ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF]short fiction by tokibyul

    ลำดับตอนที่ #3 : (beast) endless game [junhyung x hyunseung]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 55


    Title:           endless game
    Pairing:   junhyung x hyunseung
     
    Note:   เรื่องนี้เป็นภาคต่อมากจากมินคีย์รื่องที่แล้ว แต่เป็นภาคต่อแบบที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ...
    (ก็ไม่รู้ว่าจะต่อกันทำไม?) 5555 ที่แต่งมาทั้งหมด เค้าชอบเรื่องนี้มากเลยนะ
    อ่านแล้วฮาดีเป็นการทะเลาะกันแบบน่ารักๆปนหยาบคายหน่อยๆด้วย
    แต่ก็หวาน~ โอเค ไปดีกว่า ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

     
     
    ร่างบางขยี้ผมตัวเอง แล้วเปิดประตูบ้านเข้ามา อารมณ์เสียคือคำๆเดียวที่อยู่ในหัวของเขา ขาที่กำลังจะก้าวเข้ามาในห้องรับแขกสุดหรูชะงักค้างกลางอากาศ สีหน้าที่เคยหงุดหงิด กลับยิ่งดูหงุดหงิดมากกว่าเดิม เมื่อเห็นคนที่ตามหามาทั้งวันนั่งปากห้อยดื่มโค้กสบายใจเฉิบอยู่


     
    หายใจเข้า หายใจออก ฮยอนซึง ...

     
     
    “อ้าวว่าไง กลับมาแล้วหรอ ?”
    กลับมาแล้วหรอ ? นี่คือคำทักทายของคนที่หายไปทั้งวัน ? 



     
     
    “ไอ้เหี้ยห้อย !!!!” ความอดทนของจางฮยอนซึงหมดลงไปกับคำทักทายสั้นๆนั้นเกือบจะทันที ฮยอนซึงพุ่งตัวไปที่โซฟาแล้วกระหน่ำทุบไม่ยั้ง จากภาพพจน์นางพญาหายไปในพริบตา เหลือแต่ผู้ชายหน้าสวยผมส้มที่กำลังโมโหไอ้ปากห้อยอยู่เท่านั้น 


     
    “เฮ้ๆ ใจเย็นดิ กูอยู่นี่แล้วไงมึงเป็นไรเนี่ย”


     
    “มึงไม่รู้ตัวหรอ มึงหายไป ไปไหนก็ไม่บอกกู!”

     
     
    “มึงหวงกู กลัวกูจะไปจีบสาวที่ไหนหรอครับ -.- ?”

     
     
    “ยังจะเล่นนะ ยงจุนฮยอง...มึงตายแน่” มือที่กำลังจะทุบ ถูกจับไว้ด้วยมือที่แข็งแรงกว่าพร้อมกับพลิกให้เขานอนราบไปกับโซฟา เขากำลังโกรธอยู่นะเว้ย ! ไม่ได้ให้มาทำท่าล่อแหลมแบบนี้ -^-

     
     
    “แน่ใจหรอครับที่รัก ว่าจะทำอะไรผมได้”

     
     
    “แน่นอนว่าต้องได้...มึงคิดจะ อื้อ “

     
     
    “คิดจะทำไมนะครับ?” ริมฝีปากที่เพิ่งลงไปจุ๊บปิดปากเขาเมื่อกี้ เปิดปากพูดย้อน แม่ง กวนตีน ! หมั่นไส้ !

     
     
    “ก็คิดจะ อื้อ” ยังพูดไม่ทันจบรอบที่สองเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเดิมอีก ...

     
     
    “หืม ? วันนี้พูดไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย ~”ค้อนวงงามตวัดจากตาสวยของเขา มันน่ามั้ยล่ะแบบนี้ สุดท้าย เรื่องที่อยากรู้ว่าวันนี้ไปไหนมาก็ไม่ได้รู้อีกจนได้ ได้สกิลปลาไหลมาจากไอ้พี่ท๊อปหรือไง? 

     
     
    “มึงต้องการอะไร ?”

     
     
    “ต้องการมึงไง^___,^”

     
     
    “กะ..กูไม่ให้เว้ย ! มึงทำกูอารมณ์เสียวันนี้” 

     
     
    “อย่างกับว่ามึงขัดใจกูได้งั้นอ่ะ 5555” ให้ตาย เขาอยากจะเอาหัวโขกกับชักโครกซักสองสามทีให้หายแค้น มันเป็นเพราะเขาไม่เอาถ่าน ถึงไม่สามารถสืบได้ซักทีว่าพักนี้ยงจุนฮยองหายไปไหน หรือเป็นเพราะว่าไอ้คนตรงหน้ามันมีวิธีการเนียนขั้นเทพที่สามารถปกปิดและเฉไฉออกนอกเรื่องได้ทุกครั้งไป...

     
     
    ควรจะกังวล หรือว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปดีนะ ? 
     
     
     



     
     
    แสงตะวันสาดเข้ามาผ่านผ้าม่านสีเหลืองอ่อนแสดงให้เห็นว่าวันใหม่ เริ่มเข้ามา ร่างบางใต้ผ้าห่มขยับตัวดุ๊กดิ๊ก ก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินออกไปที่ระเบียง ขาสองขาพาเดินมานั่งที่เก้าอี้สานที่เคยไปเลือกซื้อด้วยกันตอนที่ตกลงปลงใจย้ายมาอยู่ที่นี่ แขนสองข้าง บิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะกลับมานั่งนิ่งๆท่าเดิมอีกครั้ง
     
     
    ทุกวันนี้ หายไปไหนนะ ... เบื่อกันแล้วหรือเปล่า ...หรือเจอใครที่ถูกใจ
     
     
    “น่าปวดหัวชะมัดเลยแฮะ”เขาใช้มือขยี้ผมตัวเองเหมือนทุกครั้งเวลาที่หงุดหงิด คำถามอีกร้อยแปดพันเก้าผุดขึ้นมาในหัว ทำยังไงดีนะ ? 

