คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : THE LEGEND OF TSUKINOKAGE3
ตำนาน ท่านชายฮิเดโนริ ท่านชายซึบาสะกิ
PART 3 WAIT FOR LATTER
คืนจันทร์ข้างแรมแม้กระนั้นแสงจันทร์ที่มีเพียงเศษเสี้ยวก็ยังส่องเพื่อเป็นแสงสว่างให้กับใครที่กำหลังหลงทาง แต่แสงที่มีเพียงเศษเสี้ยวนั้นก็อาจทำให้ทางที่เห็นนั้นไม่ชัดเจน
อาจมิได้ช่วยให้พบจุดหมายแต่กลับกลายยิ่งหลงไปในวังวนตรงหน้ายิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้
คืนนี้เป็นคืนจันทร์แรมที่แสงจันทร์ยังสาดแสงรำไร
เสียงสะอื้นเบาๆนั้นลอยเอื่อยตามสายลม
“หยุดร่ำไห้ได้มั้ยหญิงโทโมฮิโกะ!!!”
“ก็เจ้ามิได้เป็นข้าก็พูดได้สิ ข้าไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว ร่างกายข้าถูกชายผู้นั้นจดจ้องทุกส่วนแล้ว”
“โอ้ย!!! ทำไมจะไม่บริสุทธิ์เล่า เจ้านั้นไม่ได้แตะต้องตัวเจ้าเลยมิใช่รึ อ๊ะหรือว่า
..ตอนที่เจ้านั้นปิดประตูห้อง มันทำอะไรเจ้า!!!!”
จินโกะหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน
หลังจากที่โทโมฮิโกะปลดเปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าซึบาสะกิแล้ว จู่ๆร่างนั้นก็กระโจนมาปิดประตูที่แง้มเอาไว้กระแทกหน้าจินโกะจนแทบหัก
“มิใช่ๆ ท่านพี่นั้นเป็นบุรุษที่สมกับบุรุษ ท่านพี่เกรงว่าใครจะเห็นร่างเปลือยของข้าจึงรีบวิ่งไปปิดประตู เสร็จจากนั้นท่านพี่ก็รีบดึงกิโมโนขึ้นคลุมร่างข้าดังเดิม”
“ปัดโธ่เอ้ย!!!!! หญิงโทโมฮิโกะ เจ้าพูดให้ข้าตกใจไปหมดเจ้านั้นมันไม่ได้เป็นบุรุษสมบุรุษอย่างที่เจ้าพูดหรอก เจ้านั้นไม่มีความเป็นชายด้วยซ้ำ ถึงไม่ได้ทำอะไรเจ้าไงหล่ะ แล้วต่อจากนั้นเจ้าเล่าให้ละเอียดสิ มันมีท่าทีอย่างไรบ้าง!!!!”
โทโมฮิโกะเอามือปิดหน้าด้วยความเอียงอายไม่หาย
“ไม่จริงๆ สายตาของท่านพี่ที่มองเรือนร่างของข้า นั้นราวกับว่าจะมองจนทะลุไปทั้งตัว ยังนี้ยังไม่เรียกว่าเป็นชายอีกหรือ แม้ลวนลามข้าด้วยสายตาข้าก็ทนไม่ไหวแล้วนะ”
“โอ้ย!!!!หญิงโทโมฮิโกะ แค่นั้นไม่สึกหรออะไรหรอกน่า ไม่ทำให้เจ้ากำเนิดเด็กได้ด้วยเข้าใจมั้ย ข้าอ่านมาจากตำราต้องห้ามแล้ว รีบๆเล่ามาเถอะว่าเจ้าซึบาสะกินั้นมีท่าทีเช่นใดเมื่อเห็นเรือนร่างเจ้าแล้ว!!!!”
โทโมฮิโกะหน้าตาตื่นกว่าเดิม
“หญิงจินโกะ!!!! เจ้าแอบอ่านตำรานั้น ทั้งๆที่ท่านอาจารย์บอกว่าจะอ่านได้ก็ต่อเมื่อเราทำพิธีเป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น”
“โอ้ย!!!!!!!! หญิงโทโมฮิโกะ เจ้าจะเล่าให้ข้าฟังได้รึยัง หรือจะให้ข้าเดินไปถามเจ้าซึบาสะกิเองว่าเกิดอะไรขึ้น!!!!!”
