ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : (exo) The bodyguard's effect [chen x xiumin]
Title: The bdyguard's effect
Pairing: chen x xiumin
Note: เรื่องนี้เริ่มแต่งตั้งแต่วันที่ 06.08.12 จนถึงวันที่ 27.09.12
ใช้เวลาแต่งเดือนกว่าๆเลยเนอะ (เรียกว่าเกือบ 2 เดือน)
ปกติเวลาแต่งเค้าจะมีหลายๆพอตในหัวแล้วก็ผลัดกัน
อันไหนคิดออก หรืออยากแต่งก็จะแต่งอันนั้นก่อนอะไรงี้ 555
ยกเว้นถ้ามีความคิดที่ว่า ไม่ได้ละ เรื่องนี้้องจบก็จะแต่งแต่เรื่องนั้น
ยังไงก็ขอให้สนุกกับตอนนี้ละกันนะคะ ~
ถ้าพิมผิดหรือคิดว่าตรงนี้แปลกๆงงๆไม่เข้าใจก็บอกกันได้เน้อ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Pairing: chen x xiumin
Note: เรื่องนี้เริ่มแต่งตั้งแต่วันที่ 06.08.12 จนถึงวันที่ 27.09.12
ใช้เวลาแต่งเดือนกว่าๆเลยเนอะ (เรียกว่าเกือบ 2 เดือน)
ปกติเวลาแต่งเค้าจะมีหลายๆพอตในหัวแล้วก็ผลัดกัน
อันไหนคิดออก หรืออยากแต่งก็จะแต่งอันนั้นก่อนอะไรงี้ 555
ยกเว้นถ้ามีความคิดที่ว่า ไม่ได้ละ เรื่องนี้้องจบก็จะแต่งแต่เรื่องนั้น
ยังไงก็ขอให้สนุกกับตอนนี้ละกันนะคะ ~
ถ้าพิมผิดหรือคิดว่าตรงนี้แปลกๆงงๆไม่เข้าใจก็บอกกันได้เน้อ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ดวงตาวาวเล็กหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน คิ้วสวยขมวดเป็นปม ทุกอย่างที่ว่ามากำลังเกิดพร้อมกับขาสองข้างที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
"โอ๊ย! จะตามไปถึงไหนกันวะ ไม่เมื่อยบ้างไง๊!"
ถามว่า 'คิมมินซอก' วิ่งหนีอะไรมาน่ะหรอ?
"...คุณหนูครับหยุดเถอะ ถ้าคุณหนูหนีไปอีกคุณท่านจะไล่ผมออกได้นะครับ!"
"ออกไปเลยเว่ย ตามอยู่ได้น่ารำคาญ!"
บอดี้การ์ดตัวแสบ สองคนที่กำลังตามราวีเขาไม่เลิก ตามไปทุกที่ไม่มีเว้นวันหยุดราชการ อยากรู้นักถ้าเขาขอเข้าไปขี้ จะตามเข้าไปในห้องน้ำด้วยเลยมั้ย ?! พ่อนะพ่อ ก็บอกแล้วว่าไม่อยากได้ก็ไม่เคยฟังกันบ้างเลย ห่วงแต่ความปลอดภัย ไม่ห่วงความสบายใจลูกบ้าง กลัวว่าคู่แข่งทางธุรกิจจะจำเขาได้แล้วจับไปเรียกค่าไถ่...โถ... หลังจากที่เขากลับจากไปเรียนที่จีนมา 1ปีก็อ้วนขึ้นเยอะเลย ไม่มีใครจำได้หรอก(?) อีกอย่างความคิดเรียกค่าไถ่อ่ะ โบราณโคตรเลยนะ เดี๋ยวนี้ถ้าไม่วางระเบิดก็กราดยิงต่อหน้าเลย ง่ายกว่าเยอะ ไม่ต้องเสียเวลาจับเขาให้วุ่นวาย
"คุณหนูครับ ผมขอร้องเถอะครับ"
"อยากร้องเพลงอะไรก็ร้องไป ฉัน ไม่ ได้ ห้าม"มินซอกเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปมา ยังหาที่หยุดไม่ได้ซักทีแค่นี้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วถ้าวิ่งต่ออีกนิดเดียวต้องไม่มีเสบียงเหลืออยู่ในท้องแน่ๆ ! พลัน สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กมหาลัยคนหนึ่งกำลังจะงับประตูบ้านพอดี ได้การล่ะ ! ขออยู่ด้วยซักพักนะ
"นายอย่าเพิ่งปิด"มินซอกใช้มือจับที่รั้วก่อนจะวิ่งเข้ามาอยู่ด้านในบ้านอย่างสวยงาม แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ขืนเขาไม่รีบหลบ พวกนั้นต้องตามมาเฝ้าที่หน้าบ้านนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้น ...
"...นายเข้ามาในบ้านฉันทำไม?...แล้ว ไปทำไรอยู่ตรงพงหญ้าตรงนั้น"
"ชู่ว! งั้นนายก็เปิดประตูบ้านดิวะ จะได้เข้าไปข้างใน"มินซอกกระซิบให้เจ้าของบ้าน หัวกลมๆส่ายดุ๊กดิ๊กมองหาเจ้าตัวปัญหาสองสามคนที่วิ่งตามมา หวังว่าจะหาเขาไม่เจออีกเป็นพอ
เจ้าของบ้านมองหน้ามองผู้บุกรุกด้วยสายตาขำๆ หน้าตาก็น่ารักดี มันทำให้เค้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ไม่น่ามาทำตัวบ้าบ้าบอบอแถวนี้เลย แต่ถ้าถามว่าเขาจะไล่ไอ้คนที่นั่งยองๆอยู่ตรงนี้มั้ย ไม่ล่ะ บางทีอาจจะมีอะไรน่าสนุกตามมาอีกก็ได้ หึ วันนี้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นมากกว่าการหนีวอร์ดอีกหรอเนี่ย คิมจงแดเดินไปกดรหัสผ่านประตูบ้านหลังใหญ่ ได้ยินเสียงสามสี่ติ๊ดก็ขึ้นไฟเขียว เขาดึงประตูให้เปิดออก ก่อนจะหันไปพูดกับคนนั้น
"เชิญครับคุณชาย"
"เซี่ยเซี่ย!" คนที่นั่งยองๆอยู่เด้งตัวลุกขึ้นมาพูดตะเบ๊ะ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เขารีบตามเข้าไป ไม่ได้กลัวเลยว่าคนแบบนั้นจะเป็นขโมยคนที่ดูท่าทางแบบนั้นน่ะ...ไม่มีทางหรอก กลัวว่าจะซนจนของพังซะมากกว่า
มินซอกเดินเข้ามาในบ้าน เข้าไปสำรวจ ที่นี่ถึงจะไม่ได้ใหญ่เท่าบ้านเขาก็ตามที แต่ก็ถือว่าใหญ่กว่าบ้านของคนปกตินิดหน่อย ที่นี่รู้สึกมีอะไรกว่าบ้านเขาเยอะเลย บ้านโทนสีน้ำตาลอ่อน พื้นทำจากกระเบื้องลายไม้ โซฟาสีครีม ตั้งอยู่ตรงข้ามทีวีจอแบนที่รู้สึกว่าบ้านเขาก็มีอยู่เครื่องนึง กรอบรูปเล็กๆวางทั่วตู้กระจก มีรูปที่เจ้าของบ้านในชุดนักศึกษาถ่ายรูปกับพ่อแม่อยู่ เอ๊ะ มหาลัยเดียวกับเขาเลยนี่นา อ่าแล้ว... ไอ้เด็กใส่ชุดม.ปลายที่ยืนบิดถ่ายรูปกับเพื่อนนี่คือไอ้คนนั้นสินะ ตลกเป็นบ้าเลย
"พอได้แล้ว หัดอยู่เฉยๆซะบ้าง บ้านคนอื่นนะไม่ใช่บ้านของตัวเอง"
"ก็ฉันอยากจะดูใครจะทำไม ไอ้ที่ยืนบิดนั่นนายหรอ ตลกเป็นบ้าเลย ! ฮ่าฮ่า"คนที่โดนหัวเราะก้าวฉับๆเอามือมาปิดปากคนที่พูดมากไว้
"หุบปากได้แล้ว แล้วบอกมา ว่าเข้ามาทำอะไร"
"นี่! ฉันเป็นพี่นายนะ ควรจะเคารพกันบ้าง คำว่าฮยอง พูดเป็นปะ?"
"หน้าตาแบบนี้เป็นพี่ ? แถมทำตัวแบบนี้น่าเคารพตายดิ บอกมาได้แล้ว อย่าลีลา"
"ฉันเรียนจบมหาลัยแล้ว และฉันก็...หนีบอดี้การ์ดมา"ท้ายประโยคเสียงแผ่วลง ทำให้อีกคนไม่ได้ยิน ไม่อยากให้ได้ยินนักหรอก มันน่าอายที่เขาต้องหนีลูกน้องตัวเองเข้าบ้านคนอื่นเนี่ย ...
