ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของๆzerus 2

    ลำดับตอนที่ #1 : THE LEGEND OF TSUKINOKAGE1

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 52


    ตำนาน ท่านชายฮิเดโนริ ท่านชายซึบาสะกิ

    PART 1 SAKURA DROP

     

     

                                               

    กลีบซากุระร่วงโรยราวกับสายฝน ร่างของเด็กน้อยผู้มีเกียรติสูงส่งที่สุดในแผ่นดินเริงร่าราวกับนกน้อยที่มีอิสระโผบินในฟ้ากว้าง

    ใบหน้าสวยคมคายนั้นแย้มยิ้มราวกับว่าไม่มีความทุกข์ใดๆ

    ดวงตาซุกซนนั้นหันมาพบกับบุรุษที่ยืนดูอยู่เบื้องหน้าก็รีบโผเข้าใส่กอดร่างนั้นไว้ก่อนหัวเราะอย่างเป็นสุข

    มือใหญ่ที่อบอุ่นนั้นกอดตอบร่างเล็กๆ ก่อนลูบไร้เส้นผมอ่อนนุ่มนั้น

    คนที่หัวเราะร่าจึงเงยหน้าขึ้นมองดู รอยยิ้มนั้นจางไปจากใบหน้าสวย

     

    น้ำอุ่นๆจากดวงตาหยดลงที่แก้มใส ของเด็กน้อย

     

    “……..ท่านพ่อ……..ร้องไห้ด้วยเหตุอันใด………”

     

    ไม่มีคำตอบอกจากปากของบุรุษผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้น

    มิเห็นต้องเศร้าใจ เพียงแค่ซากุระร่วงโรย เมื่อถึงฤดูกาลใหม่มันก็จะบานได้อีก

    เสียงเจื้อยแจ้วนั้นกล่าวอย่างไม่ประสา

    บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ลดตัวลงกอดร่างลูกชายเอาไว้แนบแน่น ก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาราวสายลม

     

    พ่อมิได้คร่ำครวญเพราะ กาลที่ซากุระร่วงโรย แต่หญิงที่พ่อรักดั่งชีวิตนั้นได้จากพ่อไปแล้ว …………… จากไปตลอดกาล…………… มิอาจได้เจอกันอีกแล้ว

     

    เด็กน้อยไม่อาจเข้าใจคำพูดของบิดา มือน้อยนั้นซับน้ำตาเพียงแผ่วเบา

    ท่านแม่มิได้ไปไหน………ยังอยู่ที่ตำหนัก ทำไมท่านพ่อจะพบท่านแม่อีกมิได้……..”

     

    “….ฮิเดโนริ………พ่อขอโทษนะ……..ทั้งเจ้าและแม่ของเจ้า………แต่ผู้หญิงที่พ่อรักดั่งชีวิตนั้นมิใช่แม่ของเจ้า…………..”

     

    กลีบซากุระร่วงหล่นลงพื้น กลีบดอกอ่อนละมุนที่เคยงดงามสุดท้ายกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่า เป็นได้เพียงกลีบดอกไม้บอบช้ำที่ถูกย่ำเหยียบไม่ใยดี ไม่งดงามไม่คู่ควรแก่การเชยชม

    เหมือนจิตใจเด็กน้อยที่เคยเข้าใจว่าตัวเองนั้นเคยเป็นหนึ่ง และเป็นครั้งแรกที่จิตใจดวงน้อยไม่ประสานั้นได้รับรู้ว่า มารดาของตนมิใช่หญิงเดียวในจิตใจของบิดา

    เพียงเท่านี้ จิตใจของเด็กน้อยที่อ่อนวัยก็ราวกับว่าได้แปรเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ในชั่วพริบตา

     

     

     

    ดอกซากุระที่ร่วงโรย แม้ฤดูกาลใหม่เจ้าจะเบ่งบานได้อีกครั้ง

    ตราบใดที่เห็นเจ้าร่วงโรยและไร้ค่า

    ในใจก็อดที่จะเจ็บปวดไม่ได้……………………..

    …………………………………………………………………

     

    การแต่งตั้งรัชทายาทจะมีการพิจารณาใหม่ ท่านชายฮิเดโนริมิใช่โอรสเพียงองค์เดียวของท่านโชกุน

    แต่กระนั้นโอรสอีกองค์ก็เป็นเพียงบุตรที่เกิดกับ นางรำที่มีศักดิ์ต่ำต้อยเท่านั้น จะยอมให้เป็นรัชทายาทได้งั้นหรือ

     

    เรื่องนั้นมิใช่ประเด็นหลัก ตามกฎมนเทียรบาล ไม่ว่าจะพระชายา หรือนางสนมน้อยใหญ่ ใครสามารถให้ประสูติการโอรสองค์แรก จะมีสิทธิ์เป็นรัชทายาทเท่าเทียมกัน

     

    หญิงนางรำคนนั้น มีความสัมพันธ์กับท่านโชกุนก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ โอรชที่เกิดกับนาง ถือว่าแก่ชันสากว่าท่านชายฮิเดโนริ ถ้าเช่นนั้นแล้วละก็……….”

