ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Per favore, Affidi Il Vostro Cuore A Roma

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter1 * andare in Italia? – Shall we go to Italy?

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    " คุณเดียร์คะ ขออนุญาตค่ะ " เลขาในชุดสุภาพ ดูเงียบขรึมในแว่นกรอบสี่เหลี่ยมเคาะประตูเบาๆเป็นเชิงขออนุญาตตามมารยาท เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย รอให้หญิงสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตากับกองแฟ้มเอกสารปึกใหญ่บนโต๊ะไม้สักที่ดูหรูหรามีราคานั้นพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ได้สนใจหันมามองผู้ขออนุญาตเลย

    ว่าไงคะพี่อัญ มีธุระอะไรรึเปล่า ดมิสาวางปากกา ละมือกับเอกสารตรงหน้า เอนตัวพิงพนักเก้าอี้เป็นเชิงขอเวลาพัก หญิงสาวเอื้อมมือไปปลดมวยผมที่รวบไว้อย่างไม่เป็นระเบียบนัก ปล่อยให้ผมยาวตรงของเธอระยาวถึงกลางหลัง เธอหลับตาลง ถอนหายใจลึก และลืมตาขึ้นอย่างช้าๆด้วยแววตาที่ดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย โดยสบตากับอัญชลีอย่างตรงๆแบบที่เธอมักปฏิบัติเป็นนิสัยมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย ประโยคที่มักจะได้ยินบ่อยจากปากเพื่อนๆ คือ คำชมไปตลอดจนคำวิจารณ์เรื่องบุคลิกที่ดูมั่นใจของเธอ จนปัจจุบันคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัทก็ยังมีแว่วให้ได้ยินอยู่เนืองๆ แต่ก็ช่างปะไร หญิงสาวไม่ได้เอามาใส่ใจให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว

    มีเอกสารที่จะต้องให้คุณเดียร์เซ็นน่ะค่ะ อัญชลีพูดพร้อมวางเอกสารเล่มหนึ่ง กับเอกสารอีกปึกใหญ่ลงบนกองเอกสารที่ดมิสายสังไม่ได้อ่านตรวจทาน

    ฮื้อ.... ดมิสาระบายลหายใจยาว กอดอก คิ้วของเธอขมวดน้อยๆ เม้มปาก สายตาเหม่อมองไปยังกองเอกสารมากมายตรงหน้า เธอรวบผมขึ้นอย่างลวกๆอีกครั้ง ในขณะที่อัญชลีเลขาสาวกำลังจะเปิดประตูออกไปนั้น ดมิสาได้สั่งกาแฟร้อนถ้วยหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นในการทำงาน

     

     

    ติลาโล~ ลิโลลา~ “

    ฮัลโหล ดมิสาคว้าโทรศัพท์มือถือทั้งๆที่มือยังไม่ยอมวางปากกา เธอแนบโทรศัพท์เข้ากับแก้มซ้าย และยกไหล่ขึ้นดันไว้แทนสองมือที่ง่วนกับการตรวจทานเอกสารไม่หยุดหย่อน

    ฮัลโหล ว่าไงครับเดียร์ เที่ยงนี้ทานอะไรไปรึยัง   เสียงของนนท์แฟนหนุ่มของเธอดังลอดมาตามโทรศัพท์

    ค๊ะ !? “

    เดียร์ อย่าบอกนะว่าคุณทำงานเพลินจนลืมกินข้าวอีก นี่บ่ายสองโมงกว่าแล้วนะ คุณได้กินอะไรไปบ้างรึยัง เสียงเขาเจือความห่วงใย

    เอ่อ... เดียร์.... เดียร์ทานขนมปังไปแล้วนิดนึงค่ะ เผอิญว่าวันนี้ไม่ค่อยหิว ก็เลยไม่ได้ทานอะไรมากเท่าไหร่ ดมิสาโกหกตอบ

    อืม ต้องทานนะครับ ทานนิดทานหน่อยก็ยังดี อย่ามัวแต่ห่วงงานจนลืมห่วงตัวเองนะครับ นนท์ทำเสียงหวานออดอ้อน

    ค่ะ ดมิสาถอนหายใจ รู้สึกโล่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก คงจะมีแค่ลูกอ้อนของผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่เธอต้องยอมอ่อนให้

    นนท์เป็นชายหนุ่มชนิดที่ว่าคารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรองอย่าแท้จริง และได้เข้ามาจีบเธอสมัยเรียนปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ ดมิสาไม่ได้ให้ความสนใจนนท์เท่าไรในตอนแรกรู้จักกัน ซึ่งต่างกับผู้หญิงส่วนมากที่มักจะเข้าไปรายล้อมเขาเสมอเมื่อปรากฏตัว แต่เมื่อนนท์ได้ให้ความสนใจในตัวดมิสามากขึ้น เขาก็เริ่มเข้ามาพูดคุย และร้องขอให้ไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ซึ่งหลังๆมานี้ดมิสาก็มักจะยอมไปด้วยทุกครั้ง นั่นเพราะเธอเองก็ปฏิเสธคารมเขาไม่ลงนั่นเอง

    เดียร์ครับ... เย็นนี้ว่างไปทานข้าวกับผมหน่อยนะครับ  

    เอ่อ... เดียร์ไม่แน่ใจว่าจะเคลียรืงานได้เสร็จกี่โมงน่ะค่ะ ดมิสาเลื่อนมือซ้ายขึ้นมาจับโทรศัพท์ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางเอาปากกาเคาะเอกสารที่ตรวจทานอยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

