ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    chequered ดินแดนแห่งเวทมนต์

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 งานแสดงนิทรรศการ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42
      0
      4 มิ.ย. 46

    บทที่ 3 งานแสดงนิทรรศการ



                     ทั้งสองยืนนิ่ง มองสบตากันอย่างมึนงงและตกใจราวกับเห็นแผ่นดินถล่มลงยังเบื้องหน้า ทั่วทั้งแผ่นหน้ากระดาษมีเพียงชื่อของพวกเขาเท่านั้น เซอรัสพลิกดูแผ่นกระดาษใบหลังขึ้นมาดูอย่ารวดเร็ว แต่ทว่ามันก็มีเพียงข้อความชี้แจงรายละเอียดเกี่ยงกับงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



                    “เป็นไปได้ไง”เซอรัสพูด พร้อมกับหันไปมองมอลโลว์ที่ขากลายเป็นหินไปแล้ว



                    “ต้องเป็นฝีมือนิมฟ์แน่ๆ”เซอรัสพูดต่อ “ดูสิ! มีแค่เราสองคน สองคนทั้งคณะ สองคนทั้งปีหนึ่ง!” เซอรัสกระแทกประกาศอย่างหัวเสียแล้วหันหลังไปทันที



                      “อาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง”มอลโลว์พูดทั้งๆที่ส่วนหนึ่งเขาก็คิดว่านิมฟ์น่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เหมือนกัน



                     “ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นใคร เธอคงมีความสุขมากสินะที่ได้พูดจาปั่นหัวคนนู้นคนนี้เล่น คงคิดไว้แล้วสินะว่าจะให้เราทำ ยังไงฉันก็จะเอาเรื่องกับเธอให้ได้ ดูสิ ถ้าเธอไม่ได้ทำจริง เธอจะมาบอกเราทำไม”เซอรัสบรรดาลโทสะสุดขีด



                      มอลโลว์ไม่พูดอะไร จริงอยู่ที่เขาไม่พอใจกับเรื่องนี้ เขาคิดว่านิมฟ์คงไม่เป็นคนที่เสนอชื่อของเขาและเซอรัสให้แก่อาจารย์ เพราะเขาไม่สามารถนึกเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอทำเช่นนี้ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็เชื่อคำพูดของเซอรัสที่ว่า “เธอชอบแส่ในทุกๆเรื่องนั้นแหละ” บางทีเธออาจจะทำอย่างที่เซอรัสพูดจริงๆก็ได้



                     มอลโลว์เดินตามเซอรัสที่เดินจ้ำอ้าวอย่างไม่รู้เหนื่อย ในขณะนั้นเอง อ.วิฟวีเซียก็เดินสวนมา



                     “…เธอสองคนคงเห็นประกาศแล้วสินะ”อ.วิฟวีเซียร์เอ่ยขึ้น วันนี้เธออยู่ในชุดสีเหลืองซีดดูแปลกตาตามสไตล์ของเธอ

        

                     “ขอแสดงความยินดีด้วยกับพวกเธอด้วยนะจ๊ะที่ได้รับคัดเลือก ถ้าว่างๆก็มาขอคำชี้แนะจากอาจารย์ได้ทุกเวลาเลยนะจ๊ะ” อ.วิฟวีเซียร์พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนมอลโลว์และเซอรัสยืนไม่แสดงอาการใดๆ



                      “แต่อาจารย์ครับ พวกผมอยากรู้ว่าคณะกรรมการใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกพวกผม… เออ คือหมายถึง…” มอลโลว์พูดอย่างตะกุกตะกัก เขาตัดสินใจถามอาจารย์วิฟวีเซียร์ออกไปตรงๆ เขาไม่อยากเอ่ยชื่อของนิมฟ์ออกมาเพราะดูมันจะเป็นการถามที่ตรงจนเกินไป เขาเกรงว่าอาจารย์จะเกิดสงสัยขึ้นมาได้



                      อาจารย์ส่งยิ้มเสน่ห์เล็กน้อยก่อนเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นนัยแปลกๆแล้วเอ่ยขึ้นว่า