"อะไรนะ?"
"หนีบอดี้การ์ดมา! ได้ยินยัง หึ่ย ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้อีกแล้ว"มินซอกเดินกระทืบเท้าไปมา ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาสีครีมกลางบ้าน เอาหมอนอุดหูไว้ด้วย แถม!
"หนีบอดี้การ์ด อ่อ.. คุณหนูสินะ เชิญละกัน ฉันจะไปนอน ห้ามตามขึ้นมาล่ะ ห้ามตามขึ้นมานะ!"
เขาชักจะเอะใจอะไรบางอย่าง แล้วก็อยากไปดูให้แน่ใจ ถ้าขึ้นมาแล้วเจออะไรเข้า...ความลับจะต้องแตกแน่ๆเลย
โครกคราก
เสียงแปลกประหลาดดังก้องห้องโถงของบ้านย่านชานเมือง ต้นเหตุของการเกิดเสียงนอนขดกอดหมอนอยู่บนโซฟาสีครีม ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลย ลำพังแค่วิ่งมาก็แย่แล้ว งือ.. หิวอ่ะ
"เอาไงดี... เขาไม่ให้ขึ้นไปนี่นา แต่ถ้าออกไปหาไรกินเดี๋ยวเจออีก แล้ว... งั้นไปหาเด็กนั่นละกัน"ตัดสินใจกับตัวเองเบาๆ สูดหายใจลึกๆ ขาเนียน ค่อยๆก้าวขึ้นบันได หนึ่งขั้น สองขั้น สามขั้น ... อีกนิดนึง มินซอกมองป้ายหน้าประตูห้องมันเขียนว่า 'ห้ามรบกวน' ท่าทางจะไม่อยากให้กวนตอนนอนจริงๆแฮะ แต่เราก็หิวไม่ไหวเหมือนกันอ่ะ
แอ๊ด
"เฮ้ย!"มินซอกโผล่หัวเข้าไปในห้องพอดีกับที่จงแดเอามือทับกรอบรูปลงมาทับหนังสือที่หนาประมาณ300 หน้าที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาไม่ได้สนใจว่าทำไมไม่ได้อยู่บนเตียงแต่นั่งบนโต๊ะและ เขาไม่ได้ใส่ใจกับกิริยาที่ดูตกใจผิดปกติสักเท่าไหร่ ตอนนี้สนอย่างเดียว...หิว...
"ฉันบอกไม่ให้ขึ้นมาไง ฟังไม่รู้เรื่องหรอห๊ะ ?"
"ก็ฉันหิวอ่ะ นาย .. หาไรให้กินหน่อยดิ"เปล่าเอานิสัยจากบ้านมาใช้นะ เปล่าลูกคุณหนูด้วยนะ ก็แค่หิวมากแล้วไม่มีคนทำข้าวให้กิน
"ฉันมีชื่อ"
"ชื่อไรอ่ะ?"
"คิมจงแด นายล่ะ"
"ฉันชื่อคิมมินซอก นี่จงแด ... หาอะไรให้กินหน่อยสิ นะนะนะ"จงมองคนบุกรุกอย่างเหนื่อยใจ บ้านช่องมีไม่กลับ มาขออยู่ด้วยยังจะให้หาอะไรให้กินอีก คนแบบไหนกันเนี่ย
"ไปหากินเองดิ มาม่าก็มี"
"มะ...มาม่าหรอ"จะให้บอกยังไงล่ะว่าปกติป๊าม๊าไม่ให้กินอาหารพวกนี้ เขาไม่เคยแตะมาม่าเลยด้วยซ้ำ ... แต่มาถึงตอนนี้คงต้องกินแล้วแหละ แต่ก็ติดอีกที่ว่า..
"ฉันทำไม่เป็นอะ เอ่อ.. ไม่เคยกิน"
"ห๊ะ? มาม่าก็ไม่เคยกิน ยังมีคนแบบนี้อยู่ในโลกอีกหรอวะ เออๆ เดี๋ยวลงไป"
"เร็วๆนะจงแด หิว.."
ว่าที่นายแพทย์ส่ายหน้าเบาๆ โอย เหลือเชื่อจริงๆคิมมินซอก เป็นคุณหนูซะจนเคยตัว แต่ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ นิสัยยังเด็กไม่เปลี่ยนเลยนะ
เผลอหลุดยิ้มออกมาจนได้
"จะเสร็จยังอ่ะ?"จงแดหันไปส่งสายตารำคาญให้คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ผ่านมาตั้งแต่เขาเริ่มทำมินซอกไม่ได้นั่งอยู่นิ่งเลยๆ เดี๋ยววิ่งมาดู เดี๋ยวเดินไปหยิบช้อนส้อมแล้วพอนึกว่าต้องใช่ตะเกียบก็ลุกไปเปลี่ยน แถมตอนนี้มาน่ังทำหน้าเหมือนกำลังจะงาบตะเกียบในมือได้ทุกเมื่อ หน้ากลมๆเริ่มพองแก้ม สลับกับสูดดมกลิ่นมาม่าเข้าไป
"อีกแปปนึง รอหน่อยดิ"อีก3นาทีต่อมา เขาก็ยกอาหารที่อร่อยตลอดกาลมาวางไว้บนโต๊ะ คนตรงหน้าดูตื่นเต้นมากกับการจะได้กินมาม่าครั้งแรกในชีวิต ตานี่เป็นประกายวิ้งๆเชียว
"กินละนะ"มินซอกเริ่มใช้ตะเกียบหมุนๆเส้นขึ้นมา ก่อนจะยกตะเกียบขึ้นสูงแล้วดูดจากข้างล่างขึ้นไป
"โห ! ไม่นึกว่ามันจะอร่อยขนาดนี้"คนกินไม่ได้สนใจคนที่นั่งอีกด้านอีกแล้ว ส่วนคนมองก็นั่งมองเคลิ้มไปดิ ... ใบหน้าที่ดูมีความสุขเวลากินนั่น ใบหน้าน่ารักกับรอยยิ้มใสๆแสบๆนั่น ปากที่กำลังดูดมาม่าเสียงดังจ๊วบ นิ้วมือเรียวที่เริปาดเหงื่อเนื่องจากความเผ็ดของมาม่า แล้วยัง...
"...ด ... จงแด... จงแด !"
"ห..ห๊ะ?"สติเอยจงกลับมา เขาชักจะหลุดไปในวังวนคนตรงข้ามนี่มากขึ้นแล้วเนี่ย อย่าบอกนะว่าเขาจะหลงรักคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชม. ก่อนหน้านี้? ไม่จริงมั้ง ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกันก็เถอะ...
"จะกินด้วยกันมั้ย?"เขาส่ายหัวไปมา ใครจะกล้าไปแย่งของกินมินซอกกัน กินมาม่าดูอร่อยเหมือนกำลังกินสปาเก็ตตี้คาโบนาราจานเฉียดพันในภัตาคาร เมื่อกี้เขาแอบเห็นแก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อด้วย ไม่รู้จะเป็นเพราะว่าอาหารเผ็ดและร้อนหรือว่าเขาจ้องนานไปกันแน่
RRrrr RRrrr
มินซอกหยิบซัมซุงเอส3ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ตาเบิกกว้าง
"ป๊านี่ ! จงแด จงแด ชู่วนะ"
[ฮัลโหล มินซอกหรอลูก!]
"ฮะ ผมเอง ป๊ามีไรหรือเปล่าฮะ"
[ก็บอดี้การ์ดลูกกลับมาหาพ่อบอกว่าลูกหนีไปอีกแล้ว นี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย]
เจ้าพวกขี้ฟ้อง!
"ผมเคยบอกป๊าแล้วว่าไม่ชอบอ่ะ มันไม่มีความเป็นส่วนตัว ตอนนี้ผมอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมาก ป๊าไม่ต้องห่วงเลย"
[แต่มันเพื่อความปลอดภัยของลูกนะ]
"ไม่รู้แหละ ผมจะไม่กลับไปจนกว่าป๊าจะไม่ให้บอดี้การ์ดมายุ่งกับผมอีก แค่นี้นะฮะ บาย"
คนแบบป๊าต้องได้เจอไม้แข็งซะบ้าง!
"เอาแต่ใจตัวเองชะมัด แล้วที่บอกว่าไม่กลับเนี่ยจะไปอยู่ไหน"
"อยู่เนี่ยแหละ" ห๊ะ? ทำไมพูดง่ายจังวะ ชักสงสัยว่าตกลงนี่บ้านใครกันแน่
"ฉันอนุญาติแล้วหรอไงถึงจะมาอยู่เนี่ย?"
"ขอเหอะนะ ให้อยู่เถอะ ให้ฉันทำไงก็ได้นะนะ"มินซอกยกมือขึ้นมาทำเหมือนจะไหว้เขา อย่า อย่าทำตาแป๋วแบบนั้นสิ มันชักจะน่ารักเกินไปแล้วนะ ...
"แน่ใจหรอว่าทุกอย่าง?"
"อื้อ"
เสร็จล่ะ !