     
     
    “ใส่แค่บอกเซอร์ตัวเดียว พร้อมรอยรอบตัวแบบนั้นน่ะ ...อยากโดนอีกหรือไงจางฮยอนซึง”เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนที่จะมีอ้อมกอดจากข้างหลังมาโอบไว้รอบคอ 

     
     
    ยงจุนฮยองเป็นผู้ชายที่เขาได้เจอโดยบังเอิญเมื่อ 2 ปีที่แล้ว 



     
    2 ปีที่แล้ว

     
    “ไอ้เตี้ยโยซอบ ไปไหนมาวะ ดูจุนมันตามหาอยู่นะเว้ย” 

     
     
    "โอ๊ย ไรวะ" จางฮยอนซึงลูบหัวป้อยๆ พร้อมเงยหน้าขึ้นมาจะชี้หน้าด่าบุคคลที่สองที่เข้ามาขัดการเล่นไอโฟนของเขาโดยการใช้มือใหญ่ๆนั่นฟาดมาที่หัวไม่ยั้ง

     
     
    "โย..อ่าวเฮ้ย ขอโทษครับ ผมนึกว่าเพื่อนผม" นายปากห้อยคนนั้นก้มหัวสองสามทีก่อนจะเดินหายไป ให้ตายสิ ขัดอารมณ์ชะมัด -_- 

     
     
    "เฮ้ย ตายจนได้ ไอ้ห้อย มาชดใช้เลยนะเว้ย ! มันไม่ถึงไฮสกอร์อ่ะ ! ไอ้เวร ตบแล้วหนี อย่าให้เจอนะเว้ย" 
    นั่นเป็นครั้งแรกที่ฮยอนซึงได้เจอกับไอ้กวนตีนคนหนึ่ง แล้วก็ไม่เคยคิดเลยว่า ... มันจะมีอีกเป็นครั้งที่สอง 

     
     
    "เฮ้ ว่าไงไอ้คนที่ฉันนึกว่าเป็นโยซอบ" ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาจากไอโฟนที่กดอยู่ ก่อนจะชักสีหน้าเมื่อเพิ่งเล็งเห็นว่าคนที่มาขัดจังหวะคือคนเดียวกับเมื่อวาน มันต้องการอะไร?


     
    "อะไรของมึงวะ?"

     
     
    "โห ขึ้นมึงเลย ก็เห็นมึงพูดเมื่อวานว่าอย่าให้เจอนะเว้ย กูเลยอยากรู้ว่ามึงจะทำไรกูไงครับ ^^" รอยยิ้มเสแสร้งบนหน้านั่น มันช่างหน้าหมั่นไส้สุดๆ แต่ขอโทษนะ...ขอโทษ จางฮยอนซึงคนนี้ ไม่ได้โง่นะครับ !!!! 

     
     
    "มึงมีไรอยากจะพูดก็พูดมาเลยดีกว่า มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้โง่ขนาดนั้น :)" ไอ้ห้อยทำสีหน้าตกใจ ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเจอ และไม่ฉลาดถึงขนาดที่ว่าแค่ไอ้กวนตีนที่ไหนไม่รู้มาทักผิดตบหัวเมื่อวานนี้แล้วเอาเก็บไปเข้าข้างตัวเองว่ามันอะไรอะไรกับเขาก็ตาม แต่ก็คงไม่ได้ถึงขนาดจะเดาไม่ได้ว่าไอ้คนเดิมกับเมื่อวานเข้ามาวันนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อที่อยากจะลิ้มลองรสชาติและความหนักของส้นเท้าเขาเป็นแน่

     
     
    "โดนจีบบ่อยจนรู้ทันชาวบ้านเขาหมดเลยแบบนี้ ไม่ดีเลยว่ะครับ :(" 

     
     
    "ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มึงอ่ะไม่เนียนเองว่ะ-_-"ว่าแล้วก็โบกหัวมันไปหนึ่งที เอ๊ะ! เมื่อกี้ปากมันไม่ได้ห้อยตามแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นใช่ปะ? -0-


     
    "แล้วมึงจะเอาไง? "


     
    "งั้น...มึงก็เล่นเกมผ่านด่านนี้ให้กูก่อน แล้วกูจะยอมให้มึงจีบ แต่แค่จีบนะเว้ยไม่ได้บอกว่าตอบรับโอเคปะ?"


     
    หลายๆคนคงไม่อยากจะเชื่อ ว่าความรักที่ยาวนานจนถึงทุกวันนี้จะมีตอนต้นของเรื่องราวมาจากการเดิมพันด้วยการผ่านด่านของเกม แต่ก็อย่างว่า ความรักก็เหมือนกับเกม ถ้าผู้เล่นไม่ควบคุมตัวละครให้ไปตามทางที่ปลอดภัย หรือว่าหลบตอนโดนมอสเตอร์ยิงกระสุนใส่จนพลังหมด ที่หน้าจอก็คงไม่พ้นกับตัวอักษรสีแดงตัวใหญ่ว่า "game over" แล้วก็อีกนั่นแหละ ถ้าคนเล่นไม่ยอมไม่พร้อมที่จะเสี่ยงกับการเล่นเกมครั้งนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่เริ่มต้นขึ้น แล้วมันจะเสียหายตรงไหน ที่จางฮยอนซึงจะลองให้โอกาสผู้ชายแปลกหน้าคนนึงให้เข้ามาเล่นเกม แล้วมันจะเสียหายตรงไหนที่ผู้ชายแปลกหน้าอย่างยงจุนฮยองจะลองเสี่ยงกับเกมตรงหน้าดูซักครั้ง จริงมั้ย? 


     
    "งั้นโอเค ระวังตัวไว้ให้ดีละกันจางฮยอนซึง"
     
     
     
     
     
    ฟู่
     
    "อ๊ะ! เล่นไรเนี่ย"


     
    "เหม่ออะไรล่ะ"

     
     
    "ก็แค่คิดถึงความหลัง เมื่อสองปีก่อน" อยู่ดีๆมือที่กอดรอบคอก็หายไป และแล้วสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิด ยงจุนฮยองเอามือสองข้างมาปิดหน้าปิดตาไว้ คงจะไม่อะไรถ้าใบหูทั้งสองข้างไม่แดงขนาดถ้ามีเอฟเฟคออกมาได้ ก็คงมีควันออกมาแล้ว เขินหรอเนี่ย :)


     
    "อย่าพูดนะ.."

     
     
    "ก็ใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็เดินมาตบหัว จะจีบก็บอกตรงๆไม่เห็นต้องทำให้เจ็บตัวเลย" มือที่ปิดหน้าค่อยๆเอาลง ปากห้อยๆเริ่มเบะออก เป็นสัญญาณว่าที่จางฮยอนซึงพูดจี้จุดให้เขาเจ็บใจเล่นๆนั้นเป็นผล 

     
     
    "พูดมากน่า ก็ต้องเข้ามาแบบแปลกๆจะได้เป็นที่น่าจดจำไง อย่าลืมดิ กว่ากูจะลากมึงออกจากมิติที่มึงสร้างขึ้นมาได้มันไม่ง่ายเลยนะครับ วันๆกดแต่ไอโฟน ตัวละครในเกมก็ไม่เห็นมีตัวไหนน่ารักอย่างกูซักตัว สนใจไรมันนักหนา-^-"

     
     
    "บ่นเป็นตาแก่ไปได้ห้อย มาเล่นเกมกันเหอะ!"