                      “อาจารย์เข้าใจ เรื่องนี้อาจารย์ไม่ทราบแน่ชัดหรอกว่าเป็นอย่างไร แต่ว่าเธอคงอาจจะมีคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะสมกับงานนี้ก็ได้ อาจารย์เชื่อว่าเธอคงจะประสบผลสำเร็จกันแน่ๆเลยใช่มั้ย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหลมสูง สายตาลอดมองผ่านแว่นเรียวเล็กมามองพวกเขาทั้งสองแล้วยิ้มนิดๆอีกครั้ง พร้อมกับยืนดูปฏิกิริยาของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง มอลโลว์อยากจะถามกลับไปอีกหลายเรื่องแต่เขาไม่ค่อยกล้าเท่าไร ดังนั้นอ.วิฟวีเซียร์จึงเอ่ยลาแล้วเดินจากไปเดินจากไป



                      “นายคิดว่าไง… ” มอลโลว์พูดขึ้นเบาๆหลังจากที่มอลโลว์คิดว่าเธอเดินหลุดรัศมีการได้ยินของพวกเขาไปแล้ว





                       สองสัปดาห์ผ่านไป ทั้งคู่ยังไม่สามารถหาผลงานที่ถูกใจไปแสดงได้ ในขณะเดียวกันอ.วิฟวีเซียร์ก็เรียกพวกเขาเข้าไปพบเกี่ยวกับเรื่องนี้แทบทุกวัน งานของพวกเขาเหมือนจะยังไม่ได้เริ่มก้าวเลยแม้แต่น้อย



                       “พวกเธอไม่ต้องทำผลงานที่ดีเลิศอะไรมากหรอก เธอจะเอาผลงานเก่าๆที่เคยทำเอาไว้แล้วก็ได้ พวกเธอแค่เป็นส่วนประกอบย่อยที่มาแทนส่วนที่ขาดหายไปของเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น ส่วนที่สำคัญเป็นหน้าที่ของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์เขา - แต่ยังไงเธอก็จะนิ่งนอนใจไม่ได้นะ งานยิ่งใกล้เขามาทุกทีแล้ว เหลืองานอีกแค่ไม่กี่อย่าง รู้มั้ยครูเป็นคนกำกับการแสดงด้วยล่ะ ขนาดฝึกซ้อมนะ ยังสนุกมากๆเลย พวกเธออย่าพลาดนะ”อ.วิฟวีเซียร์เริ่มพูดชื่นชมตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่เธอถนัดเสียยิ่งกว่าการนัดหนุ่มๆไปทานข้าวกลางวัน



                      “…เอ่อ อาจารย์ลืมบอกอะไรไปอย่างหนึ่งล่ะ ในวิชาของอาจารย์ อาจารย์อนุญาตให้พวกเธอไม่ต้องเข้าสอบนะจ๊ะ ให้ผ่านได้เลย พวกเธอจะได้ไม่ต้องกังวลใจมาก”อ.วิฟวีเซียร์พูดขึ้นหลังจากที่เขาพูดวกกลับเข้ามาเรื่องงานและนึกขึ้นได้ ส่วนมอลโลว์และเซอรัสนั้นคิดว่ามันยังไม่คุ้มค่ากับเวลาและความรู้สึกที่พวกเขาได้เสียไปหรอก ตอนนี้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอันมาก มอลโลว์เริ่มรู้สึกอิจฉาหลายคนในห้องที่ได้มีเวลาส่วนตัวกับงานอื่นๆอย่างเต็มที่ ส่วนนิมฟ์เธอก็ดูจะมีเรื่องราวหารือกับบรรดาอาจารย์หลายท่านแทบทุกวัน ยิ่งทำให้เพิ่มความสงสัยให้กับเซอรัสมากขึ้นไปอีก



                       เริ่มมีการจัดงานอย่างคร่าวๆแล้ว  ที่ตึกวิทยาศาสตร์ได้มีการนำกระดาษและป้ายสีต่างประดับประดาจนทั่ว ที่หอประชุมซึ่งจะมีการแสดงที่นั้นก็เริ่มมีการจัดฉากที่สวยงามเพิ่มเข้าไปหลายส่วน บริเวณตั้งแต่ลานหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์จนถึงหอประชุมระยะทางกว่า 150 หลาเริ่มมีซุ้มเล็กๆวางตั้งไว้ริมทางเดินอย่างเป็นระเบียบสลับกับกลุ่มของโต๊ะ 8-10 ตัวสำหรับจัดแสดงผลงาน ทั้งสองเลือกโต๊ะที่อยู่ห่างจากบริเวณหอประชุมมากที่สุดซึ่งก็คือส่วนที่อยู่ถัดมาจากลานหน้าตึกที่ค่อนข้างจะหลบสายตาจากคนหมู่มากเล็กน้อย