"งั้นระหว่างที่นายอยู่บ้านฉัน นายต้องมาเป็นคนติดตามให้ฉัน ถ้าฉันจะไปไหนนายต้องไปด้วย ห้ามบิดพลิ้วอีดออด ตอนฉันอยู่มหาลัย นายก็นั่งรออยู่แถวนั้นแหละ บอดี้การ์ดนายไม่ตามไปมหาลัยหรอก อ่อ ฉันเห็นตอนเดินเข้าบ้านมานายพูดจีน ฉันก็พูดจีนได้พอประมาณ เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ในมหาลัยแล้วเจออาจารย์ให้เราพูดกันเป็นภาษาจีน โอเคมั้ย?" อื้อหือแค่เขามาขออยู่บ้านด้วยเนี่ย ข้อตกลงเป็นล้านเลยนะ อยากจะไม่ทำนะ ไม่ชอบให้มีคนมาตามกลับต้องมาเป็นฝ่ายตามซะเอง แต่ทำไงได้ อยากมีชีวิตรอดโดยไม่เป็นคนเร่ร่อนก็ต้องยอมไปก่อน หวังว่ามันจะไม่ลำบากจนเกินไปละกัน ก็เป็นแค่ผู้ติดตามเอง ไม่ใช่หรอ ;w;
"คิมจงแด!"
"ครับ 'จารย์"นักศึกษาแพทย์ปีสี่ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย โดนหยุดไว้ด้วยเสียงแหลมปริ๊ดจิ๊ดขึ้นหูของครู ทำเอาคนที่เดินตามมาข้างหลังถึงกับสะดุ้งตาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะโดนเรื่องอะไร เมื่อวานเขาโดดวอร์ดไปเป็นพ่อบ้านจำเป็นนี่ไง-_-
"เมื่อวานเวรคุณไม่ใช่หรอคะ ? ไม่ทราบว่าคุณหายไปไหนมา"
"คือบ้านผมเป็นโฮสต์ ผมเลยไปรับคนจีนมา นี่ไงครับ"มินซอกสะดุ้งอีกรอบ มิน่าให้เขาพูดจีน มีประโยชน์ใช้ได้เลยนะเนี่ยนะ อาจารย์มองมาที่เขาอย่างจับผิด ไอ้เด็กเกาหลีในห้องก็ด้อมๆมองๆอยากรู้อยากเห็นกันใหญ่ จงแดมองเขาด้วยสาตาเขม่นเต็มที่ .. เออ พูดก็ได้วะ
"หนีห่าว"
หลังจากแค่คำทักทายสั้นๆอาจารย์ ก็ยิ้มเหยๆกลับมาให้ ไม่แน่ใจว่าสำเนียงดีมากหรือหน้าตาให้สุดๆ ทำให้เชื่อได้เพียงแค่คำเดียว แต่เขาต้องพูดจีนแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกับอาจารย์หรอเนี่ย
หลังจากที่อาจารย์แกเดินเข้าไปสอนจงแดเกิดคึกอะไรมาก็ไม่รู้ ลากเขาเข้าไปเรียนด้วยกันซะงั้น ซึ่งอาจารย์ก็เหมือนจะไม่ได้ว่าอะไร ก็อาจจะแค่มองมาเป็นพักๆ ก็น่าอยู่หรอก คนข้างๆเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนสักหน่อย ฟุบขนาดนั้น เรียนหมอได้ไงวะ ? หาอะไรทำดีกว่า
มินซอกหันไปค้นๆรื้อๆในกระเป๋าคนข้างๆอยู่พักใหญ่ๆ จนเจอสิ่งที่พอจะซนได้ สมุดเล่มเล็กๆกับปากกาสองสามแท่งสีแดงน้ำเงินกับดำ(คนข้างๆไม่ได้เอาแม้แต่ปากกามาวางด้วยซ้ำ) นิ้วเรียวเคาะปากกากับสมุดสองสามที เขียนอะไรดีนะ อ่า!
'ไอ้ขี้เกียจ ตื่นมาเรียนเดี๋ยวนี้นะ'
แล้วก็ .. อืม .....
'มาม่าอร่อยอ่ะ'
'หมอขี้เซาจะรักษาคนไหวมั้ยเนี่ย'
เขียนไปสองสามประโยค ก็หันไปแลบลิ้นปริ้นตาใส่หมอขี้เซา มาพิจารณาใกล้ๆเนี่ย หน้าก็เนี๊ยนเนียนเนอะ แต่หมอก็น่าจะสำอางค์อยู่ ขนตาก็เป็นแพ แล้วดูผมสีดำที่ผ่านการดูแลอย่างดี เงาวาบวับเลย คนที่นอนอยู่จะรู้มั้ยนะว่ามันตกลงมาทิ่มตาตัวเองอยู่...หึหึ ไม่รู้ตัวละสิ
"มองอะไร?"
... ตายล่ะ ไม่ได้หลับอยู่หรอกหรอ
"... ใคร มองอะไร เปล่าซักหน่อย ไม่มีอ่ะ อย่ามามั่ว แค่กๆ"เพราะพูดรัวเกินไปทำให้สำลักน้ำลายตัวเองจนได้ คนที่เพิ่งตื่นยกมือขึ้นมาลูบหลังให้สองสามที ก็แอบขำกับท่าทางนั่นอยู่แหละ น่ารักชะมัด ...
"...อะ เอ่อ ฉันไปเดินเล่นข้างนอกนะ นายเรียนไปละกัน"หลังจากพูดจบ มินซอกก็รีบลุกคนขึ้นก้าวฉับๆออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาของคนในห้องว่ามีคนมีเสียงดังอะไรกัน อาจารย์ก็มองมาด้วย แต่ ณ ตอนนี้เขาขอแค่ออกไปจากที่ๆมีคนข้างๆนี่พอ! ไม่ไหวเดี๋ยวระเบิดตัวเองตาย ส่วนอีกคนที่อยู่ในห้องก็นั่งลงตามเดิม ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ๆ แล้วรีบเก็บของที่ตัวดีรื้อออกมา หึ หมอขี้เซาหรอ จะรู้มั้ยเขาไม่ได้หลับจริงๆซักหน่อย มันรู้สึกตั้งนานแล้วว่ามีคนรื้อของออกมาเล่น แถมมีคนแอบมองอยู่
หลังจากยัดๆของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว เขาก็ลุกขึ้นหวังจะเดินตามออกไป อยู่ไกลตัวนานๆ น่าเป็นห่วงออก ...
"คิมจงแด! กลับมานั่งที่เดี๋ยวนี้" เจ้าของชื่อชะงัก ก่อนจะทิ้งตัวลงเก้าอี้ตัวเดิมอย่างหงุดหงิด ตัวอยู่ในห้องเรียนใจออกไปตามหาที่ๆคิดว่ามินซอกจะไปแล้ว น่าจะเป็นคณะ chinese studies ที่เมื่อก่อนมินซอกเคยเรียนอยู่ แต่...ถ้าเกิดโดนใครจับตัวไปอีกล่ะ บอดี้การ์ดก็ไม่มี
ฟุบ!
"คิมจงแด! ครูบอกให้นั่งลงไง!"
"ผมขออนุญาติโดดเรียนครับ"
"ฉันไม่อนุญาติ!"
...
"เดี๋ยวให้'พ่อ' มาเคลียร์ครับ"
ก็แอบสงสัยว่าถ้าเป็นวันอื่นจะกล้าแบบนี้มั้ยนะ ?
อีกคนที่เดินมาจากคณะแพทย์ ก็เดินไปเถียงกับตัวเองไป .. เขาเผลอไปมองว่าที่คุณหมอนานขนาดนั้นได้ไง มองแบบละเอียดซะด้วยนะ โอย... มือเรียวยกมาขยี้หัวตัวเอง เริ่มไม่เข้าใจตัวเองไปทุกวันแล้วนะ มินซอกเดินเตะหินตามทางมุ่งหน้าไปคณะที่เขาเคยเรียนอยู่ที่นี่เมื่อ2ปีที่แล้ว chinese studies ตอนแรกที่เลือกคณะนี้ก็เพราะไม่มีอะไรจะเรียน แล้วก็เห็นว่าประเทศจีนกำลังเจริญถ้าเขาพูดจีนได้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่บ้านบ้าง ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งนานก็เพิ่งจะรู้ว่ามันอยู่ห่างกับคณะแพทย์ตั้งเกือบครึ่งมหาลัย มิน่าล่ะ เขาไม่ยักจะเคยเจอจงแดแฮะ
"มินซอกโอปป้า!"
