ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของๆzerus 2

    ลำดับตอนที่ #3 : THE LEGEND OF TSUKINOKAGE3

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 52


    ตำนาน ท่านชายฮิเดโนริ ท่านชายซึบาสะกิ

    PART 3 WAIT FOR LATTER

     

     

    คืนจันทร์ข้างแรมแม้กระนั้นแสงจันทร์ที่มีเพียงเศษเสี้ยวก็ยังส่องเพื่อเป็นแสงสว่างให้กับใครที่กำหลังหลงทาง แต่แสงที่มีเพียงเศษเสี้ยวนั้นก็อาจทำให้ทางที่เห็นนั้นไม่ชัดเจน

    อาจมิได้ช่วยให้พบจุดหมายแต่กลับกลายยิ่งหลงไปในวังวนตรงหน้ายิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้

     

    คืนนี้เป็นคืนจันทร์แรมที่แสงจันทร์ยังสาดแสงรำไร

    เสียงสะอื้นเบาๆนั้นลอยเอื่อยตามสายลม

    หยุดร่ำไห้ได้มั้ยหญิงโทโมฮิโกะ!!!

     

    ก็เจ้ามิได้เป็นข้าก็พูดได้สิ ข้าไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว ร่างกายข้าถูกชายผู้นั้นจดจ้องทุกส่วนแล้ว

     

    โอ้ย!!! ทำไมจะไม่บริสุทธิ์เล่า เจ้านั้นไม่ได้แตะต้องตัวเจ้าเลยมิใช่รึ อ๊ะหรือว่า……..ตอนที่เจ้านั้นปิดประตูห้อง มันทำอะไรเจ้า!!!!

    จินโกะหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน

    หลังจากที่โทโมฮิโกะปลดเปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าซึบาสะกิแล้ว จู่ๆร่างนั้นก็กระโจนมาปิดประตูที่แง้มเอาไว้กระแทกหน้าจินโกะจนแทบหัก

     

    มิใช่ๆ ท่านพี่นั้นเป็นบุรุษที่สมกับบุรุษ ท่านพี่เกรงว่าใครจะเห็นร่างเปลือยของข้าจึงรีบวิ่งไปปิดประตู เสร็จจากนั้นท่านพี่ก็รีบดึงกิโมโนขึ้นคลุมร่างข้าดังเดิม

     

    ปัดโธ่เอ้ย!!!!! หญิงโทโมฮิโกะ เจ้าพูดให้ข้าตกใจไปหมดเจ้านั้นมันไม่ได้เป็นบุรุษสมบุรุษอย่างที่เจ้าพูดหรอก เจ้านั้นไม่มีความเป็นชายด้วยซ้ำ ถึงไม่ได้ทำอะไรเจ้าไงหล่ะ แล้วต่อจากนั้นเจ้าเล่าให้ละเอียดสิ มันมีท่าทีอย่างไรบ้าง!!!!

     

    โทโมฮิโกะเอามือปิดหน้าด้วยความเอียงอายไม่หาย

    ไม่จริงๆ สายตาของท่านพี่ที่มองเรือนร่างของข้า นั้นราวกับว่าจะมองจนทะลุไปทั้งตัว ยังนี้ยังไม่เรียกว่าเป็นชายอีกหรือ แม้ลวนลามข้าด้วยสายตาข้าก็ทนไม่ไหวแล้วนะ

     

    โอ้ย!!!!หญิงโทโมฮิโกะ แค่นั้นไม่สึกหรออะไรหรอกน่า ไม่ทำให้เจ้ากำเนิดเด็กได้ด้วยเข้าใจมั้ย ข้าอ่านมาจากตำราต้องห้ามแล้ว รีบๆเล่ามาเถอะว่าเจ้าซึบาสะกินั้นมีท่าทีเช่นใดเมื่อเห็นเรือนร่างเจ้าแล้ว!!!!

     

    โทโมฮิโกะหน้าตาตื่นกว่าเดิม

    หญิงจินโกะ!!!! เจ้าแอบอ่านตำรานั้น ทั้งๆที่ท่านอาจารย์บอกว่าจะอ่านได้ก็ต่อเมื่อเราทำพิธีเป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น

     

    โอ้ย!!!!!!!! หญิงโทโมฮิโกะ เจ้าจะเล่าให้ข้าฟังได้รึยัง หรือจะให้ข้าเดินไปถามเจ้าซึบาสะกิเองว่าเกิดอะไรขึ้น!!!!!

