ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Airy Arc ตอนที่ 3 Airy [End of Prologue]
“นายเป็นมนุษย์ใช่ไหม?”
เสียงเด็กสาวผู้ถือดาบจ่อคอของไซถาม น้ำเสียงของเธอไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น ราวกับสิ่งที่เธอทำนั้นเป็นเพียงหน้าที่ที่ได้รับเท่านั้น
[มนุษย์? มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ดูวอร์สูทก็น่าจะรู้แล้ว]
“ขอถามอีกครั้ง นายเป็นมนุษย์ใช่ไหม?”
น้ำเสียงของเธอนิ่งกว่าเดิม ไซรู้สึกได้ว่าหากเขาตอบผิด เธอก็พร้อมที่จะตัดคอเขาโดยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
“ใช่” ไซตอบด้วยเสียงเบาๆ
“ลงมาทำอะไรที่นี่?”
[ลงมาทำอะไร? ก็มาจับเธอน่ะสิ จะได้หยุดสงครามบ้าๆของมนุษย์ซักที]
“ชั้นได้รับคำสั่งให้ลงมาจับเธอเป็นๆ” ไซตอบ “จะได้หยุดการรบบ้าๆนี่”
“บนนั้นมีมนุษย์อยู่กี่คน?” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนเธอกำลังสอบปากคำไซอยู่
“มนุษย์?” ไซถามอย่างไม่แน่ใจ
“เข้าใจละ ขอเปลี่ยนคำถามใหม่ นายเคยเจอมนุษย์ตอนที่นายสวมใส่วอร์สูทอยู่บ้างไหม?”
[ก็แหง... เอ๊ะ???]
ไซอึ้งไปชั่วครู่ เขาพยายามนึกคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา
[สิบเอกโรส ผู้บัญชาการ หัวหน้าหน่วยสำรวจต่างๆ ไอริส ชั้น… ไม่สิ ชั้นไม่เคยพบพวกเขาเลยในตอนที่ชั้นใส่วอร์สูท… นี่มันอะไรกัน?]
“ตอบเดี๋ยวนี้!” เสียงเด็กสาวสั่ง ขณะที่เอาดาบจ่อเข้าใกล้คอของไซมากกว่าเดิม
“มะ.. ไม่เคย... ไม่สิ เคยมีอยู่สามคน เมื่อหลายเดือนก่อน” ไซตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ซึ่งไม่ได้เกิดจากความกลัวที่ดาบนั้นอยู่ใกล้คอของเขาเสียเหลือเกิน แต่เกิดจากความไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
“เคย?”
“พวกเขาเป็นลูกทีมของหน่วยชั้น ตายหมดแล้ว” ไซตอบ
“เข้าใจ... ละ” เสียงเด็กสาวเริ่มสั่น “ค่อยๆปลดคาร์ททริจด์ออกจากดาบ”
ไซเริ่มรู้สึกว่าดาบที่เคยจ่อคอเขาเริ่มลดระดับลงจนแตะกับไหล่ของเขา เหมือนกับว่าเธอวางดาบไว้บ่นไหล่เขาเพื่อพัก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้น หากเธอจะจัดการกับเขาก็สามารถทำได้ในชั่วพริบตา
ไซเอื้อมมือไปจับด้ามดาบ แล้วกดปุ่มเพื่อถอดคาร์ททริจด์ แท่งบรรจุพลังงานสำหรับดาบอนุภาคสั่นออกจากดาบทั้งคู่ จากนั้นก็ใช้นิ้วปัดไปข้างหลัง
“หยุดการสู้รบนี่ซักทีเถอะ ศัตรูของเราคือพวกจักรกลไม่ใช่รึไง จะรบกับมนุษย์กันเองทำไม”
เด็กสาวไม่ตอบ เธอเหยียบแท่งคาร์ททริจด์แล้วใช้ทรัสเตอร์เผามันจนพัง
“หยุดเถอะ...”
“…”
ไซรู้สึกได้ว่าไหล่ของเขาเริ่มหนักขึ้น คงเป็นเพราะเธอวางดาบไว้บนไหล่ของเขา
[จังหวะนี้แหละ!]
ไซตัดสินใจใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้ดีดตัวออกจากที่นั่งอยู่ พุ่งไปด้านซ้ายซึ่งไม่มีดาบจ่อคอ จากนั้นพุ่งไปข้างหน้าแล้วหมุนตัวกลับ เปิดทรัสเตอร์เต็มที่เพื่อเบรคและเตรียมพุ่งเข้าใส่เด็กสาว มือขวากำหมัดแน่น เตรียมพร้อมที่จะชกเธอออกไป เพื่อที่จะได้มีจังหวะหนี
แต่ไซก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเด็กสาวอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าที่เคยไร้ซึ่งความรู้สึกเมื่อเขาเห็นเธอครั้งแรก บัดนื้กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ชุดวอร์สูทแบบไร้เกราะที่เธอใส่ เป็นเพียงชุดยืดทั้งตัวที่เสริมเส้นใยโลหะเอาไว้ จึงป้องกันได้เพียงกระสุนไม่กี่นัด แต่หากโดนดาบอนุภาคสั่น มันจะผ่านทะลุไปเลย
ดาบของเธอค่อยๆหล่นออกจากมือขวา ขาที่เคยยืนอย่างมั่นคงค่อยๆหมดแรง เลือดค่อยๆไหลออกจากบาดแผลที่กลางลำตัว ร่างของเธอค่อยๆเอนตัวไปข้างหน้า
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ร่างกายของเขาก็พุ่งเข้าไปรับร่างของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า เลือดจากบาดแผลที่ท้องของเด็กสาวไหลออกมาย้อมเกราะมือของไซจากสีขาวจนเป็นสีแดง
[นี่มันอะไรกัน?]
ไซรีบจับตัวเด็กสาวนอนหงายบนพื้นทันทีที่เขาตั้งสติได้ เขาถอดเกราะมือขวาออกแล้วช้อนศีรษะของเธอขึ้น เนื่องจากชุดวอร์สูทของเธอไม่มีเกราะหัว เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มือของเขาแทนหมอนให้เธอนอน
“ทำใจดีๆไว้ อย่าเป็นอะไรไปก่อนนะ”
ไซเอามือซ้ายของเขาที่ยังมีเกราะพลังงานอยู่ไปจ่อทรัสเตอร์ที่เท้าซ้าย แล้วใช้ทรัสเตอร์พ่นไอร้อนใส่เกราะมือของเขา จากนั้นจึงใช้มือนั้นไปหยิบเศษชุดโลหะที่เขาไปในแผลของเด็กสาวออก
“อ๊าก” เสียงเด็กสาวร้องโหยหวนทันทีที่มือของไซไปสัมผัสกับแผลที่ท้องของเธอ
“อดทนไว้หน่อย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ไซบอกกับเด็กสาว พลางหยิบเศษโลหะออกจากแผลของเธออย่างปรานีต จากนั้นจึงค่อยๆกดเนื้อรอบๆให้ปิดแผลไว้ แต่ถึงแม้จะทำแบบนั้น เลือดของเธอก็ยังไม่หยุด
[ถ้าอุ้มเธอบินออกจากถ้ำ เลือดเธอหมดตัวก่อนแน่]
ดูเหมือนว่าเด็กสาวยังไม่หมดสติ เธอกัดฟันแน่น อดทนกับความเจ็บปวดของบาดแผลที่ได้รับ เลือดสีแดงยังคงไหลออกจากปากแผล ย้อมเส้นผมที่เคยขาวดุจหิมะกลายเป็นสีแดงเลือด
“มีพวกของเธออยู่ใกล้ๆไหม?”
เด็กสาวนิ่งไปซักพัก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
[แค่จะส่ายหน้าก็ไม่ไหวแล้วเหรอเนี่ย]
ไซคว้าอุปกรณ์สื่อสารที่ติดอยู่ที่หูขวาของเธอมาสวม เขาพยายามจะติดต่อกับลิเบอร์ตี้วิงก์ แต่ไม่สำเร็จ คาดว่าเป็นเพราะพวกเขาอยู่ลึกเกินไป สัญญาณจึงส่งไม่ถึง
[ชั้นไม่ยอมให้เธอตายที่นี่หรอก… คิดสิ พอจะทำอะไรได้บ้าง]
“ทะ… ทางเชื่อม”
เด็กสาวค่อยๆรวบรวมแรงพูดออกมา
“ทางเชื่อม ก่อนลงชั้นสิบเอ็ด…”
[ทางเชื่อมลงมาชั้นสิบเอ็ด? ที่นั่นมีอะไรอยู่รึไง?]
