ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    【FIC EXO】 Yielding Love KrisxLay ft. TaoxHo

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 ปกป้อง 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 56


                 เสียงเด็กน้อยในอ้อมกอดแผดร้องขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินใครบางคนตะโกนขึ้น เสียงแข็งจนดังก้องไปทั่วห้องเพราะความตกใจครั้งที่แล้วยังไม่คลายก็มีเสียงดังขึ้นอีก ผู้เป็นแม่รีบกดหัวกลมแป้นของลูกรักเข้าซบกับแผ่นอกของตน ริมฝีปากเปล่งเสียงนุ่มนวลโอดโอ๋ดวงใจให้หายหวาดกลัว


                    คริสสะดุ้งเมื่อหัน ไปเจอเข้ากับสายตาของมารดาที่จ้องเขม็งมาทางเขาอย่างตำหนิข้อหาส่งเสียงดังจนทำให้เด็กน้อยตกใจ เขากลอกตาไปมาแล้วยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

                    ก็คนมันไม่ชิน! ไม่เคยมีเด็กในบ้าน
                    ปกติมีแต่อี้ชิงแล้วเขาเคยคุยดีๆด้วยซะที่ไหนมีแต่ตะโกนตะคอกใส่ทั้งนั้น
                    จางอี้ชิงกลับมาไอ้อี้ฝานก็กลายเป็นหมาหัวเน่าอีกตามเคย
                    ลูกรักคุณนายเขามาแล้วนี่!

                    ทำได้แค่เพียงประชดประชันภายในใจแต่สายตาเก็บความคิดไว้ไม่อยู่มีหรืออู๋ลี่เหวินจะอ่านความคิดลูกบังเกิดเกล้าไม่ออก

                    "โอ้ะ ซืด..อะไรล่ะครับม๊า  ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" อุทานออกมาเบาๆเมื่อโดนฟาดเข้าที่รอยเดิมกับเมื่อเช้าทวงถามความผิดที่ทำให้ ต้องถูกตี

                    "ปากไม่ได้ทำแต่ใจทำ! เราสองคนตามไปคุยกับม๊าที่ห้องสมุด"



                     คริสอ้าปากค้างอย่างพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินมารดากล่าวออกมาได้แต่รำพึงรำพันในใจอย่างหัวเสียปนงุนงง


                     คิดในใจก็ผิดด้วยเหรอวะ!?

     

                    "เกอ..อ คะ คุณคริส อย่าเพิ่งไปครับ"

     

                    คริสชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินเมื่อถูกเรียก คิ้วหนาขมวดมุ่นหันไปมองอย่างหงุดหงิด

                    "อะ!!! ..ไร..” ทำท่าจะตวาดหากแต่แผ่วลงตอนท้ายเมื่อสายตาตวัดไปสบเข้ากับลูกแก้วกลมใสของเด็กน้อยในอ้อมกอด

                    เหอะ!! ก็ไม่ได้เอ็นดูอะไรหรอกนะ แค่กลัวว่าม๊าจะตามมาด่าอีกเท่านั้นแหละ!!


                    "ผมแค่จะบอกให้ระวังเศษแก้ว.."
                    "รู้แล้วน่าฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามอย่างใครบางคนแถวนี้หรอก!"

                    ถ้าจะประชดประชันขนาดนี้อี้ชิงก็นึกสงสัยว่าทำไมไม่เอ่ยชื่อออกมาเสียเลยล่ะว่าเขานี่แหละคือใครบางคนแถวนี้ที่คริสว่าน่ะ

                    นัยน์ตาโศกมองตามแผ่นหลังที่หายลับไปจากห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งกับเตียงนุ่มถอนหายใจออกมาเสียงดัง

                    นี่เผชิญหน้ากับคริสแค่นี้ต้องสูญเสียแรงกายแรงใจมากขนาดนี้เลยเหรอนี่? ไหนจะเรื่องที่เจอเมื่อเช้านั่นอีก..


