คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
บางทีความรักอาจไม่ได้เกิดมาจากความเข้าใจตั้งแต่ต้น แต่บางครั้งอาจเกิดมาด้วยความเสียใจ ใครหลายๆคนอาจเคยวาดฝันความรักเอาไว้สูง และเมื่อเจอกับความผิดหวังหรือเสียใจ ก็มักจะเสียใจมากถึงมากที่สุด อย่างตัวของฉันเอง ฉันเลือกที่จะหยิบเรื่องราวต่างๆของชีวิตฉันมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ ความผิดหวังและความสมหวังของความรักของชีวิตฉัน
ฉัน “เขมิศรา วรนันธร”ฉันเป็นผู้หญิงที่หน้าตาค่อนข้างน่ารักคนหนึ่ง ฉันตาโต ผมยาวถึงกลางหลัง ตอนนี้ฉันทำงานเป็นนักแปลหนังสือ อยู่ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ก็ตั้งแต่ฉันเรียนจบมาก็ทำงานและทำงานมาตลอด ถ้างานเร่งมากมาก วันนั้นฉันก็จะไม่ได้นอนเลย ฉันเป็นลูกคนเล็กของคุณพ่อ “อานนท์” และคุณแม่ “ขนิษฐา” จริงจริงแล้วฉันมีพี่ชายหนึ่งคน แต่พี่ชายฉันจากไปด้วยอุบัติเหตุด้วยวัยเพียง 21 ปี ตอนนั้นฉันก็อายุแค่ 15 ปีเอง ตอนนั้นพี่ชายฉันเพิ่งเรียนจบและเพิ่งได้งานทำ พี่ชายฉันได้เป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์เดียวกันกับที่ฉันทำงานอยู่ตอนนี้ ฉันร้องไห้โวยวาย 3 วันติดต่อกันโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายที่ฉันรัก และคอยดูแลฉันมาตลอด จะจากฉันไปเร็วเพียงนี้ แต่พี่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันได้ทำงานนี้ เพราะฉันอยากทำความฝันของพี่ให้เป็นจริง ถึงฉันจะไม่ได้เป็นนักเขียนก็ตาม แต่พี่ของฉันก็เคยฝันไว้ว่าพี่จะต้องทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งนี้ให้ได้
“ หวัดดีค่ะแม่ หวัดดีค่ะป้านวล ” ป้านวลเป็นแม่บ้านที่บ้านฉันค่ะ คุณป้าท่านเป็นญาติห่างห่างของคุณพ่อ เลยชวนท่านมาอยู่นี่ เพื่อมาดูแลฉันกับพี่ ตั้งแต่ฉันกับพี่เด็กๆ ท่านก็เลยเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
“ ทำไมวันนี้กลับเร็วได้หล่ะ เขม ลูก ” ผู้เป็นแม่ถามฉันด้วยความสงสัย
“ แล้วคุณพ่อหล่ะคะ แม่ ”
“ คุณพ่อเค้ายังไม่กลับหน่ะลูก วันนี้เค้ามีเคลียร์งาน ”
“ อ๋อ พอดีวันนี้หนูเคลียร์งานของอาทิตย์นี้เสร็จหมดแล้วเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด จะได้ยิ่งพักผ่อนให้เต็มที่เลยจะรีบกลับหน่ะค่ะ ”
“ เดี๋ยวยังไงเขมกินข้าวเสร็จเนี่ย มาหาแม่ที่ห้องด้วยนะลูก ”
“ ค่ะแม่ ” ฉันเริ่มสงสัยว่าทำไมวันนี้ จู่ๆ แม่ถึงเรียกเราขึ้นไปคุยเป็นการส่วนตัวหล่ะ หรือว่าจะมีเรื่องด่วนอะไรรึปล่าว เพราะร้อยวันพันปี แม่ไม่เคยเรียกฉันขึ้นไปคุยส่วนตัวแบบนี้ เพราะแม่จะคุยกับฉันพร้อมพ่อ และ ป้านวลด้วยตลอด ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกใจไม่ดีเลย เอ.......ฉันพยายามคิดว่าฉันเคยไปทำความผิดอะไรที่ไหนรึปล่าว แต่ฉันก็ไม่เคยนี่ ตอนนี้ฉันอายุ 24 ปีแล้ว ยี่สิบสี่ปีที่ผ่านฉันก็ไม่เคยปิดบังไรแม่เลย ฉันเริ่มคิดวนไปวนมา จนมีเสียงเสียงหนึ่ง เรียกฉัน
“ เขม เขม ” คุณป้าเรียกฉันหลายครั้งจนฉันรู้สึกตัว
“ ขา ป้านวลมีไรคะ ”
“ ก็เรานั่งเหม่ออะไรอยู่หล่ะ กับข้าวเย็นชืดหมดแล้ว ”