เมื่อหันไปตามเสียงเรียก เขาก็เห็นเด็กสาวหน้าหมวยผมซอยสั้นรับกับรูปหน้า ใส่ชุดมหา'ลัย ถือหนังสือกองโตที่มองดีๆจะเห็นว่ามีแต่ตัวหนังสือภาษาจีน
"อ่าว ! จุนฮวา"เจ้าของชื่อรีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยตาเป็นประกาย ถ้าไม่มีหนังสือหนักๆนั่นอาจจะวิ่งมาทับเขาแล้วก็ได้ จุนฮวาเป็นหลานรหัสของมินซอกที่สนิทกันมาก อาจจะเป็นเพราะเคมีใกล้กัน จึงทำให้สองคนติดต่อกันตลอดแม้จะอยู่ห่างคนละประเทศ
"วันนี้พี่จะมามหา'ลัยไม่เห็นบอกเค้าเลย"
"ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมาหรอก เอ่อ.. แต่พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ"... ขอละธุระไว้ในฐานที่เข้าใจเองละกันนะ แฮะๆ
"เมื่อวาน เค้าเพิ่งคุยพี่ลู่หานเอง พี่ลู่หานบอกว่าคิดถึงเกาหลีมาก แล้วจะกลับมาเยี่ยมพี่ด้วย"
"ไม่จริงอ่ะ ... อยากมาเยี่ยมอีกคนที่อยู่ที่นี่ละมั้ง เราไม่สำคัญเท่าเขาหรอกจุนฮวา ~"
"สงสัยจะจริง แต่เค้าก็ได้ยินว่าเซฮุนมีแผนจะไปจีนอยู่เหมือนกันนะ"เซฮุนคือน้องรหัสของจุนฮวา ส่วนลู่หานก็คือเพื่อนสนิทเขาที่มาแลกเปลี่ยนที่จีน แต่ไอ้ที่ว่าไปกิ๊กกั๊กกับสายรหัสเขาตอนไหน เขาไม่รู้หรอก รู้อีกที เรื่องก็ดังไปทั้งมหา'ลัยแล้ว ก็เซฮุนน่ะ หล่อน้อยซะที่ไหน !
"ว่าแล้วก็คิดถึงเซฮุนเหมือนกัน ติดต่อกันตลอดแต่ยังไม่ได้เจอหน้าเลย สงสัยจะยุ่งกับโปรเจ็คมาก สัญญาว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวก็ไม่พาไปสักที .. เอ๊ะ ? ... เอ่อ โอปป้ารู้จักคนที่ยืนเขม่นเราด้านหลังหรือเปล่า เค้าเห็นเขามองมาซักพักแล้ว หน้ายักษ์อย่างกับโกรธใครมาอ่ะ"จุนฮวาทำปากโบ้ยๆ ไปข้างหลังเขา เขาหันไปตามคำที่หลานรหัสบอก ก็ป๊ะกับคนหน้าโหดที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เจ้าของฉายา หมอขี้เซาจงแด แล้วพอเห็นเขาหันมา จงแดก็ก้าวท้าวยาวๆเข้ามาใกล้ขึ้น เดินเข้ามาทำไมเนี่ย เขายังทำใจไม่ได้เลยนะ ;__;
"กลับบ้านได้ยัง" เสียงที่ปกติจะสูงกว่านี้ถูกดัดให้ทุ้มต่ำลงตามความหงุดหงิด ใครใช้ให้ผู้ติดตามเขาหนีงานมาหลีหญิงกันเล่า เหอะ
"เอ่อ จุนฮวาไปก่อนนะ"หลังจากสิ้นคำที่เหมือนจะยอมกลับบ้านกลายๆ มินซอกก็โดนคนมาใหม่ลากก้าวฉับๆ ไปทันที ทิ้งให้หลานรหัสมองตามแบบขำๆ
"โห่ พี่มินซอกทำมาเป็นว่าพี่ลู่หานว่าเห็นคนอื่นสำคัญกว่า ท่าทางพี่มินซอกก็จะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าแล้วมั้งเนี่ย ว้า... ก็เหลือเราคนเดียวน่ะสิ โดนสายรหัสทิ้งหมดเลย ~"
"เห้ย โกรธใครมา ใจเย็นสิ โอ๊ยยย หัวชน"คนโดนลากหลังจากโดนยัดเข้าไปในรถเก๋งคันหรู โดยที่ก่อนจะนั่งได้ก็โดนหลังคารถโป๊กหัวไปให้ทีนึง ก็คนที่ยัดไม่ยอมดูตาม้าตาเรือ คนขับตัวดี เข้ามานั่งประจำที่ก่อนจะขับรถออกไปไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น จริงๆเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่หรอก ... ก็เพิ่งเจอกันไม่กี่วัน จริงๆจงแดทำอะไรเขาก็น่าจะเฉยๆไป ไม่ใช่เรื่องของเขาซักหน่อย แต่ตอนนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ ... มันคันปากอยากถามยังไงชอบกล
"...นี่ เป็นไรอ่ะ?"
"เปล่า"
นั่น... ปากแข็งอีก แบบนี้เรียก อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าตาอย่างกับจะกินคน อย่างน้อยถ้าบอกเขาว่าขี้ไม่ออกยังจะเชื่อได้มากกว่า
"ไม่เชื่อ ถามจริงเป็นอะไร"
"หึง"
"ห๊ะ?!"
เสียงหลุดออกจากปากของคุณหมอเบาๆ เบาจนเกือบไม่ยิน คือ เขาแทบไม่ได้ยินจริงๆนะ แทบไม่ได้ยินแต่ทำไมฟังออกมาเป็นคำนั้นก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่หรอก ใบหน้านวลขึ้นสีเล็กๆ หันหน้าไปรอฟังคำตอบเต็มที่กับสิ่งที่คิดว่าตัวเองฟังผิดไปเมื่อครู่ พอดีกับที่แยกข้างหน้าไฟแดงพอดี คนข้างๆหันหน้ากลับมาหาเขา เอนตัวมาทางเขา ใบหน้าก็ค่อยๆยื่นเข้ามา เหมือนว่าจะ!
"เมื่อกี้เจ็บมั้ย ขอโทษนะ"มือเรียวที่จับพวงมาลัยไว้ เปลี่ยนเป็นมาลูบหัวเขาตรงที่หัวโหม่งรถ ภาพตรงหน้าดูเบลอไปฉับพลัน เขาโดนมนต์สะกด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้เขาถามอะไรไว้แล้วอีกคนตอบว่ายังไง
"มะ...ไม่เจ็บแล้ว"
"ก็ดีแล้ว"อีกคนตอบก่อนจะหันมามองหน้าเขาอีกรอบ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนลมหายใจอุ่นๆรดใบหน้าเขา...
"คราวหลังคาดเข็มขัดด้วยนะ" เขาแอบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่บึ้งมาตลอดทั้งทางระหว่างที่กำลังเอื้อมมือไปดึงสายเซฟตี้เบวท์มาคาดให้เขา
กริ๊ก
เขาว่าใจเขามันจะทำงานหนักเกินไป เลือดแทนที่จะไหลทั่วร่างกาย กลับไหลเห่อขึ้นไปบนหน้าโดยไม่ตั้งใจ เขาโดนแกล้งไปเต็มๆ โดนหลอกให้คิดไปเองอยู่คนเดียวตั้งสองครั้ง ไม่สิ ! เขาไม่ได้คิดอะไร ... ก็แค่แปลกๆ ไม่ได้คิดว่าเขาจะ จูบ เห้ย ไม่ไม่ ไม่ได้คิด ให้ตายสิ อยู่ด้วยกันแค่สองวันเขายังจะบ้าขนาดนี้ สงสัยว่าคงต้องบังคับอัตราการเต้นของหัวใจให้เพลาๆลงหน่อยแล้วมั้งก่อนที่เขาจะระเบิดตัวเองตาย!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันนั้นเขาตามใจจงแดเยอะไป หรือว่าจงแดเห็นเขาอ่อนแอ (?) นิดนึง ทุกวันนี้เอะอะลากไปไหนมาไหนตลอด ... พอจะเถียงหน่อยก็อ้างว่าจะไล่ออกจากบ้าน ก็เลยต้องทำตาม มันก็ไม่ได้ลำบากใจเท่าไหร่หรอก มันก็ชอบเพียงแต่มันเหนื่อยใจเท่านั้นเอง เหนื่อยใจในความหมายที่ว่า เหนื่อย ใจ จริงๆนะ
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่เขาถูกลากให้ไปเรียนด้วย ก็แอบแปลกใจว่าทำไมไม่มีใครว่าจงแดเลยที่พาใครก็ไม่รู้เข้ามาเรียนด้วย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
"ไม่เอาแล้วนะ ไม่อยากเรียนหมอแล้ว จงแดปล่อยเหอะ มันน่าเบื่ออ่ะ ! อาร์เทอรี่ อะไรก็ไม่รู้ "
"ก็นั่งเฉยๆ ไปสิ วาดรูปเล่นก็ได้"
"ขี้เกียจจะนั่งเฉยๆแล้ว วาดจนไม่รู้จะวาดอะไรแล้วด้วย ฉันอยู่แถวนี้แหละไม่หนีไปไกลหรอก มันเสี่ยงโดนบอร์ดี้การ์ดน่ะ"
อีกคนมองหน้าเขานิ่งๆ พอเขาจ้องกลับ อีกฝ่ายก็หันตัวกลับ เดินเข้าห้องเรียนไปเลย ทิ้งเขาไว้ข้างนอกแบบงงๆ นี่คืองอน ? ใช่มั้ย อะไรวะ ทำไมขี้งอนจัง -0- แต่อย่าหวังว่าเขาจะง้อนะ ไม่หรอก ไม่อยากเข้าไปง้อแล้วติดแหงกอยู่กับเส้นเลือดใหญ่เล็กในห้องตลอด2ชม. ไว้รอออกมาก่อนละกัน
"อ่าว มิสเตอร์ซิ่วหมิน" อาจารย์คนที่เคยเจอกันวันแรกและอีกหลายๆวันเข้ามาทักผม อย่างคุ้นเคย จะไม่คุ้นเคยได้ไง เจอกันเกือบทุกวัน ถามชื่อแซ่จากเขาไปหมดแล้ว แล้วพอรู้ว่าเขาพูดเกาหลีได้นิดหน่อยก็ใส่ไม่ยั้ง เขาก็เลยต้องแกล้งฟังออกบ้างไม่ออกบ้างไปตามภาษา
"ครับ"
"เข้าไปเรียนด้วยกันมั้ยคะ วันนี้อาจารย์จะสอนเรื่อง "-):@!'&):8!/฿,"-) ด้วยนะคะ"ศัพท์วิทย์มาเป็นพรวน บอกตรงๆ ฟังไม่ออก...