     

    ไม่เอาข้าอายนะ!!!!

     

    ก็เล่ามาซะทีสิ!!!!!

    โทโมฮิโกะนั้นใช้ชายกิโมโนซับน้ำตาก่อนหันหน้ามาที่จินโกะ

    ก็ได้……..ข้าเล่าแล้ว……..หลังจากนั้นท่านพี่ก็ช่วยข้าสวมชุดดังเดิม ไม่มีทีท่าอะไรที่แปลกไปกว่านั้น ท่านพี่ยังลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งกล่าวกับข้าว่า ร่างกายข้านั้นงดงามกว่าใครๆ มิต้องกังวลไปหรอก

     

    ห๊า!!!!! ทำถึงขนาดนี้เจ้าบ้านั้น สมองทำด้วยอะไรกันนี่!!!!!จินโกะอุทานออกมาอย่างหัวเสีย ทำไปถึงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกงั้นหรือ

     

    เหตุใดจะไม่รู้ตัว…………

    ร่างบางนั้นนอนจ้องจันทร์คืนแรมด้วยความไม่เข้าใจ

    จิตใจนั้นสับสนหาทางออกแทบไม่เจอ

    หลายๆอย่างที่ประสบ

    คำพูดหนาหูที่รัชทายาทจะถูกคัดเลือกจากตนหรือฮิเดโนริ

    รัชทายาทนั้นก็ย่อมต้องเป็นโอรสเท่านั้น

    ข้าทาสบริวารมิเคยเรียกตนว่าท่านหญิง

    ถ้าเป็นหญิงจริงๆทำไมจึงไม่เรียก

    และสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะสัมผัสมันด้วยตาของตนเอง

    ร่างกายของหญิงสาวแม้จะเป็นแค่ร่างของเด็กสาวแรกรุ่น

    แต่ก็แตกต่างกับร่างกายของตนโดยสิ้นเชิง

     

    แท้จริงตัวข้าเป็นชายมิใช่หญิง

    แค่คิดแบบนี้ก็เจ็บปวดร้าวราน

    มิได้เจ็บที่ตนไม่ได้เป็นหญิงแต่มันเจ็บที่ใครคนนั้นโกหกกันเช่นนี้

    ไม่หรอกยอมรับไม่ได้ที่จะเชื่อว่าคนคนนั้นจะโกหก

    การเป็นชายนั้นไม่ใช่เรื่องจริงเรื่องจริงนั้นคือข้านั้นเป็นหญิง

     

    ราวกับเชื่อในเรื่องโกหกว่าเป็นจริง และเรื่องจริงนั้นเป็นโกหก

    อยากจะร้องไห้ออกมากับความรู้สึกสับสนนี้

    แต่มิทันที่น้ำตาจะไหล เสียงทุ้มของใครก็กล่าวเรียกออกมาในความมืด

     

     

    “………ซึบาสะกิ………..”

     

    ร่างบางผุดลุกขึ้น แสงจันทร์ที่สาดส่องเพียงนิดก็พอจะให้เห็นรอยยิ้มงดงามของเจ้าของเสียง

     

    “…..ฮิเดโนริ…….”

     

    “……..ยังมิหลับใช่มั้ย?.........” กล่าวถามออกมา

     

    อืม……….แต่เหตุใดท่านจึงมาในยามนี้ ………” ร่างบางคว้ากิโมโนยาวทับกับยูกาตะตัวบางที่สวมนอน

     

    แสงจันทร์สาดส่องพอจะมองเห็น ร่างนั้นไม่ยอมตอบเพียงแต่คลานเข้ามาใกล้

    เจ้าแบมืออกมาก่อน

     

    ซึบาสะกิงงกับท่าทางที่เหมือนกับจะเล่นอะไร แต่ก็ไม่ขัดขืนยอมทำตามแต่โดยดี มือเรียวยาวนั้นแบออก ฮิเดโนริวางบางอย่างลงที่มือนั้นเบาๆ รู้สึกเหมือนกลีบอ่อนนุ่มของดอกไม้

     

    ฮิเดโนริยังคงเอามือตัวเองกดทับบนมือเรียวนั้น ก่อนดึงให้มาอยู่ตรงแสงจันทร์แล้วค่อยๆคลายมือออก

     

    ดอกซากุระที่ยังตูมอยู่ในมือนั้นเมื่อต้องแสงจันทร์กลีบสวยก็บานออกมาราวกับใช้เวทย์มนต์

    อ๊า……….”