“ไม่เอาข้าอายนะ!!!!”
“ก็เล่ามาซะทีสิ!!!!!”
โทโมฮิโกะนั้นใช้ชายกิโมโนซับน้ำตาก่อนหันหน้ามาที่จินโกะ
“ก็ได้
..ข้าเล่าแล้ว
..หลังจากนั้นท่านพี่ก็ช่วยข้าสวมชุดดังเดิม ไม่มีทีท่าอะไรที่แปลกไปกว่านั้น ท่านพี่ยังลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งกล่าวกับข้าว่า ร่างกายข้านั้นงดงามกว่าใครๆ มิต้องกังวลไปหรอก”
“ห๊า!!!!! ทำถึงขนาดนี้เจ้าบ้านั้น สมองทำด้วยอะไรกันนี่!!!!!” จินโกะอุทานออกมาอย่างหัวเสีย ทำไปถึงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกงั้นหรือ
เหตุใดจะไม่รู้ตัว
ร่างบางนั้นนอนจ้องจันทร์คืนแรมด้วยความไม่เข้าใจ
จิตใจนั้นสับสนหาทางออกแทบไม่เจอ
หลายๆอย่างที่ประสบ
คำพูดหนาหูที่รัชทายาทจะถูกคัดเลือกจากตนหรือฮิเดโนริ
รัชทายาทนั้นก็ย่อมต้องเป็นโอรสเท่านั้น
ข้าทาสบริวารมิเคยเรียกตนว่าท่านหญิง
ถ้าเป็นหญิงจริงๆทำไมจึงไม่เรียก
และสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะสัมผัสมันด้วยตาของตนเอง
ร่างกายของหญิงสาวแม้จะเป็นแค่ร่างของเด็กสาวแรกรุ่น
แต่ก็แตกต่างกับร่างกายของตนโดยสิ้นเชิง
แท้จริงตัวข้าเป็นชายมิใช่หญิง
แค่คิดแบบนี้ก็เจ็บปวดร้าวราน
มิได้เจ็บที่ตนไม่ได้เป็นหญิงแต่มันเจ็บที่ใครคนนั้นโกหกกันเช่นนี้
ไม่หรอกยอมรับไม่ได้ที่จะเชื่อว่าคนคนนั้นจะโกหก
การเป็นชายนั้นไม่ใช่เรื่องจริงเรื่องจริงนั้นคือข้านั้นเป็นหญิง
ราวกับเชื่อในเรื่องโกหกว่าเป็นจริง และเรื่องจริงนั้นเป็นโกหก
อยากจะร้องไห้ออกมากับความรู้สึกสับสนนี้
แต่มิทันที่น้ำตาจะไหล เสียงทุ้มของใครก็กล่าวเรียกออกมาในความมืด
“
ซึบาสะกิ
..”
ร่างบางผุดลุกขึ้น แสงจันทร์ที่สาดส่องเพียงนิดก็พอจะให้เห็นรอยยิ้มงดงามของเจ้าของเสียง
“
..ฮิเดโนริ
.”
“
..ยังมิหลับใช่มั้ย?.........” กล่าวถามออกมา
“อืม
.แต่เหตุใดท่านจึงมาในยามนี้
” ร่างบางคว้ากิโมโนยาวทับกับยูกาตะตัวบางที่สวมนอน
แสงจันทร์สาดส่องพอจะมองเห็น ร่างนั้นไม่ยอมตอบเพียงแต่คลานเข้ามาใกล้
“เจ้าแบมืออกมาก่อน”
ซึบาสะกิงงกับท่าทางที่เหมือนกับจะเล่นอะไร แต่ก็ไม่ขัดขืนยอมทำตามแต่โดยดี มือเรียวยาวนั้นแบออก ฮิเดโนริวางบางอย่างลงที่มือนั้นเบาๆ รู้สึกเหมือนกลีบอ่อนนุ่มของดอกไม้
ฮิเดโนริยังคงเอามือตัวเองกดทับบนมือเรียวนั้น ก่อนดึงให้มาอยู่ตรงแสงจันทร์แล้วค่อยๆคลายมือออก
ดอกซากุระที่ยังตูมอยู่ในมือนั้นเมื่อต้องแสงจันทร์กลีบสวยก็บานออกมาราวกับใช้เวทย์มนต์
“อ๊า
.”