“หะ..ห้องลับ หลังผนัง... ยา…”
“เข้าใจแล้ว”
ไซหยิบก้อนดินขนาดเท่าฝ่ามือวางไว้ที่พื้น จากนั้นใช้มือซ้ายทุบจนบานออก แล้วจึงเอาไปวางเป็นหมอนให้เด็กสาว
[ศัตรูชั้นนี้น่าจะหมดแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่มีแอบอยู่ ถ้าบินด้วยความเร็วเต็มกำลังน่าจะกลับมาทัน]
“ขอยืมดาบหน่อยนะ”
ไซไม่รอคำตอบ เขาใส่เกราะมือขวา แล้วหยิบดาบยาวของเด็กสาว จากนั้นจึงเดินออกห่างเด็กสาวเพื่อเตรียมบิน
เปลวไฟสีน้ำเงินพวยพุ่งออกมาจากทรัสเตอร์เท้าทั้งสองของไซ ผลักดันร่างที่คลุมด้วยชุดเกราะสีขาวบินตรงไปข้างหน้า แรงขับดันมหาศาลทำให้ฝุ่นที่พื้นถ้ำฟุ้งกระจายไปด้านหลัง และเพียงพริบตา เขาก็บินขึ้นมายังชั้นสิบเอ็ด
[ไม่มี? ดีล่ะ]
ไซเปลี่ยนทิศทาง บินตรงไปทางเชื่อมชั้นสิบทันทีที่เห็นว่าชั้นสิบเอ็ดไม่มีอะไรนอกจากซากหุ่นที่เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว
เปลวไฟทรัสเตอร์เท้าขวาดับลง ไซหมุนตัวไปทางซ้าย จากนั้นหันและยิงทรัสเตอร์ไปทางขวาเต็มกำลังเพื่อเบรคก่อนที่จะลงพื้น
[เธอบอกว่าอยู่แถวนี้สินะ]
ไซมองไปรอบๆทางเชื่อม เขาไม่พบอะไรเลยนอกจากกำแพงดิน
[ไม่มีเวลาแล้ว]
ไซปักดาบยาวของเด็กสาวลงบนพื้น บินขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย จากนั้นกำหมัดขวาแล้วชกไปที่ผนังจนเกิดรอยยุบ แต่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาก็บินไปทางขวาแล้วไล่ชกไปเรื่อยๆ
กำแพงทลายลงหลังหมัดที่ห้าของไซ เผยให้เห็นถึงห้องลับหลังผนังถ้ำ ซึ่งมีข้าวของเต็มไปหมด
[กะมาพักแรมในนี้เลยเรอะ]
ไซหันไปดูด้านขวาของห้อง เขาเห็นกระเป๋าผ้าอยู่หนึ่งใบ เขาจึงเดินเข้าไปหยิบและพยายามจะเปิดออกหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
[เสียงนี่มัน…]
ไซหยุดการเปิดกระเป๋าทันทีที่เขาได้ยินเสียงโลหะดังมาจากทางเชื่อมชั้นสิบสอง เขาใช้มือซ้ายจับกระเป๋าแน่น จากนั้นพุ่งออกไปหยิบดาบ และบินไปยังต้นกำเนิดเสียงโดยใช้ทรัสเตอร์เต็มกำลัง
อย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ หุ่นจักรกลหกขาหนึ่งตัว ยืนอยู่ที่ปลายทางเชื่อมชั้นสิบสอง ปืนแกตลิ่งทั้งสี่ของมันหันไปทางเดียวกัน
[แย่ล่ะสิ]
ไซไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้เต็มกำลัง พุ่งไปยังหุ่นจักรกลที่อยู่ตรงหน้า เขารู้ดีว่าเป้าหมายของมันคือเด็กสาวที่นอนบาดเจ็บอยู่ และเขาต้องปกป้องเธอ
ดาบยาวของเด็กสาว ถูกออกแบบมาให้ถือสองมือเป็นหลัก แต่น้ำหนักที่เบาของมันก็ทำให้สามารถจับได้ด้วยมือเดียว แม้จะไม่ถนัดก็ตาม ไซกำดาบด้วยมือขวาอย่างแน่นหนา ลากดาบจากล่างขึ้นบนขณะพุ่งเข้าไปตรงๆ เขาฟันหุ่นจักรกลหกขาผ่ากลางลำตัวโดยไม่มีการเบรคกลางอากาศ หุ่นจักรกลถูกผ่าเป็นสองซีกก่อนที่จะโดนชุดเกราะสีขาวชนจนกระเด็นทะลุกำแพงระเบียงของทางเชื่อมชั้นสิบสอง
ชิ้นส่วนภายในของมันแตกกระจายออกจากตัว กระเด็นไปรอบทิศทาง ไซหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนจะตั้งตัวด้วยทรัสเตอร์แล้วพุ่งลงมาข้างๆเด็กสาวที่นอนอยู่
[เกือบไปแล้วไง]
“เธอ” ไซเขย่าไหล่เธอเบาๆ “ยังมีสติอยู่ใช่ไหม”
เด็กสาวพยายามพยักหน้า
ไซวางดาบลง แล้วเปิดกระเป๋าเพื่อหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
“สเปรย์ขวดน้ำเงิน...”
เด็กสาวพยายามส่งเสียงบอก
ไซหยิบขวดสเปรย์สีน้ำเงินขึ้นมาอ่าน และโชคดีที่ในบรรดาภาษามากมายยังมีภาษาที่เขาอ่านออกอยู่
[ฆ่าเชื้อ?]
ไซไม่รอช้า เขาพ่นมันลงบนแผลกลางท้องของเธอทันที
เด็กสาวกัดฟันแน่น สีหน้าของเธอแสดงชัดเจนว่าเธอกำลังเจ็บปวดเพราะยาฆ่าเชื้อ ไซหยุดพ่นยาทันทีที่เห็นว่าแผลนั้นชุ่มไปด้วยน้ำยา และเลือดไหลน้อยลงแล้ว
“ขวดขาว…”
ไซหยิบขวดสีขาวจากในกระเป๋าขึ้นมา เขาอ่านฉลากก่อนใช้เพื่อให้แน่ใจ
[เซลล์สเปรย์?]
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นขวดที่เด็กสาวพูดถึง เพราะมันเป็นขวดเดียวที่เป็นสีขาว
“อ๊ากกก”
เสียงเด็กสาวร้องโหยหวนอย่างทรมานขณะที่ไซพ่นยาลงไปในแผล มือขวาของเธอจับแขนซ้ายของไซซึ่งสวมเกราะไว้ ยิ่งเธอบีบมากเท่าไหร่ มือเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเท่านั้น แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่บาดแผล
“อะ… อีก”
เด็กสาวกระซิบบอกไซ เมื่อเห็นเขาหยุดพ่นเพราะเสียงร้องของเธอ
“อ๊ากกก”
[เพราะฉันแท้ๆ…]
ไซพ่นยาลงไปจนเขาแน่ใจว่าเพียงพอ จากนั้นจึงเก็บขวดสเปรย์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิม ขณะที่เด็กสาว ถึงแม้จะหยุดร้องแล้ว แต่เธอยังบีบเกราะแขนซ้ายของไซไว้แน่น
[จะทำยังไงกับเธอดี? ถ้าพาเธอไปให้กองทัพ ไม่รู้ว่ากองทัพจะทำอะไรกับเธอมั่ง]
ไซมองไปยังใบหน้าของเธอที่กำลังทนกับความเจ็บปวดของบาดแผลอยู่ มือขวาของเธอยังบีบเกราะแขนซ้ายของเขาไว้แน่น
[ไม่สิ ตอนนี้ต้องหาทางช่วยให้เธอปลอดภัยก่อน และเธอรู้อะไรบางอย่างที่ชั้นไม่รู้]
ไซหยุดการเคลื่อนไหวทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางเชื่อมชั้นสิบเอ็ด
[ยังเหลืออยู่อีก?]
