คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : THE LEGEND OF TSUKINOKAGE2
ตำนาน ท่านชายฮิเดโนริ ท่านชายซึบาสะกิ
PART 2 REAL SOUL
วันเวลาผ่านพ้นฤดูใหม่เข้ามาเยือน ถึงกาลที่ซากุระจะเบ่งบานอีกครั้ง
เด็กน้อยสองคนที่มักอยู่ด้วยกันเสมอตั้งแต่เยาว์วัย ร่วงพ้นวัยเด็กจนเข้าสู่ช่วงที่จะเป็นวัยหนุ่ม กาลเวลาผ่านพ้นทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีงาม ติดก็ตรงที่แต่
..
“ท่านชายฮิเดโนริ กับท่านชายซึบาซากิ กำลังชมดอกไม้ในสวนด้วยกันแนะ”
ร่างสองร่างท่ามกลางแมกไม้และดอกซากุระที่เพิ่งแรกแย้ม เป็นภาพงดงามยากเกินกว่าจิตรกรใดจะเสกสรรค์ได้
ร่างหนึ่งผอมบางอ้อนแอ้นราวกับเด็กสาว อีกร่างดูแข็งแรงสมส่วนราวกับเทพบุตร
ยืนอยู่เคียงข้างกันดูเหมาะสมมากกว่าคำบรรยายใดๆ
“ท่านซึบาสะกิดูงดงามราวกับผู้หญิงเลยนะ
.”
“อย่าเอ็ดไปเชียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านชายนั้นไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นชาย แต่เข้าใจว่าตนนั้นเป็นหญิง”
“จริงนะหรือ!!!! แล้วท่านโชกุนมิทรงว่าอะไรงั้นเหรอ?”
“จะทรงว่าอะไร ท่านชายยังเยาว์วัยนัก ข้อแตกต่างของชายหญิงนั้นยังมีไม่มาก อย่างไรก็สังเกตไม่เห็น แต่เมื่อเจริญวัยจนจะถึงพิธีการเป็นผู้ใหญ่ของทั้งคู่ ซึ่งก็ในอีกไม่นานนี้ก็คงจะรู้ได้ สังเกตดูเอาเถิดท่านชายฮิเดโนรินั้นดูเติบโตสมชายเพียงไรเมื่อเทียบกับท่านชายซึบาสะกิ”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วหลังพิธีการเป็นผู้ใหญ่การตัดสินว่าใครจะเป็นรัชทายาทก็คงจะรู้ผลด้วยงั้นสิ”
“ไม่ต้องรอให้ถึงตอนนั้นก็น่าจะรู้ได้ ชายที่มิสมชายจะขึ้นเป็นรัชทายาทได้อย่างไรเล่า”
สายลมพัดผ่านหอบร่างบางที่เชยชมสวนดอกไม้งามนั้น รอยยิ้มนั้นยังผุดผาดใสซื่อไม่เปลี่ยนไปจากวัยเยาว์ที่แรกเห็น กาลเวลาที่ผ่านมาเพียงไม่กี่ปี ร่างบอบบางนี้ก็ยังคงงดงามเสมอ
ต่อให้บอกใครว่าร่างนี้เป็นหญิงก็คงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
ฮิเดโนริเดินเข้ามาใกล้ร่างบางนั้น ลมที่พัดผ่านร่างนั้นหอบเอากลิ่นหอมรัญจวนจนยากนักจะหักห้ามใจให้ไม่อาจสัมผัสร่างกายของคนเบื้องหน้า
กลิ่นที่คล้ายกับไอแดดสดใสในหน้าร้อนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ป่าไปเสียแล้วหอมอย่างที่ไม่เคยได้จากหญิงหรือชายในแผ่นดินนี้
แต่การจะคว้าร่างนั้นมากอดเพื่อสูดกลิ่นนั้นจากแก้มใสก็ดูจะไม่ควร ทำได้แค่คว้าปอยผมที่ปลิวตามสายลมเอาไว้เพียงเท่านั้น
“ซึบาสะกิ อย่ามัวแต่เพลินกับการเที่ยวเล่นชมดอกไม้อยู่เลย ซากุระเพิ่งเริ่มผลิ มันยังมิเบ่งบานในวันนี้ได้หรอก เราต้องเข้าเรียนกันแล้วนะ”
“ข้าไม่ชอบนั่งเรียนวิชาเหล่านั้นเลย มิเข้าใจเหตุใด ท่านจึงทนเรียนอยู่ได้ตั้งแต่วัยเยาว์จนตอนนี้”
“เพราะวิชาเหล่านั้นจะทำให้ข้าเข้าใจในโลกมากกว่านี้ “ กล่าวออกมาอย่างมีหลักการ
“อยากเข้าใจในโลกก็ต้องออกไปพบกับโลกสิ มานั่งเรียนรู้จากในตำราจะได้หรือ”
“ตั้งแต่เล็กจนโต บุตรของท่านพ่อถูกห้ามออกจากวังหลวงทุกคนเพราะเกรงว่าจะมีอันตราย”