     
     
    "ได้ เอาเกมไรล่ะ?" ร่างสูงเดินเข้ามาข้างในพร้อมนั่งคุ้ยๆเกมที่แบ่งแยกเป็นลังๆ ก็ฮยอนซึงน่ะ ชอบเล่นเกมจะตาย ต้องซื้อเกมใหม่ๆไว้ให้แก้เบื่อ แล้วหลังจากที่ซื้อเกมใหม่มา อย่าได้หวังว่าวันนี้ยงจุนฮยองจะได้แตะจางฮยอนซึง ถ้าเข้ามิติไป คงยากที่จะตามออกมา โดยเฉพาะเมื่อมีเอเลี่ยนมาก่อกวนด้วยน่ะนะ

     
     
    "แล้วแต่ดิ ได้หมดอ่ะ"

     
     
    "งั้นเดอะซิมเลยมั้ย? ครอบครัวยงที่กูกับมึงสร้างไว้คราวนี้ไปสร้างตัวลูกเพิ่ม จะได้ครบ"

     
     
    "แม่มึงสิห้อย กวนตีนกูอ่ะ กูอยากได้เกมที่สามารถหาผู้แพ้ไปล้างจานได้อ่ะ" ฮยอนซึงก็ยังคงเป็นฮยอนซึง ผู้ที่ชอบเดิมพันกับเกม ก็ในเมื่อมันทำให้เขาไม่ต้องล้างจานได้ ทำไมจะไม่เล่นล่ะ 

     
     
    "แม่กูก็มึงดิ ?"

     
     
    "กูยังไง?"

     
     
    "แม่ทูนหัวไงครับ :)" หมอนใบเล็กถูกแรงเหวี่ยงไปหาชายหนุ่มที่นั่งหาเกมอยู่ สมน้ำหน้า กวนตีนดีนัก 

     
     
    "ไอ้ควายจะอ้วก ! หาเกมเล่นต่อไปเลยไป -_-"จุนฮยองมองหน้าอีกคนขำๆ ใบหน้าเรียบเฉยที่ขัดกับสีแดงๆบนแก้มมันน่ามองยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด 


     
    "คิดออกแล้ว วันนี้เรามาเล่นเกมอะไรที่มันเบสิคหน่อยดีกว่า เบื่อแล้วเกมเดิมๆ "


     
    "เกมไรอ่ะ?"


     
    "ก็ให้เอาชื่อเพลงของวงบีสท์ที่มึงชอบเอามาคุยกัน ต้องเป็นเรื่องเดียวกันด้วยนะ ใครต่อไม่ได้ก่อนก็ไปล้างจาน ง่ายๆ"


     
    "งี้มึงก็แพ้กูอ่ะดิ ก็วงที่กูชอบนี่นา"

     
     
    "มันก็ไม่แน่หรอกครับ อะไรที่มึงชอบกูก็ชอบนั่นแหละน่ะ"แขนเรียวฟาดมาที่ตัวของร่างหนา ถือเป็นการทำร้ายร่างกายรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน จะว่าเจ็บก็เจ็บนะ แต่จะว่าชอบก็ชอบ ก็ถ้าแลกกับใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อแบบนั้นยงจุนฮยองไม่ยอมก็บ้าแล้ว ! 

     
     
    "งั้นกูเริ่ม ผมทรงแรกเริ่มของมึงอ่ะ ที่เกรียนๆกูบอกตรงๆกูโคตร shock เลย"

     
     
    "มึงนี่มันโคตรจะ bad girl เลยว่ะ ผมทรงนั้นของกูออกจะแนว"

     
     
    "เห็นครั้งแรกกูอยากจะ say no"

     
     
    "แต่มึงคงต้องยอมรับว่ะ เพราะมันเป็น The Fact"

     
     
    "ว่าแต่...เรื่องของเรามันโคตรจะ fiction เลยเนอะ"

     
     
    "ใช่สิ เพราะถ้ากูไม่เข้าไปตบหัวมึงตอนนั้นกูก็คงจะเป็นบุคคลที่ mystery ต่อไป"

     
     
    "อย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวกู breathe ไม่ออก"

     
     
    "คือตอนกูเจอมึงครั้งแรกอ่ะ กูโคตร freeze แบบคนนี้แหละใช่เลย"


     
    "เพราะกู beautiful อ่ะหรอ :("

     
     
    "ไม่ใช่แค่นั้นหรอก กูไม่รู้ดิ รู้แต่ว่ามึง special สำหรับกูมาก จางฮยอนซึง"

     
     
    ".///. อะ...อือ กูก็คิดแบบมึง เอ่อ กู loving you นะ"ถ้ามองไม่ผิดเขาเห็นร่างหนาตรงหน้าชะงักไปนิดนึงก่อนจะมองหน้าเขาแบบสื่อความหมาย ก็คงไม่แปลกหรอก คำว่ารัก...เขาพูดออกมาไม่บ่อยนี่นา 

     
     
    "กูขอจูบ you ที" จบคำพูดนั้น จุนฮยองก็ดึงเขาเข้าไปจูบ ไม่ได้จูบแบบต้องการ แต่จูบแบบที่คนรับ รับรู้ได้ถึงความรักที่ผ่านเข้ามาทั้งทางริมฝีปาก และปลายลิ้นที่ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาภายในโพรงปากบาง 

     
     
    "ไปล้างจานดิ ผิดกติกาแล้ว .///."

     
     
    "เขินอ่อ?"

     
     
    "ก็เขินอ่ะดิวะ ! ไปล้างจานเดี๋ยวนี้เลยนะ"และแล้วยงจุนฮยองก็ถูกแม่ทูนหัวลากมาล้างจานจนได้ จริงๆแล้วเขาไม่ได้อยากจะชนะอะไรนักหรอก กับอีแค่ล้างจาน เพียงแค่คนรักสั่งเขาพร้อมที่จะลุกมาล้างโดยไม่ต้องมาเล่นเกมไรให้เสียเวลาด้วยซ้ำ ที่หาไรให้ทำเนี่ย ก็แค่อยากแกล้งและลืมเรื่องเครียดๆไปก็เท่านั้น อีกอย่าง ถ้าเขาอยากจะเอาชนะ ฮยอนซึงคงผิดกติกาไปตั้งแต่ขึ้นคำว่า "ว่าแต่..."แล้ว จริงปะ? 
     