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปจับดาบยาวของเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ จับในท่าที่สามารถกดปุ่มเปิดใช้อนุภาคสั่นได้ จากนั้นจึงหันหน้าไปยังช่องว่างที่เกิดขึ้นตอนเขาทำลายกำแพง
เสียงฝีเท้าเริ่มเบาลง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายค่อยๆย่องเข้ามา
[เอชเอ็มทู? ไม่สิ เสียงต้องดังกว่านี้]
เสียงฝีเท้าหยุดลง ไซรู้ดีว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้ามาโจมตี
[จะสู้ที่นี่ไม่ได้ ต้องลากมันไปชั้นสิบเอ็ด]
ไซชิงลงมือก่อน เขาใช้ทรัสเตอร์ไออ้อนพุ่งขึ้นไปยังระเบียงทางเชื่อม จากนั้นฟาดดาบลงไปที่ศัตรูเลยทันที แต่มันก็รีบปัดดาบออกไปแล้วพุ่งหนีไปตั้งหลักที่ชั้นสิบเอ็ด
ไซหันไปมองศัตรู ด้วยความคาดหมายว่าจะเป็นหุ่นที่คล้ายกับเอชเอ็มทูที่เขาเคยเจอ แต่มันไม่ใช่
ตรงหน้าของไซ คือหุ่นยนต์สีดำรูปร่างคล้ายมนุษย์ ขนาด 1.8 เมตร ลักษณะนั้นคล้ายมนุษย์ยิ่งกว่าเอชเอ็มทูเสียอีก แต่ที่แปลกกว่าคือ มันติดตั้งอุปกรณ์คล้ายกับวอร์สูทอยู่ด้วย มีทั้งฟุตทรัสเตอร์ ปืนที่หลังมือทั้งสอง ส่วนในมือสองข้างของมันจับดาบคู่ขนาดใกล้เคียงกับดาบที่ไซเคยใช้
หุ่นจักรกลยิงปืนคู่จากมือทั้งสองข้างไปหาไซ เขาเบี่ยงตัวหลบแล้วบินหลบหลีกพร้อมจับดาบไว้แน่น
[ต้องเข้าวงในให้ได้…]
ไซบินหลบหลีกอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะค่อยๆบินเข้าใกล้ศัตรูเรื่อยๆ
ทันทีที่ไซเข้าใกล้ศัตรูได้มากกว่าห้าเมตร มันก็หยุดยิงแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีด้วยดาบคู่ของมันทันที มันฟาดดาบขวาลงมาตรงๆ ไซจึงปัดออกไปด้านขวา ก่อนที่จะฟันแนวราบจากขวาไปซ้าย
หุ่นจักรกลเปลี่ยนการจับดาบขวาเป็นแบบหลังมือ จากนั้นบิดตัวแล้วฟันขึ้นกระทบกับดาบของไซ ด้วยพละกำลังของมัน ทำให้วิถีดาบของไซชะงักไปชั่วครู่ มันใช้จังหวะนั้นหมุนตัวแล้วฟาดดาบซ้ายในแนวราบจากด้านขวา
ไซใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้ที่เท้าซ้ายถีบตัวออกมา เขาหมุนดาบที่ชะงักอยู่ชี้ลง แล้วฟันขึ้นเพื่อป้องกันดาบของอีกฝ่าย แรงถีบตัวส่งผลให้เขากระเด็นออกไปจากหุ่นจักรกลราวสามเมตร
หุ่นจักรกลไม่ปล่อยให้ไซตั้งตัวได้ มันพุ่งเข้าหาแล้วใช้ดาบขวาแทงเข้ามาที่หน้าของไซ
ไซปัดดาบออกทางด้านขวาของเขา จากนั้นก็ฟาดดาบไถลไปกับดาบที่เขาปัดออกไปจนกระทบกับโกร่งดาบ จากนั้นก็มุดตัวลงฟาดดาบแนวราบในลำตัวของมัน
หุ่นจักรกลตัดสินใจใช้ทรัสเตอร์พุ่งผ่านตัวไซก่อนที่ดาบจะมาถึง ผลจากการใช้ทรัสเตอร์กระทันหันทำให้มันกระเด็นลงไปกลิ้งกับพื้น
หุ่นจักรกลรีบลุกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมรับในทันที ขณะที่ไซหันกลับมาเตรียมพร้อมตั้งรับเช่นกัน
ไซพุ่งตัวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อเห็นหุ่นจักรกลพุ่งมาหาเขาตรงๆ มันแทงดาบขวาออกไป ไซจึงตวัดดาบยาวปัดออกไปด้านซ้ายของเขา และปัดดาบซ้ายของอีกฝ่ายไปด้านขวา จากนั้นฟาดดาบลงมาตรงๆหน้าหุ่นจักรกล
หุ่นจักรกลอาศัยจังหวะนี้ ใช้ทรัสเตอร์ที่เท้า หมุนตัวเตะเสยไซจนกระเด็นออกไป ดาบยาวของเด็กสาวหลุดออกจากมือของเขาทันที หลังจากตัวมันหมุนครบรอบ ก็พุ่งเข้าไปหาไซที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมตวัดดาบขวาเข้าไปแทงไซที่ไร้ทางป้องกัน
[เอ๊ะ?]
วัตถุสีน้ำเงินเข้มพุ่งผ่านหน้าของเขา เข้าไปชนกลางลำตัวของหุ่นจักรกลจนกระเด็นไปติดผนังถ้ำ ไซอาศัยจังหวะนี้ลงมาตั้งหลักที่พื้นดิน ก่อนที่จะมองไปยังวัตถุสีน้ำเงินเข้ม
เขาจำภาพนี้ได้ดี เหมือนกับตอนที่เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับเอชเอ็มทูที่ชั้นแปด
เด็กสาวผมยาวสีเงิน ในชุดสีน้ำเงินเข้ม ยืนงามสง่าอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
หุ่นจักรกลพุ่งตรงมายังเด็กสาว มันแทงดาบขวาไปที่ใบหน้าของเธอ
เด็กสาวใช้มือซ้ายปัดแขนออกไป จากนั้นก้มลงหลบดาบซ้ายที่ฟันแนวระนาบ แล้วใช้มือผลักลำตัวของหุ่นจักรกลออกไป
หุ่นจักรกลพยายามจะตั้งตัวเพื่อโจมตีต่อ แต่เด็กสาวก็ใช้ทรัสเตอร์เท้าขวาหมุนตัวเตะไปที่หัวของมัน แต่ถึงแม้จะมีแรงจากทรัสเตอร์มาช่วย ด้วยน้ำหนักของหุ่นจักรกลทำให้ตัวมันแค่กระเด็นไปด้านข้างเล็กน้อยเท่านั้น
เด็กสาวกระโดดถีบกลางลำตัว โดยใช้ทรัสเตอร์เท้าซ้ายช่วยเพิ่มแรง จนทำให้หุ่นจักรกลกระเด็นลงไปกลิ้งกับพื้น
เด็กสาวเดินมาหยิบดาบของเธอที่ไซทำหล่นไว้ที่พื้น เธอจับดาบเบาๆ แล้วเดินไปหาหุ่นจักรกลโดยปล่อยปลายดาบลากไปกับพื้น
ผมยาวสลวยสีเงินที่เปื้อนเลือดกระเพื่อมเบาๆไปพร้อมกับการเดินช้าๆของเด็กสาว เธอยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ นุ่มนวล เหมือนกับว่าเธอสามารถจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเมื่อใดก็ได้
หุ่นจักรกลบิดตัวลุกขึ้น พยายามที่จะใช้ทรัสเตอร์บินหนี แต่พอเท้าทั้งสองของมันลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ลำตัวมันก็ขาดออกเป็นสองท่อนในทันที ส่วนลำตัวของมันร่วงลงไปนอนคว่ำกับพื้น พยายามตะเกียกตะกายคลานออกไป ขณะที่เด็กสาวที่เพิ่งใช้ทรัสเตอร์เบรคตัวกลางอากาศลอยอยู่ข้างๆ ผมสีเงินที่เปื้อนเลือดของเธอยังคงปลิวสไวเนื่องจากแรงหน่วงตอนเบรค
เด็กสาวลงมายืนบนพื้นพร้อมปักดาบลงทะลุหัวของหุ่นจักรกลจนมันหยุดเคลื่อนไหว แววตาของเธอดูไม่สะทกสะท้านใดๆทั้งสิ้น เมื่อมั่นใจว่าหุ่นจักรกลหยุดทำงานแล้ว เธอก็กระชากดาบออกพร้อมเศษชิ้นส่วนเล็กๆออกมา แล้วจึงเดินมาหาไซ
[เอ๊ะ?]