ซึบาสะกิเห็นแววตาเศร้านั้นก็เข้าใจ เค้าผู้ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายนอก เที่ยวเล่นตลอดวัยเด็กครึ่งหนึ่ง ย่อมดูน่าอิจฉากว่านกน้อยในกรงทองตัวนี้
“ข้าเข้าใจแล้วงั้นเราไปเรียนกันเถอะนะ”
มือเรียวนั้นสัมผัสมือฮิเดโนริก่อนบีบเบาๆ มองดูใบหน้านั้นก่อนยิ้มออกมา ห้องโถงเล็กในเขตวังหน้าใช้เป็นที่สำหรับศึกษาเล่าเรียนของเหล่าโอรสและธิดาของท่านโชกุน
ท่านโชกุนมีโอรสเพียงสองพระองค์คือท่านชายซึบาสะกิ และท่านชายฮิเดโนริ ที่เหลือนั้นเป็นธิดาแทบทั้งสิ้น แต่องค์ที่ทรงรักและโปรดปรานมากๆมีเพียงสององค์เท่านั้น คือท่านหญิงจินโกะ และท่านหญิงโทโมฮิโกะ
ท่านหญิงโทโมฮิโกะเป็นที่โปรดปรานเนื่องด้วยเป็นบุตรสาวที่งดงามหาที่ติมิได้ แม้ยังทรงเยาว์ความงามนั้นก็เลอเลิศกว่าหญิงใดอีกทั้งกริยาวาจาก็หมดจดงดงามสมเป็นกุลสตรีเป็นที่ภาคภูมิใจของบิดาเป็นที่สุด
ส่วนท่านหญิงจินโกะนั้นแม้จะจัดว่าเป็นหญิงงาม แต่ก็โปรดปรานในความฉลาดเฉลียวและช่างอ้อนในตัวมากกว่า แม้ว่าจะเป็นเด็กดื้อและร้ายกาจแต่บิดาก็รักเธอด้วยเหตุผลนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นธิดาที่มีโอกาสได้ศึกษาวิชาความรู้นั้นจึงมีเพียงท่านหญิงโทโมฮิโกะและท่านหญิงจินโกะเท่านั้น
“ท่านฮิเดโนริและท่านซึบาสะกิมาถึงแล้วเราก็จะได้เริ่มเรียนกันเลยแล้วกันนะ”
ท่านอาจารย์กล่าวจบ หญิงจินโกะก็หันควับมาจ้องพี่ชายและคนที่ตามมาตาเขียว
“มิตรงต่อเวลา ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย”
พูดออกมาดังๆราวกับจงใจกระแทกใส่ใคร
โทโมฮิโกะเหลียวมองดูพี่ชายทั้งสองก่อนก้มหน้าลงที่หนังสือของตนเองมิกล้าเอ่ยอะไร
ซึบาสะกิเองก็เช่นกันได้เพียงก้มหน้า เหตุผลที่ล่าช้าก็มาจากเค้าจริงๆ
“นี่เจ้าต่อว่าพี่งั้นหรือจินโกะ”
แต่ฮิเดโนริกลับออกตัวมาแทน หญิงจินโกะหันมองพี่ชายคิ้วเชิด
“ว่าใครฟังดูก็น่าจะรู้ตัว ท่านพี่ก็เหมือนกัน ดีแต่ออกรับให้คนนอก ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศต่อท่านแม่!!!!!”
ท่านอาจารย์ได้แต่นั่งเงียบดูสงครามเล็กๆของลูกศิษย์ตัวน้อยได้เท่านั้นมิกล้ากล่าวอะไร
“พี่มิได้ออกรับแทนใคร ก็ที่เจ้าว่าคนมาสายก็เท่ากับว่าพี่มิใช่หรือ?”
“ถ้าอยากจะรับก็เชิญ!!!! “ หญิงจินโกะตวาดออกมาเสียงดัง
โทโมฮิโกะรู้สึกกลัว เลยหันหน้าไปที่ท่านอาจารย์
“ท่านอาจารย์มาซากิเจ้าค่ะ
..”
“อ้า
..ท่านจินโกะ ท่านฮิเดโนริ เรามาเริ่มเรียนกันจะดีกว่านะ”
“เรียนก็เรียนสิ!!!!!!” ท่าทางหญิงจินโกะจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจจะทำอันใดได้ กล่าวออกมาเสียงแข็งพร้อมกระแทกหนังสือลงตรงหน้าเป็นการประชดประชัน
ฮิเดโนริส่ายหัวกับความร้ายกาจของน้องสาว อาจเพราะเด็กน้อยถูกเลี้ยงดูและปลูกฝังให้เกลียดซึบาสะกิมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นเช่นนี้
“ซึบาสะกินั่งตรงนี้สิ” ฮิเดโนริผายมือให้ซึบาสะกินั่งลงที่แถวด้านหน้าที่ติดกับจินโกะ
“อย่ามานั่งใกล้ข้าได้มั้ย!!!! แค่เห็นท่าทางน่ารังเกียจของท่านข้าก็ทนไม่ไหวแล้ว!!!!”