                                                                    ----------------------------------------------

                    "ม๊า เด็กนั่นเป็นใคร" คริสเอ่ยถามมารดาทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องสมุดได้ก่อนจางอี้ชิงที่คงจะกำลังวุ่นเก็บของพวกนั้นอยู่
                    "อย่าเรียกหลานไม่เพราะแบบนั้นสิอี้ฝาน หลานมีชื่อและชื่อนั้นก็ไม่ใช่เด็กนั่นด้วย"
                    "ต่อหน้าอี้ชิงม๊าก็ห้ามเรียกผมว่าอี้ฝานสิ"

                    คริสไม่ชอบ..

                    ไม่ชอบชื่อที่เหมือนเป็นการกำหนดขีดเส้นการเลือกคู่ครองของเขาเอาไว้ตั้งแต่ต้นนี้ ถึงมันจะเขียนไม่เหมือนกันและต่างความหมายแต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นเหมือนกันและเป็นการตั้งชื่อที่จงใจตั้งขึ้นด้วยความช่างคิดของคนแก่ที่แสนเจ้ากี้เจ้าการทั้งสองฝ่าย

                     คริสเกลียดการถูกตีกรอบ!

                    "เอ๊ะ! ม๊าตั้งชื่อนี้ให้แกนะอี้ฝาน"
                    "ป๊าก็ตั้งชื่อคริสให้ผมเหมือนกัน ม๊าไม่รักป๊าเหรอ ถ้าป๊าที่อยู่บนสวรรค์รู้ป๊าคงเสียใจแย่.."

                    ลี่เหวินค้อนขวับให้เมื่อลูกชายเล่นไม้นี้ เธอรักครอบครัวและสามีอย่างกับอะไรดี ถ้าอู๋เจียงเฟิงไม่ด่วนจากเธอไปด้วยโรคมะเร็งป่านนี้เธอคงเป็นคนที่มีครอบครัวที่อบอุ่นไม่น้อย

                    ถึงอี้ฝานจะเอาแต่ใจแค่ไหนแต่เขาไม่เคยเป็นเด็กร้ายกาจ คริสเชื่อฟังและเคารพเธอเสมอ

                    "เรานี่นะ"

                    ยกนี้เธอแพ้เพราะ ถูกคริสจี้จุดอ่อนเข้าให้ ลูกชายตัวดียิ้มทะเล้นให้เธออย่างเป็นต่อก่อนหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดพร้อมกับร่างขาวกระจ่างเดินเข้ามาแต่ครั้งนี้ปราศจากเด็กอี้หวานั่น

                    "มาแล้วเหรอลูก อ้าวแล้วอี้หวาไปไหนซะล่ะ?"
                    "ขอโทษที่มาช้าครับ ผมลงไปตักโจ๊กให้อี้หวาใหม่ อี้หวาเล่นกับป้าผิงอยู่ครับ ป้าผิงช่วยป้อนข้าวให้ ผมเห็นว่าแกไม่ร้องไม่งอแงกับป้าผิงก็เลยขอปลีกตัวมา" เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลบอกผู้อาวุโสว่าได้ฝากลูกไว้กับแม่นมของคริส คุณนายอู๋พยักหน้ารับรู้


                    "เลี้ยงง่ายจริงเด็กคนนี้ น่าเกลียดน่าชังเสียจริงๆ"

                    "จะชื่นชมกันอีกนานไหมครับ? ผมจะได้หลับรอ" สองมือยกขึ้นกอดอกแต่ริมฝีปากได้รูปกลับเอ่ยวาจาที่ไม่ว่าจะฟังยังไงก็รู้ว่ามันเป็นการประชดประชันเสียมากกว่าคำถาม

                    "จะนอนที่ห้องไหนดีล่ะพ่อลูกชาย ในห้องสมุดโซฟาจะเล็กไปหรือเปล่า ม๊าให้คนไปขนเตียงมาให้ดีไหม"