ไซแปลกใจที่จู่ๆ ขาของเขาก็ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาว และเพียงพริบตา เขาสาบานได้ว่าเขาเห็นน้ำตาของเธอ
“ไม่เอาดาบมาจ่อคอแล้วเหรอ?” ไซถามโดยพยายามปรับน้ำเสียงของเขาให้เป็นปกติมากที่สุด
[นี่เราพูดอะไรออกไป…]
“ไม่จำเป็น” เด็กสาวตอบ “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเธอ ยังไงเธอก็จะรู้ความจริงอยู่ดี ไม่ว่าจะรออยู่ที่นี่ หรือจะหนีกลับไปข้างบน”
เด็กสาวเก็บดาบไว้ที่เอวของเธอ จากนั้นจึงเดินมาข้างหน้าไซ
“แต่ชั้นจะต้องจับกุมเธอ เพื่อให้ลิเบอร์ตี้วิงก์หยุดการรบนี่ซะ”
“ไม่ทันแล้วล่ะ” เด็กสาวตอบ “มันสายไปแล้ว แอรี่น่ะจบไปแล้ว”
“หมายความว่าไง?”
“ยอมรับความจริงได้แล้ว ไม่ว่าจะรออยู่ที่นี่ หรือจะหนีกลับไปข้างบน ยังไงเธอก็จะรู้ความจริง มีทางเดียวที่จะหนีความจริงได้ คือเข้ามาโจมตีฉัน”
[เธอกำลังจะบอกอะไรกันแน่?]
“แต่ขอร้องล่ะ อย่าทำเลย” เด็กสาวลดเสียงลง “อย่าให้ฉันต้องฆ่าเธอเลย”
“ถ้างั้นก็บอกมา ความจริงที่เธอพูดถึงคืออะไรกันแน่”
“แอรี่น่ะ... ถูกยึดมากว่าสองปีแล้ว”
“พูดอะไรของเธอน่ะ ก็แคลนของเธอไม่ใช่เหรอที่จะมายึดแอรี่น่ะ” ไซขึ้นเสียง
“ฝ่ายที่ยึดแอรี่ ไม่ใช่มนุษย์” เธอยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจการที่ไซตวาดใส่เธอ “พวกหุ่นยนต์ต่างหาก”
[เอ๊ะ?]
“หมายความว่าไงกันแน่?”
“ชั้นบอกมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าอยากรู้ความจริง รออีกสิบนาทีปฏิบัติการนี้ก็จะจบลงแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ลิเบอร์ตี้วิงก์ไม่ฆ่าใครแน่นอน”
เด็กสาวค่อยๆนั่งลงพิงผนังถ้ำ ดูเหมือนว่าแผลที่ท้องของเธอยังไม่หายดี
“ต่อให้ชั้นบอกอะไรไป เธอก็ไม่เชื่ออยู่ดี รออีกสิบนาที เธอก็จะรู้ทุกอย่าง เธอหนีความจริงไม่พ้นแล้วล่ะ”
เด็กสาวค่อยๆหลับตาลง เธอนอนพิงผนังถ้ำอย่างสงบนิ่งด้วยความเหนื่อยล้า
[ดาบ…]
ไซค่อยๆเอนตัวไปข้างหน้าอย่างเงียบที่สุด เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่เด็กสาว
[ถ้าได้ดาบเล่มนั้นมา ก็จะจับกุมเธอได้… จังหวะที่เธอหลับนี่แหละ]
แต่ก่อนที่ไซจะได้พุ่งตัวออกไป เขาก็เปลี่ยนใจกระทันหัน เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆเธอ
“ขอบคุณนะ” เด็กสาวกระซิบบอก
“ชั้นยังไม่เชื่อใจเธอหรอกนะ” ไซตอบ
เด็กสาวยื่นดาบวางไว้ข้างหน้าไซ
“เดี๋ยวสิ… เอ่อ”
“เซเวียร์” เด็กสาวบอกชื่อของตัวเอง ก่อนที่จะกลับไปหลับอีกครั้ง
ไซเริ่มแปลกใจ ว่าทำไมตัวเขาถึงเชื่อทุกอย่างที่เด็กสาวบอก เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองก็สงสัยอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน ไม่สิ เขาอยากจะเชื่อใจเธอ
[อีกสิบนาทีสินะ… หวังว่าลิเบอร์ตี้วิงก์จะไม่ทำอะไรพวกชาวบ้านนะ]
____________________________________________________________
“ถึงเวลาแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้น จากนั้นค่อยๆลุกขึ้นยืน “ตามมา”
เด็กสาวบินตรงไปยังชั้นสิบสอง โดยมีไซบินตามเธอไป เธอลงไปหยิบกระเป๋าปฐมพยาบาล จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังชั้นสิบสามทันที
เด็กหนุ่มตะลึงเมื่อเขาตามเธอลงไปชั้นสิบสาม มันไม่ใช่ถ้ำอีกแล้ว รอบตัวเขาเป็นกำแพงเหล็ก หลอดไฟหลากสี และป้ายสัญลักษณ์ต่างๆมากมาย แสดงให้เห็นว่ามันเป็นห้องลับ
เด็กสาวลงมายืนอยู่ตรงกลางห้อง ไซจึงลงมายืนข้างหลังเธอ เด็กสาวหยิบวิทยุสื่อสารออกมาใช้งาน
“ซาร์ก 2 ถึง ซาร์ก 1” เด็กสาวพูดใส่ไมค์ “ชั้น 13 เคลียร์”
“รับทราบ ซาร์ก 6 จุดระเบิดได้” เสียงตอบรับดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร
เสียงระเบิดดังสนั่น เพดานถล่มลงมาเป็นรูกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตร
“นี่มันอะไรกันแน่?”
“ซาร์ก 2 ถึง ซาร์ก 1 พบเป้าหมายหนึ่งคน เขาไม่มีอาวุธแล้ว”
เด็กสาวบินขึ้นไปบนรูที่เพดาน ไซจึงบินขึ้นไปตาม และพบว่าข้างบนนั้นเป็นห้องทดลอง มีอุปกรณ์จักรกลต่างๆมากมาย และมีทหารในชุดวอร์สูทนอกจากเขาและเด็กสาวอยู่สามคน หนึ่งในนั้นเป็นชายรูปร่างใหญ่ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าของหน่วยนี้
“ร้อยโท เซเวียร์ ได้รับบาดเจ็บค่ะ” หญิงสาวในชุดวอร์สูทบอกกับชายที่เป็นหัวหน้าของเธอ
“พาเธอไปรักษาก่อน ตรงนี้ชั้นจัดการเอง”
ทหารวอร์สูทสองคนช่วยพยุงเซเวียร์ออกจากห้อง จนเหลือแค่ไซกับนายทหารตรงหน้า
“เอ… ชื่อไซสินะ” ชายร่างใหญ่ทักทายไซขณะเปิดดูหนังสือเล่มหนา “ชั้น ร้อยเอก ชไนเดอร์ กองร้อยชวาร์ซซาร์ก แห่งลิเบอร์ตี้วิงก์… ขอต้อนรับสู่โลกจริง”
“คุณคงไม่ได้ทำอะไรพวกชาวบ้านใช่ไหม?” ไซถามขึ้นทันที
“ถ้าพูดถึงคนในแอรี่ ตายหมดแล้ว เหลือเธอคนเดียวนี่แหละ” ร้อยเอกชไนเดอร์ตอบ
“ว่าไงนะ?”
ด้วยความโมโห ไซพุ่งเข้าใส่ทันที ชไนเดอร์ก้มตัวลงแล้วชกไซกระเด็นออกไปทันที
“นี่ซาร์ก 1 พูด ดูเหมือนหนุ่มน้อยของเราจะรับความจริงไม่ค่อยได้นะ”
ทันทีที่ร้อยเอกชไนเดอร์พูดจบ ทหารวอร์สูทสองนายก็บินเข้ามาล็อกตัวไซทันที พร้อมปลดนิวเคลียร์เจนเนอร์เรเตอร์ออก
“ไอริส... ไอริส...” ไซร้องเรียกหาน้องสาวเขาทันที
“ไอริส?”