     



     
     
     
    "...รู้น่า คร๊าบคร๊าบ ..อื้อ วันนี้พรุ่งนี้แหละ ไว้เจอกัน ..บาย" ร่างบางกอดขาตัวเองอยู่บนเตียงหลังจากที่ตื่นได้ไม่นานเพราะได้ยินเสียงคนรักคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้มานานเฉียดๆหนึ่งชั่วโมง พยายามที่จะเงี่ยหูฟังแล้วนะ แต่ทำไมกำแพงมันยังไม่เป็นใจ ทำให้จับเนื้อความที่พูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 

     
    ตึก ตึก 


     
    เสียงฝีเท้าที่เหมือนจะใกล้เข้ามา ทำให้ร่างบางสะดุ้งแล้วรีบมุดกลับไปในผ้าห่มท่าเดิม พยายามหายใจเข้าออกให้เบาที่สุด อีกคนจะได้ไม่ทันรู้ตัวว่าเขาแอบฟังบทสนทนานั้น เสียงหยุบหยับและแรงยุบตัวของเตียงยิ่งทำให้เขากำหมัดแน่นขึ้น สัมผัสบางเบาที่หน้าผากก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นน้อยลงเลย และทั้งๆที่กำลังจะแกล้งทำเป็นเพิ่งตื่นแท้ๆกลับต้องหยุดลงเพราะความน้อยใจกับเสียงที่พูดว่า


     
    "เดี๋ยวกลับมานะ"


     
    หลังจากที่ยงจุนฮยองเดินออกไปจากบ้านแล้วเขาก็ลุกขึ้นมานั่งชันเข่าบนเตียงอีกรอบ วันนี้ทั้งวันให้นั่งคิดอยู่บนเตียงท่านี้ทั้งวันยังได้เลยเหอะ! เขามองซ้ายมองขวาไปรอบๆห้องและสายตาไปสะดุดอยู่ที่แผ่นโน้ตสีเขียวอ่อนข้างตู้

     
     
    'อย่าคิดนะว่าไม่รู้ว่าตื่นอยู่ ออกไปธุระก่อนนะ เย็นนี้มีเซอร์ไพรซ์ รอสามีหน่อยนะครับ ฮ่าฮ่า'

     
     
    "ไอ้บ้าเอ๊ย รู้แล้วทำไมไม่พูดวะ ปล่อยให้กลัวอยู่ได้ แล้วบอกว่าจะมีเซอร์ไพรซ์แล้วมันจะเป็นเซอร์ไพรซ์ได้ไงในเมื่อกูรู้แล้ว แล้วใครเป็นสามีกูไอ้เลว นอกจากจะห้อยแล้วยังปัญญาอ่อน หลงตัวเองอีกนะเนี่ย"ถึงปากจะว่าไปนู่น แต่รอยยิ้มข้างแก้มก็บอกได้อย่างดีเลยว่าเขากำลังมีความสุข ว่าแต่จะมีอะไรกันนะ อยากรู้จังเลย ~ 
     
     
     
    "กลับมาแล้วครับภรรยาสุดสวยยยยย"คุณสามี(?)รีบถอดรองเท้าก่อนจะก้าวเข้ามาถึงห้องรับแขกเมื่อตอนบ่าย2พอดีเป๊ะ ภรรยาหน้าใสก็เงยหน้ามายิ้มตอนรับเป็นอย่างดี โอ๊ย หายเหนื่อยเลยเว้ย <3

     
     
    "เรื่องกระดาษโน๊ตเมื่อเช้า กูเขียนแปะข้อความตอบไว้หน้าตู้แล้วนะ ไปอ่านด้วย"
    เขารีบเดินเข้ามาอ่านกระดาษที่แปะไว้ก่อนจะขำออกมา แฟนใครหนอ น่ารักได้ขนาดนี้ 

     
     
    'รู้แล้วไง? ก็ไปดิ. บอกแล้วมันจะเป็นเซอร์ไพรซ์มั้ย? อ่าว ไม่ใช่มึงอ่อห้อยที่เป็นภรรยากู -___,-'


     
    และแล้วความคิดสุดเริ่ดหรูก็บรรเจิดขึ้นมา เขารีบหยิบของที่จะนำมาเซอร์ไพรซ์ในวันนี้กับปากกาขึ้นมาหนึ่งด้าม เขียนตอบข้อความจากโน๊ตนั้นอย่างอารมณ์ดี และซักพักก็หยิบออกมาแปะไว้กับหน้าผากของฮยอนซึง

     
     
    'ก็แปลว่ากูรู้จักมึงดีที่สุดไง. แต่ตอนนี้กูกลับมาแล้ว. บอกไว้จะได้ตื่นเต้น. ถ้ากูเป็นภรรยาเสียงร้องจิ้มลิ้มกลางดึกนั่น คงเป็นเสียงกูสินะ :) เปิดดูด้วย'

     
     
    "ไอ้....ไอ้... เสียงร้องจิ้มลิ้ม บ้านแกดิ =///= !!!!"

     
     
    "อ้าวๆใจเย็นครับ เปิดก่อนเปิดก่อน" ฮยอนซึงตวัดค้อนวงงามให้ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งที่คนตรงหน้าบอกว่าเซอร์ไพรซ์ในซองจดหมาย นิ้วเรียวค่อยๆบรรจงแกะตามนิสัยของคนมีระเบียบ

     
     
    "ตั๋วเครื่องบิน2ใบ ไปภูเก็ต ! ฮยองอา~"ลูกลิงน้อยๆฉีกยิ้มแป้น และกระโดดกอดคุณสามีโดยไม่สนใจเลยว่าเขาจะหนักหรือไม่ เรื่องหนักน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะความดีใจที่คนรักมีความสุขมันโอบอุ้มให้เหมือนเขากำลังลอยอยู่ด้วยซ้ำ

     
     
    "ไปอีกสองวันนี้แล้วนะ พรุ่งนี้อยู่เก็บของกันนะครับ"

     
     
    "ได้ครับ~"

     
     
    จุนฮยองเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับคำตอบรับแหวกแนวนั่น แต่ตอนนี้จางฮยอนซึงไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ ได้แต่กระโดดไปกระโดดมาและก็ฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข ก็ภูเก็ตน่ะ เป็นที่ๆเขาอยากไปมานานแล้วนี่นา ได้ยินมาว่ามันสวยมาก และได้ไปเดทกับคนรักสองต่อสอง โรแมนติกจะตายแค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว -/-






     
     
     
    the day at Phuket. 
     