ซึบาสะกิร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง
“สวยงามมากเลย
ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นเช่นนี้”
ฮิเดโนริยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่ ซากุระในสวนจะบานเต็มที่เมื่อแสงแรกมาถึง แต่เพราะพรุ่งนี้เราต้องซ้อมพิธีเจ้าคงไม่ได้เห็นมัน ข้าจึงอยากให้เจ้าได้เห็น ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเจ้าในพิธีที่สำคัญนี้นะ”
ยิ่งเห็นใบหน้าที่แย้มยิ้มนั้น ความรู้สึกอัดอั้นข้างในก็มิอาจเอ่ยได้
ไม่กล้าจะถามว่าคำพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก
แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้ทนอยู่ไม่ได้แล้ว
“
.ฮิเดโนริ
..ข้าไม่แน่ใจว่าตัวข้าแท้ที่จริงแล้ว
เป็นหญิงหรือชายกันแน่
”
ใบหน้าที่เพิ่งแย้มยิ้มนั้นดูตกใจ และเคร่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ใครบอกเจ้า
.” น้ำเสียงนั้นดูเยือกเย็นจับใจที่หวั่นไหวของซึบาสะกิยิ่งนัก
“
..ไม่มีผู้ใดบอก เพียงแต่ข้ามิอาจแน่ใจ
”
มือเรียวนั้นถูกดึงมากุมไว้แน่น
“เจ้าเป็นหญิง จงเชื่อมั่นเถิดว่าเจ้าเป็นหญิง เจ้าห้ามไปถามไถ่ใครเรื่องนี้ จนกว่าพิธีการเป็นผู้ใหญ่และพิธีสยุมพรผ่านพ้นไป
..ได้มั้ย “
ซึบาสะกิมิอาจเอ่ยปากตอบไปได้ เพียงแค่พยักหน้ารับออกไปเท่านั้น
ใบหน้าที่เคร่งเครียดจึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง
รอยยิ้มนี้มีค่ามากกว่าสิ่งใด
รอยยิ้มที่ทำให้ข้ายอมรับได้แม้แต่เรื่องโกหก
ขอแค่รอยยิ้มนี้ยังคงแย้มยิ้มให้ข้าเท่านั้น
..
ธิดาน้อยใหญ่ของท่านโชกุนถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องในชุดพิธีที่สำคัญ รวมทั้งการอธิบายว่าต้องทำอะไรใรพิธีบ้าง มีก็แต่เพียงหญิงจินโกะและหญิงโทโมฮิโกะที่ไม่ได้ใส่ใจกับการเตรียมการซักซ้อม
“หญิงจินโกะ เจ้าคิดจะทำเช่นไรต่อไป
..” โทโมฮิโกะกล่าวถามลอดผ่านพัดที่กรีดกรายบังหน้าสวยหมดจดนั้นเอาไว้
“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อต้องเสียหน้าในพิธีจริง ต่อหน้าพสกนิกรทั้งแผ่นดิน ข้าจะยอมผิดสัญญา!!!!”
จินโกะกางพัดขึ้นมาปิดใบหน้าเพียงครึ่งของตน
“หญิงจินโกะ เจ้าคงไม่กล่าวเรื่องนั้นออกมานะ
..” โทโมฮิโกะกล่าวออกมาใบหน้าดูตื่นตระหนก
จินโกะไม่ยอมตอบ เสียงเจ้าหน้าที่ในพิธีขานขึ้น
“พระชายาเสด็จ ทุกคนทำความเคารพ”
ทั้งจินโกะ โทโมฮิโกะ พี่น้ององค์หญิงอื่นๆรวมทั้งข้าราชบริภารที่ร่วมในพิธี ต่างก้มหัวเคารพพระชายาที่มาในพิธีซ้อมแทนท่านโชกุน
“เริ่มพิธีซ้อมได้
.” เสียงอันทรงอำนาจกล่าวขึ้น
ซึบาสะกิผู้ซึ่งมีศักดิ์แก่กว่าเป็นผู้แรกที่ต้องเข้าพิธี
เพียงแค่ก้าวเข้ามาในพิธีนั้น เสียงซุบซิบนินทาก็เริ่มเซ็งแซ่
แม้อาภรณ์ที่สวมใส่นั้นจะสมดังชาย
แต่ร่างกายภายในอากัปกริยาต่างๆนั้นกับแตกต่างไปโดยสิ้น
ซึบาสะกิรู้สึกเกร็ง แต่เมื่อหันไปสบสายตาของพระชายาก็ต้องรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
ดวงตานั้นเหมือนยิ้มเยาะในความน่าขัน
โหราจารย์ที่ทำพิธีนั้นแกล้งทำท่าตัดปอยผมและสวดมนต์ประทานพรต่างๆ
ก่อนกล่าวออกมาตามธรรมเนียม
“เมื่อท่านก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเป็นรัชทายาทแห่งมาหานครแห่งนี้”
“หึหึหึ
.”
เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นกลางพิธี เป้าสายตาทุกคนไปรวมที่จุดนั้น
หญิงจินโกะที่ใช้พัดปกปิดใบหน้าไว้เหลือเพียงแววตาสวยที่ดูเยาะเย้ยขบขันไม่ต่างกับมารดาของตน
ซึบาสะกิที่ค้างไปกับท่าทีนั้นก็ฝืนเอ่ยถามออกมา
“ท่านหญิงจินโกะ ทรงหัวเราะด้วยเรื่องอันใด”
พัดที่ปกปิดหน้านั้นถูกกรีดเก็บ ใบหน้านั้นดูเหมือนสะใจกับเรื่องที่จะได้ทำ
“จะไม่ให้เป็นที่น่าขันได้เช่นไร ตัวท่านนั้นเป็นชายชาติอาชาไนย แต่จิตใจท่านนั้นเป็นหญิง น่าอับอายเหลือเกิน และก็น่าเสียดายที่ได้กำเนิดขึ้นมาเป็นชาย คนเช่นนี้นะหรือจะมีคุณสมบัติเป็นรัชทายาท”
กล่าวเท่านั้นร่างเล็กก็หัวเราะออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ณ.ที่นั้นอดที่จะหัวเราะเยาะเย้ยตามด้วยไม่ได้
ซึบาสะกิรู้สึกตัวราวกับเป็นตัวตลก ทุกคนมองดูเค้าด้วยแววตาสมเพศปนขบขัน
โทโมฮิโกะเองที่รู้สึกสงสารก็ได้เพียงก้มหน้าซ่อนอยู่ใต้พัดของตนเอง
เสียงหัวเราะในพิธีดังไปยังห้องเก็บตัวที่ฮิเดโนริอยู่
“ท่านอาจารย์ ในพิธีเค้าหัวเราะอะไรกันหรือ”
ท่านอาจารย์มาซากิเองก็มิอาจจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรเพียงเดาออกไปเท่านั้น
“บางทีท่านซึบาสะกิอาจจะสะดุดหกล้ม หรือทำอะไรผิดกระมัง”
ฮิเดโนริได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาโดยที่มิรู้ว่า
ใครคนหนึ่งกำลังจิตใจแตกสลายไปแล้วด้วยการกระทำของตน
“ท่านพี่ฮิเดโนริ!!!!!” ร่างบางนั้นโผล่เข้ามาในห้องเตรียมตัว ทำเอาฮิเดโนริแปลกใจ
“โทโมฮิโกะ
..เข้ามาได้อย่างไร เจ้าต้องอยู่ในพิธีมิใช่หรือ” กล่าวถามออกมา
ใบหน้าสวยนั้นมีท่าทีลังเลแต่ก็ตัดสินใจบอก
“หญิงจินโกะกล่าวเยาะเย้ย ท่านพี่ซึบาสะกิเรื่องที่แท้จริงท่านพี่นั้นเป็นชายออกมาต่อหน้าธารกำนัล ทำให้ท่านพี่ซึบาสะกิออกจากพิธีไปแล้ว”
ราวกับว่ามีใครเอามีดคมกริบมาบั่นคอฮิเดโนริไม่อยากจะเชื่อ
คนที่เค้าเฝ้าเป็นห่วงและไม่อยากให้สิ่งใดมาทำร้าย
ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ
แต่ตอนนี้คนคนนั้นกลับถูกทำร้ายทางจิตใจอย่างไม่น่าให้อภัย
จินโกะยังคงแย้มยิ้มและพูดคุยกับพี่น้องคนอื่นในพิธีราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไร
แต่เมื่อหันมาเห็นพี่ชายที่เพิ่งเข้ามาก็กลับเชิดหน้ายิ้มยั่วออกมาอีก
แต่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดมือเรียวนั้นเงื้อขึ้นและตบหน้าของจินโกะอย่างแรง
“ฮิเดโนริ!!!!!!!!!!!” ผู้เป็นมารดาร้องออกมาเสียงดัง
โทโมฮิกะเองก็ได้แต่เอามือปิดปากกับสิ่งที่ได้เห็น
ไม่เคยเห็นพี่ชายผู้อ่อนโยนนี้เคยทำร้ายใคร แม้แต่แมลงหรือยุงสักตัวก็ไม่เคยฆ่า
แต่วันนี้ถึงกับตบหน้าน้องสาวแท้ๆได้
คงเป็นเพราะใครคนนั้น
..
