คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : When we first met
When we first met....
บนเส้นทางที่แสนยาวไกลฉันเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตฉันเริ่มต้นมาอย่างไรแล้วจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ตอนนี้ฉันรู้แค่เพียงว่าสาวช่างฝันอย่างฉันที่มีหัวใจของนักเดินทาง โหยหาอิสรภาพอย่างเต็มเปี่ยม ในใจของสาวจอมลุยอย่างฉันมันกำลังเรียกร้องอยากไปหาธรรมชาติ หุบเขา หิมะ หรือสายลมเย็นๆที่ไหนสักแห่ง นั่นทำให้ฉันตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าฉันจะไปนิวซีแลนด์เมืองแห่งขุบเขาในความฝันของฉัน ละทิ้งความวุ่นวายแห่งเมืองกรุงศรีวิไล ไปกกดานอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ถึงแม้ฉันซึ่งมีนามว่า ‘พอใจ’ จะต้องออกเดินทางคนเดียวไปก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่กับฉัน และจะไม่ทิ้งให้ฉันเผชิญปัญหาคนเดียวเป็นอันแน่ ในเมื่อหัวใจเรียกร้องออกมาดังขนาดนี้ ฉันจะตามเสียงของมันไป ก้าวออกไปเผชิญโลกกว้าง ฉันเชื่อว่ามิตรภาพกำลังรอฉันอยู่ Let’s go
เบื่อๆๆๆๆ เบื่อว้อยยยย ทำไมโลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมกับ ‘ปริ้นซ์’ สุดหล่ออย่างผมที่เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันหล่อเหลาเกาคางอย่างผม ผมอุตส่าหนีความวุ่นวายจากเมืองไทยหนีพ่อที่คอยบงการชีวิตทุกอย่างก้าวมาหาที่เรียนประเทศอิสรภาพบ้านเกิดของผมอย่างอเมริกา พ่อก็ยังไม่วายจะบังคับให้กลับไปภายในเดือนหน้าเพราะจะให้ไปช่วยงานที่รีสอร์ทที่เขาใหญ่อีก เจ็บใจนึกว่าจะอยู่เที่ยวเล่นสัก ปีสองปี หลังจากที่เป็นบัณฑิตใหม่สดๆร้อนๆ พ่อน่ะพ่อ จะไม่ให้ชีวิตผมเป็นอิสระเลยหรืองายยยยย เอ๊ะ หรือผมจะรีบหาสาวแต่งงานมีลูกที่นี่เลยดีไหมน่ะ จะได้มีพันธะ พ่อจะได้ให้อยู่ต่อ โว้ยยย ไม่ดีๆ ผู้ชายที่รักอิสระอย่างผม ชอบท่องเที่ยวหาประสบการณ์ไม่ชอบยึดติดกับอะไรทั้งนั้นอย่างผม มีหรือที่จะเริ่มชีวิตครอบครัวเพียงแค่อายุ29 อ่ะถ่อ ขุดหลุมฝังตัวเองล่ะสิไม่ว่า เฮ้อ เอาไงดีน้า อยู่ๆภาพประเทศในหุบเขาเมืองที่เงียบสงบภูเขาตระการตา หิมะสีขาวโพลนก็ปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดผม นั่นทำให้หัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า ให้ตายสิน่าไหนๆ ก็ต้องกลับเดือนหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ผมขอแบ็คแพ็คสักเดือนแล้วกัน เป็นไงเป็นกัน ไปตายเอาดาบหน้าก็ได้ว่ะ
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง อากาศช่างหนาวเหน็บระหว่างทางที่ฉันนั่งรอรถที่ได้ทำการเช่ากับร้านที่ฉันได้ติดต่อไว้เอารถมาส่งการเช่ารถถือว่าถูกและดีที่สุดสำหรับฉันในอาทิตย์แรกที่อยู่ที่นี่เพราะฉันอยากจะคุ้นทางสักหน่อยก่อนที่จะคืนรถ ฉันก็ดูข้อมูลต่างๆเส้นทางที่จะไปที่พัก ดีน่ะที่ได้เตรียมมาเรียบร้อยอย่างน้อยถ้าหลงก็พอบอกได้ว่าจะไปไหน ดีที่คนนิวซีแลนด์พูดอังกฤษได้ค่อนข้างจะดี ฉันเลยไม่กังวลเพราะฉันพูดได้ อิอิ ตื่นเต้นแล้น สักพักพอรถมาถึงฉันก็สอบทางเส้นทางจากคนให้เช่ารถว่าฉันจะไปพักเกสเฮ้าส์ใน เมืองเดอนีดิน (Dunedin) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ฉันขับรถไปตามเส้นทางและข้อมูลจากพี่ที่มาส่งรถให้ฉัน เริ่มตื่นตาตื่นใจกับวิวข้างทางและวิถีชีวิตของคนที่นี่ ฉันเลือกเช่าที่พักเป็นแบบเกสเฮ้าส์ เป็นบ้านคนนิวซีแลนด์ที่มีห้องในบ้านเขาเปิดให้เช่า อาศัยอยู่กับครอบรัวเขา ดูปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับฉัน เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ยังพอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จัดเตรียมอาหาร