คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การมาเยือน
บทที่1 การมาเยือน
แสงแดดยามเช้าทอแสงรำไร ลอดผ่านเข้ามาในเกวียนน้อยที่แล่นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเขียวขจี และหุบเขาสูงที่รายล้อมอยู่ ลมที่พัดมาหอบเอาความสดชื่นและพลังแห่งการเริ่มต้นชีวิตวันใหม่ เข้ามาแทนความเหงา อ้างวาง และความเศร้าในยามค่ำคืนได้อย่างสนิท มีเด็กคนหนึ่งลอดออกมาจากเกวียนออกมาหาหญิงสาวที่ขับเกวียนอยู่ พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียด แล้วหาวหวอดๆ
"ห้าวว แม่ถึงไหนแล้วเนี้ย" เสียงช่างสมแล้วที่พึ่งตื่นนอนใหม่ๆ แล้วผู้เป็นแม่ก็หันไปมอง ลูก ในยามนี้ใบหน้าผู้เป็นลูกทอจับรับแสงตะวัน ใบหน้ากลมรี ดวงตาสีฟ้าดังน้ำทะเล กับเส้นผมสีแดงเพลิงประกายทองโบกสะบัดรับลมเมื่อเกวียนนั้นแล่นไป แสงตะวันสะท้อนเส้นผมและดวงตาเป็นประกายเจิดจะรัต ถึงแม้ในยามนี้ดวงตาคู่นั้นจะหรี่เล็กจากแสงแยงตา ผมที่ดูยุ่งรุงรัง ผู้เป็นแม่ยิ้มทักทายในยามเช้า แล้วลูกก็ยิ้มตอบ ยิ่งแสงแดดเข้ามาประทะในยามนั้นก็ดูเหมือนยิ่งทำให้โลกสว่างสดใส
"ห้าววว" คราวนี้ลูกอ้าปากหาวซะเปิดเผย เปลี่ยนอารมณ์ผู้เป็นแม่ในทันใด คิ้วแม่เริ่มนิ่วขมวด ลูกได้แต่ขยี้ตาและก็พยายามที่จะสางผมให้เรียบร้อย รู้ดีว่ายามนั้นอารมณ์แม่เป็นเช่นใด พยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเกวียนแล่นออกจากหุบเขา "แม่"แม่ที่กำลังจับจ้องลูกอยู่นั้นก็หันกลับไปมองตามสายตาลูก ภาพเบื้องหน้าคือ กำแพงอันสูงใหญ่ และมีเกวียนต่อกันยาวเป็นทิวแถว
"แม่นั้นเมืองอะไรเหรอ"
"อ้อคงจะเป็นเมืองไมเซอเรนุสนะลูก"
"แล้วทำไมเกวียนมันเยอะจังล่ะ"
"สงสัยในเมืองคงจะมีงานหละมั้งลูก แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอเราจะได้หาเงินได้เยอะๆไงล่ะลูก"
"แต่ แม่เราไปเมืองอื่นไม่ดีกว่าเหรอ เมืองนี้คนมันเยอะ น่าเบื่อจะตาย"
"แม่ก็ไม่ชอบความรุ่นว่าย แต่เราก็จำเป็นต้องหาเงินจากเมืองนี้เพราะเงินเราใกล้จะหมดแล้วนิ แล้วอีกอย่างน่ะ ถ้าไม่เข้าเมืองนี้ก็ต้องอ้อมหุบเขาไปอีกไกล แล้วตอนนี้แม่ก็เหนื่อยมากแล้ว นี้พวกเธอไม่เหนื่อยกันบ้างเหรอ"
"เหนื่อยค่ะ"
"เหนื่อยอะไรของเจ้า ข้าไม่เห็นเจ้าจะเหนื่อยตรงไหนเลย"
"ก็ข้าเหนื่อยงะ"
"เหนื่อยอะไรของเจ้า ข้าก็เห็นเจ้าน่ะเอาแต่อยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลย จะเหนื่อยได้ยังไง"
"ใครว่าข้าไม่อยากทำละ แล้วใครมาบ่นว่าข้าขี่ไม่ดีแล้วไม่ให้ข้าขี่ละ แล้วตอนนี้มันก็ขี่ไม่ได้เจ้าก็รู้" แต่ก่อนที่มวยคู่เล็กจะเริ่มเสียงสาวน้อยก็เอ่ยอ่อนลง