“ อ๋อ ป่าวหรอกค่ะป้า พอดีหนูคิดอะไรเพลินๆ ”
“ เอ่อ เขมเรารู้รึป่าว ช่วงที่เขมมีงานเข้ามาเยอะ จนต้องไปนอนที่คอนโดหน่ะจ่ะ ป้าแอบเห็นพ่อหนูออกไปข้างนอกดึกๆ หรือไม่บางวันก็กลับดึก แล้วกลับมาแต่ละทีนะก็มีแต่กลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่ คลุ้งไปหมดทั้งตัว แล้วก็มีเรื่องทะเลาะกับแม่เราบ่อยมาก ดีนะที่แม่เราเป็นคนไม่มีปากมีเสียง เขาทำอะไรมา แม่เราก็ไม่ทำกลับ งั้นเรื่องคงบานปลายไปมากกว่านี้ ป้าไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่ป้าทนไม่ไหวที่พ่อเราทำกับแม่เราอย่างนี้ เมื่อหนูกลับมา ป้าก็อยากให้หนูรับรู้ ป้าว่า แม่เราต้องรู้อะไรมากกว่านี้แน่เพียงแต่แม่เราไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง ป้าถามกี่ทีก็ไม่ยอมบอก บางครั้งพ่อเราก็ทำร้ายแม่เค้าด้วย ป้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ”
“ เขมว่า วันนี้แหละค่ะที่เขมจะได้ฟังทุกอย่างจากแม่ เพราะวันนี้ถ้าเขมกินข้าวเสร็จเมื่อไหร่แม่ให้เขมขึ้นไปหานะค่ะ ”
“ งั้นป้าว่า แม่ก็คงจะพูดเรื่องนี้ให้หนูฟังนั่นแหละ งั้นป้าขอตัวก่อนนะจ้ะ ”
“ ค่ะ คุณป้า ราตรีสวัสดิ์ นะคะ ”
“ จ่ะ ” สิ้นเสียงคุณป้า คำพูดของคุณป้าหลั่งไหลเข้ามาในสมองฉันไม่เว้นซักวินาทีเดียว เหมือนกับพายุที่ถาโถมใส่ฉันอย่างรุนแรง คุณพ่อ อานนท์ ที่ฉันเชิดชู เสมอมา ทำไมท่านถึงได้ทำกับแม่แบบนี้ ฉันเลยคิดไปถึงอีกว่า ถ้าคุณพ่อติด แค่เหล้า แค่บุหรี่ มันยังพอมีทางรักษา แต่ถ้าพ่อเกิดมีผู้หญิงอื่น หรือ ติดการพนัน นั่นจะทำให้ครอบครัวเราเป็นยังไง ทำไมแม่ถึงไม่บอกฉันซักคำเลย ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า สิ่งที่ฉันคาดเดาไว้ มันจะเป็นจริงหรือไม่ หากมันเป็นจริงฉันในฐานะลูกที่เหลืออยู่คนเดียว ฉันจะรับทุกสิ่งทุกอย่างไหวไหม ฉันจะรับมือกับมันได้ไหม ในเมื่อฉันไม่ได้คิดเลยว่า เรื่องราวแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเหมือนกันหัวสมองของฉันมันตื้อไปหมดเลย ตอนนี้ฉันไม่สามารถคิดอะไรออกอีกแล้ว นอกจากรอรับชะตากรรมที่จะเกิดอีกไม่ช้านี้
“ คุณแม่ขา เขมมาแล้วค่ะ ” ฉันเรียกแม่ด้วยความกังวล ว่าจะเกิดอะไรเกิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
“ เข้ามาเลยลูก แม่ไม่ได้ล๊อคประตู ”
“ ค่ะแม่ ” จากนั้นฉันก็บิดลูกกลอนเข้าไป ภาพที่ฉันเห็นคือแม่ ที่มีแววตาเศร้าหมอง อย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นแม่เศร้าขนาดนี้ พอฉันเห็นแม่เป็นอย่างนี้ ใจของฉันมันก็เริ่มสั่นเป็นทวีคูณ
“ ที่แม่เรียกมาเนี่ย เพราะว่าแม่จะถามว่า ช่วงสงกรานต์เนี่ย ลูกต้องอยู่ทำงานรึปล่าว ถ้าจะทำก็ได้นะลูก แต่ถ้าไม่ทำเนี่ย เราจะไปเที่ยวกันนะลูก “ แม่ถามฉันด้วยแววตาที่มีอะไรปิดบังอยู่ในใจ
“ แม่เรียกหนูมาเพราะเรื่องแค่นี้เหรอคะ แม่ลืมเรื่องเที่ยวไปก่อนเลยนะคะ ตอนนี้แม่มีอะไรปิดบังหนูอยู่รึปล่าวคะ ถ้ามีเนี่ยแม่บอกให้หนูฟังบ้างก็ได้นะคะ ” ฉันถามแม่ด้วยแววตาคาดคั้นเอาความจริง