                      “หวังว่าวันงานคนคงจะไปอยู่ที่หอประชุมกันหมดนะ”เซอรัสว่า



                      “นั้นสิ ทำเลแถวนี้ไม่เลว เอาเป็นว่าเราเอาโต๊ะนี้ก็แล้วกัน” มอลโลว์และเซอรัสนำป้ายมาวางจองเอาไว้ โต๊ะที่ทั้งคู่เลื่อกอยู่บริเวณล่างขวาของลานหินรูปวงกลมหน้าตึก ข้างๆปูด้วยอิฐบล็อกสีเทาและสีแดงซีด มีในไม้ร่วงอยู่ประปราย



                      “ฉันคิดดูหลายรอบแล้วละนะว่าฉันอาจจะทำเรื่องกรด-เบสล่ะ”เซอรัสพูดขึ้นมา



                       “มันไม่ดูเด็กไปเหรอ… จำได้ว่าเป็นงานที่ทำเมื่อเออ…10 ปีที่แล้วไม่ สินานกว่านั้น”



                       “งั้นเหรอ…แต่ฉันว่าไม่มั้ง… แล้วนายล่ะ”



                       “ไม่รู้สิ เรายังนึกไม่ออกเลย” มอลโลว์นั่งลงครุ่นคิดว่าจะแสดงอะไรดี โดยลืมคำนึงถึงเรื่องบางเรื่องที่เขามองข้ามไป…







                        ก่อนแสดงผลงานหนึ่งวัน ฝ่ายสถานที่เตรียมตัวกันอย่างคึกคักสนุกสนาน สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆถูกจัดวางขึ้นอย่างเป็นระบบ ป้ายผ้าสีต่างๆถูกแขวนระโยงระยางไปทั่วทุกพื้นที่ของบริเวณงาน เวทีที่หอประชุมได้มีการออกแบบเพื่อการแสดงในวันพรุ่งนี้ วันนี้มีการซ้อมละครครั้งใหญ่ก่อนการแสดง ทั้งคู่ได้ยินว่าละครเวทีเรื่องนี้สนุกมากแต่พวกเขาก็คงที่จะไม่ได้เข้าไปชมอย่างแน่นอน เนื่องจากจะต้องเฝ้างานตัวเองอยู่ทั้งวัน



                         มอลโลว์และเซอรัสจะต้องเตรียมงานทุกอย่างให้เสร็จภายในวันนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้ทำโครงงานได้ตลอดทั้งวัน - มอลโลว์ตั้งใจจะทำโครงงานเกี่ยวกับเรื่องการจำลองสถานการการเกิดภูเขาไฟระเบิด มันดูเหมือนง่ายแต่ก็ยุ่งยากพอดูอยู่เหมือนกัน เขานำปูนปลาสเตอร์มาหล่อให้เป็นรูปภูเขาไฟ ภายในมีกระป๋องใส่น้ำแดงผสมแป้งมันเพื่อให้มีลักษณะเหนียวข้น คล้ายลาวาของจริง



                         “นายจะทำยังไงให้มันพุ่งขึ้นมาละ”เซอรัสถามมอลโลว์ขึ้นเมื่อเห็นมอลโลว์ละลายแป้งกับน้ำแดงในขณะที่เซอรัสเองก็กำลังบดดอกอัญชัญเพื่อนำไปทำกระดาษลิสมัสอยู่



                        “ก็เอาไฟมาตั้งเอาไว้ข้างล่างไง เดี๋ยวพอมันเดือดก็จะพุ่งขึ้นมาเองละ เป็นไง เจ๋งมั้ย”



                        “แล้วจะไปเอาแก๊สมาจากไหน ทำอะไรที่มันง่ายกว่านี้ไม่ได้เหรอ อย่างฉันนี่ไง”

            

                        “ก็ใช้เตาถ่านสิ จะได้มีควันสมจริง”



