเคยช่วยชีวิตผุดขึ้นมามากมาย ภาพของผู้คนที่เคยเอาของต่างๆมาขอบคุณที่เธอเคยช่วยเหลือ และที่สำคัญภาพของเด็กชายกำลังยิ้มให้กับเธอ หลายปีมานี้เธอตั้งตาเฝ้ารอการเติบโตของเด็กคนนั้น ไม่มีแม้แต่ซักวันที่เธอจะหันสายตาไปจากเฟลิกซ์ แต่ภาพรอยยิ้มนั้นกลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับจิตใจของเธอตอนนี้
"เฟลิกซ์" ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกด้วยความอาลัย เฟลิกซ์ลูกของเธอ ที่แม้จะไม่ใช่ลูกจริงๆแต่เขาก็ทำให้เธอได้รู้จักกับความเป็นแม่ และทำให้เธอไม่เคยท้อแม้จะเผชิญกับเหตุการณ์ที่สิ้นหวังสักเพียงใด เธอจะยังคงมีความหวังเสมอเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเขา
แต่ตอนนี้ความหวังของไม่มีแม้เพียงแสงอันริบหรี่ เพราะดวงใจของเธอได้จากไปแล้ว แม้จะมีชีวิตต่อมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อคิดดังนั้นเธอหยิบมีดพกอันเล็กที่พกติดตัวไว้สำหรับตัดตัวอย่างพืชไปใช้ทำเป็นยา เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องนำมาใช้ในเหตุการณ์เช่นนี้
เธอนำมันมาจ่อที่คอหอยหวังว่าจะตัดหลอดลมให้ขาด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เคยสดใสบัดนี้กลับแลดูว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ คมมีดค่อยๆกดลงไปบนเนื้อนวล เลือดไหลอาบลงมาตามใบมีดวาว ย้อมสีเงินสว่างให้กลายเป็นสีชาดแสนน่ากลัว ระยะเวลานั้นช่างเนิ่นนานราวเป็นปี น้ำตาใสๆนั้นกลบเต็มดวงตาโตที่บัดนี้กำลังหรี่ปรือ เพราะสมองกำลังขาดออกซิเจน ร่างบางนั้นกระตุกสามสี่ครั้ง ลมหายใจที่เคยราบรื่นค่อยๆรวยรินลงเรื่อยๆ และสะดุดตามจังหวะการกระตุกของร่างกาย
ภาพของผู้หญิงร่างบอบบางที่ใช้มีดพกอันเล็กกรีดลงบนคอของตนเอง ติดตาของทหารคนนั้นไม่รู้หาย แม้ว่าเธอจะล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว แต่ภาพนั้นก็ยังไม่หายไปจากความคิด เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรที่กล้าหาญเช่นนี้ แม้เขาจะเป็นทหารมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจฆ่าตัวตายได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงขนาดนี้ มือเรียวงามนั้นบรรจงกรีดลงไปบนเนื้ออย่างไม่สั่นไหว หากเป็นเขาคงไม่สามารถทำอย่างนี้ได้แน่นอน
ไม่นานหลังจากนั้นประตูไม้บานนั้นก็ถูกเปิดออกมา ทำให้เขาต้องตื่นจากภวังค์ ภาพเด็กชายคนหนึ่งไหลเข้ามาสู่สำนึก เด็กชายคนที่ลูกน้องของเขาน่าจะฆ่าตายไปแล้ว เด็กชายคนที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมาตายในสภาพที่น่าอนาถเช่นนี้ เด็กคนนี้ที่เป็นลูกของเธอ
"แกเอาแม่ชั้นไปไว้ไหน" เฟลิกซ์ถามเมื่อมองไม่เห็นแม่ของเขา แต่เมื่อสายตาคมนั้นกวาดไปทั่วทั้งบ้าน เขาก็พบกับศพของแม่เขาที่นอนอยู่ในบ้าน ความโกรธแล่นไปตามเส้นเลือดทั่วทั้งสรรพางค์กาย เขาไม่โกรธเคยอะไรเท่านี้มาก่อน สติที่เคยควบคุมได้กลับขาดผึ่งทันทีที่เห็นศพของมิเลเน่ ความกดดันในบ้านหลังนั้นพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าสงบลงอย่างง่ายๆ เขาปล่อยจิตสังหารออกมามากกว่าทุกครั้งที่เคยใช้มัน ผู้ชายคนนี้ทำให้แม่ของเขาต้องตาย มันจะต้องตายด้วย
เขาสังหารชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนสติจะค่อยๆกลับคืนมา และเขาก็ควบคุมจิตสังหารให้กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าไปหาร่างของมิเลเน่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น กลิ่นอายของการต่อสู้มากมายก็ล่องลอยมาตามลมที่พัดแรงขึ้นอย่างผิดปกติ
ร่างของนายทหารระดับสูง 5 นาย ปรากฏอยู่ที่หน้าประตู
"นึกไม่ถึงเลยนะว่า ไอ้ความรู้สึกกดดันนั่นจะมาจากเจ้าหนูนี่ หึ หึ หลงให้เราตามหาซะตั้งนานนะเจ้าหนู" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมา รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมฉาบอยู่บนในหน้าเสี้ยมแหลม สายตาที่ราวจะฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆได้มองมาที่เขา
"นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่เจอเด็กเก่งขนาดนี้" ชายคนนั้นยังคงพูดต่อไป
เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย แต่เพียงแค่มองผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างจับใจจนอยากจะวิ่งหนีได้
นั่นสินะ เค้าถึงจะเรียกว่าเป็นชีวิต มันก็ต้องมีทั้งความสุข ความเศร้า และความกลัว หึหึ น่าสนุกจริงๆ
ความคิดเห็น