    ซึบาสะกิร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง

    สวยงามมากเลย………ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นเช่นนี้

     

    ฮิเดโนริยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ

    พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่ ซากุระในสวนจะบานเต็มที่เมื่อแสงแรกมาถึง แต่เพราะพรุ่งนี้เราต้องซ้อมพิธีเจ้าคงไม่ได้เห็นมัน ข้าจึงอยากให้เจ้าได้เห็น ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเจ้าในพิธีที่สำคัญนี้นะ

     

    ยิ่งเห็นใบหน้าที่แย้มยิ้มนั้น ความรู้สึกอัดอั้นข้างในก็มิอาจเอ่ยได้

    ไม่กล้าจะถามว่าคำพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก

    แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้ทนอยู่ไม่ได้แล้ว

    “…….ฮิเดโนริ……..ข้าไม่แน่ใจว่าตัวข้าแท้ที่จริงแล้ว………เป็นหญิงหรือชายกันแน่……”

     

     

    ใบหน้าที่เพิ่งแย้มยิ้มนั้นดูตกใจ และเคร่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    ใครบอกเจ้า………….” น้ำเสียงนั้นดูเยือกเย็นจับใจที่หวั่นไหวของซึบาสะกิยิ่งนัก

     

    “……..ไม่มีผู้ใดบอก เพียงแต่ข้ามิอาจแน่ใจ………”

     

    มือเรียวนั้นถูกดึงมากุมไว้แน่น

     

    เจ้าเป็นหญิง จงเชื่อมั่นเถิดว่าเจ้าเป็นหญิง เจ้าห้ามไปถามไถ่ใครเรื่องนี้ จนกว่าพิธีการเป็นผู้ใหญ่และพิธีสยุมพรผ่านพ้นไป………..ได้มั้ย

     

    ซึบาสะกิมิอาจเอ่ยปากตอบไปได้ เพียงแค่พยักหน้ารับออกไปเท่านั้น

    ใบหน้าที่เคร่งเครียดจึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง

     

    รอยยิ้มนี้มีค่ามากกว่าสิ่งใด

    รอยยิ้มที่ทำให้ข้ายอมรับได้แม้แต่เรื่องโกหก

    ขอแค่รอยยิ้มนี้ยังคงแย้มยิ้มให้ข้าเท่านั้น

    …………………………………………………………………………………………..

     

    ธิดาน้อยใหญ่ของท่านโชกุนถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องในชุดพิธีที่สำคัญ รวมทั้งการอธิบายว่าต้องทำอะไรใรพิธีบ้าง มีก็แต่เพียงหญิงจินโกะและหญิงโทโมฮิโกะที่ไม่ได้ใส่ใจกับการเตรียมการซักซ้อม

     

    หญิงจินโกะ เจ้าคิดจะทำเช่นไรต่อไป……..” โทโมฮิโกะกล่าวถามลอดผ่านพัดที่กรีดกรายบังหน้าสวยหมดจดนั้นเอาไว้

    ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อต้องเสียหน้าในพิธีจริง ต่อหน้าพสกนิกรทั้งแผ่นดิน ข้าจะยอมผิดสัญญา!!!!

    จินโกะกางพัดขึ้นมาปิดใบหน้าเพียงครึ่งของตน

     

    หญิงจินโกะ เจ้าคงไม่กล่าวเรื่องนั้นออกมานะ……..” โทโมฮิโกะกล่าวออกมาใบหน้าดูตื่นตระหนก

     

    จินโกะไม่ยอมตอบ เสียงเจ้าหน้าที่ในพิธีขานขึ้น

    พระชายาเสด็จ ทุกคนทำความเคารพ

     

    ทั้งจินโกะ โทโมฮิโกะ พี่น้ององค์หญิงอื่นๆรวมทั้งข้าราชบริภารที่ร่วมในพิธี ต่างก้มหัวเคารพพระชายาที่มาในพิธีซ้อมแทนท่านโชกุน

     

    เริ่มพิธีซ้อมได้………….” เสียงอันทรงอำนาจกล่าวขึ้น

     

     