                         เซอรัสบุ้ยหน้า



                         “เอาเหอะ ได้สำลักขี้เถ้าตายกันพอดี ถ้ายังไงเสร็จแล้วอย่าลืมมาช่วยของเราด้วยก็แล้วกัน”เซอรัสว่าพลางนำน้ำต่างๆที่จัดเตรียมมามาเทลงถ้วยที่เขาเตรียมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำเชื่อม น้ำกะหล่ำปลีสีม่วง น้ำมะนาวหรือน้ำผลไม้อื่นๆรวมทั้งน้ำแป้งของมอลโลว์ด้วย (หาง่ายดี) ส่วนมอลโลว์ก็เริ่มที่จะเอาถ่านมาตั้งเตาแล้วเพื่อเตรียมก่อในตอนเช้าและใช้พู่กันแต้มสีภูเขาไฟจำลองเพื่อให้ออกมาดูสมจริง





                         โต๊ะของพวกเขาทั้งสองเป็นโต๊ะเดียวกันซึ่งตั้งอยู่บนลานเล็กหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ร่วมกับโต๊ะอื่นๆอีก 3-4 ตัว ที่เหลือถูกตั้งเลี่ยบไปตามทางเดินข้างถนนไปจนถึงหอประชุมสลับกับซุ้มขายของหรือเครื่องดื่มเล็กๆตลอดทางซึ่งในขณะนี้ได้ถูกตกแต่งให้มีกระดาษสีหรือลูกโป่งห้อยระโยงระยางอย่างไม่เป็นระเบียบลอยพลิ้วไสวตามแรงลมอ่อนๆที่พัดมาจากทางด้านหลังของมหาวิทยาลัยซึ่งก็คือด้านหลังของสวนสาธารณะเอาท์บอร์ดเช่นกัน ถนนที่มีการจัดงานอยู่ทางขวามือของตึกวิทยาศาสตร์ตัดเลียบสถานที่สำคัญๆต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงอาหาร หรือ หอพักของนักศึกษาที่หลบอยู่ในมุมมืดเช่นเดียวกันกับบ้านพักของอาจารย์เก่าซึ่งปัจจุบันได้รกร้างไปเสียแล้ว ที่นั้นติดอยู่กับรั้วหลังของมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก เปล่าเปลี่ยว ไร้ผู้คนเช่นเดียวกับสวนสาธารณะบริเวณที่อยู่ติดกันทั้งๆที่มันมีต้นไม้นานาชนิดดูสวยงามแต่กลับเหมือนป่าทึบดงดิบอันวังเวงเสมือนบริเวณนี้ได้กลายเป็นปมด้อยของสวนสาธารณะที่แสนงดงามแห่งนี้



                         ในที่สุดวันงานก็มาถึง เซอรัสเตรียมของมาแต่เช้าตรู่ ต่างจากมอลโลว์ที่ยังคงลั่นกริ่งจักรยานผ่านสวนสาธารณะตอนสายดังเช่นทุกวัน ต่างกันตรงที่วันนี้เขาได้ปั่นตรงไปจอดที่โต๊ะของเขาเลย วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทั้งคู่ได้หยุดเรียนทั้งวันเช่นเดียวกับนิมฟ์ที่ได้เป็นกรรมการเดินตรวจให้คะแนนและความเรียบร้อยต่างๆของงาน จะว่าไปเดี๋ยวนี้ทั้งคู่ไม่ได้เห็นนิมฟ์คอยเดินจับผิดพวกเขาทั้งสองกับคู่หูบิลลี่บ่อยนักถึงแม้ว่าจะมีเรื่องไม่เป็นเรื่องเกิดขึ้นแสนบ่อยก็ตาม ขนาดเมื่อวานที่บิลลี่แอบขโมยถุงแป้งของมอลโลว์ไปเพื่อปาใส่พวกเขาเล่นแต่ทว่าก็ไม่มีแม้แต่เงาของนิมฟ์แม้แต่น้อย ซึ่งเขาก็คิดว่าคงเป็นเพราะงานอันแสนยุ่งของเธอเอง ซึ่งมอลโลว์เองก็ยินดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าทั้งสองจะต้องช่วยบิลลี่จอมก่อเรื่องทำความสะอาดแป้งตามคำสั่งของอาจารย์เบลแดมก็ตาม