" แล้วอีกอย่างน่ะเจ้าก็รู้ว่าถ้าเจ้าเหนื่อยข้าก็เหนือยเหมือนกันนิ"
"ก็ " เสียงของผู้เป็นพี่ชายอ่อนลง
"นี้ สองคนนะอย่าทะเลาะกันเลย เดียวทำตัวดีๆๆละจะเข้าเมืองแล้ว"
ปากทางเข้าเมืองไมเซอเรนุสมีผู้คนมากมายคึกคัก ดูครึกครื้น ที่ยามนี้ผู้คนต้องลงมาเดิน กันอย่างขวักไขว่ เพื่อที่จะเข้าต่อแถวลงทะเบียนก่อนที่จะใช้เกวียนเข้าไปในเมืองได้
เกวียนแล่นเข้าเมืองที่มี ความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ ผืนดินดำเริ่มเปลี่ยนเป็นถนนอิฐ เพียงแค่ผ่านประตูใหญ่มาเพียงไม่นาน บ้านเรือนหลังเล็กใหญ่เริ่มปรากฏให้เห็น จนหนาแน่น สถาปัตยกรรมของสิ่งปลูกสร้างภายในเมืองแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองจนน่าทึ่ง
ขณะที่มองความสวยงามของบ้านเรือนยามเกวียนแล่นไปทันใดนั้นเกวียนก็ถูกหยุดลง
"นี้พ่อหนุ่มมาขวางเกวียนเราไว้ทำไมกัน" ชายหนุ่มทั้งสามเมื่อได้ยินหญิงสาวคนนี่ทักเช่นนั้นก็ได้แต่อำอึ้งกันแล้วมองนางเป็นสายตาเดียว นางช่างงดงามเสียเหลือเกิน ดวงหน้ากลมรีรูปไข่ คิ้วโก่งดังคันสร ริมฝีปากสีแดงระเรื่อย ดูอวบอิ่ม เข้ากับดวงตาสีน้ำตาลกับเรือนผมสีทองแดง
"นี้พ่อหนุ่ม"เมื่อแม่เรียกก็ไม่มีปฏิกิริยาจากใครตอบโต้ ผู้เป็นลูกเห็นดังนั้นจึงนึกสนุก ออกจากเกวียนมาข้างหน้า "อ้าวแม่เกิดอะไรขึ้นเหรอ" เมื่อเด็กน้อยตาสีฟ้าคมเข้ม ผมสีแดงเพลิงมัดรวบไปด้านหลังออกมาชายทั้งสามก็ยิ่งชะงักไปใหญ่เสียงหัวเราะเล็กๆก็ดังขึ้นมา แม่หันไปว่า "เสียมารยาท" เท่านั้นก็ทำชายคนหนึ่งที่ได้สติขึ้นมาก่อน
"ตกลงพวกท่านมีธุระอะไรกับพวกเรา"
"ขออภัย คือ มีคนต้องการพบพวกท่าน"
"ใคร"
"มหาปราชญ์โมเทออน"
"แล้วท่านมหาปราชญ์เป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับพวกข้า"
"ท่านเป็นเป็นมหาปราชญ์ที่สำคัญของเมืองนี้ แล้วต้องการพบพวกท่านด้วยเหตุใดข้าไม่ทราบได้ เชิญพวกท่านไปกับพวกเราด้วย"
"ได้ แล้วเกวียนข้าจะให้ไว้ทีไหนละ"
"ไม่ต้องห่วงเดียวพวกข้าจะดูแลให้ เชิญ" แล้วชายคนหนึ่งก็เดินนำไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ดูเก่าและทรุดโทรมมาก แต่อยู่ท่ามกลางบ้านสวยๆหลายหลังสร้างความสงสัยกับพวกเขาเป็นอย่างมาก แล้วชายผู้นั้นก็เคาะประตู
