คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ร่างของหญิงสาววัย 25 ปี ถูกบุรุษพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดใหญ่ พร้อมกับชายคนรักของเธอที่วิ่งกุมมือโดยไม่คิดว่าจะปล่อย แต่เขากลับถูก นางพยาบาลประจำห้องนั้นกั้นไว้ไม่ให้เข้า เลยได้แต่นั่งกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง
“ญาติคนไข้กรุณา รออยู่ข้างนอกน่ะค่ะ”
หลังจากที่หญิงคนรักเข้าห้องผ่าตัดไปไม่นาน เสียงเอะอะก็เริ่มดังขึ้นมาตามทางที่จะไปห้องผ่าตัด พร้อมๆ กับร่างของคน 2 คนที่วิ่งมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ภู เกตุเป็นไงบ้าง” เสียงของหญิงสาว เพื่อนสนิทของ ภูนรินทร์ หรือ ภู ถามขึ้น พร้อมๆ กับ มือบางเอื้อมมากุมมือหนาของเพื่อนรักไว้อย่างกับปลอบประโลม
“ผมยังไม่รู้เลย เข้าไปนานเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกจากห้องนั้นเลย ผมกลัวว่าเกตุจะเป็นอะไร ทั้งหมดมันเป็นความผิดเพราะผมเพียงคนเดียว” ชายหนุ่มตอบอย่างเหม่อลอย
“ภูไม่ใช่คนผิดหรอก ยัยพริ้งต่างหากเล่าที่ผิด” หญิงสาวยังปลอบเพื่อนหนุ่ม
“พริ้งไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” ภูนรินทร์เถียงทันควันด้วยน้ำเสียงโมโห
“แกจะบอกว่าเรื่องนี้ ยัยพริ้งนั่นไม่เกี่ยวงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่ ยัยนั่นเป็นคนทำให้เกตุต้องมาเป็นแบบนี้” หญิงสาวเริ่มโมโหกับท่าทีของภูนรินทร์
“ผมบอกแล้วว่าเรื่องนี้ พริ้งไม่เกี่ยว อย่ามาปรักปรำ”
ภูนรินทร์หันมามองเพื่อนสาวด้วยสายตาขวาง
“แกพูดแบบนี้ ตกลงแกไม่ห่วงเกตุ แต่แกกลับหวง ยัยพริ้งนั่น”
“......”
“ตอนนี้ คนที่แกต้องห่วงคือ คนที่เป็นเมียแกอยู่ในห้องนั่น เมียที่จะทำให้แกเป็นพ่อคนในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้านี้ ไม่ใช่ยัยร่านที่ยั่วผู้ชายไปวันๆ คนนั้น”
“ข้าวปุ่น!!!” เสียงของภูนรินทร์ตวาดขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นผลกับหญิงสาวที่นามว่า ข้าวปุ่นมากเท่าใด
“ปุ่น พอเหอะ เราน่ะเสียงดังจนคนรอบข้างเขาหันมามองกันหมดแล้ว” ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับพราวนภา หรือ ข้าวปุ่น กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของหญิงสาว พลางดึงร่างบางให้กลับไปนั่ง
“พี่กราฟ!!!” พราวนภาหันไปตวาดใส่คนรักอย่างหงุดหงิด
“ข้าวปุ่น” ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านกลับน้ำเสียงตวาดกับสายตาที่โกรธเคืองเช่นนั้น แต่กับเรียกชื่อหญิงสาวคนรักด้วยน้ำเสียงที่เรียบ
“ก็ได้ แต่ถ้าเกตุเป็นอะไรไป ปุ่นก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของปุ่น ปุ่นก็จะไม่ไว้หน้า แล้วพี่กราฟ อย่ามาห้ามปุ่นซะให้ยากเลยน่ะ” พราวนภายื่นคำขาดก่อนจะเดินปึงปังตามนิสัยเอาแต่ใจตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับภูนรินทร์ พลางสอดส่องสายตาที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยให้กับหญิงสาวที่อยู่ในห้องนั้น
ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ประตูห้องนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมา จนพราวนภาเริ้มกระวนกระวาย
“พี่กราฟ ทำไมยัยเกตุยังไม่ออกมาอีกอ่ะ นี่มันก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ชั่วโมงแล้วน่ะ ปุ่นกลัว กลัวว่า...” พราวนภาหันไปถามคนรัก
“พี่เชื่อ ว่า น้องเกตุไม่เป็นอะไรหรอก อย่างเกตุน่ะ โคตรจะถึกจะตายไป เรื่องแค่นี้ถือว่าจิ๊บๆ สำหรับเกตุ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ โอ๋ๆ ไม่เอานา ไม่ร้องไห้น่ะคนเก่งของพี่” กราฟ หรือ ภาสกร พูดปลอบ พลางดึงร่างบางของคนรักเข้ามาซบที่อก พร้อมๆ กับลูบศีรษะเป็นการปลลอบใจ ทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นห่วงรุ่นน้องที่อยู่ในห้องนั่นไม่แพ้กัน
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 5 ชั่วโมง ประตูตรงหน้าของกลุ่มคนก็ถูกเปิดออกด้วยแรงของหมอหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคนไข้ แต่สีหน้าของหมอหนุ่มกลับซีดเซียว ราวกับว่า ต้องตัดสินใจถามเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
“พี่หมอ เกตุเป็นไงบ้าง ปลอดภัยใช่มั้ย” พราวนภาถาม
“50 50 น่ะ พี่ยังยินยันอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก ปุ่น”
“ไม่จริง พี่หมอโกหก”
“ภู แกฟังพี่ให้ดีๆ น่ะ แกต้องเลือกระหว่าง แกจะเอาแม่ของเด็กไว้ หรือ แกจะเอาเด็กไว้” หมอหนุ่มกลั้นหายใจนานกว่าจะเอ่ยออกมาได้
แต่สิ่งที่ภูนรินทร์ได้ยินนั้น ถึงทำให้ยืนนิ่งไม่ไหวติง จนภาสกรต้องสะกิดเพื่อนของคนรัก
“ไม่ ผมจะเอาทั้งสองคน ผมไม่เลือกว่าจะเก็บใครไว้ ผมจะเอาทั้งแม่ทั้งลูก” ภูนรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
“อืม แต่พี่อยากให้แกทำใจเผื่อไว้น่ะ พี่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ แต่พี่จะพยายามให้สุดความสามารถก็แล้วกัน”
“ครับ”
หลังจากที่หมอหนุ่มเข้าไปเกือบชั่วโมง ประตูห้องก็ถูกเปิดด้วยหมอหนุ่มคนเดิม แต่สีหน้าของหมอหนุ่มในตอนนี้ซีดยิ่งกว่าเมื่อก่อนเข้าไป และดูเหมือนหมอหนุ่มไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับคนตรงหน้า แต่ถ้าไม่บอก มันจะกลายเป็น ผิดจรรยาบรรณของการเป็นแพทย์ได้
“พี่หมอๆ ยัยเกตุเป็นไงบ้าง ปลอดภัยใช่มั้ย” เสียงใสๆ ของพราวนภาถามแทนคนทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ภู พี่ว่าแกตั้งสติ และฟังในสิ่งที่พี่พูด พี่ดีใจด้วยที่แกได้ลูกแฝด เป็นแฝดคนละใบ ชายกับหญิง” หมอหนุ่มเว้นไปสักพัก จนพราวนภาไม่ไหว