    ซึบาสะกิผู้ซึ่งมีศักดิ์แก่กว่าเป็นผู้แรกที่ต้องเข้าพิธี

    เพียงแค่ก้าวเข้ามาในพิธีนั้น เสียงซุบซิบนินทาก็เริ่มเซ็งแซ่

    แม้อาภรณ์ที่สวมใส่นั้นจะสมดังชาย

    แต่ร่างกายภายในอากัปกริยาต่างๆนั้นกับแตกต่างไปโดยสิ้น

    ซึบาสะกิรู้สึกเกร็ง แต่เมื่อหันไปสบสายตาของพระชายาก็ต้องรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

    ดวงตานั้นเหมือนยิ้มเยาะในความน่าขัน

    โหราจารย์ที่ทำพิธีนั้นแกล้งทำท่าตัดปอยผมและสวดมนต์ประทานพรต่างๆ

    ก่อนกล่าวออกมาตามธรรมเนียม

    เมื่อท่านก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเป็นรัชทายาทแห่งมาหานครแห่งนี้

     

    หึหึหึ………….”

    เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นกลางพิธี เป้าสายตาทุกคนไปรวมที่จุดนั้น

    หญิงจินโกะที่ใช้พัดปกปิดใบหน้าไว้เหลือเพียงแววตาสวยที่ดูเยาะเย้ยขบขันไม่ต่างกับมารดาของตน

     

    ซึบาสะกิที่ค้างไปกับท่าทีนั้นก็ฝืนเอ่ยถามออกมา

    ท่านหญิงจินโกะ ทรงหัวเราะด้วยเรื่องอันใด

     

    พัดที่ปกปิดหน้านั้นถูกกรีดเก็บ ใบหน้านั้นดูเหมือนสะใจกับเรื่องที่จะได้ทำ

    จะไม่ให้เป็นที่น่าขันได้เช่นไร ตัวท่านนั้นเป็นชายชาติอาชาไนย แต่จิตใจท่านนั้นเป็นหญิง น่าอับอายเหลือเกิน และก็น่าเสียดายที่ได้กำเนิดขึ้นมาเป็นชาย คนเช่นนี้นะหรือจะมีคุณสมบัติเป็นรัชทายาท

     

    กล่าวเท่านั้นร่างเล็กก็หัวเราะออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ณ.ที่นั้นอดที่จะหัวเราะเยาะเย้ยตามด้วยไม่ได้

    ซึบาสะกิรู้สึกตัวราวกับเป็นตัวตลก ทุกคนมองดูเค้าด้วยแววตาสมเพศปนขบขัน

     

    โทโมฮิโกะเองที่รู้สึกสงสารก็ได้เพียงก้มหน้าซ่อนอยู่ใต้พัดของตนเอง

     

    เสียงหัวเราะในพิธีดังไปยังห้องเก็บตัวที่ฮิเดโนริอยู่

    ท่านอาจารย์ ในพิธีเค้าหัวเราะอะไรกันหรือ

     

    ท่านอาจารย์มาซากิเองก็มิอาจจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรเพียงเดาออกไปเท่านั้น

    บางทีท่านซึบาสะกิอาจจะสะดุดหกล้ม หรือทำอะไรผิดกระมัง

     

    ฮิเดโนริได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาโดยที่มิรู้ว่า

    ใครคนหนึ่งกำลังจิตใจแตกสลายไปแล้วด้วยการกระทำของตน

     

    ท่านพี่ฮิเดโนริ!!!!!ร่างบางนั้นโผล่เข้ามาในห้องเตรียมตัว ทำเอาฮิเดโนริแปลกใจ

    โทโมฮิโกะ……..เข้ามาได้อย่างไร เจ้าต้องอยู่ในพิธีมิใช่หรือกล่าวถามออกมา

     

    ใบหน้าสวยนั้นมีท่าทีลังเลแต่ก็ตัดสินใจบอก

    หญิงจินโกะกล่าวเยาะเย้ย ท่านพี่ซึบาสะกิเรื่องที่แท้จริงท่านพี่นั้นเป็นชายออกมาต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ท่านพี่ซึบาสะกิออกจากพิธีไปแล้ว

     

    ราวกับว่ามีใครเอามีดคมกริบมาบั่นคอฮิเดโนริไม่อยากจะเชื่อ

    คนที่เค้าเฝ้าเป็นห่วงและไม่อยากให้สิ่งใดมาทำร้าย

    ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ

    แต่ตอนนี้คนคนนั้นกลับถูกทำร้ายทางจิตใจอย่างไม่น่าให้อภัย

     