                    "ม๊า!!.."
                    สะใจที่ทำให้ใครบางคนหน้าเสียอยู่ได้ไม่นานก็ต้องจิ๊ปากอย่างขัดใจ ต่อหน้าผู้เป็นแม่รบร้อยครั้งก็แพ้อี้ชิงทางอ้อมมีแม่เขาคอยปกป้องซะขนาดนั้น

                    “พอๆเลยอี้ฝาน หยุดได้แล้วจะได้เข้าเรื่องกันสักที”

                    คริสยอมปิดปากเงียบเมื่อได้ยินดังนั้นแต่สายตายังไม่วายส่งไปเขม่นใส่คนข้างๆที่ยืนก้มหน้านิ่ง

                    “อี้ชิงเป็นยังไงบ้างลูกไปอังกฤษมาตั้งสองปี เรียนปริญญาโทสำเร็จไหม?”

                    ร่างบางสะอึกเม้มปากแน่นเมื่อผู้อาวุโสเลือกที่จะไม่ถามเรื่องลูกแต่กลับถามเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากกว่าที่เป็นอยู่ เขาจะเรียนจบได้ยังไงในเมื่อ..

                    “ผะ ผม.. เรียนไม่จบครับ” เงยหน้ามองผู้อุปการะที่กำลังรอฟังคำตอบตะกุกตะกักบอกความเป็นจริงออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง

                    คริสกอดอกยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำตอบแผ่วเบาหลุดออกมาจากอีกคน ส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอพร้อมกับไม่รีรอที่จะส่งคำพูดออกมาทำร้ายจิตใจทันทีที่มีช่อง

                    “หึ ไงล่ะครับคนดีของม๊า อุตส่าห์ส่งไปเรียนตั้งไกลถึงอังกฤษเป็นปีๆ สุดท้ายก็เรียนไม่จบแถมยังกระเตงลูกกลับมาซะอีก”

                    “อู๋อี้ฝานหยุด!! หยุดว่าน้องเดี๋ยวนี้ แม่เชื่อว่าน้องจะต้องมีเหตุผลพอ”

                    “ม๊า!!! ขนาดนี้แล้วม๊ายังจะเข้าข้างเขาอีกเหรอ นี่ต้องให้เขาฆ่าคนตายก่อนไหมครับม๊าถึงจะยอมให้เขาผิดบ้างน่ะ”

                    “แล้วน้องได้ไปฆ่าใครตายหรือยังเราถึงได้หาเรื่องมาว่าน้องให้ผิดตลอดน่ะ!

                    เป็นอีกครั้งที่คริสยอมหันหน้าหนีไม่ต่อปากต่อคำกับผู้เป็นแม่ทั้งๆที่องศาในใจกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความกรุ่นโกรธที่มีคริสจะไม่ระบายกับมารดา เขาจะเก็บมันสะสมไว้ไปเรื่อยๆ ยิ่งเขาโดนแม่ว่าเท่าไหร่ จางอี้ชิงจะต้องโดนมากกว่านั้น รอให้หลุดพ้นสายตาของผู้เป็นแม่เมื่อไหร่จางอี้ชิงคนดีของคุณแม่จะต้องโดนลงโทษอย่างสาสมหลายกระทงเชียวล่ะ!

                    อี้ชิงพยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อที่จะกักกลั้นน้ำตาหยดน้อยไว้ไม่ให้ไหลหลั่งออกมาในตอนนี้ในขณะที่นั่งฟังสองแม่ลูกเถียงกัน คุณน้าปกป้องเขาตลอดไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงแต่เขากลับทำให้ผู้มีพระคุณต้องผิดหวัง ..