    "ซึงอา ถึงแล้วนะ ซึงอา"

     
     
    "อื้อ อะไร"

     
     
    "คุณภรรยาครับ ตื่นมาดูวิวบนท้องฟ้าเหนือเมืองไทยหน่อยเร็ว"นิ้วของยงจุนฮยองขยุกขยิกอยู่ที่คางของร่างบาง สายตาซุกซนมองไปที่คนหลับอยู่อย่างเอ็นดู ริมฝีปากบางค่อยๆอ้าปากหาว ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเหลือบไปเห็นวิวข้างนอก

     
     
    "เฮ้ย โคตรสวยอ่ะ"

     
     
    "ก็ถึงปลุกขึ้นมานี่ไง ไม่งั้นไม่ปลุกให้เปลืองน้ำลายหรอกน่า ก็รู้ว่าตื่นยากจะตาย"


     
    -เครื่องบินสายการบินเกาหลีแอร์ไลน์ KR0606 จะแลนดิ้งที่ภูเก็ตประเทศไทยแล้วครับ-

     
     
    "จะถึงแล้วจะถึงแล้ว ~" จุนฮยองมองหน้าฮยอนซึงอย่างขำๆ บทจะโหดก็โหดบทจะเด็กก็ทำตัวน่ารักซะละสายตาไม่ได้ ขนาดว่าอยู่ด้วยกันมานานปีกว่าแต่ดูเหมือนว่าในแต่ละวันคนคนนี้จะมีเรื่องมาให้ประหลาดใจได้เสมอ

     
    "ทำตัวน่ารักแบบนี้ระวังคืนนี้จะไม่ได้นอนนะครับคนสวย"
     
     
    "ไปเลยไป พูดมาก ชิส์"
     
     




     
     
    "ถึงแล้วครับคุณชาย รถมารับอ่ะถึงยัง? อย่าลืมบุญคุณที่กูเคยทำนะเว้ย เออด่วนๆ"ฮยอนซึงมองหน้าคนข้างๆตาแป๋ว แอบสงสัยว่ากำลังคุยอะไรกับใครอยู่ จุนฮยองหันไปมองคนที่กำลังจ้องตนเอง 

     
     
    "มองอะไรตาแป๋วขนาดนั้น แค่โทรให้คนเอารถมารับเอง ไม่ได้คุยกับกิ๊กที่ไหนหรอกน่า"ว่าแล้วก็ดึงแก้มเขาอย่างหมั่นเคี้ยว ก็จะไปรู้ได้ไงเล่า พักนี้ยิ่งชอบทำตัวแปลกๆอยู่ เขาก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดานี่นา .__.


     
    "แล้วเราจะไปที่พักกันยังไง?"

     
     
    "เดี๋ยวสารถีเราก็จะมาแล้วครับคุณผู้หญิง ใจเย็นๆนะ"

     
     
    "ผู้ชายเว้ย!"
     
     




     
     
     
    สิ่งแรกที่เขาแตะตาหลังจากที่ได้ก้าวลงมายังโรงแรมที่ชื่อยุนๆอะไรซักอย่างที่ยากเกินสกิลภาษาอังกฤษเขาจะไปถึง คือสระว่ายน้ำสีฟ้าใสยาวหลายเมตร เห็นแล้วอยากจะกระโดดลงไปให้หายเหนื่อย กับวิวต้นไม้สีเขียวชะอุ่มรอบข้าง บวกกับลมทะเลเอื่อยๆที่พัดมาชะโลมผิวกายของเขา นี่มันสวรรค์ชัดๆ!

     
     
    "May I help you?"

     
     
    ร่างบางสะกิดอีกคนรัวให้ตอบคำถามที่เกินจะคาดเดานั่นจากพนักงานคนไทยในชุดสีกากี ผมสั้นหน้าตาคล้ายคนญี่ปุ่นคนนั้น ดูเธอยิ้มสิ เหมาะสมกับคำว่าสยามเมืองยิ้มจริงๆเลย ขอนอกใจยุงจุนฮยองไปหาผู้หญิงคนนี้ได้มั้ยนะ *0*


     
    "ตอบดิมึง กูฟังไม่ออกนะ"

     
     
    "เอ่อ..."

     
     
    "Warittha, They're my guest.thank you^^"


     
    "Oh sorry sir"

     
     
    ผู้ช่วยขี้ม้าขาวเข้ามาช่วยตอบคำถามของคุณวริษฐาอะไรนั่น แล้วก็เข้ามาแทคมือกับร่างหนาข้างๆ คนๆนั้นหันมามองเขาด้วยสายตาแพรวพราวก่อนจะหันไปยิ้มกับยงจุนฮยองเหมือนเดิม นี่มันอะไรกันน่ะ-_-?

     
     
    "ฮยอนซึง นี่ยุนดูจุนเพื่อนกูและลูกเจ้าของโรงแรมนี้ ส่วนยุนดูจุนนี่จางฮยอนซึง เมี.." เขารีบตวัดสายตาไปทางอีกคน อย่าหลุดคำนั้นออกมานะ !

     
     
    "...แม่ทูนหัวกูเองอ่ะ"

     
     
    "ยินดีที่ได้รู้จักครับ ฮยอนซึง"

     
     
    "อ่า ..ครับ"


     
    ยุนดูจุนพยายามเก็บเสียงหัวเราะไว้ ปกติเพื่อนเขาเป็นแบบนี้ที่ไหน! มือเรียวถูกจับไปเขย่าเป็นท่าทางเช็คแฮนด์ ว่าแต่ดูจุนชื่อคุ้นๆนะเหมือนว่าได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่จำไม่ได้แฮะ ...


     
    "งั้นไปดูห้องกันก่อนละกัน แล้วเชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย มีไรโทรหากูละกันจุนฮยอง"
    คุณเจ้าของโรงแรมผายมือเชิญเรา ไปทางลิฟท์ตัวหรูข้างหน้า พร้อมกดลิฟท์รอให้ ก่อนที่เขาจะเดินหายไปอีกทาง ท่าทางงานคงเยอะแฮะ (' ' )
     


    "มึงๆ..."

     
     
    "ครับแม่ทูนหัว?"

     
     
    "ทำไมเป็นเพื่อนมึงแล้วกูไม่เคยเห็นอ่ะ (' ')"

     
     
    "ก็เขาย้ายมาทำงานที่ไทยหลังเรียนจบ แล้วก็บินกลับไปกลับมาแบบนี้แหละ... เห็นมองตาม สนใจหรือไง หื้อ"มือที่เมื่อกี้จับกระเป๋าอยู่ย้ายขึ้นมาวางแหมะลงบนหัวเขาแล้วขยี้แรงๆไม่บันยะบันยัง คิดว่าหัวเขาเป็นเครื่องระบายหรือไง ! ดึงปากตัวเองไปดิ ชิส์ ! 