ชไนเดอร์เปิดหนังสือในมือเขาอีกครั้ง
“อ้อ ตัวละครน้องสาวนี่เองสินะ ออกแบบตัวละครได้น่ารักดีนี่นา”
“พวกแก… ทำอะไร…”
“ทำอะไร? ก็จัดการพวกหุ่นยนต์น่ะสิ” ชไนเดอร์ตอบ
“แล้วไอริส ชาวบ้านคนอื่นๆ เกี่ยวอะไรด้วย?” ไซตะคอกขณะพยายามดิ้น แต่ก็ไม่หลุด
“ชาวบ้าน? ก็อยู่ตรงนั้นไง ชั้นไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาเลยนะ” ชไนเดอร์ตอบพลางชี้ไปที่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
“แกหมายความว่าไง?”
“บอกความจริงเถอะค่ะ” เสียงเด็กสาวดังออกมาจากข้างหลังชไนเดอร์
“ร้อยโท บาดแผลยังไม่หายดีนะคะ”
“ร้อยเอก หยุดยั่วยุเขาได้แล้ว” เซเวียร์เตือนชไนเดอร์ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดุ
“ก็ได้ๆ” ชไนเดอร์ตอบ “โอเค ชั้นสัญญาว่าจะไม่ยั่วเขาแล้ว เธอไปรักษาแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันภารกิจต่อไป”
“หมาย…ความ…” ไซยังคงพยายามดิ้นให้หลุด แต่วอร์สูทที่ไม่มีทรัสเตอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็กที่ไปถ่วงร่างกายเขาไว้
“งั้นชั้นจะพูดตรงๆแล้วนะ รับให้ได้ละกัน อย่ากัดลิ้นตัวเองตายไปก่อนนะ” ชไนเดอร์บอกกับไซ
“แอรี่น่ะ เคยเป็นเมืองของมนุษย์มาก่อน เป็นแค่เมืองเล็กๆ แต่ถูกพวกหุ่นยนต์ยึดไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นเราก็คงส่งทหารมาช่วยแล้ว”
“พวกหุ่นยนต์น่ะ ฆ่าชาวแอรี่จนเกือบหมด... ใช่แล้ว เกือบหมด เหลือเด็กวัยรุ่นอยู่สิบคน จากนั้นพวกมันก็เปลี่ยนเมืองนี้เป็นห้องวิจัย เพื่อที่จะได้วิจัยพฤติกรรมของมนุษย์ น่าเสียดายที่ระหว่างล้างสมอง เด็กจากสิบคนตายกันจนเหลือสี่คน ก็คือเธอ และหน่วยฝึกหัดที่ 104 ทีมเดลต้า หรือก็คือ ชิน อารี ลีฟ่า ที่ตายไปอย่างน่าเสียดายเมื่อหลายเดือนก่อน”
“ชั้น... ไม่... เชื่อ”
“ชั้นให้ทางเลือกสองทาง จะคุมสติแล้วตั้งใจฟังดีๆ หรือจะให้ฉีดยากดประสาท” ชไนเดอร์ถามเสียงเข้ม
ไซหยุดดิ้น เขายืนนิ่งๆ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขาสามารถควบคุมตัวเองได้
“ปล่อยเขาได้แล้ว” ชไนเดอร์บอกกับทหารวอร์สูทสองคนที่จับไซไว้อยู่
“ตามชั้นมา”
ชไนเดอร์เดินนำไซออกไปนอกตึก สิ่งที่ไซเห็นมีเพียงซากตึกปรักหักพัง ไม่ก็ตึกที่ดูเหมือนเพิ่งจะสร้างใหม่ไม่นาน เป็นเมืองที่ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว
“ที่นี่ที่ไหน”
“ตามมาก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง” ชไนเดอร์ตอบ
ชไนเดอร์กับไซ เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงประตูขนาดใหญ่ที่เป็นทางออกจากเมืองที่มีปราการล้อมรอบ ชไนเดอร์เปิดประตูเมือง และบอกให้ไซเดินออกไป
“ไม่เห็น...”
ไซตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น เมื่อเขาหันหลังมาดูกำแพงที่ล้อมรอบเมืองเอาไว้ เขาหันไปด้านขวา และเห็นทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่
“ถ้ำเดโมเนีย... งั้นนี่ก็คือ?”
“แคลนแอรี่ ที่เธอเคยอยู่ก่อนจะถูกล้างสมองไง” ชไนเดอร์ตอบ “จะเอายากดประสาทแล้วพักก่อนไหม แต่จะไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมดนะ เพราะชั้นต้องไปทำภารกิจอื่นต่อ”
“ไม่ต้อง...” ไซตอบเสียงแข็ง “บอกความจริงมา”
“แคลนแอรี่ กลายเป็นห้องวิจัยของฝ่ายหุ่นยนต์ไปแล้วเมื่อสองปีก่อน เป้าหมายของการวิจัยคือพฤติกรรมมนุษย์ เพื่อที่จะเรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์อย่างใกล้ชิด พวกมันล้างสมองเด็กทุกคน รวมทั้งเธอ จากนั้นสร้างโลกจำลองขึ้นด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในห้องนั้น เพื่อให้พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อกับเส้นประสาทสมองตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะกิน จะเดิน จะนอน ก็จะอยู่ในโลกจำลองที่ถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา”
“แต่นี่คือโลกความจริงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“จากนั้น พวกหุ่นยนต์ก็เริ่มที่จะศึกษาการรบด้วยวอร์สูทของมนุษย์ แต่เพราะมันไม่สามารถจำลองทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ได้ พวกมันจึงให้พวกเธอกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงเวลาใส่วอร์สูทต่อสู้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันต้องให้พวกเธอสวมหมวกไฟฟ้าขณะสวมวอร์สูท แน่นอนว่าถ้ำเดโมเนีย จริงๆก็เป็นแค่ถ้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ศัตรูในถ้ำก็เป็นหุ่นยุคเก่า ไม่มีความสามารถพอที่จะนำมารบจริง ทั้งหมดเป็นแค่การทดลองเก็บข้อมูล”
“หรือว่า... ทั้งไอริส...”
“ทุกคนที่เธอเคยเจอในแคลนแอรี่ ยกเว้นชิน อารี ลีฟ่า เป็นเพียงแค่ตัวละครในคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น รวมถึงไอริส น้องสาวของเธอด้วย”
“หมายความว่า คำสั่งจับกุมแม่มดสีเงินที่ได้รับ…”
“จริงๆ พวกมันไม่คิดว่าเธอจะจับร้อยโทเซเวียร์ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะ พวกมันคงคิดว่าเธอลงไปได้อย่างมากก็ชั้น 9 ด้วยซ้ำ จริงๆก็แค่จะผลักเธอลงถ้ำ พวกมันจะได้เอากองทัพหุ่นยนต์มาใช้ได้โดยไม่ต้องให้เธอรู้ จะขังเธอไว้ในคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ เพราะไฟฟ้าจะไม่พอยิงกราวิตอนแคนน่อน”
“หรือว่า?”
“ใช่แล้วล่ะ เราส่งร้อยโทลงถ้ำ ก็เพื่อจะให้เป็นข้ออ้างให้พวกมันส่งมนุษย์ทั้งหมดลงมา พวกเราจะได้สู้ได้สบายขึ้น” ชไนเดอร์ตอบคำถามก่อนที่ไซจะถามจบ
[เอ๊ะ?]
ไซทรุดลงกับพื้นทันที เขาพยายามใช้มือยันเอาไว้ขณะคุกเข่าข้างซ้ายลง
“อะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกก”
ไซกุมหัวตัวเองแล้วส่งเสียงร้องโอดครวญ สภาพของเขาไม่ต่างจากคนบ้าซักเท่าไรนัก
“ซาร์ก 1 เรียกหน่วยพยาบาล หนุ่มน้อยเริ่มอาการแย่อีกแล้ว” ชไนเดอร์พูดผ่านวิทยุสื่อสารเล็กๆที่ติดที่หู
เหล่าทหารแพทย์วิ่งออกมาจับไซยึดกับพื้น และหยิบหลอดฉีดยากดประสาทขึ้นมาแทงไปที่คอ
“พ่อ... แม่...”
***** LIFE/LOGIC Prologue : Airy Arc. End. *****
เสียงเด็กสาวผู้ถือดาบจ่อคอของไซถาม น้ำเสียงของเธอไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น ราวกับสิ่งที่เธอทำนั้นเป็นเพียงหน้าที่ที่ได้รับเท่านั้น
[มนุษย์? มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ดูวอร์สูทก็น่าจะรู้แล้ว]
“ขอถามอีกครั้ง นายเป็นมนุษย์ใช่ไหม?”