     

    กลุ่มข้าราชบริภารต้องหยุดชะงักกับบทสนทนาเมื่อหันมาพบว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงนั้นปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า ต่างก้มหัวเพราะเกรงกลัวว่าองค์ชายน้อยจะไม่พอใจกับเรื่องที่ได้ยิน

     

    เด็กคนนั้นอายุมากกว่าข้ากี่ปี…………” น้ำเสียงนั้นดูสงบเยือกเย็นราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ วี่แววของเด็กชายที่อ่อนวัยนั้นไม่ปรากฏให้เห็นจนแทบไม่น่าเชื่อ

     

    เอ่อ………เท่าที่ทราบมีชันสาแก่กว่าท่านชายเพียงปีเดียว

     

    ร่างเล็กนั้นไม่มีท่าทีอันใดยังสีหน้านิ่งสงบ

    หลีกทางให้ข้าด้วย ข้าจะไปเยี่ยมท่านแม่ที่ตำหนัก

     

    ต่างถอยเปิดทางให้อย่างเคารพ เด็กน้อยนัยต์ตาหมองเศร้า ตั้งแต่วันที่ท่านพ่อร่ำไห้และบอกให้เค้ารู้ว่ายังมีหญิงอื่นที่รักมากกว่า และยังมีบุตรกับนางก่อนที่จะอภิเษกกับท่านแม่ เพียงเท่านั้นท่านแม่ก็เริ่มล้มป่วยลง

    และตัวเค้าเองก็ราวกับว่าได้เติบโตจากเรื่องที่ได้ยินราวกับเป็นเด็กที่มีอายุมากกว่าที่เป็นนับสิบปี

     

    ท่านแม่ ท่านพ่อให้ข้ามาเยี่ยมท่านแม่……….” เสียงนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยนผ่านผ้าม่านแพรไหมที่กางกั้นจนแทบมองไม่เห็นมารดาของตัวเอง

     

    ร่างที่อยู่หลังม่านเหมือนกับขยับตัวเมื่อได้ยืนเสียงนั้น

    “………พ่อของเจ้าเป็นคนทรยศ………ทรยศ…………คนทรยศ……”

     

    ได้ยินเพียงเท่านั้นใจดวงน้อยที่แห้งเหี่ยวก็เหมือนจะขาดรอน สงสารมารดาจับจิต นึกคับแค้นใครบางคนขึ้นมา

    ร่างเล็กนั้นวิ่งออกจากตำหนักของมารดาราวกับว่าทนไม่ได้ วันนี้บิดาจะออกไปรับใครคนนั้นเข้ามาในวังด้วยเหตุผลที่ หญิงคนนั้นเสียชีวิตลงแล้ว หญิงที่เป็นคนที่บิดารักที่สุด หญิงที่เป็นเสี้ยนหนามในใจของมารดาเค้า หญิงที่เป็นมารดาของใครบางคนที่เค้าเกลียดแม้ยังไม่พบหน้า

     

    บิดานั้นยังมิได้ออกจากตำหนักไพร่พลและขบวนเสด็จนั้นเตรียมพร้อมแล้ว แต่เมื่อหันมาเห็นลูกชายก็สั่งให้หยุดการเคลื่อนย้ายขบวน

     

    ฮิเดโนริ……….”

     

    ท่านพ่อ…….ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อทรยศต่อท่านแม่……..ทำไม?” เด็กน้อยโพล้งออกมา น้ำตาทำท่าจะปริ่มขอบตาสวย

     

    ผู้เป็นบิดาได้แต่ทอดถอนใจ

    ฮิเดโนริ บางครั้งคนเรายอมทรยศกับบางสิ่งได้ แต่จะไม่ทรยศกับความรู้สึกของตัวเองหรอกนะ

     

    เด็กน้อยไม่ยอมรับฟัง มีแต่คำถามและความไม่เข้าใจ

    ท่านพ่อ……..รักหญิงนางรำคนนั้นหรือไร……….ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อคงมิเคยรักท่านแม่ มิเคยรักข้า ท่านพ่อรักเพียงแต่หญิงคนนั้น และบุตรชายของนาง

     

    ฮิเดโนริ เจ้ามิเคยเป็นอย่างพ่อ เจ้าจะไม่รู้ว่าเมื่อตกอยู่ในห้วงรักจะเป็นเช่นไร การที่เราต้องผลากจากและการที่มิอาจครอบครอง มันเจ็บปวดเพียงไหน

     

    ถ้าเจ็บปวด เหตุใดต้องรัก……………..”

     

    สักวันเจ้าจะรู้…………..”

     

    คงตอบได้เพียงเท่านั้น ก่อนจะขึ้นรถม้าในขบวนแล้วเคลื่อนย้ายขบวนจากไป

     

    ดวงตาสวยนั้นจ้องมองดูขบวนนั้นจนลับหายและไม่ยอมที่จะเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้ม

    “………ข้าไม่อยากรู้!!!!!………..”