"เอ่อ..."
"ไปเถอะค่ะไป" และเจ๊ก็ลากเข้าไปในห้องทันที ... ไม่เปิดโอกาสให้อธิบายอะไรเลยหรอ ชีวิตเขามันชักจะวุ่นวายไปทุกวัน หรือจะยอมกลับไปหาป๊าดีนะ แง
ด้านในห้อง
หลังจากที่เจ้าบ้านจำเป็นทำหน้านิ่งเดินหนีเข้ามาในห้อง เพื่อนสนิทที่นั่งล้อมรอบก็หันหน้ามาหาเขาทันที คงเห็นว่าวันนี้ไม่มีคนเดินตามเข้ามาสินะ
"นี่จงแด ฉันสงสัยมานานแล้ว ตอนไปนอนบ้านแกอ่ะ ฉันเห็นกรอบรูปนึงตั้งอยู่แถวๆโต๊ะอ่านหนังสือ คนนั้นคือพี่มินซอกปะ ?" โดคยองซูเพื่อนสนิทที่อยู่กับเขามาตั้งแต่ม.ปลายถาม ก่อนที่ปาร์คชานยอลที่นั่งข้างๆเขาจะพยักหน้าเห็นด้วย
"อือ นั่นแหละมินซอก"
"เฮ้ย ! งั้นก็คนที่แกแอบชอบตั้งแต่ปีสองอ่ะดิ"เขาพยักหน้าตอบรับเบาๆ ใช่คนนั้นแหละ คนที่เขาบังเอิญเจอตอนไปรับพี่ชายต่างแม่ที่คณะchinese studies คนที่เขาบังเอิญเห็นว่ากำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆอยู่ในปากทั้งๆที่กำลังคุยกับพี่ชายเขา คนที่เขาบังเอิญเห็นว่ากำลังนั่งขำอยู่กับเพื่อนหน้าสวยข้างๆ จริงๆจะว่าบังเอิญก็ไม่ได้ เขาคงจะไม่เห็นถ้าเขาไม่ได้เดินไป'แอบ'ดู
หลังจากที่รับพี่ชายกลับมา เขาก็แอบถามว่าคนที่พี่คุยคือใคร คำตอบก็ทำให้เขาแปลกใจ
'จำไม่ได้หรอนั่นน่ะพี่มินซอกลูกคุณอาคิมยองมิน ไง ที่สนิทกับเราตอนเด็กๆ' อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ลูกเพื่อนพ่อ...
จริงๆตอนแรกเขาก็ว่าหน้าคุ้นแต่ไม่นึกว่าจะดันโลกกลมขนาดนี้ และตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าลืมไม่ได้หรือว่าไม่ได้คิดจะลืม หน้าคนคนนี้ก็วนเวียนอยู่กับเขาตลอด ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปสองปีแบบที่ไม่ได้เจอกันเต็มๆ ... แต่แล้วโลกมันก็กลมอีกนั่นแหละ ที่อยู่ดีๆคนที่เขาแอบชอบก็มาอยู่ในบ้านเดียวกับเขา
"แล้วเขารู้มั้ยเนี่ยว่าแกชอบเขามานานแล้ว?"
"เขาไม่รู้หรอก เขายังไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ให้ขึ้นไปบนห้องให้นอนบนโซฟา"
"โห...จงแด แกไม่สงสารพี่เขาอ่อโซฟามันเล็กนะเว่ย"
"ทำไงได้ก็ยังไม่อยากให้รู้นี่... ถ้าเขารู้แล้วกะ...อะแฮ่ม"เพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นคนที่เขาแกล้งงอนไปเมื่อกี้เดินเข้ามาบทสนทนาเลยต้องเลิกลากันไป อีกสองคนที่นั่งข้างหน้าก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรหันกลับไปตามเดิม
"เข้ามาทำไม ไหนว่าไม่อยากเรียนไง?"
"ก็ครูนายนั่นแหละ"แอบผิดหวังนึกว่าจะได้ยินคำตอบจำพวก ก็มาง้อหรืออะไรทำนองนั้น เดี๋ยวจงแดจะงอนจริงๆแล้วนะ
"อืม"
"โตจะตายยังจะมาขี้งอนอีก.."เสียงบ่นงึมงำข้างๆดังขึ้นเหมือนจะตั้งใจให้เขาได้ยิน คิดว่าถ้าในใจมินซอกคนนี้ไม่ได้อยากจะเดินมาหา 50%แบบนี้มินซอกจะเดินตามครูเข้ามาหรือไงเล่า ...ไม่มีทางซะล่ะ
"ก็มีคนเมิน"
แนะ...ยังน้อยใจไม่เลิก
"หายงอนได้แล้ว ก็มาง้อแล้วนี่ไง ไอ้หมอขี้เซา เรียนไปเลยไป คาบนี้ฉันจะนอน"
ได้ยินแบบนี้ค่อยมีกำลังใจเรียนหน่อยแฮะ :)
"ฮ้าววว~"คาบเช้าหมดไปสำหรับวันนี้คนที่นอนฟุบอยู่ค่อยๆลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ แล้วพอหันไปมองคนข้างๆ ...-_- หลับนี่นา ! ตกลงได้เรียนมั่งมั้ยเนี่ย
"จงแดดด ตื่นได้แล้ววว"สองมือค่อยๆเขย่าตัวคนข้างๆ พอจงแดลุกขึ้นมา เขาก็เห็นหนังสือที่วางอยู่ข้างใต้ หนังสือเรียนที่เต็มไปด้วยรอยจด ทั้งขีด ทั้งเขียน พวกข้อที่มีตัวอย่างหรือโจทย์ ก็มีคำตอบเติมเต็มหมดแล้ว ...เฮ้ย เอาเวลาที่ไหนไปทำ?
"หมดคาบแล้วหรอ?"
"อือ กลับบ้านกันเหอะ หิวแล้ว"หิวตลอดเวลาเลยนะคิมมินซอก
สองคนสุดท้ายในห้องเรียนคาบเช้าค่อยๆลากสังขารมึนๆเนื่องจากเพิ่งตื่นกันทั้งคู่ออกจากห้อง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมไอ้เพื่อนตัวดีข้างหน้าของตนไม่ปลุก ก็คงถูกลากตัวไปตั้งแต่เลิกคาบแล้วแหงม มินซอกจับแขนจงแดกึ่งลากออกมา เดินช้าชะมัด หิวจะหายอยู่แล้วนะ ;__;
"เห้ยยยย!!!! บอดี้การ์ด"จากที่ง่วงๆตาสว่างทันที เพราะว่ามีชายใส่ชุดดำแว่นดำเสียบหูฟังประมาณสองสามคนยืนสาดส่องอยู่หน้าคณะแพทย์ศาสตร์ ถึงเขาจะไม่ได้เคยเห็นหน้าครบทุกคน แต่เขาก็พอจะจำไอ้คนที่วิ่งตามเขามาเมื่อวันนั้นได้ ไอ้หนวดหน้าดำๆคนนั้นแหละ ;0;
"จงแดด ทำไงดีๆ ฉันจะถูกจับตัวออกไปแล้ว ช่วยด้วย~" คนที่บ่นว่าหิวเมื่อครู่ความหิวละลายเป็นปลิดทิ้ง และเริ่มลนแทน เขายังไม่อยากกลับไปอยู่ในอานัตของเจ้าพวกชุดดำ มันน่าเบื่อที่ทั้งวันจะมีแต่คนมองการกระทำของเขา ไม่ใช่แค่พวกบอดี้การ์ดหรอก แต่ว่าคนอื่นๆก็พลอยมองเขาเป็นตัวประหลาดอยู่เรื่อย...