                    “แม่จะไม่เถียงกับเราแล้วอี้ฝาน ม๊าเชื่อว่าอี้ชิงจะต้องมีเหตุผลที่ดีพอและนี่คือสาเหตุที่แม่เรียกพวกเราเข้ามาคุยกันวันนี้”

                    คริสเบะปากกลอกตาไปมาเมื่อได้ยินคำมารดา

                    เหอะ! เชื่อมั่นกันเข้าไปเถอะครับม๊า

                    “อี้ชิง บอกเหตุผลกับม๊าได้ไหมลูก” หันไปถามคนที่ยืนก้มหน้านิ่งด้วยเสียงอาทรณ์ ยิ่งลี่เหวินทำดีใส่เขาเท่าไหร่จางอี้ชิงยิ่งอ่อนไหว

                    เพราะคุณน้าดีกับเขาขนาดนี้ต่อให้อยากหนีไปจากที่นี่เวลาที่ถูกอี้ฝานทำร้ายมากเพียงใดก็ไม่อาจลืมเลือนบุญคุณที่คุณนายตระกูลอู๋มีต่อเขาได้

                    “ผะ ผม ผมเรียนไม่จบเพราะผมท้องครับ..” น้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะความหวาดกลัวในการทำลายความหวังและความเชื่อมั่นของผู้ที่เป็นดั่งแม่คนที่สองดังขึ้นช้าๆ มือเล็กกำแน่นแล้วกลั้นใจสารภาพความจริง

                    “วะ ว่าไงนะ.. ” เสียงเข้มเผลออุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว คริสตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยิน

                    เขาด่าเขาว่าร่างบางนี้ก็จริงแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลึกๆนั้นเขาไม่ได้มองร่างบางนี้เลวร้ายดังคำที่ว่าไปหมดเสียทีเดียวแต่คำตอบที่ได้ฟังทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมเหลียวมองผู้เป็นแม่ที่ดูนิ่งไปเหมือนกัน

                    เสียงแผ่วๆที่หลุดออกมาของร่างบางดังยิ่งกว่าระฆังที่ถูกตีด้วยไม้ใหญ่ในความนึกคิดของร่างสูงและผู้ชรากว่า คุณนายหุบยิ้มลงช้าๆแล้วค่อยๆหายใจเข้าออกลึกๆพยายามตั้งสติ

                    ร่างเล็กค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าเธอช้าๆแล้วคลานเข่าเข้ามาหา สองมือพนมแนบอกแล้วก้มลงกราบจรดปลายเท้าอย่างช้าๆแล้วค่อยๆผงกหัวขึ้นมา

                    “ผะ ผมขะ ขอโทษ ฮึก ผมขอทะ..โทษครับคุณน้า”

                     เธอสบตามองดวงหน้าหวานที่เงยขึ้นมาช้าๆพร้อมน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า นัยน์ตากลมโตของจางอี้ชิงนั้นเศร้าเหลือเกิน สิ่งที่คุณนายเห็นมีแต่ความหวาดกลัว ความเสียใจและความเว้าวอน

                    เธอไม่รู้ว่าเรื่องที่อี้ชิงพูดจริงหรือไม่จริงอย่างไรแต่หยดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและแววตาสำนึกผิดที่มองมายังเธอนั้นทำให้เธอไม่สามารถอยู่เฉยได้จริงๆ

                    “อี้ฝานเราออกไปก่อน”

                    “แต่ม๊าผม..!

                    “อู๋อี้ฝานแม่บอกให้ออกไปก่อน” เธอสั่งเสียบเฉียบขาดและคริสรู้ดีว่าลองน้ำเสียงแบบนี้แล้วใครก็ไม่สามารถขัดเธอได้ ร่างสูงยอมก้าวถอยออกไปจากห้องสมุดช้าๆทั้งๆที่สายตายังคงสงสัยและคลางแคลงมองร่างบางบนพื้นไม่วางตา

                    คุณนายก้มลงช้าๆแล้วกอบกุมสองกรสั่นระริกนั้นเอาไว้พร้อมส่งมอบความอบอุ่นไร้วี่แววความโมโหเกรี้ยวกราดหรือโกรธเคือง ลำแขนที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาค่อยๆโอบประคองร่างบางเข้าหาตัวกระชับลำแขนแนบแน่นส่งมอบความอบอุ่บและปลอดภัยให้คนที่สั่นระริกคล้ายเสียขวัญ

                    “ไม่เป็นไรนะลูก”

                    “ฮึกก ม๊า..”