    ………………………………………………………………………………

     

    เราจะต้องปลิดชีพ เจ้าเด็กที่มีเลือดต่ำศักดิ์นั้น…….. เพื่อให้ฮิเดโนริได้เป็นรัชทายาท

    ดวงตาสวยลืมขึ้นช้าๆเมื่อได้ยินคำพูดที่น่ากลัว

    วันนี้เค้ามานอนเป็นเพื่อนมาราดาที่ตำหนัก มิเคยคิดเลยว่าคำพูดโหดร้ายนี้จะหลุดออกมาจากปาก มารดา

    ถึงจะเกลียดตั้งแต่ยังไม่รู้จัก

    แต่ไม่คิดว่าจะฆ่าใครเพียงเพื่อให้เค้าได้เป็นรัชทายาท

    รอให้เด็กนั้นเข้ามาในวัง โอกาสที่จะจัดการก็คงไม่ยากเย็น

    นางกำนัลคนสนิทกล่าวด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น

     

    อย่าเพิ่งฆ่ามันให้ง่ายดายนัก เราจะตกเป็นเป้าได้ ตราบใดที่ผลการเป็นรัชทายาทยังไม่กำหนดก็จงเก็บมันไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่สมควรจะจัดการแล้วจริงๆ จึงค่อยลงมือ

     

    กล่าวจบมือเรียวที่อ่อนนุ่มก็สัมผัสใบหน้าที่แสร้งหลับอย่างแผ่วเบาก่อนกระชับผ้าห่มเนื้อหนาให้บุตรชายเพราะกลัวว่าลมเย็นจะสัมผัสเนื้อกาย

    ฮิเดโนริ………แม่รักเจ้านะ…….”

     

    ร่างเล็กที่ซุกตัวใต้ผ้าห่มนั้นยังคงสั่นเทา มิใช่เพราะความหนาว

    แต่เป็นเพราะความกลัว

    เด็กน้อยที่ได้ร่วงรู้ความจริงในชีวิต ความโหดร้ายของโลก

    ความอ่อนวัยและไร้เดียงสาดูเหมือนจะถูกสิ่งเหล่านี้สั่งสอน

    ความรักที่ได้รู้จัก………..ทำไมมันถึงได้น่ากลัวและโหดร้าย

    สิ่งนี้นะหรือที่เรียกว่ารัก…………………

    ……………………………………………………………………………

     

    ท่านป้อไปไหน…….ท่านป้อไปไหน………”

    ร่างเล็กดวงตาแวววาวราวดวงดาว ใบหน้าเล็กนั้นอิ่มสวย แก้มกลมฟาดสีเลือดเรื่อจาง ปากบางนั้นยังเพิ่งจะหัดพูดได้เท่านั้น

     

    ฮิเดโนริก้มลงกอดร่างน้องสาวเอาไว้ พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล

    ท่านโชกุนที่ยิ่งใหญ่ทรงลดเกียรติของตน เดินทางออกนอกเมืองหลวงเพื่อไปรับบุตรซึ่งมีสายเลือดต่ำต้อย ทำได้ถึงเพียงนี้ ทิ้งลูกกับหญิงที่มิได้รักไว้เพียงลำพัง ในมหาราชวังที่ไร้ซึ่งชีวิตแห่งนี้

     

    จินโกะ…….คิดถึงท่านพ่องั้นหรือ……….”

    ใบหน้ากลมพยักหงึกๆ มือยังคงกำพู่แพร่ประดับอยู่ที่กิโมโนไหมของพี่ชาย

    ฮิเดโนริจ้องมองน้องสาวที่เฝ้ารอคอยมาหลายทิวาราตรี เด็กน้อยเคยได้รับโอบกอดจากบิดาทุกวัน วันแรกที่บิดาออกเดินทาง ไม่มีใครสามารถหยุดให้เด็กคนนี้ร้องไห้ได้ วันที่สองเสียงสะอื้นนั้นยังคงมีแม้ว่าจะแผ่วลงวันที่สามเด็กน้อยได้เรียนรู้………..ว่าร้องไปก็มิอาจได้บิดามาโอบกอด วันที่สี่เธอจึงเอ่ยถามกับพี่ชาย

    พี่ชายนั้นจนใจมิอาจทำอันใดได้นอกจากโอบกอดน้องสาวไว้แทน อ้อมกดนี้คงมิอาจเทียบความอบอุ่นของบิดา………แต่ก็จะพยายามเพราะต่อไปอ้อมกอดของบิดานั้นคงไม่ว่างสำหรับใครอีกแล้ว

     

    ท่านโชกุนเสด็จกลับยังวังหลวงแล้ว!!!

    เสียงมหาดเล็กกล่าวขานดังไปทั่วทั้งวัง สองพี่น้องที่กอดกันอยู่ถึงกับสะดุ้ง เด็กน้อยในอ้อมกอดมิได้เข้าใจอันใด

    แต่บุคคลที่โอบกอดร่างเล็กไว้นั้นเข้าใจในความหมายนั้นดี……..ในจิตใจที่เติบโตกว่าวัยได้รับรู้ถึงความรู้สึกมากมาย ทั้งกลัวและเจ็บปวด

     

    บุคคลที่ก่อให้เกิดความรู้สึกนั้นได้มาถึงที่นี่แล้ว

     

    ท่านป้อ!!!!!!!!!.......ร่างเล็กกระโจนออกจากอ้อมกอดของพี่ชายโผเข้าหาร่างสูงใหญ่ของบิดาด้วยความดีใจ บิดากอดและจูบบุตรสาวด้วยความรักเหมือนเช่นดังเดิม มิเคยเปลี่ยนแปลงแต่ภายใต้สายตาคู่สวยของบุตรชายที่จ้องดูนั้น กลับเห็นว่าไม่มีความรู้สึกนั้นหลงเหลืออยู่

     

    ฮิเดโนริ มาให้พ่อกอดสิน้ำเสียงอ่อนโยนและอ้อมแขนอีกข้างที่อ้ารับ

     