"ไม่อยากให้ใครเห็นก็เงียบน่า โวยวายแบบนี้มันได้หันมาจับไปแน่"มินซอกเบิกตากว้างรีบเอามือสองมันปิดปากตัวเอง พร้อมกับส่ายหัวไปมาว่าเขาจะไม่พูดอีกแล้ว ว่าที่คุณหมอ ถือโอกาสคว้าข้อมือบางลากค่อยๆย่องลากอีกคนออกจากตัวอาคาร ใช้อาศัยจังหวะที่คนชุดดำหันไปอีกทางก่อนจะรีบวิ่งลงมา แต่มันก็พอดีกับที่พี่ชุดดำอีกคนจะหันมาทางนี้ เมื่อนักศึกษาแพทย์ไหวตัวทันก็รีบดึงมืออีกคนเข้าซอกแคบๆของตึกระหว่างคณะแพทย์กับวิศวะ ที่เรียกว่าช่องแคบ เพราะมันแคบจริงๆน่ะสิ !
"ไปหรือยังอ่ะ"คนที่ถูกดึงอยู่ภายในอ้อมกอดเขาเต็มๆเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าอยู่ในนี่มันแคบแค่ไหนแล้วมันต้องแนบกันขนาดไหน มินซอกก็พยายามจะชะโงกตัวไปดูส่งผลให้ตัวที่ติดกันติดกันเข้าไปอีก ในขณะที่มินซอกพยายามดูความปลอดภัย เขานี่แหละ ! 'พยายาม'จะระงับให้อีกคนได้อยู่ในความปลอดภัย จากตัวเขาเองนี่แหละ
"อยู่นิ่งๆได้มั้ย"
"... หื้อ จงแดว่าอะไร....นะ"ถ้าใครเคยดูละครน้ำเน่าจำพวกที่บังเอิญหันหน้ามาชนกัน ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบจนได้ยินทั้งเสียงลมหายใจและเสียงทำใจเต้นไปพร้อมๆกัน บอกได้เลย นี่มันฉากนั้นชัดๆ
และแล้วคิมจงแดก็สติหลุด...เขามองไปที่ริมฝีปากบางที่สีชมพูธรรมชาตินั่น ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าไปลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากเบาๆ ไม่ได้ร้อนแรง ไม่ได้หวือหวา เขาแค่เพียงอยากถ่ายทอดความในใจไปให้อีกคนได้รู้เท่านั้นเอง
Rrrrrrrrrrr
มินซอกสะดุ้ง และรู้สึกตัวเลยผลักคนตรงหน้าออกเบาๆ ขอบคุณนะเจ้าโทรศัพท์ที่เตือนก่อนที่เขาจะหลุดไปมากกว่านี้ !
"ปล่อยนะ จะรับโทรศัพท์"จงแดยิ้มขำ ก่อนจะพยักเพยิดให้รับ เขารู้สึกตั้งแต่แรกแล้วแหละว่ามันสั่น เพียงแต่เลือกที่จะไม่ใส่ใจเท่านั้นแหละ
'ป๊าคิม'
ชื่อที่ขึ้นหน้าจอทำเอามินซอกแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย ใบหน้าขาวที่มีเหงื่อชื้นเพราะอยู่ในช่องแคบมานานเริ่มงอ และกัดริมฝีปากตัวเองอย่างคร่ำเครียด ไม่อยากรับเลยจริงๆ เฮ้อ
"รับเถอะน่ะ นั่นพ่อนะ"
"ก็ได้....ฮัลโหลฮะ?"
[ฮัลโหลมินซอกลูก! ขอบคุณพระเจ้าเปาจึของพ่อยังไม่เป็นอะไร]
"จะให้ผมเป็นอะไรล่ะฮะ ผมบอกแล้วว่าผมอยู่ในที่ ...ปะ...ปลอดภัยมากๆ"จมูกเล็กถูกเชิดขึ้นไปชี้หน้าคนที่แกล้งเขาตอนคุยโทรศัพท์ ทั้งแกล้งยื่นหน้าเข้ามา แกล้งกอดเอว แกล้งเอาหูแนบแอบฟังเขาคุย ทำเอาแทบจะไม่มีสมาธิตอบกลับ นี่เขากำลังคุยกับป๊าอยู่นะ!
[โอเคป๊าเชื่อแล้ว ป๊าจะไม่จ้างบอดี้การ์ดอีกลูกกลับบ้านเรานะ ป๊าคิดถึงเราจะแย่อยู่แล้ว]
"ป๊าสัญญาแล้วนะ! เย่"
[ป๊าสัญญา]
"ก่อนอื่นป๊าบอกให้บอดี้การ์ดที่ยืนอยู้หน้ามหา'ลัยกลับไปให้หมดเลยนะ เพราะเดี๋ยวผมจะให้คนอื่นไปส่งเอง ป๊าแค่นั่งรอ โอเคนะ ถ้าบอดี้การ์ดไม่ไปผมไม่กลับนะ"
คนที่เพิ่งคุยโทรศัพท์จบยิ้มแฉ่ง เพราะว่าจะได้กลับบ้านแล้ว แต่อีกคนที่แอบฟังอยู่กลับใจหายแปลกๆ ก็มาป่วนบ้านเขาตั้งนาน อยู่ๆจะหายไป บ้านมันก็เงียบเกินไปน่ะสิ ถึงจะรู้ว่า แค่แยกบ้าน ไม่ใช่แยกโลกกันก็เถอะ
"จงแดไปส่งที่บ้านหน่อยดิ"ตาแป๋วมองเขาเหมือนอ้อนวอนเล็กๆ ไม่ต้องอ้อนวอนก็จะไปส่งแล้ว ทำหน้าแบบนี้นี่มันเผด็จการชัดๆเลย
รถบีเอ็มสีดำคันไม่เล็กไม่ใหญ่ จอดรออยู่ที่หน้าประตู รอประตูสีขาวบานใหญ่มาก ขอย้ำว่ามาก เปิดด้วยระบบอัตโนมัติ ทันทีที่ประตูเปิดถึงสุด เจ้าของรถบีเอ็มสีดำก็ขับเข้ามาในบ้านทันที ก่อนจะจอดให้เจ้าของบ้านลงที่หน้าทางเข้า แล้วเขาก็ลงมาด้วยเมื่อเห็นว่ามีพ่อบ้านจะมารับรถไปเก็บให้ ...นี่มันคฤหาสถ์ชัดๆเลยนะเนี่ย ไม่แปลกเลยถ้าต้องมีบอดี้การ์ดไว้คุ้มครองลูกชายคนเดียวของบ้าน
"คุณหนูคะ ! โอยย ป้าคิดถึงคุณหนูมากแค่ไหนรู้มั้ยคะเนี่ย บ้านนี้เงียบมากเลยนะคะตั้งแต่คุณหนูหนีไป นี่ถ้าคุณผู้ชายไม่ห้ามเอาไว้นี่ป้าจะหนีไปตามหาคุณหนูเองแล้วนะคะเนี่ย ไหนดูซิ อยู่ดีกินดีสบายมั้ยคะ"
"โถ่ นม ผมไม่เป็นไรหรอกนะฮะ แค่นี้เอง ผมโตแล้วนะปีหน้าก็24 แล้ว อีกอย่างบ้านเขาก็ใหญ่แถมอยู่สบายด้วย"คุณป้าแม่นม ที่กำลังกอดคุณหนูของบ้านให้ชื่นใจ จับคุณหนูหมุนไปมา ก่อนจะหยุดกึก เมื่อในประโยคมีบุคคลที่สามเข้ามา เธอไม่ยักจะสังเกตว่ามีคนมากับคุณหนูด้วย คนที่ถูกพูดถึงโค้งให้สตรีสูงวัย แล้วยิ้มให้
"เอ๊าแล้วนั่นจะยืนทำไมกันหน้าบ้านล่ะจ๊ะ เข้ามาสิ กีจา เธอก็ไปเตรียมอาหารต่อได้แล้วนะ"
"ค่า คุณผู้หญิง"
"จงแดเข้ามาดิ มัวแต่ยืนเอ๋ออะไรตรงนั้นเล่า"เจ้าของบ้านจับมือเขาแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เข้าไปในบ้านตัวเอง เมื่อเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นเลยก็เหมือนจะเป็นกระเบื้องสีครีมมันวาว กับบันไดจากสองฝั่งไปบรรจบกันอยู่ที่ชั้นสองราวจับเหล็กสีดำที่ถูกดัดให้เป็นลาย ดูตัดกับพื้นกระเบื้องแบบสุดๆ ให้ความรู้สึกดุดันขึ้นมา ไม่หวาน และไม่มืดมิด
คุณแม่ของมินซอกที่ดูสวยสดเหมือนสาวๆ มองหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณา ...ใบหน้านี้น่ะมันคุ้นๆอยู่นา ชื่อมันติดอยู่ที่ปลายลิ้นนี่เองแหละ
"เอ่อ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ?"คนที่ถูกมองอดถามไปไม่ได้ โดนจ้องซะขนาดนั้น อย่างกับว่าเขาจะมาดูตัวเป็นลูกเขยอย่างนั้นแหละ
"แม่ว่าเราหน้าคุ้นๆนะ เหมือนลูกของ ...ของ เอ่อ ของ..."