และสิ่งต่างๆมากมายให้กับฉัน นั่นดูเป็นทางที่ฉลาดที่สุดแล้วฉันคิดว่าน่ะ นั่นไงในที่สุดฉันก็เจอละ ฉันลงจากรถลากกระเป๋าลงมา และไปกดกริ่งตรงหน้าบ้านเขาออกมาต้อนรับพร้อมกับโอบกอดอย่างอบอุ่น คุณนายเจ้าของบ้านชื่อโมนิก้า เธออาศัยอยู่คนเดียว ลูกหลานอยู่อีกเมืองหนึ่ง และที่นี่เธอเปิดเป็นเกสเฮ้อส์และดูแลแขกมานาน เธอพาฉันเดินเข้าไปในบ้าน และบอกว่ามีคนมาเช่าอยู่ก่อนหน้าฉันคนหนึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เธอคิดว่าเขากับฉันน่าจะเป็นเพื่อนกันได้เพราะเขาพูดไทยได้
เมื่อได้ฟังฉันดีใจมากในใจรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากที่เตรียมเพื่อนไว้ให้ฉัน ถึงแม้เขาจะป็นผู้ชาย แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนไทย เราน่าจะได้เป็นเพื่อนร่วมทางกัน คุณนายโมนิก้าพาฉันขึ้นไปที่ห้องฉันตื่นตาตื่นใจกับห้องมาก มันช่างดูน่ารักและอบอุ่นเตียงนอนริมหน้าต่างใสบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวภูเขาที่มีต้นสนเรียบเคียงคู่กันไปยอดต้นสนปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวตัดกับต้นสนสีเขียวช่างเป็นภาพที่เหมือนในนิยาย คุณนายเลยขอตัวไปเตรียมอาหารเช้าให้ฉันและเพื่อนร่วมเกสเฮ้าส์อีกคน ฉันเลยใช้เวลาจัดของและเตรียมดูหนังสือท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ที่ซื้อมาจากไทย ครึ่งชั่วโมงต่อมาคุณนายโมนิก้าตะโกนเรียกลงไปทานอาหารเช้า พอลงไปฉันเห็นผูชายหน้าตาหล่อกระชากใจฉันคนนึงนั่งที่โต๊ะอาหาร น่าจะเป็นลูกครึ่งไทยเมกันที่คุณนายบอกแน่เลย เพราะที่นี่มีแค่เราสองคนเท่านั้นมี่มาพัก ฉันนั่งลงตรงกันข้ามกับเขาคุณนายนั่งหัวโต๊ะ เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วก้มลงกินอาหารต่อ คุณนายแนะนำเราทั้งสองให้รู้จักกัน เขาถามฉันว่า
‘คุณอายุเท่าไหร่’
‘22ค่ะ’
‘ผม29เรียกผมว่าพี่น่ะ’
มันก็แน่นอนอยู่แล้วสิย่ะจะให้เรียกน้องหรือไง ดูท่าทางเขาหยิ่งๆ ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ฉันค่อนข้างจะอัคคติกับคนลักษณะนี้ซะด้วย แต่ก็น่ะ พระเจ้าของฉันสอนมาดี มันทำให้ฉันนึกได้ว่า จงปฏิบัติกับคนอื่นอย่างที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อท่าน เพราะฉะนั้นเนื่องจากอายุน้อยกว่า ฉันจะสำเนียกตนเอาไว้ละกัน
‘ถ้าให้เดาคุณคงมาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม?’
‘ค่ะ แล้วคุณ?’
‘ผมก็มาที่นี่ครั้งแรก กะจะอยู่สักเดือน ผมโตมาที่เมกา เลยอยากมาพักผ่อนก่อนกลับไทย’
‘ฉันก็มาเดือนนึงเหมือนกันค่ะ’
‘หืม? คุณเรียนจบแล้วหรอ ทำไมมานานจัง ไม่ได้ทำงานหรอ’
“ฉันเพิ่งเรียนจบน่ะค่ะ ฉันชอบเดินทาง อยากทำตามหัวใจตัวเองก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“อะหะ”
แหม่ ตอบสั้นเสียนี่กระไร ตอบแบบนี้ตัดบทสนทนาสิน่ะ สักพักคุณนายโมนิก้าก็พูดขึ้นมาว่าให้เราทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมทริปกันสิ เพราะไหนๆก็อยู่ที่นี่หนึ่งเดือนเหมือนกันอยู่แล้วและฉันก็เช่ารถมาด้วยอะไรๆมันดูจะสะดวกไปหมดสิน่ะ ถามไหมว่าฉันอยากไปกับเขาหรือเปล่า แหวะ ปริ้นซ์ เงยหน้าจากจานที่เขากินอยู่มามองหน้าฉัน และถามว่า
‘คุณเช่ารถมากี่วัน’
‘1อาทิตย์ค่ะ’
‘งั้นเวลาที่เหลือ3อาทิตย์เดี๋ยวผมเช่าต่อเอง ไปไหนมาไหนจะได้สะดวก คุณโอเคใช่ไหมกับข้อเสนอของคุณนายโมนิก้า’
‘เอ่อ คือ....’
‘ถ้าคุณไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร’
‘เปล่าค่ะ มีคุณไปด้วยก็ดีเหมือนกัน เวลาหลงจะได้ไม่หลงคนเดียว’
‘หึ’
เฮ้อ ชีวิตที่เหลือในเดือนนี้ของฉันจะเป็นยังไงน้า
ความคิดเห็น