    ทั้งๆที่อยากโผเข้ากอดแทบขาดใจแต่ก็รู้ว่าอ้อมกอดนั้นมิได้มีไว้เพื่อเค้า หากการสัมผัสนั้นมิได้มีความรัก……..จะทำไปเพื่อเหตุผลอันใด………คนที่ได้รับมันมิได้รู้สึกสุข………….. มันกลับเจ็บปวดมิใช่หรือ

     

    ร่างเล็กนั้นหันกลับไปยังประตูก่อนเปิดเพื่อจะหลบออกไป

     

    กระแสลมแรงที่พัดผ่านนั้นหอบเอากลีบซากุระที่ร่วงโรยปลิวดุจดั่งพายุถาโถมเข้ามายังร่างที่เปิดประตูออก

    ดวงตาคู่สวยต้องหรี่หลบพายุกลีบดอกไม้นั้นก่อนที่มันจะสงบและประจักษ์กับภาพเบื้องหน้า

     

    ใต้ต้นซากุระใหญ่ที่ๆเคยเป็นที่โปรดปรานของเค้า

    ร่างเล็กบอบบาง ในชุดไว้ทุกข์สีขาวกระจ่างตา ชายชุดละไปกับพื้นที่มีกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนปกคลุม

    ผมมันดำขลับถูกรวบไว้เผยให้เห็นท้ายทอยและลำคอเล็กงดงาม

    แม้เพียงแค่เห็นเบื้องหลังของร่างนั้น

     

    จิตใจก็ระส่ำระส่ายเต้นไม่เป็นจังหวะ

    ทั้งความรู้สึกแปลกใจ ระคนเจ็บปวดและเคืองแค้น

    “…….ซึบาสะกิ………..” ผู้เป็นบิดาที่ยืนอยู่เบื้องหลังกล่าวเอ่ยนามนั้นออกมา คนที่ยืนชมความงดงามของซากุระที่ร่วงโรยก็เบือนหน้าเพียงเสี้ยวหนึ่งมา

    แม้เพียงหน้าแค่เศษเสี้ยวผู้ที่พบเห็นก็รับรู้ได้ว่ามันงดงามไม่ต่างกับจันทร์แรมที่เยี่ยมหน้าแม้เพียงเป็นจันทร์ข้างแรมความงามสว่างๆไสวก็ประจักษ์ตามิอาจปฏิเสธได้

    แต่เมื่อดวงตากลมโตเรียวประดุจเหยี่ยวเห็นว่ามีดวงตาใครอื่นที่จดจ้องก็หันหน้ามาประสานสายตาตรงๆ

     

    นี่นะหรือบุตรชายของหญิงที่เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวของบิดา

     

    มิได้งดงามเจิดจ้าเฉกเช่นแสงตะวัน…………………

    แต่กลับมีความงดงามที่เยือกเย็นราวกับดวงจันทรา

    ดวงตาคมคายกระจ่างใสราวกับดาวประกายพรึก

    ใบหน้าที่ดูอ่อนโยน ไร้ซึ่งเดียงสาราวกับดอกไม้ป่า

    ผิวกายที่ไม่ได้ขาวหมดจดเฉกเช่น พี่น้องคนอื่นๆ

    แต่กลับเป็นผิวที่ดูนุ่มนวลราวแสงจันทร์วันเพ็ญ เปล่งประกายอบอุ่นในคืนฤดูร้อน

    กลิ่นอายจากสายลมที่พัดผ่านผิวกายหอมราวกับแสงแดดที่สดใส

     

    มิได้งดงามเลิศเลอกว่าใครในปฐพี แต่ก็เป็นความงามที่พิมพ์ใจ ราวกับว่าน่าเบิกบานและเป็นสุขเพียงไหนถ้าได้อยู่เคียงใกล้

    จิตใจที่เจ็บปวดรับรู้ความจริงได้เพียงแรกเห็น

    เหตุใดท่านพ่อจึงรักหญิงที่เป็นมารดาของคนคนนี้จนสุดหัวใจ

    เข้าใจด้วยหัวใจของตนเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

     

    ดวงหน้าหมดจดและใสซื่อบริสุทธิ์นั้นเหมือนจะเอียงอายที่ถูกจ้องมอง แต่มิอาจหลบสายตาคู่สวยนั้นไปได้ไม่ต่างกัน

    มือที่โอบอุ้มห่อเถ้ากระดูกของมารดานั้นขยับไปมาเพราะความอาย

    ฮิเดโนริสังเกตเห็นสิ่งที่ถือร่างนั้นอยู่ก็ถึงกับชะงัก เรียกสติที่เกินควบคุมให้กลับมา

    บอกให้รู้ว่าบุคคลนี้มิใช่คนที่เค้าสมควรจะหลงใหล

    นี่คือบุตรของหญิงที่แย่งความรักไปจากมารดาของเค้า!!!!!

