ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักอยู่ ณ ที่ใด

    ลำดับตอนที่ #1 : แผ่นดินทองอันเวิ้งว้าง

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 50


                                                  ผ่านวัยฝัน  ผ่านวันหวาน

    ภาพวันวาน  ฉันยังจดจำ

    สู่วันนี้  ที่บอบช้ำ

    ความเหงายังติดตาม  ความรักยังห่างไกล

    ไม่รู้จะคิดถึงใคร  เพราะไม่มีใครให้คิดถึง

    ไม่รู้จะซึ้งกับใคร  ฉันไม่มีใครเลยซักคน

    ตัวของฉัน  ใจของฉัน

    ความรักนั้นจะเป็นของใคร

    สุดขอบฟ้า  สุดที่ใด

    สุดขอบใจจะมีไหม  ใครซักคน

    ไม่รู้จะคิดถึงใคร  เพราะไม่มีใครให้คิดถึง

    ไม่รู้จะซึ้งกับใคร  ฉันไม่มีใครเลยซักคน

    ดอกรักบานในใจเขา  ดอกเหงาบานในใจฉัน

    วันพรุ่งนี้  อยู่ที่ไหน

    จะมีใครก้าวเดินไปถึง

    อยู่วันนี้  แม้ไม่ซึ้ง

    ใจดวงหนึ่ง  ยังฝันถึงความรัก


              สายลมอ่อนโชยนำพากลิ่นทรายปะทะหน้าแล้วลู่ตามเส้นผมสีดำขลับให้ปลิวไสวตามแรง ผมยาวสลวยดุจแพรไหมทิ้งตัวเรียงเป็นเส้นอย่างมีน้ำหนัก ดวงหน้าละมุนรูปไข่อย่างสาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรด้วยคิ้วโก่งรูปคันธนูสมส่วนกับจมูกโด่งเล็ก ๆ ซึ่งเชิดอย่างคนนิสัยรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีเชอร์รี่เผยอออกเล็กน้อยตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเล็ก ๆ ดวงตากลมโตสีนิลล้อมรอบด้วยแพขนตาหนามีแววล่องลอยครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเฉยเมย เธอเบือนหน้าจากภาพตรงหน้า ภาพของคู่รักที่โอบกอดกันด้วยความรัก ภาพที่เธอโหยหาว่าเมื่อใดจะเกิดขึ้นกับเธอ

              ร่างสูงโปร่งลากกระเป๋าให้พ้นจากประตูทางออกของอาคารรับรองสนามบินคานัคก์ เดินตรงไปยังแท็กซี่ซึ่งจอดรอรับผู้โดยสารอยู่แล้ว

          "ไปโรงแรมราห์ซิล" เสียงหวานกล่าวด้วยภาษาอังกฤษด้วยความช่ำชองโดยไม่มองหน้าคนขับ

             …เฮ้อ…

             หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเอนหลังพิงพนักอย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเก้าชั่วโมงจากเมืองไทยสู่คานัคก์ แต่เป็นความเหนื่อยใจเสี้ยววินาทีที่เธอเห็นภาพคู่รักนั้น ยิ่งเมื่อนึกถึงแล้วความเปล่าเปลี่ยวภายในใจก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรู้งาน ดวงหน้าแฉล้มจึ่งตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง 

             พราวนภา สีหนาทตระกูล ชื่อนี้ไม่ค่อยไปเป็นที่รู้จักนัก แต่ถ้าพูดถึง 'พราวสิเน่หา' นักอ่านหรือคนในแวดวงหนังสือหรือแวดวงบันเทิงจะรู้จักเป็นอย่างดี นักเขียนคุณภาพเจ้าของนิยายรักชื่อดัง 'รักอยู่ ณ ที่ใด' ซึ่งเป็นภาพยนต์ทำเงินสูงสุดของเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว แต่หามีใครรู้ไม่ว่ากว่าที่เธอจะสามารถเขียนบรรยายความรักให้ซึ้งกินใจได้ขนาดนั้น เธอนั้นต้องรวบรวมและสืบค้นนิยามความรักจากหลากหลายที่ ที่ไม่ใช่ตัวเธอ ผู้ซึ่งไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ารักคืออะไร

             รุจิรา หรือ รุ้ง เพื่อนสาวคนสนิทของเธอมักจะเปรยเหน็บแหนมด้วยความสนุกปากเรื่อยมาว่า ทำไมหนอคนที่ไม่เคยมีความรักถึงเขียนนิยายแนวนี้จนได้ดี ผิดกับเธอที่มีความรักนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เคยเขียนได้ดีเลยสักครั้ง