     
     
    "ถ้าสนใจแล้วจะทำไม? ทำไรกูได้งั้นดิ"

     
     
    "ทำไม่ได้เลยแหละครับ ไม่ได้เล้ย"

     
     
    "ไอ้เลว ไอ้นิสัยไม่ดี ไอ้ปากห้อย !"

     
     
    "น้อมรับบัญชาครับผม ฮ่าฮ่า" วงแขนของร่างหนาเกี่ยวเข้ามาที่คอเขาแล้วตวัดเข้าไปในอ้อมกอด พร้อมหอมฟอดที่แก้ม ก่อนจะลากเดินเข้าลิฟท์ที่เปิดออกพอดี ไม่ได้อายประชาชีเลยนะ -_-
     
     
     


     
     
    "แนนแกเห็นคนที่เข้ามาใหม่ปะ? ที่เป็นเพื่อนคุณดูจุนอ่ะ คนนึงก็หล่อคนนึงก็สวย มาสวีทซะ ฉันเขินไปต่อไม่ถูกเลย"

     
     
    "เออดิเติ้ล แกเห็นตอนหน้าลิฟท์มั้ยล่ะ หอมกันจนฉันอยากจะดึงแก้มคุณดูจุนมาหอมบ้าง!"

     
     
    "บ้าหรอยะ ได้ยืนมาว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเหมือนกันนะ ไม่รู้ลือหรือจริงกันแน่ แต่ถึงไม่จริงอย่างเราหรอจะไปเทียบชั้นกับลูกเจ้าของโรงแรม คิดแล้วมันก็เศร้าเนอะ"สองสาวชาวไทยที่มัวนินทาเจ้านาย เลยไม่ทันสังเกตุว่ามีหนุ่มร่างเล็กลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กว่าตัว เดินมาถึงหน้าเคาท์เตอร์แล้ว 

     
     
    "Um...Excuse me"


     
    "Ye yes...sorry. May I help you?"ผู้ชายตัวเล็กท่าทางหวาดกลัวหน่อยๆทำให้ผู้หญิงที่มีป้ายชื่อตรงอกข้างซ้ายเขียนว่า 
    ยุวนุช แอบอมยิ้ม 

     
     
    "Yes...I..I..come to meet Doojoon-ar"

     
     
    "Doojoon? This hotel's manager"

     
     
    "Yes" รีเซปชั่นสองคนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่คนนึงจะแยกออกไปพาแขกไปนั่งรอที่รับรองพร้อมบอกว่าจะแจ้งเจ้านายให้ 


     
    "Yuwanut !" 

     
     
    "ค่า" ยุวนุชหันมาตามเสียงเรียกคุ้นๆของเจ้านาย ใบหน้าขมวดคิ้วเหมือนหงุดหงิดมาเรื่องอะไรซักอย่างทำให้ เธอไม่กล้าถามแต่อย่างใด

     
     
    "Do I have another guest?"

     
     
    "Yes sir,he's waiting for you there"เจ้านายรีบเดินไปทางที่เธอชี้ ผลัดกับรีเซปชั่นอีกคนที่เดินสวนกลับมาพอดี เมื่อเธอสองคนเจอหน้ากันก็พูดคำๆนึงออกมาโดยที่ไม่ได่นัดหมาย 

     
     
    "น่าร๊ากกกกกกกกอ่ะ!"(?) 
     
     


     
     
     
     
    "ห้องโรแมนติกโรยด้วยกลีบกุหลาบบนเตียงเหมือนว่าเขาทำมาเพื่อให้เราสวีทกันแท้ๆเลยว่ามั้ยซึงอา?"

     
     
    "อย่าเพิ่งกวนได้มั้ยเล่า ขอเก็บของก่อน"ว่าพลางปัดมือที่เริ่มจะยุกยิกแถวเอวคอด กับจมูกที่เริ่มมาซุกไซร้แถวซอกคอขาวๆหอมๆนั่น 

     
     
    "ของอ่ะเดี๋ยวค่อยเก็บก็ได้ นะนะซึงอา~"

     
     
    "ไม่ให้เก็บของตอนนี้ละจะไปเก็บตอนไหน?"

     
     
    "หลังจากที่อะไรอะไรมันเสร็จแล้วไงล่ะ-.,-"

     
     
    "อะไรที่ว่ามันคือ อ๊ากกกกก ปล่อยนะปล่อย"เสียงกรีดร้องดังขึ้นโดยไม่ได้ตั้งตัว เพราะว่าร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นในท่าเจ้าสาว หลังจากนั้นไม่นานความรู้สึกที่ว่าหลังสัมผัสกับเตียงนุ่ม ...(โช้ง!)
     
     
     
     
     



     
    วันที่3กันยายน ×× เวลา 1.00 

     
     
    ร่างหนาค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเพราะถึงเวลาที่นัดไว้กับใครบางคน ก่อนที่จะออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะใส่เสื้อเชิร์ทของตัวเองกับบ๊อกเซอร์ให้ร่างบางกันหนาวไว้ แล้วเดินออกจากห้องไปช้าๆ...

     
     
    2.00 ....

     
     
    มือบางควานหาไออุ่นบนเตียงจากคนข้างๆกาย เปลืองตาข้างหนึ่งค่อยๆขยับเปิดและหรี่ตามอง เมื่อพบแต่ความว่างเปล่า ลำตัวบางขยับเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงอ๊ะแสดงความจำปวดที่สะโพก แต่ก็ฝืนใจพยายามลุกขึ้นมาตามหาคนข้างๆ เมื่อไม่พบบนเตียงแล้ว ก็เดินไปดูที่ห้องน้ำ และก็ยังไม่พบใครอีกตามเคย

     
     
    "ไปไหนของเขานะ ดึกป่านี้แล้ว..."ขาสองข้างเริ่มขยับตามใจสั่ง สมองมัวแต่คิดเรื่องที่กังวล บวกกับเหตุการรณ์ที่ผ่านๆมาแล้ว ก็ยิ่งทำให้กังวลไปใหญ่ ทำให้ไม่ได้คิดเรื่องอื่นแม้แต่ ตอนนี้เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ล่อแหลมขนาดไหน ไหนจะร่องรอยที่โผล่พ้นเนื้อผ้าบางจุดอีก 
    มือบางกดลิฟท์ลงมาชั้นล๊อบบี้ ก่อนจะก้าวมาหารีเซปชั่นที่เจอกันเมื่อบ่าย 

     
     
    ".. You see junhyung ar ... with me"คำพูดประกอบท่าทางแปลกๆนั้น ถึงแม้จะเข้าใจยากซักนิด แต่ว่ารีเซปชั่นสองคนก็เข้าใจว่ามันคงหมายถึงผู้ชายอีกคนที่มาพร้อมกับคนคนนี้เป็นแน่

     
     
    "Oh , at the meeting room"เขาโค้งตัวสองสามทีตามแบบฉบับการขอบคุณของที่เกาหลี โดยไม่ได้สนใจภาษาที่ฟังไม่ออกนั่น 

     
     
    "แก ..รอย ..เยอะ...เขิน!!"