     

    ใบหน้าคมนั้นสะบัดเชิดก่อนวิ่งหนีออกไป ทิ้งให้ผู้ที่เพิ่งมาใหม่ยืนตกใจค้างไปกับท่าทีนั้น

     

     

    “…..ซึบาสะกิ………. ขอโทษด้วยที่ฮิเดโนริกระทำเสียมารยาทเช่นนั้น

     

    บิดาที่มีร่างเด็กหญิงน้อยๆในอ้อมกอดกล่าวออกมาสีหน้ากังวล แต่คนที่มีจิตใจเบิกบานแม้เพิ่งสูญเสียกลับไม่กล่าวโทษ

    ข้ามิเห็นจะว่าจะเสียมารยาทอันใด ท่านผู้นั้นงดงามอย่างที่ข้ามิเคยได้พบเห็นมาก่อน ผิวขาวราวหิมะ ใบหน้างดงามราวกับเป็นบุตรของเทพเจ้า ข้ามิสงสัยเลยว่าต้องเป็นบุตรของท่านโชกุน อาจจะเป็นเพราะข้าจดจ้องใบหน้าของท่านผู้นั้นโดยไม่สำรวม ก็เลยอาจจะไม่พอใจ ข้าเองกระมังที่เป็นผู้เสียมารยาท

     

    ได้ยินคำพูดที่สุดแสนจะใสซื่อก็ยิ้มอ่อนโยนออกมา

    เจ้าเองก็เป็นบุตรของเทพเจ้าเช่นกัน…….ซึบาสะกิ เจ้าเป็นลูกของพ่อ เช่นเดียวกับฮิเดโนริ เลิกเรียกพ่อว่าโชกุนจะได้มั้ย………”

     

    ใบหน้าอ่อนใสนั้นไม่กล้าที่จะเอ่ยแบบนั้นได้เพียงยิ้มเก้อเขินออกมาเมื่อมือของบิดานั้นลูบหัวอย่างเอ็นดู เด็กหญิงในอ้อมกอดแม้จะยังเด็กแต่ด้วยสัญชาตญาณก็รับรู้ได้ว่าจิตใจบิดาได้แบ่งปันรักไปให้ใครอื่น ดวงตาสวยไม่ต่างกับพี่ชายจึงหันไปมองดูคนตรงหน้า ไม่สู้เป็นมิตรนัก

     

    คนที่ถูกมองเช่นนั้นจากเด็กที่อ่อนกว่าก็ได้แค่ยิ้มเจื่อนๆออกมา

    แล้วท่านผู้งดงามนี้……….”

     

    อ้อ…….นี่คือหญิงจินโกะ น้องสาวของฮิเดโนริ และเจ้า ที่นี่เจ้ายังมีน้องสาวอีกหลายคน ไว้พ่อจะแนะนำเจ้าให้ได้รู้จักนะ หญิงจินโกะ มิกล่าวทักพี่เค้าหน่อยหรือ

     

    บิดาดุนหลังเล็กๆให้ไปข้างหน้าแต่ร่างนั้นก็ดื้อดึงแอบอยู่เบื้องหลังบิดา ใบหน้าบึ้งตึงเหมือนกับจะร้องไห้ ซึบาสะกิเองเห็นแบบนั้นก็รีบออกตัว

    มิเป็นอันใดหรอก ท่านโชกุน………”

    ไม่ทันได้กล่าวอะไร ร่างเล็กนั้นก็โพล้งออกมาเสียงดัง

    ม่ายช่าย………ม่ายช่ายพี่………” แล้วร้องไห้จ้าออกมาเหมือนไม่พอใจ บิดาต้องรีบกอดปลอบโยนเด็กน้อย

    โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าร่างของลูกอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นแม้ว่าใบหน้าจะยังยิ้มออกมา แต่ข้างในนั้นกำลังอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

     

    เพียงก้าวแรกที่เข้ามาในวังหลวงที่ซึ่งจะเป็นบ้านหลังใหม่

    กลับไม่รู้สึกว่าเป็นบ้านแม้สักนิด

    ราวกับว่าที่นี่ไม่มีใครต้อนรับเค้าเลยแม้สักคนเดียว

    ………………………………………………………………

     

    ท่านชายซึบาสะกินี่ ค่อนข้างเก็บตัวเหลือเกิน อีกซ้ำก็มิยอมทำตัวให้เหมือนกับบุตรคนอื่นๆของท่านโชกุน

     

    ใช่ๆไม่ไว้ตัว และทำตัวเสมอกับเหล่าข้าทาสบริวาร แม้แต่เครื่องทรงก็ยังใช้ของเก่าดูต่ำศักดิ์ไม่สมกับฐานะเลย

    นี่เจ้าจะพูดอะไรก็ระวังไว้บ้างเถิด ถึงกระนั้นก็ตามมีข่าวหนาหูนักหนาว่า ท่านโหรราจารย์ ได้ทรงตรวจดวงชะตาแล้ว ท่านชายซึบาสะกินั้นเป็นผู้มีบุญยิ่งกว่าท่านชายฮิเดโนริ ถ้าท่านชายซึบาสะกิได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านโชกุน บ้านเมืองจะยิ่งใหญ่กว่าที่เป็น ดังนั้นโอกาสที่ท่านชายซึบาสะกิจะได้เป็นรัชทายาทก็ย่อมเป็นไปได้สูง เจ้ากล่าวหมิ่นเกียรติท่านระวังจะหัวขาด

     

    เหล่านางกำนัลปากมากต่างรีบเอามือปิดปากเพราะเกรงกลัวอาญา แต่ทุกถ้อยความที่กล่าวนั้น ผู้ที่ยืนอยู่หลังม่านผ้าไหมได้ยินจนหมดสิ้น

     

    ดวงตาหมองเศร้ายอมรับจริงอย่างที่ว่า ซึบาสะกินั้นมีบุญมากกว่า มิเช่นนั้นคงไม่ได้ถือกำเนิดกับหญิงที่บิดารักหมดหัวใจเป็นแน่