             คิดแล้วริมฝีปากอวบอิ่มก็ยิ้มบาง ๆ เมื่อคิดถึงรุจิรา สาวร่างเล็กผู้ซึ่งมักเจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อย จนบางครั้งคนฟังก็นึกรำคาญ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อนสาวของเธอก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ยืนข้างเธอเสมอไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เหมือนที่ใครต่อใครเรียกว่า 'เพื่อนแท้' มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนสาวของเธอเลิกกับแฟนเพราะเธอเป็นต้นเหตุ ทำให้เธอรู้สึกผิดไปนาน แต่เจ้าตัวเองกลับไม่คิดอย่างนั้นแถมยังเปรยอีกว่า

          'ถ้าให้เลือกแฟนกับเพื่อน ฉันเลือกเพื่อนย่ะ แฟนนะมีเมื่อไหร่ก็ได้ สวย ๆ อย่างฉันนะเดี๋ยวเดียวก็หาได้ แกไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ เห็นแล้วสมเพชลูกตา'

             ถึงแม้เป็นการพูดที่ไม่ค่อยรื่นหูนัก  แต่สำหรับเธอมันเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ


             กึก!
             พรวด!
             หญิงสาวเซถลาไปด้านหน้าตามแรงกระชากของรถที่หยุดลงอย่างรวดเร็ว  ดวงหน้าละมุนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสงสัย  และเธอก็ต้องประหลาดใจเพราะสิ่งที่เธอเห็นนั้น แทนที่จะเป็นตึกหรูหราสีขาวสะอาดตาของโรงแรมระดับห้าดาวที่เธอเห็นในโบชัวร์การท่องเที่ยวกลับเป็น พื้นแผ่นดินสีทองเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา

             …นี่มันอะไรกัน…

          "คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม"

             เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความตกใจ และชายที่เธอไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ขึ้นรถก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายตวาด พลางใช้มือที่ถือปืนหันปากกระบอกมาทางเธอ

          "เอาของมีค่าทิ้งไว้ในรถแล้วลงไป"

             …นี่มันการจี้นี่…

             ร่างบางยังคงตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เจอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโดนจี้ อีกทั้งยังเป็นนอกประเทศไทยและเป็นกลางทะเลทรายเสียด้วยเสีย พราวนภาพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงแล้วคิดหาวิธี

          "เร็ว ๆ ลงไป"

    ชายอาหรับคนนั้นเร่งเธอแกมบังคับ พราวนภาจึงควานหาพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญต่าง ๆ

          "ทำอะไรนะ"

             "ฉันขอพาสปอร์ตกับเอกสารของฉันก็แล้วกันนะ ส่วนเงินนายจะเอาก็เอาไป"

             ตอนนี้ในหัวของหญิงสาวคิดได้อยู่อย่างเดียว คือ ทำยังไงให้เหลือชีวิตรอดกลับไปเมืองไทย ส่วนเงินนะไม่ตายก็หาใหม่ได้

             มือเรียวควานหาของที่ต้องการในกระเป๋าอย่างรีบเร่ง แต่เธอก็ยังไม่ลืมแอบดึงเครดิตการ์ดของเธอติดมือมาด้วย 

             ...เอาไปเลย  ไอ้ของพรรค์นั้นนะ  ไม่ทำให้เธอรอดออกไปจากทะเลทรายได้หรอก  ยัยคนต่างชาติ...


          "
    หึหึ"

             ชายคนนั้นแสยะยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ เขามองดูหญิงสาวร่างเล็กที่วุ่นวายกับการหยิบของอย่างสมเพช

          "ลงไปได้แล้ว"

             "ได้ ได้"

             ร่างบางเปิดประตูแล้วรีบกระโจนออกจากรถ และทันทีนั้นรถก็ขับออกไป พราวนภาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่เธอไม่ได้พกเงินสดติดตัวมากนัก แต่พอคิดอีกที  มันน่าจะเป็นความโชคร้ายของเธอมากกว่าที่ดันขึ้นรถแท็กซี่นรกคันนั้น 

             ดวงตาสีนิลมองไปรอบ ๆ กายของเธอ ทะเลทรายเวิ้งว้างที่ไม่มีสิ่งใดบดบังทัศนียภาพ ยกเว้นฝุ่นตลบที่เจ้ารถแท็กซี่คันนั้นทำทิ้งไว้ แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของเธอ

             …เราต้องเดินตามรอยล้อรถนั่นไป…

             แล้วร่างกายก็เร็วทันเท่าความคิด ขาเรียวเริ่มก้าวตามรอยล้อรถซึ่งจะนำพาเธอกลับไปยังตัวเมืองหรืออย่างน้อย ๆ ก็ที่ที่มีคนอาศัยอยู่ เธอเองยังไม่อยากตายในทะเลทรายตอนนี้

     



           
        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×