เด็กหญิงตัวร้ายยังคงไม่เลิกราวีหันมาตวาดใส่โดยไม่เกรงใจใคร
ซึบาสะกิได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเสีย แม้แต่ฮิเดโนริเองก็กลัวใจจริงๆว่าน้องสาวจะพลั้งปากกล่าวอะไรที่ไม่ควรออกมา
“ท่านพี่ซึบาสะกิเจ้าค่ะ มานั่งข้างๆโทโมฮิโกะก็ได้เจ้าค่ะ” โทโมฮิโกะรีบร้องออกมาเมื่อเห็นสถาการณ์กำลังแย่
ฮิเดโนริหันไปยิ้มขอบคุณน้องหญิงที่เปรียบเหมือนนางฟ้าน้อยๆ โทโมฮิโกะนั้นแย้มยิ้มตอบออกมาด้วยความดีใจ เพียงได้รับรอยยิ้มจากฮิเดโนริใจดวงน้อยก็เป็นสุข
แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มและหลบสายตาที่เคืองโกรธของจินโกะ
ซึบาสะกิทอดถอนใจก่อนที่จะเดินมานั่งข้างน้องสาวแสนสวย นึกเอ็นดูในความงามทั้งใบหน้าและจิตใจของเด็กคนนี้ยิ่งนัก ในวังหลวงแห่งนี้เห็นจะมีเพียงแค่ฮิเดโนริและโทโมฮิโกะนี่กระมังที่เห็นเค้าเป็นพี่น้องมิคิดรังเกียจเช่นลูกคนอื่นของท่านพ่อ
“เอาหล่ะ เราจะเริ่มคัดอักษรกันก่อนนะ “ ท่านอาจารย์กล่าวขึ้นก่อนจะยกแท่นฝนหมึกขึ้นมา
“ข้ามิอยากฝนหมึกเอง ท่านอาจารย์ฝนให้ข้าด้วยนะ” หญิงจินโกะเริ่มออกฤทธิ์อีกครั้ง
ฮิเดโนริเองเห็นความไม่มีสัมมาคาราวะของน้องสาวก็ต้องออกปาก
“จินโกะ ท่านอาจารย์ไม่ใช่คนรับใช้เจ้านะ แม้แต่ท่านพ่อยังมิกล้ากล่าวใช้ แล้วในแผ่นดินนี้ใครต้องการเขียนอักษรก็ต้องฝนหมึกด้วยตนเอง เว้นเสียแต่ท่านพ่อเท่านั้นที่จะมีคนฝนหมึกให้ เจ้าเป็นแค่ท่านหญิงจะมาทำกริยาไม่งามแบบนี้ไม่ได้”
“ถ้าเช่นนั้น
..งานแบบนี้ก็เหมาะสมกับข้าทาสงั้นสิ” หญิงจินโกะลากเสียงยียวน
ฮิเดโนริอยากจับน้องสาวคนนี้ตีก้นยิ่งนัก
“มิเป็นไรหรอกท่านฮิเดโนริ ข้าเองเป็นข้าทาสที่รับใช้แผ่นดินนี้เช่นกัน ข้าจะฝนหมึกให้ท่านจินโกะเอง”
ท่านอาจารย์มาซากิรีบออกตัวกลัวว่าพี่น้องคู่นี้จะต้องทะเลาะกันอีก
หญิงจินโกะรีบดึงแท่นหมึกของตัวเองออกห่างจากมืออาจารย์ก่อนหันไปทางซึบาสะกิแล้วยื่นให้
“ถ้างานนี้เหมาะกับข้าทาสที่ต่ำต้อย งั้นท่านซึบาสะกิก็ช่วยทำให้ข้าก็คงเห็นจะได้”
“จินโกะ!!!!!!!”
เกินกว่าจะทนความร้ายกาจของน้องสาวได้ไหว ฮิเดโนริกระชากชายชุดกิโมโนน้องสาวอย่างแรงจนร่างเล็กตัวโยน
คนที่ถูกหยามเกียรติเช่นนั้นกลับดึงมือของฮิเดโนริเอาไว้ก่อนบีบเบาๆ
ฝืนยิ้มออกมาได้อีก
“มิเป็นไร งานแค่นี้ ข้าจะทำให้ท่านเองนะ ท่านหญิงจินโกะ”
“ซึบาสะกิ
..” ฮิเดโนริได้แค่เอื้อนเอ่ยเท่านั้น
ใบหน้านั้นยังคงยิ้มรับก่อนดึงแท่นฝนหมึกมาฝนราวกับว่าเป็นงานของตน
มิเคยจะเอื้อเอ่ย มิเคยจะไม่พอใจ ยอมรับการดูถูกเหยียดหยาม
ข้าสงสารเจ้าจนจับใจ
มือเรียวขาวผุดผ่องนั้นต้องแปดเปื้อนน้ำหมึกไปหมด ฮิเดโนริเอื้อมมือไปสัมผัส ให้หยุดการกระทำนั้น
ซึบาสะกิเงยหน้าสบตาโดยไม่เข้าใจ มืออีกข้างของฮิเดโนรินั้นคว้าแท่นหมึกเอาไว้
ทั้งสามคนที่เหลือนั้นไม่เข้าใจกับการกระทำของฮิเดโนริ
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!”