                    คำปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพียงคำเดียวคล้ายเป็นตัวกดเปิดสวิตซ์ความอ่อนแอในตัวคนในอ้อมกอด ความอบอุ่นที่ขาดหายมานานแสนนานหลังจากมารดาล่วงลับไปทำให้จางอี้ชิงไม่สามารถกักเก็บน้ำตาแห่งความอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไป

                    มือขาวซีดผวาเข้ากอดกระชับตอบรับความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านแล้วซึมซับมันไว้ในทุกช่วงอณูของหัวใจ รับรู้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดและอุ้งมือที่ลูบไรผมอยู่แผ่วเบา

                    ลี่เหวินน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องครวญออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงโหยหาความอบอุ่นและมันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ต้องทนกับความหว่าเหว้มายาวนานแค่ไหนนับตั้งแต่สูญเสียทุกคนในครอบครัวไป เธอสงสารร่างบางจับใจและไม่คิดซักถามสิ่งใดๆอีกต่อไป เธอจะไม่ถามว่าอี้หวาเป็นลูกของใครถ้าจางอี้ชิงไม่คิดจะบอกอะไรไปมากกว่านี้ เธอจะไม่สนว่าร่างในอ้อมกอดนี้จะต้องผ่านอะไรมาบ้างหรือจะสกปรกในสายตาใครแค่ไหนเพราะสำหรับเธอแล้วคนในอ้อมกอดนี้บริสุทธิ์เกินใคร

                    แค่หลานคนเดียวเธอเลี้ยงได้

                    และอู๋อี้ฝานก็ต้องเลี้ยงได้เหมือนกัน!!

    _______________________+50%______________________

                   

                    "ขนาดนี้แล้วม๊ายังจะให้ผมแต่งงานกับเขาอีกเหรอครับ?"
                "ขนาดไหนแกก็ต้องแต่ง"
                "ม๊า ธรรมดาผมก็ไม่อยากแต่งอยู่แล้วนี่หิ้วลูกกลับมาด้วย ลูกใครก็ไม่รู้!!"
                "ไม่ว่าอี้หวาจะเป็นลูกของใครแกก็ต้องแต่งกับอี้ชิงและทำตัวเป็นพ่อที่ดีของอี้หวา งานแต่งระหว่างแกกับจางอี้ชิงจะต้องมีขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!!!"


                    เพราะคำประกาศิตของมารดาทำให้คริสไม่มีทางเลือก ความอัดอั้นอึดอัดทั้งหมดที่มีอยู่ในใจตอนนี้แน่นอนว่าคนๆเดียวที่เขาจะระบายมันลงไปก็คือจางอี้ชิง!

                เพราะจางอี้ชิงคนเดียวเขาถึงต้องมาถูกบังคับแบบนี้และเขาไม่มีทางปล่อยให้อีกคนอยู่อย่างสบายใจแน่ๆ


                    "แม่ของเด็กนั้นอยู่ไหน?!"
                    เสียงเข้มเอ่ยถามแม่นมจำเป็นของอี้หวาที่กำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอยู่ที่สวนหลังบ้านอย่างหงุดหงิดมองหาก็ไม่พบคนที่ต้องการจะเจอ
                    "คุณอี้ชิงขึ้นไปชงนมให้คุณหนูบนห้องค่ะ"

                    ร่างสูงหันหลังกลับแทบจะทันทีเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ ขายาวก้าวตรงไปยังห้องๆเดิมที่ถูกปล่อยว่างมานานถึงสองปีแล้วเปิดประตูเข้า ไปอย่างไม่มีการเคาะขออนุญาติใดๆทั้งสิ้นกดล็อกประตูกันไม่ให้ผู้เป็น แม่เปิดเข้ามาขัดจังหวะการ'ชำระสะสาง'ระหว่างเขากับอี้ชิงได้อีก

                    อี้ชิงที่กำลังค้นหาขวดนมที่กลิ้งหล่นไปอีกฝั่งของเตียงใหญ่ใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู

                    จะมีสักกี่คนที่จะเข้าห้องเขามาโดยไม่เคาะประตู..