     

    มิต้องกังวลไปหรอก………ฮิเดโนริ แม่มิยอมให้เจ้าเด็กสายเลือดสกปรกนั้นได้เป็นรัชทายาท ผู้ที่จะได้เป็นรัชทายาทต้องมีแต่เจ้าเท่านั้น

    ฮิเดโนริตกใจที่มารดาของตนเองก็ได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น มือที่สัมผัสใบหน้าเค้านั้นมิได้อบอุ่นเหมือนที่เคยมันช่างเยือกเย็นไร้จิตใจ มันทำให้เค้ารู้สึกกลัว

     

    มารดาของเค้าจะปลิดชีวิตคนคนนั้นจริงๆใช่มั้ย

    คนที่มีดวงตาสวยกว่าใครๆที่เค้าเคยพบเจอ

    ร่างเล็กที่จิตใจเหม่อลอยต้องตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของบิดา

     

    อะไรกัน เพียงแค่เด็กเพียงคนเดียว ไม่สามารถให้เค้าเปลี่ยนชุดได้ น่าแปลก แล้วข้าจะเลี้ยงพวกเจ้าเอาไว้เพื่ออะไร!!!!!!

     

    ตั้งแต่ซึบาสะกิเข้าวังมาเป็นเวลาสามวันแล้วยังมิเคยเห็นแม้แต่เงา ร่างเล็กบอบบางนั้นไม่เคยเยื้องกรายออกมาจากห้อง บิดาของเค้าก็ดูเป็นห่วงเสียจนทำให้ใครรู้สึกอิจฉาในความเอาใจใส่นั้น

     

    อาจจะเป็นเพราะว่า เค้าเป็นเด็กผู้ชาย……………….”

     

    ฮิเดโนริกล่าวขึ้นลอยๆ บิดาจึงหันมามองลูกชายด้วยความแปลกใจ

    แล้วจากที่ที่จากมานั้น เค้าคงไม่คุ้นเคยกับการที่จะมีผู้หญิงมากมายรายล้อม………..”

     

    รอยยิ้มนั้นปรากฏที่ใบหน้าของผู้เป็นบิดา

    เจ้ากล่าวเช่นนี้ มีความหมายอันใดฮิเดโนริ…………หืม

     

    ทำไมต้องทำท่าดีใจเพียงแค่ข้ากล่าวถึงเจ้าเด็กคนนั้น

    ข้าแค่กล่าวไปตามที่ข้าคิด………….”

     

    มือใหญ่นั้นวางลงบนบ่าเล็กของบุตรชาย

    แล้วจะเป็นไปได้มั้ย ที่เจ้าซึ่งเป็นเด็กผู้ชายเฉกเช่นเดียวกัน จะช่วยดูแลเค้า…….ได้มั้ย

     

    “…….ดูแล…….” มือที่สัมผัสไหล่อยู่นั้นราวกับภาระที่หนักอึ้งขึ้นมา

    การดูแลของข้านั้นอาจจะไม่ใช่การดูแลอย่างที่ท่านพ่อคิดก็ได้นะ

    แต่ถ้าท่านพ่อต้องการเช่นนั้น……….ก็ย่อมได้

    “……เหตุอันใดจะมิได้หล่ะท่านพ่อ………”

     

    ……………………………………………………………………………

     

    ร่างเล็กถูกพามายังห้องคิมหันต์ เป็นห้องที่สวยที่สุดของวังหลัง แม้แต่ห้องพักก็เป็นห้องที่ดีที่สุด ความสำคัญนี้ช่างเป็นที่น่าริษยายิ่งนัก

     

    นางกำนัลที่อยู่หน้าห้องเตรียมที่จะแจ้งข่าวนั้นให้กับเจ้าของห้องว่ามีผู้มาเยือน

    ฮิเดโนริกลับใช้มือห้ามเอาไว้ แล้วสั่งให้นางกำนัลออกไปให้หมด ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งขององค์ชายน้อย

     

    มือเรียวเปิดบานประตูเลื่อนอย่างแผ่วเบา เดินด้วยฝีเท้าที่เบากริบเข้าไปยังส่วนในของห้อง เดินผ่านม่านผ้าไหมที่กางกั้น ร่างของผู้เป็นเจ้าของห้องเอาไว้

     

    เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตัดเย็บประณีตและล้วนแต่เป็นแพรไหมชั้นดี ซึ่งเป็นของบรรณาการจากต่างแดนน้อยนักที่บิดาจะประทานแก่ใครเป็นจำนวนมากเท่านี้ กลับถูกทิ้งขว้างระเกะระกะอยู่ที่พื้นห้อง

     

    ดวงตาสวยมองดูก่อนมองหาผู้เป็นเจ้าของ ร่างนั้นอยู่ที่ระเบียงชั้นลอยด้านนอก

    ผมที่เคยถูกรวบไว้ในวันแรกที่พบเจอ วันนี้กลับถูกปล่อยให้คลอเคลียแก้มใสนั้น

     

     