เสียงร้องของหญิงจินโกะดังก้องไปทั้งวังหน้า บิดาที่กำลังว่าราชการต้องสะดุ้งทันที แม้แต่ข้าราชบริภารต่างก็ตกใจไปตามๆกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านหญิงรึเปล่าขอรับ” มหาดเล็กคนสนิทถามด้วยความเป็นห่วงหน้าตาตื่นๆ
ท่านโชกุนมองตามไปทางที่เกิดเสียงนั้น ห้องเรียน
.ก่อนยิ้มออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก
เด็กๆก็เสียงดังเช่นนี้หล่ะ
..หึๆ”
เห็นท่าทางของท่านโชกุนเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีใครติดใจอะไรอีก
แต่สาวน้อยที่กรีดร้องเสียงหลงนั้นท่าทางจะไม่ยอมง่ายๆซะแล้ว น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย
กิโมโนตัวโปรดนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยหมึกดำ ไม่คิดว่าพี่ชายจะใจร้ายกับตนได้ถึงเพียงนี้
“ข้าจะฟ้องท่านพ่อ จะฟ้องท่านแม่ ท่านพี่บ้า สาดหมึกใส่ข้า!!!!!!”
แม้ร้องไห้ออกมาแต่น้ำเสียงก็ดูไม่ตกลงเลย
ร่างเล็กนั้นปาดน้ำตากระทืบเท้าตึงก่อนลุกวิ่งออกไป โทโมฮิโกะเองที่ตกใจกับการกระทำของฮิเดโนริพอได้สติก็วิ่งตามออกไปด้วย
ท่านอาจารย์เองก็เหมือนกันเหมือนกับว่าเห็นท่าเรื่องครั้งนี้จะรับผิดชอบไม่ไหวคงต้องตามหญิงน้อยเจ้าอารมณ์ไปอีกคน
ในห้องโถงนั้นจึงเหลือคนเพียงสองคนเท่านั้น ซึบาสะกิหันไปมองฮิเดโนริที่แท่นหมึกนั้นยังอยู่ในมือ
“ทำไมทำแบบนี้ น่าสงสารท่านหญิงจินโกะ ท่าทางจะเสียใจมากๆที่ถูกท่านทำเช่นนี้”
เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังซะขนาดนั้น ฮิเดโนริก็ได้แต่หัวเราะอออกมา
“นี่!!! ท่าน ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก รีบไปขอโทษท่านหญิงจินโกะเถอะ” ซึบาสะกิทำท่าจะเดินนำออกไป แต่ฮิเดโนริก็คว้าข้อมือเอาไว้ได้
“ไม่ต้องหรอก หญิงจินโกะร้ายกาจถึงเพียงนั้น เจอแบบนี้บ้างก็สมควร ปล่อยไปเถอะ ข้าเป็นคนทำยังมิเห็นกลัว เจ้าจะกลัวอะไร”
“ท่านหญิงจินโกะนั้นยังเด็ก บางครั้งทำอะไรลงไปก็มิได้คิด” ซึบาสะกิยังคงออกรับแทน
“ข้าเองก็ยังเด็กเหมือนกันนี่นา
..”
กล่าวออกมา พร้อมด้วยแววตาออดอ้อน ซึบาสะกิเองก็ถึงกับค้างพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเริ่มเรื่อแดงขึ้นนิดๆ
“
นั้นน่ะสิ เด็กพอกันทั้งคู่
..”
ฮิเดโนริไม่เถียงกลับเพียงแต่ดึงมือที่เปื้อนหมึกนั้นใช้ชายชุดกิโมโนของตนเช็ดให้เบาๆ จนซึบาสะกิต้องร้องเตือน
“
..ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ชุดทรงของท่านจะเปื้อนหมด
.......”
“ข้ามิสนใจหรอก ชุดข้าถ้าเปื้อนก็ทิ้งมันไปได้ แต่ผิวงามของเจ้าแม้แต่ชั่วครู่ก็ไม่อยากให้อะไรมาแปดเปื้อน
”
ร่างบางนั้นไม่กล่าวอันใดออกมาเพียงแต่จ้องมองดูการกระทำที่อ่อนโยนนั้นอย่างเป็นสุข
ถ้าท่านจะอ่อนโยนเช่นนี้กับข้าเพียงคนเดียวตลอดไป
ข้าจะเป็นคนที่โลภมากเกินไปหรือไม่นะ?
“หญิงจินโกะ หญิงจินโกะ!!!!! “ ร่างบางวิ่งตามร่างนั้นจนเหนื่อย
“อย่ามายุ่งกับข้านะ หญิงโมโมฮิโกะ!!!!!”
“ข้าไม่ยุ่งก็ได้ แต่หญิงจินโกะอย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่านพ่อหรือพระชายาเลยนะ ท่านพี่ฮิเดโนริจะถูกทำโทษเอาได้นะ”
“ก็สมควรมิใช่หรือ ดูกิโมโนตัวที่ข้ารักนี่สิ มันเปื้อนแบบนี้แล้วนะ!!!!!”
“แต่หญิงจินโกะ
ไปพูดจาหมิ่นเกียรติท่านพี่ซึบาสะกิแบบนั้น
.”