    อืม... เอายังไงดีน้า.... ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกเดียร์ด้วยสิ นนท์แกล้งพูดให้ดมิสาตัดสินใจ เขาพ่นลมหายใจยาวราวกับเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องให้เธอรู้โดยเร็วให้ได้

    เอ่อ... งั้น... ดมิสายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ประมาณทุ่มครึ่งแล้วกันนะคะ

    งั้นเอาเป็นร้านเดิมที่เดียร์ชอบแล้วกันนะครับ ทุ่มครึ่งนะ

    ค่ะ หญิงสาวรับนัด และกดวางสาย เธอเหลือบมองโทรศัพท์ในมือแว่บหนึ่ง แล้วค่อยๆวางมันลงข้างกองเอกสารตรงหน้า

     

     

     

    สั่งอาหารเลยมั้ยครับ บริกรหนุ่มในชุดไทยถามนนท์ขึ้นอย่างสุภาพ เมื่อเห็นเขารับรายการอาหารไปดูพักใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้สั่งอาหารสักที

    ยังน้อง พี่รอแฟนอยู่ นนท์ตอบพร้อมยกมือขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ บริการหนุ่มจึงโค้งอย่างสุภาพให้ก่อนเดินจากไป

    ชายหนุ่มเลิกแขนเสื้อขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ เลยเวลานัดมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ดมิสาก็ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น นนท์หยิบรายการอาหารขึ้นมาพลิกดูอย่างลวกๆ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของดมิสาซึ่งเขาเองก็มักจะพาเธอมาทานอยู่เป็นประจำ และเป็นปกติที่พวกเขาสั่งอาหารได้โดยไม่ต้องดูรายการ  เมื่อนนท์พลิกดูไปได้ไม่กี่หน้า ก็เหลือบเห็นดมิสาเดินตรงมายังโต๊ะประจำนี้ของทั้งคู่ ชายหนุ่มย่อมรู้หน้าที่ของเขาดี ดังนั้นเมื่อดมิสาเดินมาถึงโต๊ะ เขาก็ยืนประจำที่พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งแล้ว

    น้อง สั่งอาหารหน่อย นนท์ยกมือขึ้นเรียกบริกรหญิงในชุดไทยที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด บริกรสาวยื่นรายการอาหารที่เพิ่งหยิบส่งให้ดมิสา เธอรับมาถือไว้ในมือโดยยังไม่ทันเปิดดูก็สั่งเมนูโปรด

    เอาต้มยำกุ้ง... น้ำใส เธอสั่งพลางพลิกรายการอาหารดูไปทีละหน้า

    ทอดมันปลากราย แล้วก็ปูอบวุ้นเส้นด้วยค่ะ เอาเท่านี้ก่อน เธอพูดพร้อมปิดรายการอาหารส่งคืนบริกรสาว

    รับน้ำอะไรดีคะ

    น้ำเปล่า... นนท์สั่งบริกรสาว แต่ก็หันกลับมามองดมิสาเป็นเชิงถามความเห็น ซึ่งเธอก็พยักหน้า เมื่อบริกรหญิงเดินไปแล้ว บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

    นี่คุณทำงานจนวินาทีสุดท้ายเลยสิเนี่ย นนท์พูดพลางอมยิ้มมองดมิสา เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเข้ารูป กระดุมปลดเลยมาลึก ผมที่รวบอย่างยุ่งๆตอนทำงานถูกเธอปลดออกแล้วตอนขับรถ

    ดมิสายิ้มเจื่อน ไม่ตอบคำถาม เหมือนเด็กที่ถูกจับโกหกได้ อายที่มาผิดนัดแถมยังถูกจับเหตุที่มาสายได้อย่างตรงเผง

    เดียร์... ผมเป็นห่วงคุณนะ รักตัวเองบ้าง หาเวลาพักผ่อนบ้าง... นะครับ นนท์นนท์พูดราวกับจะอ้อนวอน จนดมิสาขัดเขินเธอจึงแล้งชวนคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

    ว่าแต่ นนท์มีเรื่องอะไรจะบอกเดียร์เหรอคะ ดมิสาพูดพลางคิดในใจว่าตนไม่น่าเป็นฝ่ายพูดก่อน เธอแอบกังวลนิดๆว่าถ้าเกิดชายหนุ่มพูดเรื่องหมั้น หรือเรื่องแต่งงานขึ้นมาละก็ เธอยังไม่ได้คิดหาเหตุผมมาปฏิเสธเลย เกิดจะพูดความจริงว่าเธออยากจะทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีเรื่องปัญหาครอบครัวมากวนจิตใจละก็ คงจะเป็นเหตุผลที่นนท์?ไม่ยอมฟังแน่

    ก็เรื่องนี้แหล่ะครับ... ผมเห็นเดียร์ซีเรียสกับงาน เลยอยากพาเดียร์ไปเที่ยวพักผ่อนตากอากาศบ้าง ชายหนุ่มเลื่อนมือมากุมมือดมิสา โน้มตัวมาข้างหน้าราวกับจะพูดเรื่องสำคัญ

    เราไปเที่ยวอิตาลีกันดีกว่าครับ

     

     

                     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×