คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (ภาพยนตร์ไทย) Countdown เคาท์ดาวน์: ไม้แข็งเท่านั้นที่ได้ผล
ภาพยนตร์เรื่อง Countdown นี้เกี่ยวข้องกับการนับถอยหลังในคืนวันสิ้นปี
บางคนอาจสงสัยว่าเหตุใดผู้เขียนจึงชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในคืนวันฮาโลวีน...
ซึ่งความจริงแล้ววันนี้ถือเป็นวันปีใหม่ของชนเผ่า Celt ที่เชื่อกันว่า
คืนวันสิ้นปีจะเป็นการปลดปล่อยวิญญาณร้ายให้ออกมาล่องลอยบนโลกได้
อย่างไรก็ตามที ภาพยนตร์เรื่อง Countdown นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาล Halloween แต่อย่างใด
Countdown เคาท์ดาวน์
แนว: ระทึกขวัญ
ค่าย: GTH
กำกับ: บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
นักแสดง: เดวิด อัศวนนท์, พชร จิราธิวัฒน์, ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ, จรินทร์พร จุนเกียรติ์
ออกฉาย: 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555
“ปีใหม่ คนใหม่” คือวลียอดฮิตที่ได้ยินกันทุกยุคทุกสมัยเมื่อเทศกาลปีใหม่สากลใกล้เข้ามา ทุกคนยิ้มระรื่นพลางบอกว่าตนจะเริ่มทำอะไร จะเลิกนิสัยไม่ดีอะไร แต่ก็มีไม่กี่คนจริง ๆ ที่จะทำได้อย่างที่ตนเคยพูดเอาไว้... ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้จับเอาวลีนี้มาเป็นแกนหลักของเรื่อง
Countdown กล่าวถึงกลุ่มวัยรุ่นสามคน ได้แก่ แจ็ค หนุ่มไฮโซผู้หลงมัวเมา, แพม หญิงสาวผู้ขาดความรัก, บี แฟนสาวของแจ็ค หญิงสาวผู้มีอดีตที่ไม่อยากจดจำ โดยตัวหนังไม่ได้กล่าวว่าทั้งสามพบเจอกันได้อย่างไร แต่จะมุ่งเป้าไปที่การใช้ชีวิตร่วมกันของวัยรุ่นไทยกลุ่มนี้กลางห้องพักในเมือง New York ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซ็กส์ สุรา ยาเสพติด ความสุรุ่ยสุร่าย ในคืนวันสิ้นปี และในคืนนั้นพวกเขาก็ได้ต้อนรับแขกที่สุดแปลกประหลาดคนหนึ่ง พ่อค้ายาเสพติดจอมพิลึกคนนี้คือผู้ที่จะทำให้เรื่องราวทั้งหมดเดินไปในทางที่คาดไม่ถึง...
ตัวละครหลักทั้งสาม เรียงจากซ้ายไปขวาได้แก่
แจ็ค หนุ่มไฮโซผู้เสเพล ติดกัญชาขนาดหนัก หมกมุ่นในเรื่องเซ็กส์ เขาโกหกทางบ้านว่าจะมาเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา แต่ความจริงแล้วเขาไมได้เรียนต่อ ซ้ำร้ายยังเอาเงินที่ทางบ้านต้องขายโรงงานส่งมาให้ไปจับจ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
บี หญิงสาวมาดมั่นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังที่ย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ในเมือง New York ในบรรดาวัยรุ่นทั้งสามนั้น บีดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่หมกมุ่นหรือใช้จ่ายอย่างมือเติบ แต่เธอเองกลับมีอดีตอันเลวร้ายที่เคยก่อเอาไว้ ที่แม้แต่แฟนหนุ่มของเธออย่างแจ็คก็ไม่รู้...
แพม สาวเปรี้ยวติดหรู ความจริงนั้นเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแค่ต้องการความรักมากเกินไปจนทำให้ถูกดึงเข้าสู่วังวนของอบายมุขได้อย่างง่ายดายและถลำลึกมากกว่าใครอื่นเท่านั้น
เรื่องราวของวัยรุ่นเสเพลทั้งสามนี้ได้ดำเนินไปในค่ำคืนวันสิ้นปี ซึ่งตัวหนังได้ใช้เวลากว่า 30 นาทีแรกในการปูเนื้อเรื่องส่วนนี้ซึ่งจัดว่าค่อนข้างนาน ซึ่งในช่วงนั้นแจ็คก็ได้ทำการติดต่อไปยังคนส่งยาเสพติดเพื่อขอซื้อกัญชา เนื่องจากผู้ขายที่เขาซื้อด้วยเป็นประจำนั้นได้ประกาศวางมือไปแล้ว
และแล้วเวลาส่งยาก็มาถึง เสียงเคาะประตูห้องของแจ็คดังขึ้นเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 21.00 น.ตรง ชายไว้หนวดรุงรังมีท่าทางคล้ายนักเลงเต็มที่ก็ปรากฏตัวออกมา เขามีนามว่า Jesus (แต่ในเรื่องอ่านว่า “เฮซุส”)
“Jesus” รับบทโดยเดวิด อัศวนนท์ และด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ “สุพรรณหงส์” ครั้งที่ 22 สาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม (พ.ศ.2555) ไปครอง
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี นักส่งยาเสพติดแสดงท่าทีเป็นมิตรและเข้าร่วมสังสรรค์กับกลุ่มวัยรุ่นทั้งสามอย่างสนุกสนานเฮฮา และเมื่องานฉลองดำเนินไประยะหนึ่ง “Jesus” ก็ได้เล่าเรื่องน่ากลัวออกมาว่า เขาเคยมีลูกสุนัขที่ชอบกัดของไปทั่วอยู่ตัวหนึ่ง แต่วันหนึ่งเขาก็ทำให้มันเลิกกัดนู่นนี่ไปได้อย่างเด็ดขาด จากนั้นเขาก็ควักเอากัญชาสูตรพิเศษแท่งหนึ่งขึ้นมาให้วัยรุ่นทั้งสามได้เสพ และเรื่องก็พลิกผันไปเหมือนหนังคนละม้วน...