“อะไรเจ้าคนแบบนั้นมีเกียรติอะไรด้วยเหรอ เจ้าเลิกเรียกมันว่าพี่สักที มันไม่คู่ควรเป็นพี่พวกเรา น่าเจ็บใจนัก ท่านพี่ฮิเดโนริเองก็ดีแต่เข้าข้างมัน”
โทโมฮิโกะได้ยินแบบนั้นก็เงียบไป การกระทำเมื่อครู่นั้นทำให้ใจดวงน้อยอิจฉาขึ้นนิดๆ ถ้าเป็นตัวเองถูกทำแบบนั้นแล้วท่านพี่จะปกป้องเช่นนี้หรือไม่นะ
จินโกะหรี่ตาดูอากัปกิริยาของโทโมฮิโกะก่อนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“นี่ก็จวนจะถึงพิธีเป็นผู้ใหญ่ของท่านพี่แล้วแท้ๆ เจ้าซึบาสะกินั้นก็ยังลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นผู้หญิงอยู่ได้ไม่อายฟ้าดิน ถ้ามีใครสักคนเขกกะโหลกเตือนสติให้รู้บ้างว่าตัวเองน่ะเป็นชายก็คงจะดี ไม่งั้นท่านพ่อคงขายหน้าที่มีลูกชายแต่ไม่สมชายเช่นนี้”
โทโมฮิโกะได้ยินอย่างนั้นก็รีบร้องออกมา
“ไม่ได้นะ หญิงจินโกะ มันเป็นสัญญาระหว่างเรากับท่านพี่ฮิเดโนริที่จะไม่บอกท่านพี่ซึบาสะกิว่าแท้จริงท่านเป็นชาย เราจะผิดคำสัญญาไม่ได้นะ”
จินโกะแอบลอบยิ้มก่อนหันหน้ามาทำสีหน้าจริงจัง
“หญิงโทโมฮิโกะ ข้าหล่ะทำไปเพราะเห็นใจเจ้านะ ข้าดูออกว่าในใจเจ้านั้นรักท่านพี่ฮิเดโนริมากแค่ไหน
.” จินโกะลากเสียงยาวหยั่งเชิง
โทโมฮิโกะหน้าตาตื่นสีหน้าเริ่มเรื่อแดง
“หญิงจินโกะ เจ้ากล่าวอะไรมิสมควร ข้ารักท่านพี่ฮิเดโนริในฐานะพี่ชายเท่านั้น”
จริงนะเหรอ จินโกะคงเชื่อหรอก สีหน้าตื่นท่าทางแบบนี้มีเหรอข้าจะดูไม่ออก
“จริงๆแล้ว ท่านพี่ฮิเดโนริน่ะ ถ้าไม่มีเจ้าหญิงจากเมืองอื่นส่งมาให้เป็นพระชายา เจ้าหรือน้องสาวต่างมารดาคนอื่นก็มีสิทธิอภิเษกกับท่านพี่ได้ทั้งนั้น ถ้าเจ้าจะรักท่านพี่มากกว่านั้นก็ไม่เห็นแปลก แต่ก็ดีแล้วหล่ะ ถ้าเจ้าไม่รักท่านพี่แบบนั้น มิเช่นนั้นคงจะเจ็บปวดเพราะท่านพี่ข้านั้นมัวหลงใหลเจ้ากระเทยนั้น”
ดวงใจดวงน้อยที่ถูกบีบคั้นต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ลอยหน้าลอยตา
“หญิงจินโกะ เจ้าเอ่ยคำพูดไม่สุภาพนะ
..”ยังอุตส่าห์ตักเตือนจินโกะทำหน้าเหนื่อยๆออกมา
“ข้าเองไม่อยากให้ท่านพี่ต้องไปหลงมัวเมากับเจ้าซึบาสะกินั้น แล้วก็ทนไม่ได้กับท่าทีที่คิดว่าเป็นผู้หญิงทั้งๆที่ก็เป็นชายด้วย เสียชาติเกิดขนาดไหนที่ได้เกิดมาเป็นชาย ข้าว่าเจ้ากับข้ามาร่วมมือกันเพื่อทำให้เจ้านั้นรู้ตัวเองซะจะดีกว่านะ” จินโกะกล่าวออกมาราวกับคับแค้นใจที่ตัวเองไม่มีโอกาสได้เกิดเป็นชาย
“แต่มันจะเป็นการผิดสัญญา
..” โทโมฮิโกะหัวอ่อนแต่เกินกว่าจะกล้า
“อย่าห่วงเรื่องนั้น เราไม่จำเป็นต้องพูดด้วยปาก เราสัญญาแค่ว่าจะไม่บอกเค้าแต่ถ้าเจ้าตัวรับรู้เองก็ไม่ถือว่าผิดสัญญานี่”
“
.ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงเหรอ
” ในที่สุดโทโมฮิโกะผู้อ่อนหวานก็หลงกลจนได้
จินโกะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่ยากอะไรเลย เพียงแค่ให้เจ้าช่วยนิดหน่อยเท่านั้น
..”
.
เวลาบ่ายคล้อยแบบนี้ซึบาสะกิไม่อยากที่จะนั่งท่องหนังสือหรือเขียนพู่กันขับกล่อมกลอนเช่นเดียวกับฮิเดโนริ จึงแอบออกมาเพื่อจะเดินเล่นชมนกชมไม้ไปตามภาษา ถึงมิได้มีโอกาสวิ่งเล่นในป่าเช่นวัยเยาว์แต่การได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์ภายนอกตำหนักบ้างก็คงจะดี
บ่อยครั้งที่เห็นการซ้อมดาบของซามูไรในวังหวนคิดไปว่าถ้าเป็นชายได้ทำอะไรเยี่ยงนั้นบ้างก็คงดี แต่ทุกครั้งฮิเดโนริจะกล่าวห้าม ทั้งๆที่ฮิเดโนริเองก็เป็นชายกลับไม่นิยมความรุนแรงช่างเป็นคนที่อ่อนโยนจริงๆ
แค่คิดถึงใครคนนั้นดวงใจก็พองโตอย่างไม่น่าเชื่อ รู้สึกเขินทั้งที่คนนั้นไม่อยู่ตรงหน้า คว้ากิ่งไม้ข้างๆมากวัดแกว่งไปมา
“โอ๊ะ!!!!!.........”
