คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : One step closer
One step Closer
“เดินทางกันดีๆน่ะจ้ะ”
คุณนายโมนิก้ากล่าว
“นี้จ้ะอาหารกลางวัน และอาหารเย็น ป้าเตรียมไว้ให้แล้วจะกลับมาวันไหนกันล่ะจ้ะ”
“อีก2-3วันค่ะ”
“Aucklandหนาวน่ะ ดูแลสุขภาพกันด้วยน่ะจ้ะ”
“คร้าบ/ค่า”
ปริ้นซ์กับฉันขานรับพร้อมกัน สองสามวันนี้เราจะไปพักที่ เมืองธรรมชาติอย่าง เมืองอ็อคแลนด์กัน เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ในภาษาเมารีอ็อคแลนด์มีชื่อว่า Tamaki-Makau-Rau แปลว่า หญิงสาวที่มีผู้มาขอความรักถึง 100 คนแนะ ว้าวอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นจัง เมืองนี้เป็นเมืองที่มีหมู่เกาะเยอะเพราะอยู่ริมมหาสมุทรใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง จากบ้านคุณนายโมนิก้า เราก็สามารถล่องเรือไปเที่ยวเกาะ เดินป่า ปิคนิกบนภูเขาไฟ เที่ยวไร่องุ่นและจิบไวน์ หรือเดินทอดน่องไปตามชายหาดสีดำอันเป็นสวรรค์ของนักเล่นวินด์เซิร์ฟได้ วันนี้ปริ้นซ์บอกว่าจะพาไปเดินป่าก่อน เขาศึกษาข้อมูลมาแล้ว เราจอดรถไว้ที่โฮมสเตย์เก็บของ มีพนักงานเดินพาไปที่ห้องและเมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าห้องเป็นเตียงบิ๊กไซต์เดียงเดี่ยว หันไปถามปริ้นซ์ก็บอกว่าจอง2ห้อง ฉันเลยไปถามพนักงานบอกว่าห้องเต็มรบกวนให้เราพักห้องเดียวกันเพราะเป็นสามีภรรยากันแล้วจะคืนเงินค่าจองที่เหลือให้พร้อมอาหารครบทุกมื้อ โอ้วแม่เจ้า ฟังดูเหมือนดีแต่เราไม่ใช่สามี ภรรยากันน่ะเฟ้ย ว้อยยย มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เจอปัญหาแล้ว เอาไงละ มีทางเลือกที่ไหน ฉันซึ่งไม่ใช่คนเรื่องมาก เลยปล่อยไป อีกอย่างอีตานั่นคงไม่ทำไรฉันหรอก หน้าตาอย่างฉันไม่ใช่สเป็คใครง่ายๆแน่
“ว่าไงค่ะ คุณภรรยา” ปริ้น
“OoO”
“ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ”
“นี่คุณ!!!! ไม่ต้องบ้าจี้ตามพนักงานหรอกน่ะ”
ฮึ่ย เจ็บใจพูดมาได้ไง สามี ภรรยา กรี๊สสส
“5555เอาน่าไม่ต้องกังวลหรอก ผมเห็นหน้าคุณผมก็ทำอะไรไม่ลงแล้ว มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสองคืนนี้โอเคไหม”
“ทำไม เห็นหน้าฉันแล้วมันทำไม ไหนพูดมาให้เคลียร์สิ”
“คุณไม่รู้ตัวอีกหรอ เอาเป็นว่าผมจะไม่ลงไปนอนโซฟาบนเตียงหรืออะไรเหมือนในละครแน่ ผมจะนอนบนเตียงถ้าคุณนอนไม่ได้จะไปหาที่นอนที่ไหนก็ตามสบายน่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
หนอย ฉันคงหวังความเป็นสุภาพบุรุษจากนายไม่ได้สิน่ะ เมินคำถามฉันแล้วทำมาเปลี่ยนเรื่องอีก คิดว่าฉันจะกลัวงั้นเหรอ อ่ะถ่อ รู้จักพอใจน้อยไปซะแล้ว
“แหม่ ทำไมฉันต้องไปนอนที่อื่นให้เมื่อยหลัง ฉันก็จะนอนที่นอนนุ่มๆที่แหละ คุณไม่ต้องห่วงน่ะ ฉันไม่ทำไม่ทำอะไรคุณเช่นกัน ฉันง่ายๆอยู่แล้วไม่มากเรื่อง อีกอย่างเห็นหน้าคุณฉันก็ทำอะไรไม่ลงเหมือนกันอ่ะน่ะ”
หึหึ ได้ทีฉันตอกใส่หน้าจังงัง มั่งแล้วไง คนอย่างฉันกลัวอะไรที่ไหน ถ้าคิดจะเล่นสงคราสประสาทกันละก็จัดมาอย่าให้เสีย ฉันถนัดนักแล
“อ่อ ก็ดี๊ ผมจะได้สบายใจ ผมก็ง่ายๆอยู่แล้ว ดีแล้วที่คุณไม่ได้พิศวาศผม ผมยิ่งhot ในหมู่สาวๆอยู่ด้วย กลัวคุณจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นน่ะสิ”
เธอกล้ามากปฏิเสธผู้ชายสุดฮอตแบบฉัน ก็ลองดู ใครมันจะแน่กว่ากัน เปิดเผยกันไปเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องเสแสร้งใส่หน้ากากพูดจาเพราะๆใส่กัน ผมไม่ใช่สไตล์นั้นอยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงที่ดูทะมัดทะแมงผมลอนยาวสีน้ำตาลแดงถึงกลางหลังหน้ากลมออกหวานๆ สายตาที่เด็ดเดี่ยวแบบเธอ จะกล้าปฏิเสธผู้ชายที่หล่อลากดินอย่างผม ก็ผมหล่อจริงๆอ่ะ ก็ยอมรับว่าเธอหน้าตาค่อนข้างจะสวยเลยแหละ สวยแบบธรรมชาติ ถ้าผู้ชายคนไหนเดินผ่านก็คงจะเหลียวมองแบบไม่ต้องสงสัย แต่เธอกลับดูแปลกๆกว่าผู้หญิงคนอื่นที่เคยพบมา เธอดูเหมือนมีอะไรให้น่าค้นหามากกว่านั้น เป็นผู้หญิงที่ถ้าผู้ชายทุกคนมอง แล้วก็ต้องกลับมาทบทวนว่าเธอมีไรอะไรในดวงตาคู่นั้น ทำนองนั้นแหละที่ผมจะบอก เธอดูน่าค้นหา
แต่ก็ดูจะแสบไม่ใช่น้อย ฟังจากคำพูดคำจา และสงครามปราสาทที่ผมและเธอสาดใส่กันแล้ว ผมว่ามันคงทำให้ทริปนี้เร้าใจไม่ใช่น้อย ก็ดีแฮะ เจอของแปลกบ้างเป็นไง
“ ขอโทษที่ฉันมักไม่หลงใครแค่รูปภายนอกหน่ะน่ะ เคยได้ยินว่าคนหน้าดีมักดีแต่ภายนอก วันนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ามันเป็นความจริง”
“นี่เธอ!!!”