จินโกะค้างกับสิ่งที่เกิดแก้มขาวนั้นเป็นรอยฝ่ามือแดงเด่นชัด ดวงตาสวยที่ลืมค้างนั้นเริ่มมีน้ำเอ่อแล้วสาวน้อยก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกมา นางกำนัลที่ดูแลต้องรีบเข้ามาปลอบเป็นการใหญ่
“ยังมีหน้าไหนอีกที่หัวเราะเยาะซึบาสะกิ ข้าจะจัดการให้ครบทุกคน!!!!!” ท่านชายที่เงียบขรึมท่าทางจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนที่หัวเราะออกมาต่างปิดปากเงียบไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับ
“ถ้าบอกว่าคนที่หัวเราะ ซึบาสะกินั้นมีแม่ด้วย เจ้าจะตบหน้าแม่ด้วยรึไม่ ฮิเดโนริ!!!!!”
ผู้เป็นมารดานั้นชักทนกับการกระทำที่ออกรับแทนใครบางคนจนมากเกินไปแบบนี้ไม่ไหว
ฮิเดโนริไม่ได้กล่าวตอบแต่สายตาที่มองมารดาราวกับเป็นศัตรูนั้นทำให้รู้สึกกลัว
“
.ฮิเดโนริ เจ้าอย่าจ้องแม่แบบนี้นะ!!!!!........”
ฮิเดโนริ สะบัดหน้าทำท่าจะเดินจากห้องพิธีนั้นไป
“ฮิเดโนริจดจำคำแม่เอาไว้
เจ้าไม่สามารถปกป้องใครได้ตลอดไปหรอก ถ้าวันใดที่เจ้าเผลอคนที่เจ้าพยายามปกป้องคงต้องตายอย่างน่าสมเพศ”
กล่าวเพียงเท่านั้นก่อนก้มลงกอดปลอบขวัญลูกสาวที่ขวัญกระเจิง
ฮิเดโนริหันมาสบสายตามารดาอีกครั้ง
สายตานั้นไม่ได้ล้อเล่นเช่นกัน
ในใจนั้นเหมือนตกลงไปในเหวลึก
หวังที่จะปกป้องคนคนนั้นมากจนเกินไป
โดยที่ไม่เคยสอนให้ต่อสู้
ที่คนคนนั้นอ่อนแอ เป็นฝ่ายยอม และไม่เคยเรียกร้อง
นั้นก็เป็นเพราะเค้าทั้งหมดสอนให้คนคนนั้นอ่อนแอ
แล้วถ้าเค้าคลาดสายตาคนนั้นก็จะถูกรังแก
และถ้าเลวร้ายไปกว่านั้นแม้แต่ชีวิตก็อาจจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้
เขาสมควรจะทำอย่างไร?
ที่จะสามารถปกป้องคนนั้นได้ดีที่สุด
..
.