เสียงหนึ่งกล่าวออกมาเมื่อกิ่งไม้นั้นฟาดผ่านมาใกล้ตัว ซึบาสะกิตกใจ บุคคลที่เค้าเกือบฟาดไม้ไปถูกนั้นดูเหมือนเป็นผู้มียศคงมิใช่ข้าราชบริพารทั่วไป แต่เหตุใดจึงมาอยู่ที่แห่งนี้ได้
“
..ข้าต้องขออภัยที่เกือบฟาดไม้ไปโดนท่าน
..ท่าน
..”
“ซึบาสะกิ เจ้าออกมาเดินเล่นอยู่หรือ
..” เสียงบิดาทักขึ้นก่อน ร่างบางหันไปมองดูก่อนยิ้มออกมา
“อ้อ!!! ที่แท้ก็หลานซึบาสะกิเองหรือนี่ ข้ามิเคยเห็นหน้ามาก่อนท่าทางหน่วยก้านไม่เลวเลย ท่านพี่ยังมิได้หัดดาบให้หรือไร ถึงต้องมาใช้กิ่งไม้ลองฝีมือเช่นนี้”
ซึบาสะกิมองดูบุคคลเบื้องหน้า นี่คือน้องชายของท่านพ่องั้นหรือ มิน่าถึงรู้สึกได้ถึงความเหนือชั้นกว่าคนทั่วไป
“ยังไม่ถึงพิธีการเป็นผู้ใหญ่ของทั้งสองคนเลย คงไม่เร่งให้เด็กจับดาบหรอก”
“กล่าวอย่างนั้นได้อย่างไร เป็นชายชาตินักรบฝึกดาบยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
ซึบาสะกินิ่งไปชั่วครู่
.ชายชาตินักรบนั้นหมายรวมถึงตัวเค้าได้ด้วยหรือ
“ถ้าถึงพิธีเป็นผู้ใหญ่ก็คงมีพิธีการแต่งตั้งรัชทายาทตามมาสินะ ท่านพี่สัญญาแล้วนะว่าจะยกบุตรที่ไม่ได้เป็นรัชทายาทให้เป็นบุตรบุญธรรมของข้า”
ได้ยินอย่างนั้นซึบาสะกิยิ่งรู้สึกแปลกไปกว่าเดิม บุตรที่ไม่ได้เป็นรัชทายาทก็มีหลายคนแล้วจะรับคนไหนไป ในเมื่อคนที่จะเป็นรัชทายาทมีได้เพียงคนเดียว
“เจ้าพูดเช่นนี้ มิสงสารคาซึนาริหรอกหรือทั้งๆที่มีบุตรชายอยู่แล้วน่ะหือ”
“ท่านพี่ ข้ามิคิดว่าจะให้บุตรที่อ่อนแอของข้าปกครองเมืองหรอก เมืองหน้าด่านต้องอาศัยผู้แข็งแกร่ง
เท่านั้นแล้วข้าก็รู้สึกว่าบุตรของท่านพี่นั้นดูเหมาะสมมากกว่า “ ดวงตานั้นจ้องมาที่ซึบาสะกิ
“ห่ะๆ เจ้าเองจะบอกว่าถูกชะตากับซึบาสะกิก็พูดมาเถิด แต่ข้าก็ยังมิแน่ใจว่าใครจะได้รับตำแหน่งรัชทายาทไป ต้องรอจนกว่าพิธีการเป็นผู้ใหญ่ผ่านพ้นและถึงพิธีสยุมพรนั้น เด็กที่ได้ไปอยู่กับเจ้าอาจจะเป็นฮิเดโนริก็ได้นะ”
“ไม่ว่าคนใดข้าก็รับทั้งนั้นหล่ะ”
ทั้งคู่แสสรวลหัวเราะอย่างรื่นเริง โดยไม่สังเกตว่าคนที่ได้ยินบทสนทนานั้นกำลังงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินแต่มิกล้าจะเอ่ยถามใดๆออกมา
ถ้าตัวข้านี่เป็นหญิง เหตุไฉนจะได้ฝึกดาบ
เหตุไฉนจะได้เข้าพิธีสยุมพร
ผู้ที่เป็นรัชทายาทนั้นสมควรเป็นเพียงบุตรชายมิใช่หรือ
“ฮิเดโนริ แม่ว่าเจ้าถึงวัยที่จะฝึกหัดดาบได้แล้วนะ”
ฮิเดโนริที่กำลังจรดปลายพู่กันอยู่นั้นเงยหน้ามองดูมารดาเพียงนิด ก่อนก้มหน้าคัดตัวหนังสือต่อไป
“ข้ามิต้องการฝึกหัดมันมาเพื่อเข่นฆ่าใคร
”
มารดาเห็นท่าทีแบบนั้นและคำพูดที่เหมือนประชดนัยๆ ก็ใช้มือเรียวเชิดหน้าคมสวยของลูกชายขึ้น
“อย่ามาปากดีกับแม่นะ แค่ที่เจ้าไปสนิทสนมกับเจ้าเด็กที่น่ารังเกียจนั้นมันก็อวดดีมากพอแล้ว “
ฮิเดโนริรู้สึกได้ว่าเรียวเล็บของมารดานั้นจิกที่ผิวแก้มเบาๆแต่ก็เจ็บได้ไม่น้อย
“ซึบาสะกิไม่ได้น่ารังเกียจ เค้าเป็นคนน่าสงสารมากกว่า