                          ก่อนเริ่มงานเริ่มมีผู้คนสนใจเพิ่มเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นคณะนักศึกษา คณะอาจารย์หรือบุคคลภายนอกจากที่อื่น วันนี้อาจารย์หลายคนไม่ว่างจะอยู่สอนเนื่องจากต่างก็มีงานที่ทำให้ตัวเองไม่ว่างอยู่ตลอด แม้แต่อ.เบลแดมยังสั่งงานเอาไว้ล่วงหน้าเอาไว้จนล้นมือ (เพราะเธอรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้) ซึ่งตรงข้ามกับอ.วิฟวีเซียร์ที่น่าชื่นตาบานทั้งวัน วันนี้เธอมาในชุดสีชมพูลายบานเย็นไปร่วมเปิดงาน ส่วนอ.คอตเทย์ดูเหมือนจะน่าบึ้งตึงมาตั้งแต่เช้า อ.บ็อบผู้ควบคุมนักบาสฯที่เซอรัสอยู่ด้วยก็วิ่งช่วยจัดของตลอดเวลาแต่ก็ยังพอมีเวลาเข้ามาแวะเวียนหาเซอรัสอยู่บ่อยๆ เขาเป็นคนผิวเข้ม รูปร่างใหญ่โต ใจดี แต่มอลโลว์ไม่ค่อยสนิทกับเขามากเท่าไรนัก



                           พิธีเปิดเริ่มขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้า หลังจากนั้นได้ไม่นานก็มีกรรมการจากที่ต่างๆเดินชมผลงานของนักศึกษา ส่วนงานของมอลโลว์และเซอรัสนั้นเป็นเพียงส่วนแสดงผลงานอย่างเดียว ไม่ขึ้นอยู่กับการประกวด แต่แบบจำลองการระเบิดภูเขาไฟของมอลโลว์เป็นที่น่าตื่นเต้นของหลายคนมาก ถึงแม้ว่าในทีแรกๆจะมีควันขโมงตลบไปหมดแต่ก็เป็นไปได้โดยดีเช่นเดียวกับผลงานของเซอรัส คงมีแต่การที่น้ำลาวาเทียมที่ชอบกระเด็นออกมานอกถาดอยู่เรื่อยๆ ถึงขนาดตอนหนึ่งที่กระเด็นไปถูกท้องแขนซ้ายของอ.คอทเทย์อย่างแรงจนอาจารย์ต้องรีบไปล้างออก หลายครั้งที่มันกระเด็นไปถูกกระดาษลิสมัสสีน้ำเงินของเซอรัสแล้วเป็นสีแดง ทำให้เซอรัสพูดว่า “ฉันก็พึ่งรู้นะนี่ว่า “น้ำแป้ง”ก็มีคุณสมบัติเป็นกรดด้วย”



                            หลายชั่วโมงผ่านไป ทั้งคู่ยังไม่เห็นวี่แววของนิมฟ์เลยแม้แต่น้อย คงมีแต่บิลลี่และสแทร็งค์ที่คอยเดินป่วนผลงานในทุกๆโต๊ะในทุกๆที่ที่พวกเขาผ่านไปโดยเฉพาะโต๊ะของพวกเขาจน อ.มอดีล่าต้องมาคอยปรามอยู่ตลอด แต่ทว่าตอนนี้พวกมอลโลว์ก็เห็นทั้งคู่เดินกลับมาอีกแล้ว



                           “น่าเบื่อจริงๆเลยพวกนี้”มอลโลว์เปิดฉากพูดเป็นคนแรก



                          “ใช่…น่าเบื่อจริงๆ”เซอรัสพูดต่อแต่ทว่ามันไม่ใช่เสียงของเซอรัสเพียงแค่คนเดียว เพราะมีเสียงของนิมฟ์พูดแทรกขึ้นมาด้วย



                           “เอาล่ะฉันจะดีใจมากเลยนะถ้า อ.มอดีล่าไม่ไปว่าพวกเธอให้ฉันฟัง”นิมฟ์พูดแล้วมองหน้าคนทั้งสอง อาจจะเป็นสี่หากบิลลี่และสแทร็งค์ไม่วิ่งหนีไปเสียก่อน สายตาของเธอดูน่าเกรงขามกว่าแต่ก่อนมาก