“พูดต่อสิพี่หมอ พี่หมอจะเงียบทำไม เงียบให้มันได้อะไรขึ้นมา หรือว่า...” พราวนภาไม่ทันได้พูดจบในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดก็ปล่อยโฮท่ามกลางสายตาของญาติคนไข้ที่อยู่แถวนั้นจน จนภาสกรต้องประคองกลัวว่า หญิงสาวจะเป็นลม เป็นแล้งไปเสียก่อน
ราวกับว่า หมอหนุ่มจะเข้าใจในสิ่งที่ พราวนภาคิด ใบหน้าที่ดูคมแต่กลับซีดเซียวก็พยักหน้าเป็นคำตอบว่าสิ่งที่พราวนภากำลังคิดนั้นเป็นความจริง แต่เป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
“พี่เสียใจด้วยที่ไม่อาจช่วยชีวิตของน้องเกตุ และ ลูกสาวของแก เพราะตอนก่อนเข้าห้องน้องเกตุเองก็เสียเลือดไปมาก และ เด็กที่คลอดออกมานั้น ลูกชายแกหายใจปกติ แต่ลูกสาวแกหยุดหายใจไปตั้งแต่ในท้องแล้ว” หมอหนุ่มกล่าวขึ้นเพื่อยืนยันความคิดของพราวนภา
สิ้นคำพูดของหมอหนุ่ม เสมือนเป็นค้อนยักษ์ตีเข้าที่หน้าผากของภูนรินทร์ และ ภูนรินทร์เองก็เกือบจะหยุดหายใจไปดื้อๆ น้ำตาของลูกผู้ชายมาตลอด 26 ปีไม่เคยไหล แต่กลับไหลลงมาอย่างง่ายดายเมื่อคนที่เขารักมากที่สุด จากไปถึง 2 คน พร้อมๆ กัน
“พี่ไปก่อนน่ะ เสียใจด้วย” หมอหนุ่มกล่าว ก่อนที่จะพาร่างสูงออกไป
“พี่กราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ เกตุ เกตุ ฮือออ....” พราวนภาร้องไห้จนสลบ
ภาสกรพาคนรักไปนั่งพักก่อนจะเดินมาหาคนที่กำลังเสียใจอย่างที่สุด
“ภู พี่สียใจน่ะ แต่แกต้องเข้มแข็งเพื่อ ลูกของแกที่ยังเหลืออยู่ เข้มแข็งเพื่อเกตุ เพื่อลูกสาวของแก ตอนนี้พี่ขอให้แกร้องออกมาให้พอ ถ้าผ่านพ้นวันนี้แล้ว แกต้องเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้คนบนฟ้าที่มองลงมาต้องเสียใจ”
“ครับ พี่กราฟ ผมจะพยายาม เพื่อลูกของผม เพื่อคนที่ผมรัก”
“อื้ม กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ จะได้มาจัดการเรื่องของเกตุด้วย มีอะไรที่ให้พี่ช่วยได้ก็บอกน่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“ครับ”
อีกมิติหนึ่งที่คู่ขนานกับโลกนั้น
“ท่านค่ะ ท่านทำแบบนั้นทำไม ทำไมต้องให้ลูกสาวดิฉันต้องไปอยู่ในร่างของลูกชายดิฉันด้วยค่ะ” ร่างบางสมส่วนของพราวเกตุเอ่ยถามผู้ที่ปกครองโลกแห่งนี้ที่ตนเพิ่งก้าวมาอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ชะตา ฟ้าได้ลิขิตแล้ว เจ้าจงสบายใจเถิด” ผู้ปกครองเอ่ยเป็นนัยๆ ก่อนจะเดินจากไป
“ชะตาฟ้าลิขิตงั้นเหรอ ” สีหน้างวยงงของพราวเกตุยังไม่จางหายไปจากใบหน้ารูปไข่ได้รูปนั่น แต่ก่อนจะคลียิ้มบางที่มุมปากด้วยความเศร้า พร้อมๆ กับน้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลอาบแก้มทั้ง 2 ข้าง
" จะให้ดิฉันสบายใจได้ไง ก็ในเมื่อ....... " พราวเกตุทิ้งท้ายด้วยน้ำตาก่อนจะเดินจากห้องโถงกว้าง
*********
เม้นให้ด้วยน่ะค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง
ความคิดเห็น