..” ยังคงเถียงต่อไป
มือเรียวนั้นสะบัดออกจากหน้าฝากรอยเล็บไว้ที่หน้าสวย
“ใช่เด็กนั้นน่าสงสาร เกิดมาพิการผิดเพศใช่หรือไม่ ตัวเป็นชายแต่ใจกลับเป็นหญิง เจ้าจงจำไว้ ห้ามรู้สึกอะไรกับเจ้านั้นมากกว่าความสงสาร ต่อไปเจ้าจะได้เป็นรัชทายาทและต้องอภิเษกกับเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์เสมอกัน มิใช่เจ้าเด็กเลือดสกปรกคนนั้น”
ชายกิโมโนไหมงดงามนั้นตวัดกลับก่อนที่ร่างระหงของมารดาจะเดินจากไป มือที่กำพู่กันนั้นไม่หยุดสั่นไปได้
ห้ามรู้สึกอันใดเกินกว่าสงสาร
ข้าผิดหรือไม่ที่ทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้
แต่นี่ก็เป็นเพียงทางเดียวที่จะรักษาชีวิตเจ้าได้จนบัดนี้
ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าโกหกเจ้าเจ้าจะเกลียดข้ามั้ย
.
“กำหนดการทำพิธีการเป็นผู้ใหญ่ของท่านซึบาสะกิและท่านฮิเดโนรินั้นได้ออกมาแล้วนะ พิธีซ้อมจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วย
..แต่ทว่าท่านซึบาสะกินั้น“
“อืมข้าเข้าใจที่ท่านกังวล แต่เด็กชายอย่างไรก็เป็นเด็กชายวันยังค่ำ ข้าคิดว่าการแต่งองค์ก็คงช่วยให้ท่าทีกริยาแบบผู้หญิงนั้นไม่เป็นที่สังเกตนัก”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น มิเช่นนั้นคงเป็นที่อับอายแก่พสกนิกรเป็นแน่ๆ เพียงวันซ้อมยังมิเป็นไรเพราะคนภายในต่างก็เป็นที่รู้กัน”
“อืม
.........อย่างน้อยก็ลองดูสถานการณ์วันซ้อมได้ก่อน ถ้าเป็นวันจริงก็ค่อยหาทางแก้กันก็แล้วกัน”
มหาดเล็กที่ทำหน้าที่จัดการในพิธีพูดคุยกันไปตามทางเดิน ร่างเล็กของใครบางคนที่แอบฟังอยู่ก็เดินออกมาจ้องมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องอับอายต่อพสกนิกรข้าว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำตามแผนนั้น” จินโกะกล่าวออกมา
อีกคนที่เป็นผู้ร่วมรู้เห็นใบหน้านั้นเรื่อแดงและดูหนักใจ
“จะดีเหรอหญิงจินโกะ
..ข้ารู้สึกอาย
..”
“มิเป็นอันใดหรอก เจ้าซึบาสะกินั้น จริงๆถึงเป็นชายก็มิได้เหมือนชายเท่าใดนัก เจ้าก็ถือว่าเป็นพี่สาวของเจ้าคนนึงไปสิ” จินโกะพูดไม่พูดเปล่ากลับใช้มือดันหลังโทโมฮิโกะให้เข้าไปยังห้องคิมหันต์เบื้องหน้า
“แต่ว่าข้า
” โทโมฮิโกะยังอิดออด
“รีบๆไปเถอะน่า!!!! แล้วทำตามที่ข้าสอนนะ เข้าใจมั้ย!!!!” จินโกะผลักร่างนั้นจนชนประตูห้อง แล้วแอบซ่อนตัวทันที
“ใครเหรอ? อ้อท่านหญิงโทโมฮิโกะนั้นเอง เชิญข้างในก่อนสิ” ซึบาสะได้ยินและเห็นเงาผ่านช่องแคบของประตูที่แง้มจึงกล่าวเชิญออกมา
โทโมฮิโกะไม่มีทางเลือกจึงพยักหน้าแล้วเดินเอียงอายเข้ามาในห้องนั้น มิกล้าเอ่ยอันใดออกมา มองดูคนเบื้องหน้านิดหน่อยก่อนเฉไฉไปเรื่องอื่น
“ชุดท่านพี่ดูสวยงาม
.จริงๆนะเจ้าค่ะ”
ซึบาสะกิก้มมองดูตนเองก่อนยิ้มออกมา
“ชุดนี้เป็นชุดที่ใช้ในพิธีเป็นผู้ใหญ่น่ะ เผอิญว่านำมาลองดูก่อนวันซ้อม แต่ข้าว่ามันออกจะดูเหมือนเครื่องทรงของผู้ชาย