    ดวงตาสวยเจิดจรัสวันนี้กลับมีแววหมองเศร้าเจือปน

    ใบหน้านั้นซบลงที่ขอบของระเบียง ปากบางนั้นเอื้อนเอ่ยกับสายลมราวกับเป็นเพื่อนสนิท

    สายลมข้าไม่ชอบที่นี่เลย ที่นี่แม้มีคนมากมายแต่ก็เต็มไปด้วยความเหงา ถึงที่บ้านจะมีแค่เพียงแม่กับข้าแต่ก็ไม่เคยเหงาแบบนี้

    น้ำเสียงนั้นดูฟังดูอ้างว้างจับใจ

    ทำไมจิตใจของฮิเดโนริถึงเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    เพียงแค่ได้ยินเสียง ได้เห็นแววตาและร่างกายบอบบางที่น่าสัมผัสนั้น

     

    เผลอก้าวเท้าดังจนร่างนั้นรู้ตัวว่าถูกแอบมอง

    แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าใบหน้านั้นไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองหรือตกใจอันใด

    แววตานั้นกลับดูเหมือนดีใจที่เห็นเค้าอยู่ตรงหน้า

     

    “……ฮิเดโนริ……….” แค่เพียงปากบางนั้นเอ่ยชื่อ

    ใบหน้าที่ขาวก็เหมือนกับเรื่อแดงและร้อนผ่าวราวกับมีไข้

    เพียงแค่เอ่ยชื่อตนเองออกมาเท่านั้น……………

     

    “…….ท่านพ่อหัวเสียมากเรื่องที่เจ้าไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องทรง………”

    กล่าวอออกมาเพียงห้วนๆ แม้ว่าหน้านั้นจะยังคงแดงอยู่

     

    ขอโทษนะ……..ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านโชกุนไม่พอใจ แต่ว่าข้าไม่คุ้นเคยกับเสื้อผ้าเหล่านั้น

     

    จะคุ้นหรือไม่ ต่อไปนี้เจ้าไม่ใช่เด็กชาวบ้านธรรมดา เจ้าเป็นบุตรของจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ อะไรที่เหมาะสมกับตัวเจ้าที่สุด ก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว อย่ามัวเรื่องมากอยู่เลย เสื้อผ้าเครื่องทรงเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสวยงามสูงค่า แตกต่างกับชุดเก่าสกปรกของเจ้ารีบเปลี่ยนมันซะเถอะ

     

    คำพูดนั้นราวกับแดกดันมากกว่าหวังดี คิดว่าคนตรงหน้าคงรู้สึกไม่พอใจแต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

    ข้ารู้ดีว่าเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่อยู่นี้ เป็นเพียงผ้าฝ้ายทอมือที่เก่าและดูไร้ราคา แต่มันเป็นชุดที่แม่ของข้าตัดเย็บให้ข้าด้วยมือของท่านเอง ถึงจะสกปรกต่ำต้อยในสายตาใครๆแต่มันก็มีค่าสูงส่งที่สุดในจิตใจของข้า

     

    คำพูดแบบนั้นมันยิ่งเสียดแทงใจฮิเดโนริมากกว่า ตั้งแต่เกิดเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นเลิศตัดเย็บประณีตด้วยฝีมือช่างเอก สวยงามสูงค่า แต่ไม่มีตัวใดเลยที่ความรักเจือปนเช่นชุดเก่าสกปรกของคนตรงหน้านี้

     

    เข้าใจแล้ว แต่ว่าการที่เจ้าจะอยู่ที่นี่โดยที่ยังทำตัวปกติก็คงไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ แต่ในฐานะที่เจ้าก็เป็นบุตรของท่านพ่อ ก็น่าจะคิดถึงเกียรติของท่านบ้าง เปลี่ยนชุดใหม่ก็ใช่ว่าต้องทิ้งชุดเก่าไป เจ้ายังเก็บชุดของเจ้าไว้ได้ เพียงแค่สวมชุดใหม่ให้มันเหมาะสมคู่ควรกับฐานะเจ้าเท่านั้นมิได้หรือ

     

    ใบหน้าใสซื่อนั้นได้ฟังเหตุผลของคนที่อายุอ่อนกว่าแต่คำพูดคำจากลับมีหลักการเกินกว่าเด็กก็ได้แค่พยักหน้าตอบรับ

    ฮิเดโนริมองท่าทางนั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

    ช่างน่ารัก อ่อนเยาว์และไร้เดียงสา

    นี่นะหรือคือคนที่อายุมากกว่าและจะมาเป็นรัชทายาทของแผ่นดินนี้

     

    เมื่อหวนคิดเรื่องนี้ในใจก็ร้อนวูบราวกับไฟลน

    ถ้าเป็นอย่างนั้น ร่างบางนี้คงต้องจบชีวิตลงเป็นแน่

    แค่คิดเท่านั้น ทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้นะ

     

    แต่ความคิดนั้นต้องแตกกระเจิงเมื่อสายโอบิที่พันร่างบางนั้นถูกปลดออกต่อหน้า

    นี่เจ้าจะทำอะไร!!!!!