    จินโกะยังคงแย้มยิ้มและพูดคุยกับพี่น้องคนอื่นในพิธีราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไร

    แต่เมื่อหันมาเห็นพี่ชายที่เพิ่งเข้ามาก็กลับเชิดหน้ายิ้มยั่วออกมาอีก

     

    แต่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดมือเรียวนั้นเงื้อขึ้นและตบหน้าของจินโกะอย่างแรง

     

    ฮิเดโนริ!!!!!!!!!!!ผู้เป็นมารดาร้องออกมาเสียงดัง

     

    โทโมฮิกะเองก็ได้แต่เอามือปิดปากกับสิ่งที่ได้เห็น

    ไม่เคยเห็นพี่ชายผู้อ่อนโยนนี้เคยทำร้ายใคร แม้แต่แมลงหรือยุงสักตัวก็ไม่เคยฆ่า

    แต่วันนี้ถึงกับตบหน้าน้องสาวแท้ๆได้

     

    คงเป็นเพราะใครคนนั้น…………..

     

    จินโกะค้างกับสิ่งที่เกิดแก้มขาวนั้นเป็นรอยฝ่ามือแดงเด่นชัด ดวงตาสวยที่ลืมค้างนั้นเริ่มมีน้ำเอ่อแล้วสาวน้อยก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกมา นางกำนัลที่ดูแลต้องรีบเข้ามาปลอบเป็นการใหญ่

     

    ยังมีหน้าไหนอีกที่หัวเราะเยาะซึบาสะกิ ข้าจะจัดการให้ครบทุกคน!!!!!ท่านชายที่เงียบขรึมท่าทางจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนที่หัวเราะออกมาต่างปิดปากเงียบไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับ

     

    ถ้าบอกว่าคนที่หัวเราะ ซึบาสะกินั้นมีแม่ด้วย เจ้าจะตบหน้าแม่ด้วยรึไม่ ฮิเดโนริ!!!!!

    ผู้เป็นมารดานั้นชักทนกับการกระทำที่ออกรับแทนใครบางคนจนมากเกินไปแบบนี้ไม่ไหว

    ฮิเดโนริไม่ได้กล่าวตอบแต่สายตาที่มองมารดาราวกับเป็นศัตรูนั้นทำให้รู้สึกกลัว

    “…….ฮิเดโนริ เจ้าอย่าจ้องแม่แบบนี้นะ!!!!!........

     

    ฮิเดโนริ สะบัดหน้าทำท่าจะเดินจากห้องพิธีนั้นไป

    ฮิเดโนริจดจำคำแม่เอาไว้………… เจ้าไม่สามารถปกป้องใครได้ตลอดไปหรอก ถ้าวันใดที่เจ้าเผลอคนที่เจ้าพยายามปกป้องคงต้องตายอย่างน่าสมเพศ

    กล่าวเพียงเท่านั้นก่อนก้มลงกอดปลอบขวัญลูกสาวที่ขวัญกระเจิง

    ฮิเดโนริหันมาสบสายตามารดาอีกครั้ง

    สายตานั้นไม่ได้ล้อเล่นเช่นกัน

     

    ในใจนั้นเหมือนตกลงไปในเหวลึก

    หวังที่จะปกป้องคนคนนั้นมากจนเกินไป

    โดยที่ไม่เคยสอนให้ต่อสู้

    ที่คนคนนั้นอ่อนแอ เป็นฝ่ายยอม และไม่เคยเรียกร้อง

    นั้นก็เป็นเพราะเค้าทั้งหมดสอนให้คนคนนั้นอ่อนแอ

    แล้วถ้าเค้าคลาดสายตาคนนั้นก็จะถูกรังแก

    และถ้าเลวร้ายไปกว่านั้นแม้แต่ชีวิตก็อาจจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

     

    เขาสมควรจะทำอย่างไร?

    ที่จะสามารถปกป้องคนนั้นได้ดีที่สุด…………..

     

    ………………………………………………………………………………….