มากกว่าจะดูสวยอย่างที่ข้าคิดไว้”
โทโมฮิโกะลอบมองดูใบหน้าคมนั้นที่จ้องมองชุดตัวเองอย่างใช้ความคิด ใบหน้าของผู้ที่เคยคิดบ่อยครั้งว่าไม่ต่างจากพี่สาวแต่วันนี้กลับรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้เป็นผู้ชาย
ยิ่งคิดใจดวงน้อยก็หวั่น อยากจะวิ่งหนีออกไป แต่ที่ประตูซึ่งเปิดแง้มไว้นั้น จินโกะเฝ้าแอบอยู่ทำหน้าทำตาราวกับว่าไม่ได้ดั่งใจ เห็นทีคงจะหนีออกไปลำบาก
คงไม่มีทางใดที่จะทำได้อีกแล้ว
“
.ท่านพี่เจ้าค่ะ
..หญิงโทโมฮิโกะมีเรื่องอยากจะปรึกษา
”
ร่างบางที่ตวัดชายแขนกิโมโนที่ยาวเล่นๆหันมายิ้มใจดีก่อนพยักหน้า
“อืม
..ว่ามาได้เลย
..ถ้าข้าให้คำตอบได้ก็ยินดี”
มือเรียวนั้นสัมผัสเบาๆที่อก ใบหน้าขาวนั้นเรื่อแดง ยิ่งทำให้ความงามนั้นเปล่งประกาย
แม้ยังเยาว์เพียงเท่านี้กลับงามยิ่งนัก ซึบาสะกิมองความงามนั้นก็สะท้อนในใจ
ตัวของข้าแม้เป็นหญิงสาวยังมิอาจงามได้เพียงครึ่งของนางเลย
“ท่านพี่เองก็กำลังจะเข้าพิธีการเป็นผู้ใหญ่ซึ่งข้าจะได้เข้าในอีกสองปีข้างหน้า ข้าคาดว่าท่านพี่ต้องเคยประสบกับปัญหาเช่นนี้มาก่อน ข้าอายจนมิกล้าจะถามใครนอกจากท่านพี่”
ซึบาสะกิยังมิอาจเข้าใจแต่ก็พยักหน้าทำทีเหมือนเข้าใจ ปัญหาอันใดหรือ?
ข้ามิเคยประสบมาก่อน และยังเป็นเรื่องน่าอายอีกด้วยงั้นหรือ
“ท่านเป็นอะไรงั้นหรือ?.........”
โทโมฮิโกะสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนกล่าวออกมา
“ข้าเจ็บปวดที่ตรงนี้
” มือนั้นยังคงสัมผัสแนบที่อก
ซึบาสะกินิ่งไปชั่วครู่ เค้าไม่เคยเจ็บที่ตรงนั้นเลยสักครั้ง
“
..ท่านไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า
..”
โทโมฮิโกะส่ายหน้าไปมาตอนนี้แก้มขาวแทบไม่มีสีขาวอีกแล้ว มีแต่สีแดงของเลือดฝาดทั่วใบหน้า
“นอกจากเจ็บแล้วมันยังบวมขึ้นอีกด้วย
.”
“หือ!!!!!” ซึบาสะกิร้องออกมาอย่างตกใจ
“ต้องตามหมอหลวงแล้ว
.อันตรายยิ่งนัก ท่านเป็นมานานขนาดไหนแล้ว!!!!!“
โทโมฮิโกะคว้ามือซึบาสะกิไว้ได้ทัน ก่อนก้มหน้าเอียงอาย
“ท่านพี่อย่าตาม ข้าอายน่ะ ข้าไม่ได้ป่วยเป็นอันใดหรอก อาการเช่นนี้จะเกิดกับผู้หญิงทุกคน ที่ถึงวัยอันควรและข้าก็คิดว่าท่านพี่เองก็เพิ่งผ่านช่วงนั้นมาเช่นกันจึงได้ปรึกษา ข้าเพียงแค่กลัวว่าของข้าจะผิดแปลกจากทั่วไป จึงอยากให้ท่านพี่ดูให้เท่านั้น”
ซึบาสะกิค้างไปนิดๆ เกิดกับผู้หญิงทุกคนมันคืออะไรกัน
..
ร่างนั้นปลดสายโอบิออกช้าๆ ซึบาสะกิมองการกระทำนั้นนิ่งๆไม่ได้กล่าวอันใด
ชุดกิโมโนไหมตัวนอกถูกปลดออกร่างเล็กนี้บอบบางอ้อนแอ้นเสียนี่กระไรจนถึงกิโมโนตัวในสุดเมื่ออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายถูกปลดร่วงลง
ความเป็นจริงที่ประจักษ์แก่สายตาทำให้ซึบาสะกิมิอาจจะรู้สึกอันใดได้อีก
ร่างกายเปลือยเปล่าที่ได้เห็นตรงหน้าแตกต่างกับร่างกายของตนเองเพียงไร
ร่างที่เห็นนี่เป็นร่างกายของผู้หญิง
..
แล้วร่างกายข้านั้นคืออะไรกัน
ความคิดเห็น