น้ำเสียงของเธอนิ่งกว่าเดิม ไซรู้สึกได้ว่าหากเขาตอบผิด เธอก็พร้อมที่จะตัดคอเขาโดยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
“ใช่” ไซตอบด้วยเสียงเบาๆ
“ลงมาทำอะไรที่นี่?”
[ลงมาทำอะไร? ก็มาจับเธอน่ะสิ จะได้หยุดสงครามบ้าๆของมนุษย์ซักที]
“ชั้นได้รับคำสั่งให้ลงมาจับเธอเป็นๆ” ไซตอบ “จะได้หยุดการรบบ้าๆนี่”
“บนนั้นมีมนุษย์อยู่กี่คน?” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนเธอกำลังสอบปากคำไซอยู่
“มนุษย์?” ไซถามอย่างไม่แน่ใจ
“เข้าใจละ ขอเปลี่ยนคำถามใหม่ นายเคยเจอมนุษย์ตอนที่นายสวมใส่วอร์สูทอยู่บ้างไหม?”
[ก็แหง... เอ๊ะ???]
ไซอึ้งไปชั่วครู่ เขาพยายามนึกคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมา
[สิบเอกโรส ผู้บัญชาการ หัวหน้าหน่วยสำรวจต่างๆ ไอริส ชั้น… ไม่สิ ชั้นไม่เคยพบพวกเขาเลยในตอนที่ชั้นใส่วอร์สูท… นี่มันอะไรกัน?]
“ตอบเดี๋ยวนี้!” เสียงเด็กสาวสั่ง ขณะที่เอาดาบจ่อเข้าใกล้คอของไซมากกว่าเดิม
“มะ.. ไม่เคย... ไม่สิ เคยมีอยู่สามคน เมื่อหลายเดือนก่อน” ไซตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ซึ่งไม่ได้เกิดจากความกลัวที่ดาบนั้นอยู่ใกล้คอของเขาเสียเหลือเกิน แต่เกิดจากความไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
“เคย?”
“พวกเขาเป็นลูกทีมของหน่วยชั้น ตายหมดแล้ว” ไซตอบ
“เข้าใจ... ละ” เสียงเด็กสาวเริ่มสั่น “ค่อยๆปลดคาร์ททริจด์ออกจากดาบ”
ไซเริ่มรู้สึกว่าดาบที่เคยจ่อคอเขาเริ่มลดระดับลงจนแตะกับไหล่ของเขา เหมือนกับว่าเธอวางดาบไว้บ่นไหล่เขาเพื่อพัก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้น หากเธอจะจัดการกับเขาก็สามารถทำได้ในชั่วพริบตา
ไซเอื้อมมือไปจับด้ามดาบ แล้วกดปุ่มเพื่อถอดคาร์ททริจด์ แท่งบรรจุพลังงานสำหรับดาบอนุภาคสั่นออกจากดาบทั้งคู่ จากนั้นก็ใช้นิ้วปัดไปข้างหลัง
“หยุดการสู้รบนี่ซักทีเถอะ ศัตรูของเราคือพวกจักรกลไม่ใช่รึไง จะรบกับมนุษย์กันเองทำไม”
เด็กสาวไม่ตอบ เธอเหยียบแท่งคาร์ททริจด์แล้วใช้ทรัสเตอร์เผามันจนพัง
“หยุดเถอะ...”
“…”
ไซรู้สึกได้ว่าไหล่ของเขาเริ่มหนักขึ้น คงเป็นเพราะเธอวางดาบไว้บนไหล่ของเขา
[จังหวะนี้แหละ!]
ไซตัดสินใจใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้ดีดตัวออกจากที่นั่งอยู่ พุ่งไปด้านซ้ายซึ่งไม่มีดาบจ่อคอ จากนั้นพุ่งไปข้างหน้าแล้วหมุนตัวกลับ เปิดทรัสเตอร์เต็มที่เพื่อเบรคและเตรียมพุ่งเข้าใส่เด็กสาว มือขวากำหมัดแน่น เตรียมพร้อมที่จะชกเธอออกไป เพื่อที่จะได้มีจังหวะหนี
แต่ไซก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเด็กสาวอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าที่เคยไร้ซึ่งความรู้สึกเมื่อเขาเห็นเธอครั้งแรก บัดนื้กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ชุดวอร์สูทแบบไร้เกราะที่เธอใส่ เป็นเพียงชุดยืดทั้งตัวที่เสริมเส้นใยโลหะเอาไว้ จึงป้องกันได้เพียงกระสุนไม่กี่นัด แต่หากโดนดาบอนุภาคสั่น มันจะผ่านทะลุไปเลย
ดาบของเธอค่อยๆหล่นออกจากมือขวา ขาที่เคยยืนอย่างมั่นคงค่อยๆหมดแรง เลือดค่อยๆไหลออกจากบาดแผลที่กลางลำตัว ร่างของเธอค่อยๆเอนตัวไปข้างหน้า
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ร่างกายของเขาก็พุ่งเข้าไปรับร่างของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า เลือดจากบาดแผลที่ท้องของเด็กสาวไหลออกมาย้อมเกราะมือของไซจากสีขาวจนเป็นสีแดง
[นี่มันอะไรกัน?]
ไซรีบจับตัวเด็กสาวนอนหงายบนพื้นทันทีที่เขาตั้งสติได้ เขาถอดเกราะมือขวาออกแล้วช้อนศีรษะของเธอขึ้น เนื่องจากชุดวอร์สูทของเธอไม่มีเกราะหัว เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มือของเขาแทนหมอนให้เธอนอน
“ทำใจดีๆไว้ อย่าเป็นอะไรไปก่อนนะ”
ไซเอามือซ้ายของเขาที่ยังมีเกราะพลังงานอยู่ไปจ่อทรัสเตอร์ที่เท้าซ้าย แล้วใช้ทรัสเตอร์พ่นไอร้อนใส่เกราะมือของเขา จากนั้นจึงใช้มือนั้นไปหยิบเศษชุดโลหะที่เขาไปในแผลของเด็กสาวออก
“อ๊าก” เสียงเด็กสาวร้องโหยหวนทันทีที่มือของไซไปสัมผัสกับแผลที่ท้องของเธอ
“อดทนไว้หน่อย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ไซบอกกับเด็กสาว พลางหยิบเศษโลหะออกจากแผลของเธออย่างปรานีต จากนั้นจึงค่อยๆกดเนื้อรอบๆให้ปิดแผลไว้ แต่ถึงแม้จะทำแบบนั้น เลือดของเธอก็ยังไม่หยุด
[ถ้าอุ้มเธอบินออกจากถ้ำ เลือดเธอหมดตัวก่อนแน่]
ดูเหมือนว่าเด็กสาวยังไม่หมดสติ เธอกัดฟันแน่น อดทนกับความเจ็บปวดของบาดแผลที่ได้รับ เลือดสีแดงยังคงไหลออกจากปากแผล ย้อมเส้นผมที่เคยขาวดุจหิมะกลายเป็นสีแดงเลือด
“มีพวกของเธออยู่ใกล้ๆไหม?”
เด็กสาวนิ่งไปซักพัก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
[แค่จะส่ายหน้าก็ไม่ไหวแล้วเหรอเนี่ย]
ไซคว้าอุปกรณ์สื่อสารที่ติดอยู่ที่หูขวาของเธอมาสวม เขาพยายามจะติดต่อกับลิเบอร์ตี้วิงก์ แต่ไม่สำเร็จ คาดว่าเป็นเพราะพวกเขาอยู่ลึกเกินไป สัญญาณจึงส่งไม่ถึง
[ชั้นไม่ยอมให้เธอตายที่นี่หรอก… คิดสิ พอจะทำอะไรได้บ้าง]
“ทะ… ทางเชื่อม”
เด็กสาวค่อยๆรวบรวมแรงพูดออกมา
“ทางเชื่อม ก่อนลงชั้นสิบเอ็ด…”
[ทางเชื่อมลงมาชั้นสิบเอ็ด? ที่นั่นมีอะไรอยู่รึไง?]