“ทำไม!!!”
ในที่สุดเราก็กำลังเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาอีเดน อากาศกำลังดีไม่หนาวสั่น แต่มีลมเย็นๆ ฉันแหงนหน้าขึ้นไป มองยอดเขาเห็นเฆมปกคลุมอยู่บนยอดเขาด้วย ใครจะรู้ ฉันกำลังจะเดินขึ้นไปสัมผัสเฆมแหละ กรี๊สสส แค่คิดก็ฟินแล้ว
“พอใจ มัวแต่เพ้ออะไรอยู่ กระเช้ามาแล้ว”
“เอ้า โอเค ไปกันเถอะ”
ฉันลากแขนเขาเข้าไปในกระเช้าที่มีแต่เราสองคน เราต้องนั่งกระเช้าไปประมาณ1ชั่วโมงก็จะเกือบถึงยอดเขา แต่เราต้องเดินขึ้นไปอีก2-3ชั่วโมง ก็จะถึงยอด ระหว่างทางฉันก็นั่งชมวิวไป ปริ้นซ์นั่งมองหน้าฉัน เลยอดแปลกใจถามออกไปไม่ได้
“นี่คุณมองอะไร”
“มองเธอ”
“มองทำไม”
“สงสัย”
“สงสัยอะไร”
“เธอจะจับแขนฉันไปอีกนานเท่าไหร่”
ฉันรีบก้มมองมือตัวเอง เอ้ย ได้ไงว่ะเนี่ย ลืมตัวไปเลย ตานั่นได้ล้อ เอาเรื่องนี้มาอ้างว่าฉันอยากแต๊ะอั๋งเขาแน่ๆ
“เอ่อ ขอโทษฉะ ฉัน ลืมตัว ”
“หึ อยากจับก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องอ้าง”
นั่นไงว่าแล้วเชียว โดนจนได้
“นี่น้อยๆหน่อยก็ตอนขึ้นกระเช้าฉันกลัวนิ เลยจับแขนคุณ พอขึ้นมามันก็ลืมทำไมคุณไม่ดึงออกละ อยากให้ฉันจับละซิท่า”
ได้ทีเอาคืนมั่ง ชิส์
“ใช่ ฉันอยากให้เธอจับ”
ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือมาดึงมือฉันไปกุมไว้ ฉันรีบเด้งตัวและชักออก เขากลับจับแน่น ไม่ยอมปล่อย
“นี่คุณปล่อยน่ะ”
“ไม่”
“ทำไม”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าอยากจับ”
“หึ ไหนว่าหน้าอย่างฉันทำอะไรไม่ลงไง นี่แค่มือ ยังอยากจับขนาดนี้ ฮึ ฮึ “
“จริงๆอยากกอดด้วยน่ะ มานี่มาเด็กน้อยมาให้ฉันกอดซะดีๆ”
“อ้ายย ปล่อยฉันน่ะ”
ปริ้นซ์ดึงฉันเข้ามานั่งตักฉันรีบผลักอกเขา แต่เขารั้งเอวฉันเข้าหาตัว
“นี่ถ้าเธออยู่เฉยๆไม่ดิ้นฉันจะปล่อย แต่ต้องจับมือฉันไว้ ไม่งั้นฉันจะกอดเธอ รับทราบตามนั้น”
“ทำไมฉันต้องฟังคุณมิทราบ”
“เพราะฉันจะทำตามที่ฉันบอก ถ้าเธอไม่ทำตาม ชัดเจนน่ะ”
“เชื่อตายละ”
“กรี๊สสสสส โอเคๆ ยอมๆๆๆแล้ว ฉันไม่ดิ้นแล้ว”
“ดีมากค่ะคนดี”
พอฉันหยุดดิ้นเขาก็ปล่อยร่างกายฉันเป็นอิสระจากอ้อมแขนเขา แต่มือยังกุมฉันอยู่ เฮ้อนี่เราต้องจับมือกันถึงอีกชั่วโมงข้างหน้าเลยหรอเนี่ย หยุดเต้นน่ะไอ้ใจบ้า เดี๋ยวใครก็ได้ยินเสียงหรอก
ความคิดเห็น