"อ้าว นั่นลูกของคิมกีซุกใช่มั้ยน่ะ เข้ามาก่อนๆมากินข้าวกัน"
"อ่า! ใช่เลยพ่อ มาถูกเวลา แม่กำลังนึกชื่อคิมกีซุกอยู่พอดี"แล้วคุณแม่ก็เดินไปเกาะแขนคุณพ่อซึ่งเพิ่งเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง ก่อนทั้งสองจะพากันเดินเข้าไปในห้องอาหาร ไม่แปลกใจเลยว่ามินซอกได้นิสัยเด็กๆตลกๆมาจากใคร คุณแม่เต็มๆเลย
"รู้จักพ่อฉันด้วยหรอ?"
"อือ ไปกินข้าวได้แล้วไป"แล้วจงแดกับมินซอกก็เดินตามพ่อแม่เข้าไป
บรรยากาศที่เขาคิดไว้ว่ามันคงจะเงียบๆ ทุกคนต่างคนต่างกิน ไม่กินระหว่างคุย ไม่คุยระหว่างกินแบบคนรวย นี่ท่าจะผิดคาดอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่ามารยาทในการทานอาหารจะเห็นได้ชัดจากเวลาที่ทุกคนหยิบช้อนซ้อม จับแก้ว เช็ดปากก็ตาม แต่มันผ่อนคลายกว่าที่คิดเยอะถ้าไม่ติดว่าเป้าโจมตีในการคุยครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเขาละก็นะ ก็ดูลูกเจ้าของบ้านที่ดูจะตั้งใจในการกินมากเป็นพิเศษในวันนี้สิ...สงสัยคิดถึงอาหารที่บ้าน...
"แล้วจงแดไปเจอเจ้าหนูได้ยังไงล่ะเนี่ย?"
"ม๊า อย่าเรียกแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นสิ อายเขานะ"คนที่ก้มกินอาหารเซทเงยหน้าขึ้นมาจากจานแล้วท้วงเบาๆ เจ้าหนงเจ้าหนูอะไรเล่า เรียกต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะจงแดเนี่ย โดนล้อตายเลยนะ ! เขาไม่ใช่เด็กๆแล้ว;_;
"ก็วันนั้นผมเห็นเขาวิ่งหนีอะไรมาน่ะครับ ผมก็เลยอาสาช่วยเขา แล้วก็ให้เขาอยู่ด้วยครับ ผมจำหน้า'พี่มินซอก'ได้น่ะครับ"จงแดยิ้มขำกับตัวเอง ช่วย'เจ้าหนู'หน่อยละกัน ถ้าขืนเขาบอกความจริงว่ามินซอกเป็นคนบุกเข้ามาในบ้าน แถมยังไม่ยอมกลับอีก คงโดนพ่อแม่ว่าไปหลายวัน คนที่นั่งทานอาหารอยู่ก็ได้ฤกษ์เงยหน้าขึ้นมาทำตาขอบคุณอีกครั้ง แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้เลยนะว่า ที่บอกว่าจำได้ตั้งแต่แรกเนี่ยจริงหรือเปล่า เขาไม่เห็นจะจำได้เลย แล้วจำได้ทำไมไม่บอก
"หือ เจ้าหนูนี่ก็น้า ไปรบกวนน้องเขาได้ไง เดี๋ยวแม่จะหยิกให้เขียวเลย"
"ม๊าจะว่าผมไม่ได้นะ ก็ป๊าไม่ยอมเอาบอดี้การ์ดออกไปเองอ่ะ"
"ก็พ่อเป็นห่วงลูกหนิ"
"แต่ป๊าสัญญาแล้วห้ามเบี้ยวเด็ดขาด ตอนนี่ผมก็มีจงแดคุ้มครองอยู่ ถ้าขืนป๊าเบี้ยวผมจะไปอยู่กับจงแดแบบถาวรจริงๆด้วย"คนทั้งโต๊ะอาหาร(ก็แค่สามคนนั่นแหละ)หยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่แล้วหันมามองคนที่พูดอะไรไปโดยไม่รู้ตัว แถมยังกินต่อแบบสบายใจอีก แม่มองด้วยสายตาแปลกใจระคนขำขันที่อยู่ดีๆลูกน้อยของเธอก็บอกว่าจะมีใครมาปกป้อง ส่วนคุณพ่อขมวดคิ้วยุ่งเซ้นมันบอกว่าไม่ค่อยปกติ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเป็นผู้ชายสมัยใหม่น่า...ถึงแท้อายุจะเก่าไปหน่อยก็เถอะ ส่วนคนสุดท้ายคนที่นั่งข้างๆ หันมามองด้วยสายตาตกตะลึง ไม่คิดว่ามินซอกจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา ก้อนเนื้อในร่างกายเต้นอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นว่าจะโดนซักถามอะไรอีกหรือเปล่า แต่ก็ดีใจมากๆที่อีกคนพูดแบบนี่ออกมา
"นี่เจ้าหนู ไม่คิดจะถามน้องเขาเลยหรือไงว่าจะยอมให้คนกินเยอะอย่างเรามาอยู่ในบ้านด้วยหรือเปล่าน่ะ"
"ม๊า!"
"เจ้าหนูอย่าพูดขึ้นเสียงกับแม่นะ"
"ม๊าาาาาา !"
และการกินข้าวมื้อแรกหลังจากได้กลับมาบ้านก็เป็นอะไรที่สนุกสนานและมีสีสันต์มากๆสำหรับคิมมินซอก ส่วนคิมจงแดก็อดหัวเราะไปตามบทสนทนาตลกๆของบ้านนี้ไม่ได้ ปกติเขาไม่ได้กินข้าวกับครอบครัว พอวันนี้ได้มากินข้าวกับครอบครัวมินซอกมันก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ต้องขอบคุณมินซอกที่บังเอิญหนีบอดี้การ์ดเข้ามาในบ้านของเขา ชีวิตเลยสดใสขึ้นมาเยอะเลย ขอบคุณนะ
เสียงแก๊กๆของนักศึกษาแพทย์ที่กางหนังสือเล่มยักษ์อยู่ตรงหน้าสองมือสองตาหนึ่งใจกลับอยู่กับไอโฟนสีขาวที่ใส่เคสลายเมืองที่คนที่กำลังส่งข้อความคุยซื้อให้ด้วยเหตุผลว่า 'อยากไปเที่ยวที่นี่ไว้เราไปกันนะ' ทำเอาเขาแทบลมจับ ...ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินไปเที่ยวแพงๆขนาดนั้นได้นะคุณหนูคิมมินซอก ถึงแม้ว่าเขาจะรวยน้อยกว่าคิมมินซอกแค่นิดหน่อย ขออะไรก็ได้ แต่เขาไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งกับเงินตรงนั้นเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดว่าเขายังเรียนไม่จบแล้วจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงชีพอยู่ เขาก็คงไม่ขอเงินจากพ่อ...ที่ไม่ค่อยจะถูกกับเขาสักเท่าไหร่หรอก
'ดึกแล้วไปนอนได้แล้วนะเจ้าหนู'
นิ้วเรียวกดปุ่มส่งข้อความไป อดล้อไม่ได้จริงๆ มันน่าตลกจะตายที่คนที่แก่กว่าเขาตั้งสองปี ยังถูกเรียกว่าเจ้าหนูอยู่
[นี่..ถ้าพูดอีกทีจะไม่คุยด้วยแล้วนะ นายก็ไปนอนได้ละไอ้หมอขี้เกียจ ขี้เซา แล้วนี่จะไม่หาเวลาไปเจอกันจริงหรอ ไม่ได้เจอกันอาทิตย์นึงละนะ อยากกินมาม่า! ป๊าไม่ยอมเลย]
'ก็ตอนนี้มันอยู่ช่วงใกล้สอบ เลยต้องอ่านหนังสือ อยากกินก็มาหาที่นี่สิ'
[เหอะ]
คำๆเดียวสั้นๆที่บ่งบอกอารมณ์ผู้ส่งได้อย่างดี งอนแน่ๆ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เขามีเทสย่อยจริงๆ และถึงแม้จะท่องตำราจนจำขึ้นใจได้แล้วก็เถอะแต่ก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่เลยไม่กล้านอน เอาไว้ค่อยง้อพรุ่งนี้แล้วกัน ...