“หะ..ห้องลับ หลังผนัง... ยา…”
“เข้าใจแล้ว”
ไซหยิบก้อนดินขนาดเท่าฝ่ามือวางไว้ที่พื้น จากนั้นใช้มือซ้ายทุบจนบานออก แล้วจึงเอาไปวางเป็นหมอนให้เด็กสาว
[ศัตรูชั้นนี้น่าจะหมดแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่มีแอบอยู่ ถ้าบินด้วยความเร็วเต็มกำลังน่าจะกลับมาทัน]
“ขอยืมดาบหน่อยนะ”
ไซไม่รอคำตอบ เขาใส่เกราะมือขวา แล้วหยิบดาบยาวของเด็กสาว จากนั้นจึงเดินออกห่างเด็กสาวเพื่อเตรียมบิน
เปลวไฟสีน้ำเงินพวยพุ่งออกมาจากทรัสเตอร์เท้าทั้งสองของไซ ผลักดันร่างที่คลุมด้วยชุดเกราะสีขาวบินตรงไปข้างหน้า แรงขับดันมหาศาลทำให้ฝุ่นที่พื้นถ้ำฟุ้งกระจายไปด้านหลัง และเพียงพริบตา เขาก็บินขึ้นมายังชั้นสิบเอ็ด
[ไม่มี? ดีล่ะ]
ไซเปลี่ยนทิศทาง บินตรงไปทางเชื่อมชั้นสิบทันทีที่เห็นว่าชั้นสิบเอ็ดไม่มีอะไรนอกจากซากหุ่นที่เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว
เปลวไฟทรัสเตอร์เท้าขวาดับลง ไซหมุนตัวไปทางซ้าย จากนั้นหันและยิงทรัสเตอร์ไปทางขวาเต็มกำลังเพื่อเบรคก่อนที่จะลงพื้น
[เธอบอกว่าอยู่แถวนี้สินะ]
ไซมองไปรอบๆทางเชื่อม เขาไม่พบอะไรเลยนอกจากกำแพงดิน
[ไม่มีเวลาแล้ว]
ไซปักดาบยาวของเด็กสาวลงบนพื้น บินขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย จากนั้นกำหมัดขวาแล้วชกไปที่ผนังจนเกิดรอยยุบ แต่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาก็บินไปทางขวาแล้วไล่ชกไปเรื่อยๆ
กำแพงทลายลงหลังหมัดที่ห้าของไซ เผยให้เห็นถึงห้องลับหลังผนังถ้ำ ซึ่งมีข้าวของเต็มไปหมด
[กะมาพักแรมในนี้เลยเรอะ]
ไซหันไปดูด้านขวาของห้อง เขาเห็นกระเป๋าผ้าอยู่หนึ่งใบ เขาจึงเดินเข้าไปหยิบและพยายามจะเปิดออกหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
[เสียงนี่มัน…]
ไซหยุดการเปิดกระเป๋าทันทีที่เขาได้ยินเสียงโลหะดังมาจากทางเชื่อมชั้นสิบสอง เขาใช้มือซ้ายจับกระเป๋าแน่น จากนั้นพุ่งออกไปหยิบดาบ และบินไปยังต้นกำเนิดเสียงโดยใช้ทรัสเตอร์เต็มกำลัง
อย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ หุ่นจักรกลหกขาหนึ่งตัว ยืนอยู่ที่ปลายทางเชื่อมชั้นสิบสอง ปืนแกตลิ่งทั้งสี่ของมันหันไปทางเดียวกัน
[แย่ล่ะสิ]
ไซไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้เต็มกำลัง พุ่งไปยังหุ่นจักรกลที่อยู่ตรงหน้า เขารู้ดีว่าเป้าหมายของมันคือเด็กสาวที่นอนบาดเจ็บอยู่ และเขาต้องปกป้องเธอ
ดาบยาวของเด็กสาว ถูกออกแบบมาให้ถือสองมือเป็นหลัก แต่น้ำหนักที่เบาของมันก็ทำให้สามารถจับได้ด้วยมือเดียว แม้จะไม่ถนัดก็ตาม ไซกำดาบด้วยมือขวาอย่างแน่นหนา ลากดาบจากล่างขึ้นบนขณะพุ่งเข้าไปตรงๆ เขาฟันหุ่นจักรกลหกขาผ่ากลางลำตัวโดยไม่มีการเบรคกลางอากาศ หุ่นจักรกลถูกผ่าเป็นสองซีกก่อนที่จะโดนชุดเกราะสีขาวชนจนกระเด็นทะลุกำแพงระเบียงของทางเชื่อมชั้นสิบสอง
ชิ้นส่วนภายในของมันแตกกระจายออกจากตัว กระเด็นไปรอบทิศทาง ไซหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนจะตั้งตัวด้วยทรัสเตอร์แล้วพุ่งลงมาข้างๆเด็กสาวที่นอนอยู่
[เกือบไปแล้วไง]
“เธอ” ไซเขย่าไหล่เธอเบาๆ “ยังมีสติอยู่ใช่ไหม”
เด็กสาวพยายามพยักหน้า
ไซวางดาบลง แล้วเปิดกระเป๋าเพื่อหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
“สเปรย์ขวดน้ำเงิน...”
เด็กสาวพยายามส่งเสียงบอก
ไซหยิบขวดสเปรย์สีน้ำเงินขึ้นมาอ่าน และโชคดีที่ในบรรดาภาษามากมายยังมีภาษาที่เขาอ่านออกอยู่
[ฆ่าเชื้อ?]
ไซไม่รอช้า เขาพ่นมันลงบนแผลกลางท้องของเธอทันที
เด็กสาวกัดฟันแน่น สีหน้าของเธอแสดงชัดเจนว่าเธอกำลังเจ็บปวดเพราะยาฆ่าเชื้อ ไซหยุดพ่นยาทันทีที่เห็นว่าแผลนั้นชุ่มไปด้วยน้ำยา และเลือดไหลน้อยลงแล้ว
“ขวดขาว…”
ไซหยิบขวดสีขาวจากในกระเป๋าขึ้นมา เขาอ่านฉลากก่อนใช้เพื่อให้แน่ใจ
[เซลล์สเปรย์?]
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นขวดที่เด็กสาวพูดถึง เพราะมันเป็นขวดเดียวที่เป็นสีขาว
“อ๊ากกก”
เสียงเด็กสาวร้องโหยหวนอย่างทรมานขณะที่ไซพ่นยาลงไปในแผล มือขวาของเธอจับแขนซ้ายของไซซึ่งสวมเกราะไว้ ยิ่งเธอบีบมากเท่าไหร่ มือเธอก็ยิ่งเจ็บขึ้นเท่านั้น แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่บาดแผล
“อะ… อีก”
เด็กสาวกระซิบบอกไซ เมื่อเห็นเขาหยุดพ่นเพราะเสียงร้องของเธอ
“อ๊ากกก”
[เพราะฉันแท้ๆ…]
ไซพ่นยาลงไปจนเขาแน่ใจว่าเพียงพอ จากนั้นจึงเก็บขวดสเปรย์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิม ขณะที่เด็กสาว ถึงแม้จะหยุดร้องแล้ว แต่เธอยังบีบเกราะแขนซ้ายของไซไว้แน่น
[จะทำยังไงกับเธอดี? ถ้าพาเธอไปให้กองทัพ ไม่รู้ว่ากองทัพจะทำอะไรกับเธอมั่ง]
ไซมองไปยังใบหน้าของเธอที่กำลังทนกับความเจ็บปวดของบาดแผลอยู่ มือขวาของเธอยังบีบเกราะแขนซ้ายของเขาไว้แน่น
[ไม่สิ ตอนนี้ต้องหาทางช่วยให้เธอปลอดภัยก่อน และเธอรู้อะไรบางอย่างที่ชั้นไม่รู้]
ไซหยุดการเคลื่อนไหวทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางเชื่อมชั้นสิบเอ็ด
[ยังเหลืออยู่อีก?]