     

    ดอกซากุระบานสะพรั่งแต่ความงามของมันมิอาจปลอบโยนจิตใจที่แตกสลายได้อีกแล้ว

    สุดท้ายทั้งๆที่พยามเชื่อคำโกหกแต่คำโกหกก็คือคำโกหกอยู่เช่นนั้น

    ฮิเดโนริวิ่งมายังใต้ต้นซากุระนั้น มั่นใจว่าใครจะต้องอยู่ที่นี่และก็ไม่ผิดอย่างที่คิด

     

    ใบหน้าที่เคยแจ่มจรัสราวจันทร์วันเพ็ญบัดนี้กลับหมองเศร้าราวกับมีราหูเข้าแทรก

    ฮิเดโนริยังมิทันที่จะอ้าปาก

     

    ร่างบางที่หันหลังอยู่นั้นก็กล่าวออกมาน้ำเสียงสั่น

    ท่านโกหกข้า ท่านหลอกลวงข้า เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ ท่านทำให้ข้าต้องอับอาย

     

    ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปโอบกอดไหล่บางที่สั่นเทาอยากจูบปลอบซับรอยน้ำตาที่อาบแก้มอิ่ม

    อยากจะกล่าวถึงเหตุผลที่ต้องโกหกนั้นก็เพื่อปกป้องเจ้าเอาไว้

    แต่เค้าจะทำอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ได้เป็นการปกป้องอย่างแท้จริง

    มันกลับเป็นการเพิ่มความอ่อนแอให้กับคนคนนี้

     

    “……..ข้าไม่มีเหตุผล ข้าทำไปเพราะอยากจะทำ จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ถ้าต้องการเหตุผล ก็อาจเป็นเพราะข้ารู้สึกสนุกกระมัง………..”

    น้ำเสียงราวกับไม่ใส่ใจ พูดออกมาหน้าตาเฉยทั้งๆที่ ข้างในมันสั่น

     

    หน้าที่อาบน้ำตาหันมามองราวกับว่าไม่เชื่อหูว่าคำพูดนี้จะหลุดออกจากปากคนตรงหน้า

    “……เหตุใดจึงใจร้ายกับข้าเช่นนี้……….แล้วคำพูดของท่าน…….ไม่มีความจริงเลยใช่หรือไม่

     

    ฮิเดโนริฝืนหัวเราะออกมาราวกับได้ยินเรื่องขบขัน

    อย่าบอกนะว่าเจ้าเชื่อที่ข้ากล่าว………ที่ข้าจะให้เจ้าเป็นของข้าในวันที่เจ้างามเพียบพร้อมนั้นน่ะ……..ถ้าเจ้าเชื่อข้าก็จนใจยิ่งนัก ทั้งๆที่เจ้าก็มิใช่หญิง…….แต่จะว่าไปความอ้อนแอ้นงดงามเยี่ยงนี้ก็น่าสนใจมิใช่น้อย

    มือเรียวเชยคางคนที่สายตาค้างไปกับทุกคำพูดที่ทิ่มแทง ใบหน้าที่เคยหมองเศร้าและมักจะสลดเมื่อถูกใครทำร้ายกลับแปรเปลี่ยนไป คิ้วนั้นเชิดขึ้น ก่อนปัดมือที่สัมผัสตัวออกอย่างแรง

     

    อย่ามาแตะต้องตัวข้า……..ข้าเข้าใจว่าท่านทำการเช่นนี้ด้วยเหตุผลใด ข้าจะไม่ขึ้นเป็นรัชทายาท และจะเนรเทศตัวข้าเองไปจากนครแห่งนี้ ………”

    ที่หลอกลวงมาทั้งหมดก็เพื่อการนี้ใช่มั้ย

    ถ้าข้าเป็นชายที่ไม่สมชายแล้วการคัดเลือกรัชทายาทก็จะง่ายขึ้น

    ที่ต้องการน่ะเท่านี้ใช่มั้ย !!!!!!

    เพียงแค่ตำแหน่งรัชทายาทกลับใช้คำว่ารักมาหลอกลวง

    ช่างเป็นคนน่ารังเกียจอะไรเช่นนี้

     

    คนที่ถูกมองด้วยสายตารังเกียจตอนนี้เจ็บปวดแค่ไหนใบหน้ายังแสร้งยิ้ม มือที่ถูกปัดมามันเจ็บจนชา

    อะไรกัน เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น เจ้าจะไม่ยอมพบข้าอีกเหรอ ในวันที่เจ้างดงามเพียบพร้อมแล้วน่ะ หึ

    ฝืนทนพูดประชดแดกดันออกมา

    แม้ในใจร่ำร้องมิอยากให้คนคนนี้จากไกล

     