                            “อีกอย่างหนึ่ง…ฉันได้รับมอบหมายให้มาดูแลความเรียบร้อยของพวกเธอ แต่ฉันคิดว่าถ้าพวกเธอไม่พยายามที่จะก่อเรื่องเหมือนก่อน ก็ไม่น่าจะ…ว้าย.” เสียงนิมฟ์ตกใจสุดขีด น้ำลาวาเทียมของมอลโลว์กระเด็นไปถูกเสื้อของนิมฟ์หลายที่ และในขณะนั้นเอง มือของเซอรัสก็กลับไปถูกน้ำกะหล่ำปลีสีม่วงที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของโต๊ะหกใส่นิมฟ์เข้าอย่างเต็ม ซึ่งมอลโลว์ก็คิดว่านี่น่าจะเป็นความจงใจของเซอรัสมากกว่าความบังเอิญ - เสื้อสีขาวของนิมฟ์ที่ในทีแรกเป็นแค่เพียงจุดสีแดงอยู่เป็นหย่อมๆ แต่บัดนี้กลับมีสีม่วงอ่อนซึมเข้าไปทั่วด้วยแล้ว



                          ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของนิมฟ์ทั้งนั้น เธอวิ่งเสียงหลงหายเข้าไปในห้องน้ำซึ่งอยู่ในตึกวิทยาศาสตร์ทันที มอลโลว์หัวเราะน้อยๆเป็นการแสดงการเห็นด้วยกันการกระทำของเซอรัส ส่วนเซอรัสก็ยิงฟันให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ



        



                          ช่วงพักกลางวัน ผู้คนเริ่มบางตาลงไปมาก เพราะถัดจากนี้ไปไม่นาน การแสดงของคณะวิทยาศาสตร์ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มอลโลว์และเซอรัสวางแผนเอาไว้ว่าจะไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารเสียก่อนจึงจะกลับมาเก็บงานของตนก่อนเวลาบ่ายสองโมงตรงเพื่อไปร่วมพิธีปิดที่หอประชุมตามคำบอกของ อ.วิฟวีเซียร์

        

                          ระหว่างทางที่ทั้งคู่เดินไปก็ได้มีโอกาสได้เห็นงานที่คนอื่นๆได้ทำเอาไว้ บางอย่างก็มีสีสันน่าแปลกตามาก แต่พอเดินไปได้สักพักเซอรัสก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

        

                        “จะไปเข้าห้องน้ำที่ไหน แถวนี้ไม่มีห้องน้ำเลยนี้”มอลโลว์ถามขึ้น

        

                        “คงจะต้องย้อนกลับไปที่ตึกที่เราแสดงงานแล้วล่ะ ที่นั้นคงใกล้ที่สุดแล้ว”เซอรัสตอบ - สุดท้าย ทั้งคู่ก็ตกลงใจว่าจะย้อนกลับไปที่ตึกคณะวิทยาศาสตร์ก่อนที่จะกลับไปยังโรงอาหารอีกครั้ง เมื่อไปถึง ทั้งคู่ก็พบกับหญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ

        

                         “มีอะไรเกิดขึ้นหรอ ” มอลโลว์ถามหญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำคนหนึ่ง

        

                         “เปล่า…คือ พวกเราแค่สงสัยว่าทำไมที่หน้าห้องน้ำหญิงถึงมีป้ายแขวนเอาไว้ว่า “ชำรุด”น่ะ เพราะตอนเช้าเรามายังเป็นปกติดีอยู่เลย มีคนแอบเข้าไปดูหน่อยหนึ่ง ห้องน้ำก็ปกติดี ไม่รู้ว่าใครมาแขวนป้ายนี้ไว้ ไม่รู้ชำรุดจริงหรือเปล่า ห้องน้ำอื่นจากนี้ไปก็อีกไกล เราเลยยืนปรึกษากันอยู่นี่ล่ะ”หญิงคนนั้นตอบ

        

                          “คงไม่มีใครโรคจิตมาแขวนเล่นหรอก เรื่องพรรณนี้”เซอรัสพูดก่อนที่จะเดินหายเข้าห้องน้ำไป โดยไม่สนใจอะไรเลย







                            ขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งอยู่ทางด้านในของตึก สายตาของมอลโลว์ก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเข้า เขาสังเกตเห็นชายคนหนึ่ง สวมด้วยชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนยาวเลยคลุมเข่าใส่หมวกอำพรางใบหน้าท่าทางลับๆล่อเดินผ่านโต๊ะที่ตั้งเรียงกันอย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×