“ คือ..... “ แม่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก แต่ฉันก็ยังคงจ้องมองแม่ด้วยสายตาคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ ฉันคิดว่าถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฟังความจริงจากปากของแม่ ฉันคงนอนไม่หลับอย่างแน่นอนในคืนนี้ และคืนต่อๆไป และแล้วแม่ก็พูดออกมาจนได้
“ พ่อติดเหล้า กับการพนันลูก “ ในที่สุดสิ่งที่ฉันเคยคาดเดาไว้ มันก็เป็นจริงจนได้ ฉันได้แต่อึ้งซักแปปนึงแล้วจากนั้น ฉันก็เดินออกจากห้องแม่ไปโดยไม่มีการพูดจาต่อจากนั้นกับแม่ซักคำ ฉันได้แต่เดินอย่างคนไร้วิญญาณไปที่ห้องนอน คุณพ่อที่ฉันเคยคิดว่าท่านเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกที่ฉันเคยพบ แต่ทำไมผู้ชายที่ฉันเคยยกย่องคนนี้ ถึงทำกับครอบครัวของตนเองอย่างนี้ เงินทุกบาทที่พ่อควรจะนำมามอบความสุขให้คนในครอบครัว แต่พ่อกลับเอามันไปใช้กับสิ่งที่เป็นอบายมุข ทำไมพ่อถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ พ่อกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่อาจคิดเลยว่าผลที่ตามมามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่ฉันเคยอ่านเจอในนิยาย ว่าขนาดถึงกับขายลูก ฉันไม่อาจคิดได้เลยว่ามันจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ ทำไมทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ แต่แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่โต๊ะ ฉันภาวนาอย่าให้มันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย ฉันไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้ว มันหยดเพิ่มลงมาเรื่อยๆ ฉันค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าไปที่โต๊ะทำงาน มือสั่นๆของฉันค่อยๆแกะซองเอกสารออก จดหมายฉบับนี้ไม่จ่าหน้าซองถึงใครทั้งสิ้น มีเพียงแต่ที่อยู่เขียนไว้เท่านั้น
เรื่อง สัญญาการชำระหนี้
ผม นาย บดินทร์ เตชะไกรลาศ ผมหวังว่าคนที่อ่านอยู่นี่คือคุณ เขมิศรา นะครับ ผมไม่ได้มาในนามของบ่อนที่พ่อคุณได้ไปเล่น แต่มาในนามคนที่พ่อของคุณยืมเงินไปเล่นครับ ผมเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของพ่อคุณครับ คุณคงรู้จัก คุณ บัณฑิต เตชะไกรลาศ อดีตประธานบริษัท เตชะ หลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) ตอนนี้ผมขึ้นดำรงตำแหน่งแทนท่านแล้วครับ
“นาย บัณฑิต คุณลุง บัณฑิต เพื่อนสนิทของคุณพ่อหนิ งั้นนายก็คือเพื่อนสนิทของพี่ชายฉัน ที่เคยมาวิ่งเล่นที่บ้านฉันแต่ก่อนหน่ะสิ” ฉันชักเริ่มเข้าใจเรื่องราวแล้ว
หวังว่าคุณคงจำเด็กหนุ่มคนนั้นได้ ที่ไปเที่ยวที่บ้านคุณบ่อยๆ และคุณก็คงรู้แล้วว่า ผมเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายคุณ และแน่ๆคือ คุณพ่อของคุณได้เซ็นสัญญากับทางบริษัท โดยมี บ้าน,รถยนต์,ที่ดินทุกแปลงที่อยู่ในความครอบครองของคุณพ่อคุณและในนามของคนในครอบครัวของคุณ เพื่อเป็นหลักประกันกับเงินที่กู้ยืมเงินไปเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท และเลยกำหนดกำหนดในการชำระหนี้มานานแล้ว คุณคือผู้ที่ต้องจัดการทุกอย่าง และเจรจาต่อรองกับผม ในฐานะที่คุณเป็นทายาทที่เหลืออยู่คนเดียว เวลาสิบโมงเช้าพรุ่งนี้ มาเจอผมที่สำนักงานใหญ่ชั้น 63 หวังว่าคุณคงมา ถ้าคุณไม่มาคุณคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“50 ล้านบาท ชาตินี้ฉันคงหามันไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ฉันไม่อาจจะร้องไห้ได้อีกแล้วน้ำตาของฉันมันแห้งเหือดจนไม่มีจะให้ร้องอีกแล้ว ฉันกำจดหมายจนแน่นจดยับไม่เหลือชิ้นดี ทำไมชีวิตของฉันมันไม่เหมือนที่ฉันคาดฝันไว้ซักนิดเลย ชาติที่แล้วฉันไปทำกรรมอะไรไว้ ฉันถึงต้องมารับกรรมอย่างนี้ ฉันนั่งเหม่อลอยไปซักพักคิดถึงวันพรุ่งนี้ที่จะเกิดขึ้น เวลาสิบโมงมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องแลกตัวเอง แบบที่ฉันเคยคิดไว้แล้วกัน อย่างน้อยอีตานั่นก็ยังคงไม่ขาดผู้หญิงถึงขนาดนั้น ว่าแต่ฉันไม่ได้เจอหมอนั่นนานแล้ว หมอนั่นคงหน้าตาดีหน้าดู เพราะตอนที่ยังเป็นเด็กนักเรียนหมอนั่น หน้าตาน่ารักเป็นบ้า ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย เค้าเป็นเจ้าหนี้บ้านเรานะ จากนั้นเสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้นมา เบอร์แปลกแปลกเหมือนเบอร์โทรมาจากต่างประเทศเลย หรือว่า ณัฐ จะโทรมา ณัฐ หรือ ณัฐนันท์ ศรีธรรมชัย เป็นแฟนฉันเองแหละค่ะ เขาไปเรียนที่อังกฤษได้สองปีแล้ว
“ฮัลโหล” เพราะยังไม่แน่ใจว่าใช่ ณัฐ รึปล่าว เพราะเพื่อนฉันหลายคนเหมือนกันที่ไปเรียนต่างประเทศ ฉันจึงพูดไปแค่นั่น
“สวัสดี ครับผม ผม ณัฐนันท์ ศรีธรรมชัย รายงายตัวครับไม่ทราบว่าคนที่รับสายคิดถึงผมไหมครับ” ณัฐ ยังคงอารมณ์ดีเหมือนเคย นายช่างโทรมาได้ถูกเวลาจริงจริง ฉันกลุ้มใจมากเลย แต่ฉันคงเล่าให้นายฟังไม่ได้นะ
“ไม่รู้สิ ก็เล่นไม่โทรหา เขมตั้งนานแล้ว ก็คงคิดถึงจนหายคิดถึงแล้วมั้ง หรือว่าไปแอบมีกิ๊กเป็นแหม่ม”
“อย่าน้อยใจเลยนะ”
“ทำไม ณัฐไม่สะดวกคุยเหรอ”
“อืมใช่ พอดีตอนนี้ ณัฐทำงานพิเศษอยู่หน่ะ ถ้านายมาเห็นเอาคงโดนว่าแน่เลย ยังไงพรุ่งนี้เราจะโทรไปหาตัวเองนะ เปิดเครื่องรอด้วยนะ บายนะครับ เจ้าหญิงของ ณัฐ”
“ค่ะ เจ้าชายของเขม คิดถึงเสมอนะคะ” จากนั้น ณัฐ ก็วางสายไป แน่นอนหล่ะ เค้าต้องเรียนทำงานไปด้วยหนิ ฉันไม่อยากรบกวนเค้า ไม่นานเค้าก็จะกลับมาแล้ว ฉันอดใจรอนิด คงจะไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันควรจะเตรียมใจรอเจอวันพรุ่งนี้ดีกว่า ยังไงก็อย่าไปกังวลกับมันเลย วันนี้เราเสียน้ำตามามากพอแล้ว เราต้องเข้มแข็งเพื่อคนที่เรารัก ยังไงก็เกิดมาแล้ว ชีวิตคงต้องเจออุปสรรคบ้างแหละ เอาเป็นว่าวันนี้นอนเอาแรงก่อนดีกว่า จากนั้นฉันก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ไม่ลืมที่จะเขียนบันทึกก่อนนอนทุกๆคืน วันนี้ฉันมีเรื่องต้องเขียนมากเป็นพิเศษซะด้วยสิ บันทึกมันเอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำคอยย้ำเตือนเราในอนาคต ทุกครั้งที่ฉันเขียนไดอารี่ ฉันจะพูดแบบนี้กับตัวเองเสมอ
และฉันจะต้องเขียนถึงพี่ฉันทุกวัน และฉันเชื่อว่าพี่จะต้องรับรู้สิ่งที่ฉันเขียนถึงพี่ให้รับรู้ และคืนนั้นฉันก็จมสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้า กับเรื่องต่างๆที่วันนี้ได้เจอมา
ความคิดเห็น