     
     
    "เขา...โช้งเช้ง...อิจฉา!!"
     
     
     
     
     
     
     


     
     
    สายตาที่เหลียวมอง ถึงแม้จะไม่เยอะเท่าไหร่เพราะว่าตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ก็ยังมีอยู่หลายคู่ ที่จ้องมองมา ทั้งสายตาแสดงความเขินอาย มองอย่างสนใจถึงการแต่งกายแปลกๆนั่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใจอันร้อนรนกับขาสองข้างหยุดเดินหรือเดินช้าลงได้รเลย 

     
     
    "จะ...จุนฮยอง ฮึก..ไปไหนอ่ะ"

     
     
    น้ำตาที่อัดอั้นเริ่มไหลมาช้าๆแต่สายตาดันหันไปเห็นป้ายข้างๆเขียนว่าห้องประชุมตามที่รีเซปชั่นบอกซะก่อน มือเรียวปาดน้ำตาลวกๆแล้วรีบก้าวเท้าจ้ำอ้าวเดินไปแง้มประตูออกมาเล็กน้อย เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปชะงักกลางอากาศ ...เหมือนวันนั้นเลย วันที่จุนฮยองหายไป แล้วเขากลับมาเจอจุนฮยองนั่งดื่มโค้ก แต่วันนี้มันต่างออกไป วันนี้เขามาเจอจุนฮยองกับใครอีกคน ผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารัก กอดคอ..ก้มหน้าใกล้ๆ ฮึก นึกว่าจะมีเขาทำแบบนี้ได้เพียงคนเดียวซะอีก 
     
    ...นึกว่าเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว...
     




    (สมมติว่าเป็นภาษาอังกฤษนะ55)
     
    "เค้กได้แล้วค่ะคุณดูจุน"วริษฐาถือเค้กเข้ามาตามคำโทรสั่งของผู้เป็นนาย เธอกวาดตามามองรอบห้อง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ชายที่มาตามหาคนเมื่อกี้ 

     
     
    "คุณจุนฮยองคะ... เจอกับคนที่มากับคุณหรือยังคะ?"

     
     
    "ฮยอนซึง? เขาทำไมหรอครับ"

     
     
    "อ่อ ก็เมื่อกี้เขามาถามหาคุณที่เคาท์เตอร์ ดิฉันเลยบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ แต่ดิฉันไม่เห็นก็เลยสงสัยน่ะค่ะ"

     
     
    "เขาลงมาตามหาผมหรอครับ?"

     
     
    "คะ..ค่ะ" หลังจากที่จบคำตอบรับนั่นผู้ชายคนนั้นก็พุ่งตัวออกมาจากห้องประชุมอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้บอกกล่าวใครทั้งสิ้น จน3ชีวิตในห้องได้แก่ยุนดูจุน ยังโยซอบและวริษฐามองตามด้วยความตกใจ 

     
     
    "เอ่อ..บอส ฉันทำไรผิดเปล่าคะ?"
     




     
     
     
    ร่างบางเดินร้องไห้อย่างไร้จุดหมาย ในหัวสมองตอนนี้แทบจะไม่รับรู้อะไรรอบข้างอีกแล้ว มันแค่รู้สึกว่าจุนฮยองกำลังจะทิ้งเขาไป ถึงแม้ว่าภาพที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่เมื่อเขามาเห็นภาพที่บาดใจอันนั้นประกอบกับความแปลกไป ทั้งเวลาที่ให้กับท่าทางเหมือนจะมีพิรุทนั่นก็แทบทำให้ไม่มีเวลาไตร่ตรองคิดถึงเห็นผลที่จะเป็นไปได้อื่นๆอีกแล้วทั้งสิ้น สายตานับสิบคู่มองเขาราวกับตัวประหลาด จะไม่ให้มองอย่างนั้นได้ไงในเมื่อ ร่างที่เต็มไปด้วยรอยแบกหัวสีส้มสะดุดตานี้เดินวนเวียนรอบทางเดินของโรงแรมมาจะ10รอบแล้ว! 

     
     
    จางฮยอนซึงเหลือบตาขึ้นมองป้ายของห้องประชุมอีกรอบก่อนจะปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ คิดจะทำในสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่เคยทำมาก่อน ...น๊อตหลุด หลุดแบบน่ากลัวซะด้วยสิ 

     
     
    "ยงจุนฮยอง ..... ตายซะเถอะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!"

     
     
    มือเรียวผลักประตูเข้าไปในห้องที่ถูกตกแต่งเหมือนเป็นงานแต่งงานขนาดย่อมๆ มีดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์วางเรียงกันเป็นหย่อมๆไปตามทางเดินที่ลากยาวไปถึงเวที รอบข้างมีโต๊ะกลมประมาณ3-4โต๊ะ ถ้าคนมีสติเดินเข้ามาคงไม่แคล้วสะดุดกับความงามรอบๆห้อง กับป้ายบนเวที ที่เขียนว่า "สุขสันต์วันเกิดจางฮยองซึง"อันใหญ่เบอเริ่ม...แต่ก็นะ คนที่เข้ามา จะเรียกว่ามีสติคงไม่ได้

     
     
    โครม ! โครม ! เพล้ง!

     
     
    "นายทำแบบนี้ได้ไงจุนฮยอง ฮึก ทิ้ง...ได้ ฮืออออ"โต๊ะที่วางเรียงกันอยู่ล้มไปกับพื้น ดอกไม้ที่วางอยู่บนที่ตั้งและแจกันแตกย่อยยับไม่มีชิ้นดี ดูจุนที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์"เมียจุนฮยองน๊อตหลุด" ก็รีบโทรกดเบอร์เพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว 

     
    "ไอ้จุนฮยองรีบกลับมาด่วนเลย ฮยอนซึงอาละวาดย่อยยับแล้วเว้ย!"