    ไม่!!!!!.......จะไม่มีวันนั้น!!!!!.........ข้าจะเติบโตเป็นชายชาตินักรบที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากกว่าท่าน แล้วถึงวันนั้น เราคงได้มีโอกาสพบกันอีก…………”

    คำพูดและแววตานั้นแทบไม่เหลือความเป็นซึบาสะกิที่อ่อนแออีกแล้ว

    ถ้าเป็นเจ้าในตอนนี้คงจะแข็งแรงพอที่จะปลอดภัยจากทุกสิ่งได้ใช่มั้ย

    ฮิเดโนริสะกดกลั้นน้ำตาให้หลั่งไหลอยู่เพียงภายในใจกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดหายเท่านั้น

     

    “…………ได้……..ข้าจะรอ………..”

    ….………………………………………………………………………………………..

     

    ข่าวลือที่ว่าท่านซึบาสะกินั้นมิสมเป็นชายนั่นน่ะเชื่อไม่ได้เลยนะ

     

    นั้นน่ะสิ ในพิธีเป็นผู้ใหญ่นั้น ยังประกาศออกมาได้อย่างห้าวหาญมากที่จะไม่ยอมเป็นรัชทายาท เท่ากับประกาศว่าจะไม่ยอมรับสืบทอดบันลังค์กับผู้เป็นบิดา พูดเช่นนั้นถึงเป็นโอรสก็อาจถูกบั่นคอเอาได้เลย ถ้าไม่ใช่ชายชาตินักรบคงไม่กล้าถึงเพียงนั้น

     

    แต่น่าเสียดายจริงๆนะที่ท่านออกจากวังหลวงไปแล้ว ไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระอนุชาท่านโชกุนแบบนี้ก็คงไม่ได้กลับมาเมืองหลวงอีกคงเป็นเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองชั้นนอกนั้นตลอดไปแน่เลย

     

    คนที่เศร้าใจที่สุดคงมิใช่เจ้าหรอกนะ………ท่านฮิเดโนริดูหงอยเหงาไปเลย……….”

     

    ก็แน่นอน……..ท่านทั้งสองนั้นเคยเป็นเงาของกันและกันเลยทีเดียวนะ……….”

     

    กลีบซากุระร่วงโรยอีกครั้งร่างที่ยืนดูอยู่เพียงเงียบๆมิอาจวิ่งเล่นเริงร่าภายใต้สายฝนดอกไม้นี้ได้อีกเฉกเช่นเด็กน้อยต่อไปแล้ว

    ที่สำคัญไปกว่าคนที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันตอนนี้ได้จากไปไกลและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบเจอกันอีกหรือไม่

     

    ท่านพี่ฮิเดโนริ อากาศข้างนอกเริ่มเย็นแล้วนะเจ้าค่ะ

    โทโมฮิโกะยังคงแสนดีเป็นห่วงเป็นใยเสมอ กิโมโนตัวใหญ่นั้นถูกคลุมให้กับไหล่กว้าง

    ขอบใจนะหญิงโทโมฮิโกะ……….แต่ขอพี่อยู่ชมซากุระอีกสักพักเถอะนะ

     

    ได้ยินเช่นนั้นโทโมฮิโกะก็เข้าใจความหมาย หลบออกไปปล่อยให้ฮิเดโนริได้อยู่ตามลำพัง

    กลีบซากุระร่วงโรยแผ่วเบา ร่างนั้นเดินช้าๆหยุดอยู่ที่ใต้ต้น

    กลีบบางอ่อนนุ่มสัมผัสแก้มแล้วหล่นลงสู่เบื้อล่างราวกับจูบที่อ่อนโยนจากคนรักที่แผ่วเบาแล้วจางหาย

    หวนนึกถึงคำพูดของบิดาที่กล่าวกับเค้าในวัยเยาว์

    วันที่บิดาจะไปนำพาคนที่เปลี่ยนชีวิตเค้ามาหาเค้า

     

    ฮิเดโนริ เจ้ามิเคยเป็นอย่างพ่อ เจ้าจะไม่รู้ว่าเมื่อตกอยู่ในห้วงรักจะเป็นเช่นไร การที่เราต้องผลากจากและการที่มิอาจครอบครอง มันเจ็บปวดเพียงไหน

     

    ถ้าเจ็บปวด เหตุใดต้องรัก……………..”