ดอกซากุระบานสะพรั่งแต่ความงามของมันมิอาจปลอบโยนจิตใจที่แตกสลายได้อีกแล้ว
สุดท้ายทั้งๆที่พยามเชื่อคำโกหกแต่คำโกหกก็คือคำโกหกอยู่เช่นนั้น
ฮิเดโนริวิ่งมายังใต้ต้นซากุระนั้น มั่นใจว่าใครจะต้องอยู่ที่นี่และก็ไม่ผิดอย่างที่คิด
ใบหน้าที่เคยแจ่มจรัสราวจันทร์วันเพ็ญบัดนี้กลับหมองเศร้าราวกับมีราหูเข้าแทรก
ฮิเดโนริยังมิทันที่จะอ้าปาก
ร่างบางที่หันหลังอยู่นั้นก็กล่าวออกมาน้ำเสียงสั่น
“ท่านโกหกข้า ท่านหลอกลวงข้า เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้ ท่านทำให้ข้าต้องอับอาย”
ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปโอบกอดไหล่บางที่สั่นเทาอยากจูบปลอบซับรอยน้ำตาที่อาบแก้มอิ่ม
อยากจะกล่าวถึงเหตุผลที่ต้องโกหกนั้นก็เพื่อปกป้องเจ้าเอาไว้
แต่เค้าจะทำอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ได้เป็นการปกป้องอย่างแท้จริง
มันกลับเป็นการเพิ่มความอ่อนแอให้กับคนคนนี้
“
..ข้าไม่มีเหตุผล ข้าทำไปเพราะอยากจะทำ จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ถ้าต้องการเหตุผล ก็อาจเป็นเพราะข้ารู้สึกสนุกกระมัง
..”
น้ำเสียงราวกับไม่ใส่ใจ พูดออกมาหน้าตาเฉยทั้งๆที่ ข้างในมันสั่น
หน้าที่อาบน้ำตาหันมามองราวกับว่าไม่เชื่อหูว่าคำพูดนี้จะหลุดออกจากปากคนตรงหน้า
“
เหตุใดจึงใจร้ายกับข้าเช่นนี้
.แล้วคำพูดของท่าน
.ไม่มีความจริงเลยใช่หรือไม่”
ฮิเดโนริฝืนหัวเราะออกมาราวกับได้ยินเรื่องขบขัน
“อย่าบอกนะว่าเจ้าเชื่อที่ข้ากล่าว
ที่ข้าจะให้เจ้าเป็นของข้าในวันที่เจ้างามเพียบพร้อมนั้นน่ะ
..ถ้าเจ้าเชื่อข้าก็จนใจยิ่งนัก ทั้งๆที่เจ้าก็มิใช่หญิง
.แต่จะว่าไปความอ้อนแอ้นงดงามเยี่ยงนี้ก็น่าสนใจมิใช่น้อย”
มือเรียวเชยคางคนที่สายตาค้างไปกับทุกคำพูดที่ทิ่มแทง ใบหน้าที่เคยหมองเศร้าและมักจะสลดเมื่อถูกใครทำร้ายกลับแปรเปลี่ยนไป คิ้วนั้นเชิดขึ้น ก่อนปัดมือที่สัมผัสตัวออกอย่างแรง
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า
..ข้าเข้าใจว่าท่านทำการเช่นนี้ด้วยเหตุผลใด ข้าจะไม่ขึ้นเป็นรัชทายาท และจะเนรเทศตัวข้าเองไปจากนครแห่งนี้
”
ที่หลอกลวงมาทั้งหมดก็เพื่อการนี้ใช่มั้ย
ถ้าข้าเป็นชายที่ไม่สมชายแล้วการคัดเลือกรัชทายาทก็จะง่ายขึ้น
ที่ต้องการน่ะเท่านี้ใช่มั้ย !!!!!!