     
     
    [ว่าไงนะ! เกิดไรขึ้นวะเนี่ย เออๆกูไปเดี๋ยวนี้แหละ]

     
     
    "ไอ้นิสัยไม่ดี มึงทำแบบนี้.....กับกู ได้ ฮึกไง!" 

     
     
    "มึง ..กลับ มะ..." มือที่กำลังจะฟาดลงไปบนกระถางดอกไม้อันที่สาม ถูกรั้งไว้ด้วยแรงกอดจากด้านหลังกับเสียงกระซิบเบาๆข้างหู 


     
    "ฮยอนซึงเป็นอะไร ใจเย็นๆสิ คุยกันก่อน"

     
     
    "ไม่คุยแล้ว ก็จุนฮยองจะทิ้งซึง จะทิ้ง...ฮึก"ร่างหนาที่กอดคนตัวเองด้วยชุดล่อแหลมหันไปมองดูจุนอย่างขอคำปรึกษา อะไรกันวะ เขางงโว้ย-_-!

     
     
    "ใครจะทิ้ง หื้อ ซึงอาหันมามองผมซิ" น้ำเสียงที่นุ่มนวลกับชื่อเรียกที่เหมือนเป็นการอ้อนทำให้คนที่อารมณ์เดือดปุดเมื่อครู่หันหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามามองตาเขาพร้อมอารมณ์ที่เย็นลง

     
     
    "ก็เห็นจุนฮยองกอดกับคนอื่น..."

     
     
    "อ้อ ชัดเลย"

     
     
    "ชัดอะไร นิสัยไม่ดี"พูดไปก็ใช้มือทั้งสองข้างทุบไปอีกซักปั๊กสองปั๊ก ยังทำไมเหมือนไม่สำนึกทั้งๆที่เขาร้องไห้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ

     
     
    "ฟังนะ หันไปมองรอบๆห้องนั่นโยซอบน้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกู ส่วนนั่นยุนดูจุน'แฟน'ของโยซอบ ส่วนห้องนี้ happy birthday นะฮยอนซึง ถึงแม้ เอ่อ.. นั่นแหละ มันจะใช้การไม่ได้แล้ว แต่ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ กูสัญญาว่าจะไม่ทิ้งมึงไม่ว่ายังไงก็ตาม และจะรักแค่มึงอย่างที่กูเคยบอก มึงมันสเปเชี่ยลสำหรับกู" ดูจุนกับโยซอบหันมามองหน้ากันกับลุคใหม่ของพี่ชายและเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้นัก มุมที่หวานจนเลี่ยน แหวะ! ส่วนอีกคนที่ยืนฟังอยู่เงียบๆน่ะหรอเลิกปาดน้ำตาแล้วยืนบิดไปบิดมาเพราะความเขินอายไปเรียบร้อยแล้ว

     
     
    "อื้อ .////."


     
    "กูพูดตั้งเยอะมึงพูดแค่นี้ ?" ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่พูดเหมือนกับว่าแง่งอนร่างบางตรงหน้า ตาดวงตาแพรวพราวมีแววหยอกล้อนั่นบอกชัดเจนว่าแค่แกล้งเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการคำพูดนั่นหรอก แค่การกระทำเขาก็พอใจจนยิ้มแก้มปริแล้วล่ะ !

     
     
    "กะ...ก็เหมือนกันนั่นแหละ"

     
     
    "รู้แล้วล่ะ~ งั้นเรามาเล่นเกมกันดีกว่า"

     
     
    "เกมอะไร? (' ')"

     
     
    "วิ่งแข่ง..ใครถึงห้องทีหลังต้องออนท๊อป! ;p"ว่าเสร็จคนที่เสนอเกมที่'ไม่ว่ายังไงเคะก็เสียเปรียบ' เกมนี้ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาก็เสียงที่ตะโกนตามหลัง


     
    "ขี้โกงนี่หว่า !!!!!"
     



     
     
    สเปเชี่ยลเบาๆ

     
    "เอ่อ...ดูจุนอา เละหมดแล้วอ่ะ .__."

     
     
    "แฟนแม่งทำเละยังหนีไปมีความสุขอีก กูต้องเก็บใช่มั้ยเนี่ย!?"เสียงพูดตะคอกทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ในห้องสะดุ้ง แล้วยืนก้มหน้านิ่ง

     
     
    "อ่า ฮยองไม่ได้ว่าโยนะ เดี๋ยวฮยองไปตามแม่บ้านมาจัดการละกัน แล้วเราไปสวีทกันบ้างนะ^____,^" 

     
    ".////."

     
     
    "ยุวนุช!"

     
     
    "คะค่า .."

     
     
    "คุณช่วยเรียกแม่บ้านมาเก็บกวาดห้องนี้ให้ผมด้วย"ผู้เข้ามาใหม่มองร่างเล็กที่ยืนให้บอสของเธอโอบจนจะกลืนเข้าไปในร่างเดียวกัน ร่างเล็กที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออย่างงงๆ แต่สายตาเป็นประกายเล็กๆนั่นแทบจะทำให้เธอล้มทั้งยืน คนอะไรน่ารักอย่างนี้วะ!?

     
     
    "ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่า" หลังจากที่เธอเดินออกไป...

     
     
    "ดูจุนอา~ คนเมื่อกี้น่ารักเนอะ" 
    (จบ! จะมีสเปทำไม?-_____________-)





     
     
    Talk:  ก่อนอื่นขอกล่าวว่า ไม่ต้องแปลกใจเลยที่มีชื่อคนไทย เราจะไม่ขอกล่าวว่าเป็นชื่อใครอะไรยังไง
    (เอ๊ะแต่เดี๋ยวนะ .. มันโท้งๆเลยนี่หว่า)เอาล่ะ ขอแค่อย่าประนามเค้าก็พอ -..- แต่งเพื่อความบันเทิงใจนะ ~
    แต่ว่าบางคนอาจจะพอเดาได้ x__x เรื่องนี้เคยลงที่บีสท์ไทยแลนด์ และที่ได้การตอบรับดีที่สุดคือเกมที่เอาชื่อเพลงมาเรียงต่อกัน
    เกมนี้มันเกิดจากเพื่อนเค้าคุยกัน แล้วใช้ไอ้แบบนี้แหละเพียงแต่เค้าเอามาดัดแปลงนิดหน่อย
    ก็ต้องขอบคุณเพื่อนสองคนนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย 55555 
     
    ปล.สเปนี้มีไว้เพื่อ ...? เอ่อ คือ นั่นแหละ ! 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×