นิ้วมือเรียวของเจ้าของห้องขยำหัวตัวเองเบาๆ ก็คิดไว้ว่าจะง้อพรุ่งนี้ทำไมสมองว้าวุ่นงี้วะ ..ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เป็นอะไรกับมินซอกก็เถอะ มันเป็นเหมือนสถานการณ์ 'ที่รู้กันอยู่แค่ในใจ' เหมือนจะใช่แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ยิ่งหลังจากกินข้าวที่บ้านมินซอก วันนี้ก็ครบอาทิตย์หนึ่งพอดี ที่ไม่ได้เจอกันเลย เพราะเขาก็เครียดเรียน อีกคนก็เหมือนจะโดนพ่อเรียกไปที่บริษัทเหมือนกัน สถานการณ์แปลกๆเลยยังไม่ได้คลี่คลาย เฮ้อ
กริ๊งหน่อง
"ขอโทษนะครับ มีใครอยู่บ้านมั้ย" คนที่นั่งเท้าคางอยู่หลุดออกจากความคิด แล้วลุกเดินลงชั้นล่าง ผ่านโซฟาสีครีมที่เคยมีคนนอนอยู่ตรงนั้น และเมื่อเปิดประตูหน้าบ้านไป ...
"ผมหนีบอดี้การ์ดมาา ขออยู่ด้วยซักพักได้มั้ย"
"เล่นอะไรอีกเนี่ยคิมมินซอก" ปากก็พูดเหมือนจะว่าแต่ตานี่ยิ้มแทบจะเป็นเส้นตรง อยากจะดึงมากอดให้สมกับความน่ารักที่นึกอยากจะมาก็มา
"ก็อยากมา มีคนท้าไว้ว่าถ้าอยากกินมาม่าให้มาที่นี่ก็เลยมา เข้าบ้านได้ยัง?"
"เชิญครับคุณหนูมินซอก"
บรรยากาศเดิมๆที่เขาเคยมาอยู่ที่นี่เริ่มย้อนกลับมาให้คิดถึง ...จริงๆคิดถึงตั้งแต่นั่งอยู่บ้านแล้วแหละ จนต้องขอป๊าม๊าบอกว่าขอมานอนบ้านจงแด ป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนม๊าก็มีอีดออดบ้าง บอกว่าไม่เห็นเคยบอกจะมานอนกับม๊าบ้างอะไรบ้าง ทำเอาแทบไปไม่เป็น แต่สุดท้าย ก็เรียกให้คุณคนขับรถออกมาส่งเขาจนได้ เขากำลังวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ข้างๆโซฟาที่นอนประจำ แต่อีกคนก็คว้ากระเป๋าไว้ในมือตัวเอง เขามองหน้าจงแดแบบงงๆ
"ไปนอนข้างบนด้วยกันเถอะ"
"เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวน..."
"ไปเหอะน่า" แล้วแขนเขาก็โดนลากขึ้นบันไดไป
ห้องนอนก็เหมือนกับที่เขาเห็นในวันแรกก็คือมีโต๊ะบิ้วอินตรงทางเข้า ตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มเอี้ยดไปด้วยหนังสือเล่มยักษ์จำพวกเคมีฟิสิกส์และก็ความรู้แพทย์ แล้วก็เตียงที่น่าจะนอนได้สองสามคนอยู่ด้านหลังโต๊ะห่างออกไปประมาณสามเมตร แต่สิ่งที่เขาไม่เห็นตอนมาครั้งแรก ไม่สิ เห็น แต่ว่าเห็นไม่ครบต่างหากก็คือกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ ก็คือรูปของเขาเรียงอยู่หลายรูป รูปที่เขาถ่ายเองก็มือ ทำไมถึงมีฉบับก๊อปปี้ออกมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมจงแดถึงมีรูปนี้ล่ะ!
"รูปพวกนั้น จุนมยอนให้มาน่ะ"จุนมยอนรุ่นน้องเขาน่ะนะ ?
"รู้จักกับจุนมยอนได้ไง?"
"เขาเป็นพี่ชายคนละแม่กับฉัน ไม่แปลกถ้านายจะไม่ได้เจอ เขาอยู่บ้านใหญ่กับพ่อกับแม่เล็ก ฉันขอแยกบ้านออกมาอยู่ ส่วนแม่ฉันเสียไปแล้ว"เสียไปหลังจากที่รู้ว่าพ่อเคยมีเมียอยู่แล้ว แถมมีลูกแล้วอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานถูกกฎหมายแบบแม่ของเขาก็ตาม แต่คนเป็นภรรยา เจอเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะรับกันได้ง่ายๆ
"ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ก็ตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วที่ฉันบังเอิญไปเจอนายกำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ตอนกำลังคุยกับพี่ชายฉัน บอกตรงๆ น่ารักเป็นบ้า"
คนที่ถูกชมขึ้นมานิ่งๆ และคำสารภาพรักจากคนที่แอบชอบเขามาสองปีแล้วถึงกับช๊อคไปไม่ถูก ... ใครจะไปนึกถึงว่าคนที่เขาบังเอิญหลบเข้ามาในบ้าน เขาหลบมาในบ้านคนที่แอบเขามาสองปี
"แล้วทำไมไม่บอก"
"ก็กลัวว่าบอกไปแล้วจะหนีไปหนิ แล้วสรุปว่าคำตอบเป็นไง" โอ๊ย ... จะระเบิดตายอยู่แล้วโว่ย คิมมินซอกกำลังจะเขินตายยยย
"ตอนแรกก็ว่าจะงอนที่ไม่บอกกันตั้งแต่แรก ... แต่คิดไปคิดมา ไม่ว่าจงแดจะชอบตอนนี้หรือตอนไหน คนที่ฉันชอบก็เป็นจงแดอยู่ดี มันจะต่างกันตรงไหน ถ้าฉันจะตกลงตอนนี้หรือตอนอื่น จริงปะ!" และคนที่ยืนฟังอยู่ พอฟังจบก็กระชากเขาเข้าไปฟัดแก้ม ก็ทุกคำที่พูดออกมามันน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด ... !
"พออแล้วว ๆ นอนกันเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้มีสอบ ไม่ใช่หรือไงเล่า"
"โอเคครับ นอนก็นอน"
และคืนนั้นเขาถูกใช้เป็นหมอนข้างโดยคนข้างๆ
มันก็...เขิน รู้สึกนอนหลับสบายกว่าปกติ เหมือนมีผู้พิทักษ์ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะโผล่มาทุกครั้งที่เราต้องการ จะคอยดูแลเราไม่ให้เป็นอะไร เพราะทุกครั้งที่เราเจ็บเขาก็จะเจ็บด้วย พูดง่ายๆ เหมือนมีภูมิคุ้มกัน แต่มันติดอยู่อย่างเดียวที่ว่า ...นอนกอดกันเนี่ย ร้อนไปหน่อยนะ (?)
บรรดานกน้อยต่างส่งเสียงยามเช้ากันให้วุ่น แสงแดดยามเช้าก็แข่งกันส่องเข้ามาในห้องนอนที่มีร่างสองร่างนอนกอดกันอยู่ เจ้าของห้องค่อยๆรู้สึกตัวเพราะความเคยชินที่เมื่อมีแดดเขาจะตื่น แต่วันนี้ตอนตื่นมันไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเมื่อเขามองไปข้างๆ เขาได้เห็นหน้าคนที่แอบชอบมาสองปี ข้างๆกาย และต่อไปนี้ เขาก็จะได้มองคนคนนี้ในระยะใกล้ชิดได้เพียงคนเดียว
การตื่นมาได้เจอหน้าคนที่เรารักนี่เป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริงๆ !
talk : เรื่องนี้ก็มีแววหวานๆ(หรือเปล่า?) ก็ตามแบบที่เค้าแต่งๆมา น่ารักไปเรื่อยๆไม่หวือหวา
(จริงๆมีแบบตื่นเต้นเยอะเลย แบบผีสางสืบคดี) แต่ยังไม่เสร็จซักอัน
ชื่อเรื่องนี้ตอนแรกไม่รู้ว่าจะตั้งว่าอะไรดี แต่ว่าเวลาแต่งก็จะเรียกสั้นๆไปก่อน ตอนนั้นมันชื่อว่า เรื่อง บอดี้เกรียน (555)
เพราะตอนนั้นคิดว่าหมินก็เกรียนๆดีนะ อะไรประมาณนี้มั้ง หลายเดืินมาแล้วตอนเริ่มแต่ง
ปล.จริงๆวางพอตต่อกับเรื่องนี้เต็มเลย แต่ว่าไม่รู้จะแต่งจบเมื่อไหร่
แต่ยังไงก็ฝากติดตามด้วยละกันนะคะ :D
ชื่อเรื่องนี้ตอนแรกไม่รู้ว่าจะตั้งว่าอะไรดี แต่ว่าเวลาแต่งก็จะเรียกสั้นๆไปก่อน ตอนนั้นมันชื่อว่า เรื่อง บอดี้เกรียน (555)
เพราะตอนนั้นคิดว่าหมินก็เกรียนๆดีนะ อะไรประมาณนี้มั้ง หลายเดืินมาแล้วตอนเริ่มแต่ง
ปล.จริงๆวางพอตต่อกับเรื่องนี้เต็มเลย แต่ว่าไม่รู้จะแต่งจบเมื่อไหร่
แต่ยังไงก็ฝากติดตามด้วยละกันนะคะ :D
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น