"เชิญ ข้าส่งท่านเพียงเท่านี้" แล้วประตูก็เปิดออก มีชายคนหนึ่งเดินออกมาโค้งคำนับอย่างนอบนอม "เชิญ" ชายผู้นี้ผายมือแล้วก็เดินนำเราเข้าไปแล้วประตูก็ปิดลง ชายคนที่มาเปิดประตูหายไปแล้ว แล้วก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา "เชิญ" ชายตรงหน้านี้ดูช่างเป็นคนที่ดูมีความรู้เสียเหลือเกิน ผมดำแซมขาว ใบหน้าดูเอิบอิ่มสดใส ดั่งชายวัยฉกรรจ์ ก็เดินนำเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้องที่ดูสวยงามหรูหรา ผิดกับสภาพภายนอก "เชิญนั่ง" "ขอบคุณค่ะ"
"เชิญพวกท่านนั่งพักกันตามสบายก่อน" และชายที่มาเปิดประตูให้เราก็เดินเอาน้ำชาเข้ามาเสริฟ
"ขอบคุณค่ะ เออ ท่านมีธุระอะไรกับพวกข้าเหรอ"
"อ้อ ข้าลืมแนะนำตัว ข้าชื่อวิลลาร์ด เป็นอาจารย์ของโรงเรียนในเมืองนี้"
"ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าชื่อ อาฟาเทียร และนี้ เซมิริว เอฟิโนเซีย"
"สวัสดีฮะ"แล้วยิ้ม ได้แต่ทักทายเพียงเท่านี้ แล้วนั่งนิ่งเรียบร้อย แต่ดวงตาก็มองตามอย่างคนใคร่รู้ และความสงสัยที่มีมาตั้งแต่ที่โดยหยุดเกวียน โดยชายสามคน แล้วก็ถูกพามายังบ้านหลังนี้แต่ก็ยังไม่มีใครเปิดโอกาสให้เธอพูดเลย ได้แต่เงียบฟังอย่างเดียว เพราะแม่แค่สอนไว้ว่าเวลาผู้ใหญ่คุยกันควรที่จะสุภาพเรียบร้อยและไม่ควร พูดแทรกผู้ใหญ่ อาจารย์คนนั้นมองเซมิริวแล้วยิ้มๆ
"ข้าขอถามคำถามพวกเจ้าสักสอง-สามข้อก่อนที่พวกเจ้าจะได้เข้าพบที่ท่านปราชญ์จะได้ไหม" แล้วชายผู้นั้นก็ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ
"อืม คงได้ ถ้าคำถามนั้นเป็นคำตอบที่สามารถตอบได้"
"ข้อแรก เจ้าเป็นคนที่ไหน มีอาชีพอะไรกัน"
"ข้ากับลูกเป็นคนเร่รอนเดินทางไปทั่วตั้งแต่เหนือจรดใต้เดินทางหาแผ่นดินที่เหมาะสมกับพวกข้า แต่ก็ยังไม่พบ และข้าเป็น เดอะเดนเซอร์ ออฟไนท์คอนเทียร ข้าใช้อาชีพนี้หาเลี้ยงลูกและให้ในการเดินทาง"
"ข้อสองท่านเดินทางมาเมืองนี้ด้วยจุดประสงค์ใด"
"พวกข้าแค่เดินทางผ่านเข้ามาในเมืองนี้เพื่อพักแรม และแสดงโชว์เพื่อหาเงินค่าเดินทางสักคืน สองคืน แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองทาร์ซีส"
"ท่านรู้ไหมว่าทำไมที่นี้ถึงมีคนมากมายต่อแถวเข้าเมืองเพื่อที่จะเข้าเมือง"
"อันนี้ข้าคิดว่า คงเป็นเพราะเมืองนี้กำลังจะมางานเทศกาลอะไรสักอย่าง ซึ่งก็เป็นผลดีสำหรับพวกเราที่กำลัง ต้องใช้เงินในการเดินทาง"
"อืม คือเมืองนี้จะมีช่วงที่เหมือนเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ผู้คนจากเมืองต่างๆจะเดินทางเข้าเมืองมาเพื่อ ." คำพูดไม่ทันจะออกจากปากประตูอีกด้านก็เปิด มีชายที่ดูสุขุมเยือกเย็นและฉลาดหลักแหลม ดวงตาสีดำเข้มคมกริบ แต่แฝงประกายอบอุ่น สายตาของอาฟาเทียรหันไปประทะกับสายตาคู่นั้น ทำให้เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยขึ้นมาในหัว