เพียงแค่ตำแหน่งรัชทายาทกลับใช้คำว่ารักมาหลอกลวง
ช่างเป็นคนน่ารังเกียจอะไรเช่นนี้
คนที่ถูกมองด้วยสายตารังเกียจตอนนี้เจ็บปวดแค่ไหนใบหน้ายังแสร้งยิ้ม มือที่ถูกปัดมามันเจ็บจนชา
“อะไรกัน เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น เจ้าจะไม่ยอมพบข้าอีกเหรอ ในวันที่เจ้างดงามเพียบพร้อมแล้วน่ะ หึ”
ฝืนทนพูดประชดแดกดันออกมา
แม้ในใจร่ำร้องมิอยากให้คนคนนี้จากไกล
“ไม่!!!!!.......จะไม่มีวันนั้น!!!!!.........ข้าจะเติบโตเป็นชายชาตินักรบที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากกว่าท่าน แล้วถึงวันนั้น เราคงได้มีโอกาสพบกันอีก
”
คำพูดและแววตานั้นแทบไม่เหลือความเป็นซึบาสะกิที่อ่อนแออีกแล้ว
ถ้าเป็นเจ้าในตอนนี้คงจะแข็งแรงพอที่จะปลอดภัยจากทุกสิ่งได้ใช่มั้ย
ฮิเดโนริสะกดกลั้นน้ำตาให้หลั่งไหลอยู่เพียงภายในใจกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขาดหายเท่านั้น
“
ได้
..ข้าจะรอ
..”
.
..
“ข่าวลือที่ว่าท่านซึบาสะกินั้นมิสมเป็นชายนั่นน่ะเชื่อไม่ได้เลยนะ”
“นั้นน่ะสิ ในพิธีเป็นผู้ใหญ่นั้น ยังประกาศออกมาได้อย่างห้าวหาญมากที่จะไม่ยอมเป็นรัชทายาท เท่ากับประกาศว่าจะไม่ยอมรับสืบทอดบันลังค์กับผู้เป็นบิดา พูดเช่นนั้นถึงเป็นโอรสก็อาจถูกบั่นคอเอาได้เลย ถ้าไม่ใช่ชายชาตินักรบคงไม่กล้าถึงเพียงนั้น”
“แต่น่าเสียดายจริงๆนะที่ท่านออกจากวังหลวงไปแล้ว ไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระอนุชาท่านโชกุนแบบนี้ก็คงไม่ได้กลับมาเมืองหลวงอีกคงเป็นเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองชั้นนอกนั้นตลอดไปแน่เลย”
“คนที่เศร้าใจที่สุดคงมิใช่เจ้าหรอกนะ
ท่านฮิเดโนริดูหงอยเหงาไปเลย
.”
“ก็แน่นอน
..ท่านทั้งสองนั้นเคยเป็นเงาของกันและกันเลยทีเดียวนะ
.”
กลีบซากุระร่วงโรยอีกครั้งร่างที่ยืนดูอยู่เพียงเงียบๆมิอาจวิ่งเล่นเริงร่าภายใต้สายฝนดอกไม้นี้ได้อีกเฉกเช่นเด็กน้อยต่อไปแล้ว
ที่สำคัญไปกว่าคนที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันตอนนี้ได้จากไปไกลและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบเจอกันอีกหรือไม่
“ท่านพี่ฮิเดโนริ อากาศข้างนอกเริ่มเย็นแล้วนะเจ้าค่ะ”
โทโมฮิโกะยังคงแสนดีเป็นห่วงเป็นใยเสมอ กิโมโนตัวใหญ่นั้นถูกคลุมให้กับไหล่กว้าง
“ขอบใจนะหญิงโทโมฮิโกะ
.แต่ขอพี่อยู่ชมซากุระอีกสักพักเถอะนะ”
ได้ยินเช่นนั้นโทโมฮิโกะก็เข้าใจความหมาย หลบออกไปปล่อยให้ฮิเดโนริได้อยู่ตามลำพัง
กลีบซากุระร่วงโรยแผ่วเบา ร่างนั้นเดินช้าๆหยุดอยู่ที่ใต้ต้น
กลีบบางอ่อนนุ่มสัมผัสแก้มแล้วหล่นลงสู่เบื้อล่างราวกับจูบที่อ่อนโยนจากคนรักที่แผ่วเบาแล้วจางหาย
หวนนึกถึงคำพูดของบิดาที่กล่าวกับเค้าในวัยเยาว์
วันที่บิดาจะไปนำพาคนที่เปลี่ยนชีวิตเค้ามาหาเค้า
“ฮิเดโนริ เจ้ามิเคยเป็นอย่างพ่อ เจ้าจะไม่รู้ว่าเมื่อตกอยู่ในห้วงรักจะเป็นเช่นไร การที่เราต้องผลากจากและการที่มิอาจครอบครอง มันเจ็บปวดเพียงไหน”
“ถ้าเจ็บปวด เหตุใดต้องรัก
..”