     

    ซึบาสะกิที่ปลดสายโอบิของตัวเองออกยังคงมีแววตาซื่อ

    ข้าจะเปลี่ยนชุดตามที่ท่านบอกยังไงหล่ะ

     

    เจ้าจะมาเปลี่ยนต่อหน้าข้านี่มิควร ข้าจะตามนางกำนัลให้มาช่วยเจ้าเปลี่ยนชุดทำท่าจะเดินออกไป เพราะมิกล้าที่จะอยู่เพียงแค่เห็นผิวเนื้อนวลกระจ่างที่โผล่พ้นกิโมโนที่ถูกคลายออกนั้น

     

    แต่แล้วร่างบางนั้นก็โถมเข้าหาก่อนกอดแขนเอาไว้แนบอก ฮิเดโนริรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าเมื่อใบหน้านั้นแนบใกล้ จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของแสงแดดอบอุ่นหอมแบบที่ไม่เคยได้สัมผัส

    ไม่ต้องตามไม่ได้เหรอ…….ข้ารู้สึกอายที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผู้หญิงพวกนั้น

     

    ปากบางนั้นเหมือนหนักจนแทบจะเปิดมันออกไม่ได้ กับร่างบางที่สวมชุดจวนเจียนจะหลุดแบบนี้ไว้มันยิ่งเร่งให้ใจดวงน้อยเต้นแรงจนคิดว่าจะตายเป็นแน่

    “…….อะไรของเจ้า……แล้วเปลี่ยนต่อหน้าข้าเจ้ามิอายหรือไร……”

     

    “……ไม่หรอก อย่างน้อยท่านกับข้าก็เป็นพี่น้องกัน มิใช่ใครอื่น………”

     

    รอยยิ้มนั้นดูงดงามและหวานกว่าสิ่งใด

    เจ้าเป็นเด็กน้อยที่แสนซื่อ…….บริสุทธิ์ยิ่งกว่าน้ำค้าง

    ทั้งๆที่ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นพี่น้อง

    แต่เจ้ากลับเห็นข้าเป็นดั่งพี่น้อง

     

    และรู้อยู่เต็มอกว่าไม่นานมารดาของข้าจะต้องปลิดชีพเจ้า

    แล้วข้าที่ยังทนนิ่งเฉยอยู่นั้นจะคู่ควรเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อีกหรือ

     

    “…….งั้นก็ได้……..ข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนชุดเอง……..”

     

    มือเล็กที่เหมือนสั่นน้อยๆนั้นสัมผัสกิโมโนเก่าที่ห่อหุ้มร่างเล็กที่บอบบางกว่าตนก่อนดึงมันออกช้าๆ

    แต่แค่เพียงเผยให้เห็นแนวกระดูกไหปราร้าบอบบางนั้น ฮิเดโนริก็รีบดึงชุดนั้นกลับคลุมร่างเดิม

    แสดงสีหน้าตื่นๆออกมา จนเจ้าของร่างบางต้องแปลกใจ

     

    ทำไม สีหน้าท่านถึงตื่นตระหนกเช่นนั้น ร่างกายข้ามีอะไรผิดปกติหรือทำท่าจะแกะชุดที่ถูกดึงปิดตัวไว้ออกอีก แต่มือของอีกคนก็พยายามปิดมันไว้ดังเดิม

     

    ไม่มีอะไรผิดปกติ……….แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเจ้านั้น………ตัวเจ้านั้น……………..”

     

    ซึบาสะกิมิอาจเข้าใจท่าทางนั้นได้

    อะไร……..ตัวข้าเป็นอะไร………”

     

    เจ้าเป็นหญิง………….”

     

    ได้ฟังอย่างนั้นเจ้าของร่างบางก็นิ่งค้างไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

     

    ข้าจะเป็นหญิงได้อย่างไร………..ข้าไม่เข้าใจ………….”

     

    แววตานั้นดูออกว่าไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ไม่แน่ใจ

    ความใสซื่อและไม่ประสาแบบนี้

    คงไม่ยากเย็นที่จะหลอกให้เชื่อ

    ฮิเดโนริเอื้อมมือเรียวนั้นสัมผัสโครงหน้านั้นเบาๆ

    พร้อมทอดสายตาที่จะทำให้หลอมละลายได้

     

    ใบหน้าที่ตื่นๆนั้นก็ดูเหมือนกับจะเขินอายแก้มนั้นเริ่มเรื่อแดง

     

    ทั้งที่เจ้างามเยี่ยงนี้เหตุไฉนยังไม่รู้ตัวอีก ว่าเจ้านั้นเป็นหญิง……”

     

    “………….ข้าเป็นหญิงงั้นหรือ?.........” ยังคงถามออกมาแม้ในใจครึ่งหนึ่งเชื่อไปแล้ว

     

     

    ใช่เจ้าเป็นหญิง……..วันใดที่เจ้างดงามเพียบพร้อมแล้ว เจ้าจะต้องเป็นของข้านะ ต้องรักเพียงแต่ข้าเท่านั้น…………..” ฮิเดโนรินั้นแรกเพียงต้องการทำให้เชื่อแต่มือก็มิอาจหยุดสัมผัสร่างคนตรงหน้าได้

     

     

    “……..รักเพียงแต่ท่าน………”

     

    ดวงตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแม้เยาว์วัยแต่ก็รับรู้ถึงความรู้สึกรุนแรงที่ก่อเกิดภายในใจนั้นได้ดี

    แม้แต่ฮิเดโนริเองก็ตามเพียงสบสายตาคู่นั้นก็มิอาจห้ามสิ่งใดได้อีก

     

    ริมปากบางนั้นสัมผัสกับริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

     

    ซากุระกลีบสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน

    แต่ในกลางใจของเด็กน้อยสองคนดอกไม้ดอกใหม่กำลังผลิบาน

    ดอกไม้นั้นมีนามว่า รัก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×