แต่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก 'ดวงตาที่สุขุมอบอุ่นเช่นนี้เราเคยพบที่ไหนมาก่อนน้า คิดสิ คิดอาฟาเทียรคิด มันไม่ใช่แค่เคยเจอที่ไหนแต่ 'แล้วชายผู้นั้นก็เดินข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ชายที่คุยอยู่เมื่อกี้ลูกขึ้นโค้งคำนับ 'อะไรงะชายคนนี้แก่กว่าตั้งเยอะแล้วทำไมต้องคำนับชายคนนี้ด้วยละ' ความคิดของเด็กก็พลุดขึ้นมา แล้วชายที่เดินเข้ามาใหม่ก็โค้งหัวต่ำ คำนับแล้วหันมาทางพวกเราอาเฟเทียรลุกขึ้นเซมิวก็ลุกตามแม่ แล้วกล่าวทักทาย
"สวัสดีฮะ"
"สวัสดี ข้าขอกล่าวว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองไมเซอเรนุส"
"คืออยากทราบว่ามากักตัวพวกเราไว้อย่างนี้ เพื่ออะไรกันค่ะ"
"เปล่า จุดประสงค์ที่ข้าเชิญพวกท่านมาอยู่ที่นี้นะก็เพื่อคุยธุระกับท่านนะ เท่านั้น"
"พวกเรานี้นะ"ดวงตาของอาเฟเทียรก็จับจ้องเข้าไปอีกราวกับกำลังอ่านข้อความจากใจลึกๆ
"ใช่พวกเจ้านั้นละ เอาเป็นว่าเชิญนั่งกันก่อน" แล้วอาจารย์คนนั้นก็เดินออกไป
"คือตอนแรก มีคนบอกว่าคนที่เป็นมหาปราชญ์ มีธุระกับเราแต่ก็ยังไม่เห็นพบ ตกลงมันเรืองอะไรกันแน่"
"ขอประทานอภัยที่เสียมารยาท แนะนำตัวช้า ข้าคือโมเทออน เรเยส" และแล้วความคิดที่จมอยู่นานก็ไปคิดออกจนได้ 'ชายคนนี้คือ แล้วจะจำเราได้หรือป่าวนะ ทำเนียนๆไว้นะเรา อย่าหลบสายตา ยิ้มสู้เอาไว้'แล้วนางก็บ่นอะไรพึงพำ แล้วดีดนิ้วดังแบะ พร้อมกับพูดว่า
"ท่านคือมหาปราชญ์ผู้นั้นนะเอง แล้วท่านมีธุระอะไรกับเรา"
"เข้าเรื่องเลยละกัน คือลูกของท่านผ่านการคัดเลือกรอบแรกเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนมหาราชย์โอไลออน"
"แล้วเค้าคัดกันเมื่อไรละ"
"เค้าคัดผ่านประตูคัดสรรนะ ประตูนี้เป็นการคัดเลือกจากความสามารถที่แพร่ออกมาที่เค้าเรียกกันว่าออร่าน่ะซึ่งปกติแล้วเจ้าตัวจ่ะไม่รู้ คนปกติก็มีอยู่ แต่ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกนั้นมันเรียกว่ามีมากกว่าคนปกติ"
"ลูกข้านี้นะจะมี " แล้วผู้เป็นแม่ก็หันไปมองคนเป็นลูก อย่างเครียดๆ สายตาของแม่เหมือนจะคาดคั้นเอาเรื่อง
"ทางเราคิดว่าไม่มีทางที่จะผิดพลาดหรอก แล้วท่านเคยคิดที่จะให้ลูกเจ้าเข้าเรียนหนังสือที่นี้บ้างไหมละ"
"ข้านั้นก็คิดไว้เหมือนกัน แต่ก็คิดว่ายังไม่ถึงเวลา"
"ไม่มีคำว่าเร็ว หรือสายสำหรับการเรียนรู้ แล้วก็อีกอย่างถ้าท่านคิดว่าลูกของท่านยังไม่พร้อมก็ หรือทางเราผิดพลาดจากการคัดสรรละก็ ท่านก็พาลูกของท่านไปรับการทดสอบที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้สิ"
ความคิดเห็น