“สักวันเจ้าจะรู้
..”
กลีบซากุระร่วงโรยราไม่ต่างกับน้ำตาที่อาบแก้มของบุรุษผู้ยืนอยู่ใต้กิ่งก้านของมัน
“
.วันนี้ข้าได้รู้แล้ว
.เหตุใดคนเราต้องทนเจ็บปวดเช่นนั้น
.ข้ารู้แล้ว
”
..
ดวงตากลมสวยนั้นจ้องมองกลีบซากุระป่าที่ร่วงโรย สัมผัสร่างกายทั่วทั้งตัว
ร่างบางนอนหนุนแขนจ้องมองฝนกลีบดอกไม้อย่างเหม่อลอยราวกับว่าในใจหวนคิดถึงใคร
แล้วก็แข็งขื่นสลัดความคิดนั้นออกไป
“ซึบาสะกิ
”
เสียงหนึ่งเรียกหา
ดวงตานั้นจึงหันมามอง
“ซึบาสะกิ
อาจารย์ซากุราอิเรียกให้ไปซ้อมดาบอีกแล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว มือที่กำดาบไม้มันพองจนปวดไปหมด แขนของข้าก็ไม่มีแรงจะยกดาบขึ้นมาด้วยซ้ำ ทั้งที่ข้าจะตายแน่ๆถ้ายังต้องซ้อมดาบ ท่านพ่อก็ไม่ยอมให้ข้าหยุดพักเลย”
ร่างเล็กผอมบางบ่นไปทำปากยื่นไป อดที่จะเอ็นดูและขบขันกับท่าทีที่เหมือนกับฟ้องแบบนั้น
ใช้มือยันหัวเอาไว้แต่ยังคงทอดกายอยู่กับพื้นที่มีกลีบดอกไม้ปกคลุม
“แล้วมาบอกข้าเพื่ออะไร ข้าเองก็ต้องซ้อมดาบไม่ต่างกับเจ้า”
“
ข้าก็ไม่รู้
..” เด็กน้อยทำหน้าหงอยๆ ร่างที่สูงกว่ายันตัวกระโดดลุกขึ้นก่อนตบหัวร่างเล็กจนตัวโยน
“อย่าทำหน้าหงอยแบบนั้น
.ถ้าไม่อยากซ้อมก็ไม่ต้องซ้อมข้าจะซ้อมในส่วนของเจ้าให้เองมือของข้ากำดาบจนด้านไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แขนที่เคยเมื่อยล้าตอนนี้ก็ชาชินและเหมือนมันจะกลายเป็นกล้ามเนื้อไปด้วยซ้ำ ข้าเองก็คงไม่ตายไปหรอกนะ ถ้าช่วยปิดเรื่องเจ้าไม่ยอมซ้อมดาบกับท่านพ่อ“
ใบหน้าหงอยกลายเป็นยิ้มร่าออกมาก่อนกอดเอวพี่ชายแน่นๆ
“ข้ารักซึบาสะกิที่สุดเลย
.มีซึบาสะกิคนเดียวที่เข้าใจข้า”
ซึบาสะกิมองดูร่างเล็กนั้นมือใหญ่ลูบหัวเบาๆก่อนตัดสินใจถามออกมา
“คาซึนาริ เจ้ารู้สึกว่าข้าดูสมเป็นชายหรือไม่?”
เด็กน้อยสีหน้างง
“ถ้าซึบาสะกิไม่สมเป็นชายแล้วหล่ะก็
..ข้าก็คงท้องและมีลูกได้เป็นแน่”
ได้ยินคำพูดแสนทะเล้นนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ตอนนี้เค้าดูสมกับเป็นชายแล้วงั้นเหรอ
แล้วจะแกร่งกว่าใครคนนั้นหรือยังนะ
ถ้าเป็นเช่นนั้นการที่จะมีโอกาสได้พบกันอีกนั้นก็คงไม่ไกลเกินไปใช่มั้ย
ดอกซากุระร่วงโรยจนกลีบสุดท้าย
แต่ดอกไม้ที่มีนามว่ารักนั้นยังมิอาจเหี่ยวเฉาโรยราไปจากใจของคนทั้งสองได้
ความคิดเห็น