บทวิจารณ์
คาแร็คเตอร์ตัวละครแต่ละตัวนั้นทำออกมาได้ดีตามสไตล์ GTH แต่จุดอ่อนคือไม่มีมิติมากพอ นอกจากนั้นตัวหนังยังใช้เวลาในช่วง 30 นาทีแรกได้อย่างไม่คุ้มค่ามากสักเท่าไร เช่นใส่ตัวละครที่ไม่สำคัญอะไรนักเข้ามา, ฉากแสดงผลจากที่วัดครรภ์, ฉากสังสรรค์ของกลุ่มวัยรุ่นกับเฮซุส ซ้ำร้ายยังมีการใช้ศัพท์เฉพาะในวงการยาเสพติดที่คนทั่วไปไม่เข้าใจอย่าง “เนื้อ” หรือ “ปุ้น” อีกด้วย เรียกได้ว่าอาจทำให้ผู้ชมเกินครึ่งลุกหนีออกไปตั้งแต่ตัวหนังยังดำเนินมาได้ไม่ถึงครึ่งเรื่องดี
แต่เมื่อตัวหนังตัดเข้าสู่ครึ่งหลังกลับทำได้ดีเหลือเชื่อ การแสดงของเดวิด อัศวนนท์ในบทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (คล้าย Gollum จาก Lord of the Rings) นั้นช่วยดึงให้เนื้อเรื่องน่าดูยิ่งขึ้น พร้อม ๆ กับการเปิดเผยความลับของวัยรุ่นทั้งสาม การสารภาพบาปของพวกเขาที่นักแสดงก็ทำได้ดีพอสมควร แต่สุดท้าย ฉากจบที่ชวนงุนงงและตีความได้หลายอย่างกลับทำให้ตัวหนังตกม้าตายอีกรอบ
สรุป ตัวหนังแทบจะไม่มีอะไรนอกจากการแสดงอันยอดเยี่ยมของเดวิด อัศวนนท์แม้แต่น้อย
คงต้องบอกว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่มีเดวิดก็คงไม่ใช่ภาพยนตร์แล้วครับ ดังนั้นให้ไป 6/10 คะแนนหรืออยู่ในเกรด C
เกร็ดทั่วไปของภาพยนตร์
** เลขลงท้ายบนนามบัตรของคนส่งยานั้นคือ 018 แต่แจ็คทำนามบัตรใบนั้นขาด เขาจึงเดาสุ่มเป็น 013 ซึ่งเลข 13 นี้ตีความหมายได้สองแบบ คือแบบมงคลตามประเพณีไทย และแบบอัปมงคลตามความเชื่อของคริสต์ศาสนา
** แม้ตัวหนังจะพยายามหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงตรง ๆ แต่ “เฮซุส” ในเรื่องก็คือพระเยซูคริสต์ผู้ไถ่บาปแก่มวลมนุษย์ตามความเชื่อของคริสต์ศาสนานั่นเอง หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือรูปบนนามบัตร “Jesus” เปรียบเทียบกับภาพวาดพระเยซูคริสต์
** บีดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย แม้แต่ตอนที่เฮซุสจะฆ่าแมลงสาบเธอก็ห้ามไม่ให้ฆ่า แต่ก็มีหลายฉากที่เฮซุสยื่นมือเข้ามาหาเธอ แต่บีก็ไม่ยอมจับมือที่ยื่นมาของเฮซุส เป็นการสื่อให้เห็นว่าเธอนั้นมีโอกาสแก้ไขอดีตของเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมคว้าโอกาสนั้นไว้
** แม้ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จะพยายามแทรก “ศีลห้า” อันเป็นหลักคำสอนของพุทธศาสนาเข้าไป แต่ก็ยังสลัดกลิ่นอายของคริสต์ศาสนาไม่พ้น เห็นได้จากฉากลงโทษดึงลิ้น, หักนิ้ว และอื่น ๆ ที่ล้วนแต่ปรากฎในความเชื่อทางคริสต์ศาสนา
** ในภาพยนตร์ เฮซุสเรียกแท่งกัญชาสูตรพิเศษของเขาว่า Enlightenment ซึ่งผู้เขียนบทความไม่รู้จะแปลออกมาอย่างไรดี คำที่ใกล้เคียงที่สุดนั้นเห็นจะเป็น “การรู้แจ้ง” ซึ่งหลังจากสูบกัญชาแท่งนั้นไปแล้ววัยรุ่นทั้งสามก็เกิดอาการ “รู้แจ้ง” ขึ้นมาทันที
** ตัวหนังได้ทำการตีความ “Jesus” ขึ้นใหม่ และส่งออกไปขายต่างประเทศ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนัก เพราะการตีความใหม่นี้ค่อนข้างล่อแหลม ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนตัวหนังนำ “เจ้าชายสิทธัตถะ” หรือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาสวมบทคนขนยาเสพติดและไล่ทุบตีเหล่าคนบาปอย่างไร้ความปราณี
ความคิดเห็น