     

    สักวันเจ้าจะรู้…………..”

     

    กลีบซากุระร่วงโรยราไม่ต่างกับน้ำตาที่อาบแก้มของบุรุษผู้ยืนอยู่ใต้กิ่งก้านของมัน

    “…….วันนี้ข้าได้รู้แล้ว…….เหตุใดคนเราต้องทนเจ็บปวดเช่นนั้น………….ข้ารู้แล้ว………”

     

    ………………………………………………………………………………..

     

    ดวงตากลมสวยนั้นจ้องมองกลีบซากุระป่าที่ร่วงโรย สัมผัสร่างกายทั่วทั้งตัว

    ร่างบางนอนหนุนแขนจ้องมองฝนกลีบดอกไม้อย่างเหม่อลอยราวกับว่าในใจหวนคิดถึงใคร

    แล้วก็แข็งขื่นสลัดความคิดนั้นออกไป

     

    ซึบาสะกิ………………”

    เสียงหนึ่งเรียกหา

    ดวงตานั้นจึงหันมามอง

     

    ซึบาสะกิ………อาจารย์ซากุราอิเรียกให้ไปซ้อมดาบอีกแล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว มือที่กำดาบไม้มันพองจนปวดไปหมด แขนของข้าก็ไม่มีแรงจะยกดาบขึ้นมาด้วยซ้ำ ทั้งที่ข้าจะตายแน่ๆถ้ายังต้องซ้อมดาบ ท่านพ่อก็ไม่ยอมให้ข้าหยุดพักเลย

     

    ร่างเล็กผอมบางบ่นไปทำปากยื่นไป อดที่จะเอ็นดูและขบขันกับท่าทีที่เหมือนกับฟ้องแบบนั้น

    ใช้มือยันหัวเอาไว้แต่ยังคงทอดกายอยู่กับพื้นที่มีกลีบดอกไม้ปกคลุม

     

    แล้วมาบอกข้าเพื่ออะไร ข้าเองก็ต้องซ้อมดาบไม่ต่างกับเจ้า

     

    “………ข้าก็ไม่รู้…………..” เด็กน้อยทำหน้าหงอยๆ ร่างที่สูงกว่ายันตัวกระโดดลุกขึ้นก่อนตบหัวร่างเล็กจนตัวโยน

     

    อย่าทำหน้าหงอยแบบนั้น……….ถ้าไม่อยากซ้อมก็ไม่ต้องซ้อมข้าจะซ้อมในส่วนของเจ้าให้เองมือของข้ากำดาบจนด้านไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แขนที่เคยเมื่อยล้าตอนนี้ก็ชาชินและเหมือนมันจะกลายเป็นกล้ามเนื้อไปด้วยซ้ำ ข้าเองก็คงไม่ตายไปหรอกนะ ถ้าช่วยปิดเรื่องเจ้าไม่ยอมซ้อมดาบกับท่านพ่อ

     

    ใบหน้าหงอยกลายเป็นยิ้มร่าออกมาก่อนกอดเอวพี่ชายแน่นๆ

    ข้ารักซึบาสะกิที่สุดเลย……….มีซึบาสะกิคนเดียวที่เข้าใจข้า

     

    ซึบาสะกิมองดูร่างเล็กนั้นมือใหญ่ลูบหัวเบาๆก่อนตัดสินใจถามออกมา

     

    คาซึนาริ เจ้ารู้สึกว่าข้าดูสมเป็นชายหรือไม่?”

     

    เด็กน้อยสีหน้างง

    ถ้าซึบาสะกิไม่สมเป็นชายแล้วหล่ะก็………..ข้าก็คงท้องและมีลูกได้เป็นแน่

     

    ได้ยินคำพูดแสนทะเล้นนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

    ตอนนี้เค้าดูสมกับเป็นชายแล้วงั้นเหรอ

    แล้วจะแกร่งกว่าใครคนนั้นหรือยังนะ

     

    ถ้าเป็นเช่นนั้นการที่จะมีโอกาสได้พบกันอีกนั้นก็คงไม่ไกลเกินไปใช่มั้ย

     

    ดอกซากุระร่วงโรยจนกลีบสุดท้าย

    แต่ดอกไม้ที่มีนามว่ารักนั้นยังมิอาจเหี่ยวเฉาโรยราไปจากใจของคนทั้งสองได้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×