                    "หึหึ.. กลับมาก็สร้างปัญหาให้ฉันได้ไม่เว้นเลยนะ"

                    สะดุ้งสุดตัวเมื่อคนที่คิดว่าเพิ่งเปิดประตูมากลับมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูแผ่วๆแต่น่าหวาดกลัวในความรู้สึก ร่างบางไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับไปเผชิญหน้าทำได้เพียงคุกเข่ากำขวดนมไว้แน่นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

                    "อย่าหันหลังให้ฉัน!"
                    "งั้นคุณก็อย่าหันหน้ามาให้ผมสิครับผมจะได้ไม่หันหลังให้คุณ"
                    "จางอี้ชิงอย่ามากวนประสาทฉัน หันหน้ามาเดี๋ยวนี้!"

                    อี้ชิงไม่อยากหันไปไม่รู้ว่าหันไปแล้วจะต้องเจอกับอะไร เขาใจไม่แข็งพอที่จะสบกับแววตาคู่นั้น แววตาที่มักจะมองมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตลอดเวลา

                    คริสกำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าคนที่เขาประกบอยู่แทบชิดยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมามอง หน้า แค่คิดว่านั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่อยากจะเจอหน้าเขามันก็สร้างความหงุดหงิดให้เขาอย่างบอกไม่ถูก กำลังเพียงน้อยนิดของเขาคงไม่ยากที่จะทำให้อีกคนหันมาหาแต่ถ้าคนตรงหน้าเป็นฝ่ายหันมาเองคริสคงจะพอใจมากกว่าและมันไม่ยากเลยจริงๆ

                    "ถ้ายังจะกวนประสาทหันหลังใส่ฉันอยู่แบบนี้เห็นทีว่าฉันจะต้องลงไปทักทายลูกสาวสุดที่รักของนายสักหน่อยแล้วล่ะ"

                    อี้ชิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินดังนั้นเสียงที่คอยกระซิบบอกกลับน้ำเสียงที่ได้ยินฟังดูก็รู้ว่ามันไม่หวังดีแน่ๆ

                    "อยะ อย่าน..อื้อ!!!"

                    เพราะใบหน้าคมนั้นอยู่ห่างเพียงไม่ถึงคืบ เพียงหันกลับไปท้วงริมฝีปากก็มิทันได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้จนจบประโยคกลับถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยริมฝีปากหนาอย่าง ไม่ทันได้ตั้งตัว

                    ดวงตากลมเบิกกว้างกับสัมผัสอุกอาจ เขารู้ว่าร่างสูงอยู่ใกล้แต่ไม่คิดว่าจะใกล้กันมากขนาดนี้ ร่างบางได้แต่นิ่งค้างเมื่อถูกรุกไล่โดยอีกคนมาเรื่อยๆและเพิ่มจากสัมผัสแผ่วเบาทวีเป็นหนักขึ้น

                    คริสใช้สองมือดันไหล่บางติดผนังแล้วกดจูบหนักๆลงทับริมฝีปากบางไล้ขบเม้มเรียวปากบางที่ยังคงตื่นตะลึงกับสัมผัสอุกอาจ ปลายจมูกคมลักลอบสูดดมความหอมจากสองปรางขาวนวลเข้าเต็มปอดด้วยความคิดถึง

                    ร่างสูงเด้งตัวออกจากร่างบางราวกับถูกไฟช็อตเมื่อในห้วงความคิดหนึ่งเมื่อกี้ของเขามันกลับมีคำๆนึงปรากฎแทรกเข้ามาในหัวทั้งๆที่เขาไม่คิดว่ามันจะมีขึ้นมาได้ระหว่างเขากับร่างบางตรงหน้า

                    คิดถึงงั้นเหรอ? เหอะ! บ้าไปแล้ว ไร้สาระจริงๆอู๋อี้ฝาน!!

                    อี้ชิงยกมือขึ้นป้ายปากมองหน้าอีกคนแบบงงๆมึนๆ

                    "หันหน้ามาได้แล้วเหรอ รักมากซะจริงนะไอ้เด็กนั่นน่ะ!"
                    "ลูกใครใครก็รักทั้งนั้นและครับ .. ไม่ใช่ยักษ์ใช่มารจะได้ไม่รักลูกตัวเอง"

                    ไม่รู้ว่าคริสมองผิดไปหรือเปล่าว่าในแววตาที่มองมานั้นมันสาดสะท้อนใจเขาให้ รู้สึกแปลกๆ รู้สึกร้อนรนกับคำพูดนั้นขึ้นมาดื้อๆ รู้สึกเหมือนถูกด่าทั้งๆที่เป็นไปไม่ได้

                    หงุดหงิด หงุดหงิดจริงๆ

                    "อย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น!"
                    "สายตาแบบไหนครับ"
                    "สายตาของนายมัน..!"

                    มันดูสั่นระริกไปหมดคล้ายกำลังตัดพ้อต่อว่าเขาออกมาโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ

                    "สายตาของนายมันกำลังด่าฉัน!"
                    "ผมมองก็หาว่าผมด่าพอไม่มองพี่ก็ว่าผมไม่กล้า คุณจะเอายังไงกับผมครับ"
                    "เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำถึงขนาดนี้เชียวหรือจางอี้ชิง! เก่งนี่! เก่งให้ได้ตลอดนะ! ใช่ซี้.. ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาสองปีไม่ใช่แค่ปีกกล้าขาแข็งขึ้นแต่ยังสำส่อนขึ้นกว่าเดิม หมดเงินหมดทองไปตั้งเท่าไหร่ใบปริญญาไม่ได้แต่กลับกระเตงลูกกลับมาให้เป็นภาระม๊าของฉันให้หนักกว่าเดิมอีก ใจง่ายชะมัด!"
                    "อี้หวาไม่ใช่ภาระนะครับ!"

                    เสียงหวานตอบกลับมาเสียงดังด้วยความกรุ่นโกรธ คริสจะด่าเขาเท่าไหร่มากแค่ไหน เขาเจ็บแต่เขาทนได้แต่กับอี้หวาเขาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายไม่ว่าจะด้วยการกระทำหรือคำพูด


                    "อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน!!!  เด็กนั่นเป็นภาระและนายเองก็เป็นภาระเหมือนกันจางอี้ชิง! ฉันต้องแต่งงานกับนายก็ฝืนใจจะแย่นี่กลับต้องมารับเป็นพ่อของลูกใครก็ไม่รู้ที่แม่ไปร่านมาจนได้เรื่องน่ะ!!!!"

                    ร้าวราน.. ร่างบางร้าวร้านไปทั้งใจกลับวาจาและแววตาที่กำลังเชือดเฉือนหัวใจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีให้แหลกสลายลงไปอีก







    ลงเพิ่มให้แล้วนะคะ อีกห้าสิบเปอร์อาจจะสั้นไปเดี๋ยวตอนหน้าเรียกเลือด คนแต่งงานกันเขาจะทำอะไรกัน ฮรี่


    มาลงแล้วค่ะ แต่งไว้หลายตอนแล้วแต่ไม่ลงรวดเดียว กะจะทำรวมเล่มทั้งสองเรื่องเลยไง อิ้อิ้
    เดี๋ยวต้องไปลงอีกเรื่องนึงก่อน ไปแล้วนะจุ้บบบ

    ดูคอนมาอย่างฟินอ่ะ หล่อมว๊ากกกก


     

    Duck- ร้านค้าแจกธีมบทความFly
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×