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปจับดาบยาวของเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ จับในท่าที่สามารถกดปุ่มเปิดใช้อนุภาคสั่นได้ จากนั้นจึงหันหน้าไปยังช่องว่างที่เกิดขึ้นตอนเขาทำลายกำแพง
เสียงฝีเท้าเริ่มเบาลง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายค่อยๆย่องเข้ามา
[เอชเอ็มทู? ไม่สิ เสียงต้องดังกว่านี้]
เสียงฝีเท้าหยุดลง ไซรู้ดีว่าอีกฝ่ายเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้ามาโจมตี
[จะสู้ที่นี่ไม่ได้ ต้องลากมันไปชั้นสิบเอ็ด]
ไซชิงลงมือก่อน เขาใช้ทรัสเตอร์ไออ้อนพุ่งขึ้นไปยังระเบียงทางเชื่อม จากนั้นฟาดดาบลงไปที่ศัตรูเลยทันที แต่มันก็รีบปัดดาบออกไปแล้วพุ่งหนีไปตั้งหลักที่ชั้นสิบเอ็ด
ไซหันไปมองศัตรู ด้วยความคาดหมายว่าจะเป็นหุ่นที่คล้ายกับเอชเอ็มทูที่เขาเคยเจอ แต่มันไม่ใช่
ตรงหน้าของไซ คือหุ่นยนต์สีดำรูปร่างคล้ายมนุษย์ ขนาด 1.8 เมตร ลักษณะนั้นคล้ายมนุษย์ยิ่งกว่าเอชเอ็มทูเสียอีก แต่ที่แปลกกว่าคือ มันติดตั้งอุปกรณ์คล้ายกับวอร์สูทอยู่ด้วย มีทั้งฟุตทรัสเตอร์ ปืนที่หลังมือทั้งสอง ส่วนในมือสองข้างของมันจับดาบคู่ขนาดใกล้เคียงกับดาบที่ไซเคยใช้
หุ่นจักรกลยิงปืนคู่จากมือทั้งสองข้างไปหาไซ เขาเบี่ยงตัวหลบแล้วบินหลบหลีกพร้อมจับดาบไว้แน่น
[ต้องเข้าวงในให้ได้…]
ไซบินหลบหลีกอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะค่อยๆบินเข้าใกล้ศัตรูเรื่อยๆ
ทันทีที่ไซเข้าใกล้ศัตรูได้มากกว่าห้าเมตร มันก็หยุดยิงแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีด้วยดาบคู่ของมันทันที มันฟาดดาบขวาลงมาตรงๆ ไซจึงปัดออกไปด้านขวา ก่อนที่จะฟันแนวราบจากขวาไปซ้าย
หุ่นจักรกลเปลี่ยนการจับดาบขวาเป็นแบบหลังมือ จากนั้นบิดตัวแล้วฟันขึ้นกระทบกับดาบของไซ ด้วยพละกำลังของมัน ทำให้วิถีดาบของไซชะงักไปชั่วครู่ มันใช้จังหวะนั้นหมุนตัวแล้วฟาดดาบซ้ายในแนวราบจากด้านขวา
ไซใช้ทรัสเตอร์เผาไหม้ที่เท้าซ้ายถีบตัวออกมา เขาหมุนดาบที่ชะงักอยู่ชี้ลง แล้วฟันขึ้นเพื่อป้องกันดาบของอีกฝ่าย แรงถีบตัวส่งผลให้เขากระเด็นออกไปจากหุ่นจักรกลราวสามเมตร
หุ่นจักรกลไม่ปล่อยให้ไซตั้งตัวได้ มันพุ่งเข้าหาแล้วใช้ดาบขวาแทงเข้ามาที่หน้าของไซ
ไซปัดดาบออกทางด้านขวาของเขา จากนั้นก็ฟาดดาบไถลไปกับดาบที่เขาปัดออกไปจนกระทบกับโกร่งดาบ จากนั้นก็มุดตัวลงฟาดดาบแนวราบในลำตัวของมัน
หุ่นจักรกลตัดสินใจใช้ทรัสเตอร์พุ่งผ่านตัวไซก่อนที่ดาบจะมาถึง ผลจากการใช้ทรัสเตอร์กระทันหันทำให้มันกระเด็นลงไปกลิ้งกับพื้น
หุ่นจักรกลรีบลุกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมรับในทันที ขณะที่ไซหันกลับมาเตรียมพร้อมตั้งรับเช่นกัน
ไซพุ่งตัวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อเห็นหุ่นจักรกลพุ่งมาหาเขาตรงๆ มันแทงดาบขวาออกไป ไซจึงตวัดดาบยาวปัดออกไปด้านซ้ายของเขา และปัดดาบซ้ายของอีกฝ่ายไปด้านขวา จากนั้นฟาดดาบลงมาตรงๆหน้าหุ่นจักรกล
หุ่นจักรกลอาศัยจังหวะนี้ ใช้ทรัสเตอร์ที่เท้า หมุนตัวเตะเสยไซจนกระเด็นออกไป ดาบยาวของเด็กสาวหลุดออกจากมือของเขาทันที หลังจากตัวมันหมุนครบรอบ ก็พุ่งเข้าไปหาไซที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมตวัดดาบขวาเข้าไปแทงไซที่ไร้ทางป้องกัน
[เอ๊ะ?]
วัตถุสีน้ำเงินเข้มพุ่งผ่านหน้าของเขา เข้าไปชนกลางลำตัวของหุ่นจักรกลจนกระเด็นไปติดผนังถ้ำ ไซอาศัยจังหวะนี้ลงมาตั้งหลักที่พื้นดิน ก่อนที่จะมองไปยังวัตถุสีน้ำเงินเข้ม
เขาจำภาพนี้ได้ดี เหมือนกับตอนที่เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับเอชเอ็มทูที่ชั้นแปด
เด็กสาวผมยาวสีเงิน ในชุดสีน้ำเงินเข้ม ยืนงามสง่าอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
หุ่นจักรกลพุ่งตรงมายังเด็กสาว มันแทงดาบขวาไปที่ใบหน้าของเธอ
เด็กสาวใช้มือซ้ายปัดแขนออกไป จากนั้นก้มลงหลบดาบซ้ายที่ฟันแนวระนาบ แล้วใช้มือผลักลำตัวของหุ่นจักรกลออกไป
หุ่นจักรกลพยายามจะตั้งตัวเพื่อโจมตีต่อ แต่เด็กสาวก็ใช้ทรัสเตอร์เท้าขวาหมุนตัวเตะไปที่หัวของมัน แต่ถึงแม้จะมีแรงจากทรัสเตอร์มาช่วย ด้วยน้ำหนักของหุ่นจักรกลทำให้ตัวมันแค่กระเด็นไปด้านข้างเล็กน้อยเท่านั้น
เด็กสาวกระโดดถีบกลางลำตัว โดยใช้ทรัสเตอร์เท้าซ้ายช่วยเพิ่มแรง จนทำให้หุ่นจักรกลกระเด็นลงไปกลิ้งกับพื้น
เด็กสาวเดินมาหยิบดาบของเธอที่ไซทำหล่นไว้ที่พื้น เธอจับดาบเบาๆ แล้วเดินไปหาหุ่นจักรกลโดยปล่อยปลายดาบลากไปกับพื้น
ผมยาวสลวยสีเงินที่เปื้อนเลือดกระเพื่อมเบาๆไปพร้อมกับการเดินช้าๆของเด็กสาว เธอยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ นุ่มนวล เหมือนกับว่าเธอสามารถจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเมื่อใดก็ได้
หุ่นจักรกลบิดตัวลุกขึ้น พยายามที่จะใช้ทรัสเตอร์บินหนี แต่พอเท้าทั้งสองของมันลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ลำตัวมันก็ขาดออกเป็นสองท่อนในทันที ส่วนลำตัวของมันร่วงลงไปนอนคว่ำกับพื้น พยายามตะเกียกตะกายคลานออกไป ขณะที่เด็กสาวที่เพิ่งใช้ทรัสเตอร์เบรคตัวกลางอากาศลอยอยู่ข้างๆ ผมสีเงินที่เปื้อนเลือดของเธอยังคงปลิวสไวเนื่องจากแรงหน่วงตอนเบรค
เด็กสาวลงมายืนบนพื้นพร้อมปักดาบลงทะลุหัวของหุ่นจักรกลจนมันหยุดเคลื่อนไหว แววตาของเธอดูไม่สะทกสะท้านใดๆทั้งสิ้น เมื่อมั่นใจว่าหุ่นจักรกลหยุดทำงานแล้ว เธอก็กระชากดาบออกพร้อมเศษชิ้นส่วนเล็กๆออกมา แล้วจึงเดินมาหาไซ
[เอ๊ะ?]
ไซแปลกใจที่จู่ๆ ขาของเขาก็ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาว และเพียงพริบตา เขาสาบานได้ว่าเขาเห็นน้ำตาของเธอ
“ไม่เอาดาบมาจ่อคอแล้วเหรอ?” ไซถามโดยพยายามปรับน้ำเสียงของเขาให้เป็นปกติมากที่สุด
[นี่เราพูดอะไรออกไป…]
“ไม่จำเป็น” เด็กสาวตอบ “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเธอ ยังไงเธอก็จะรู้ความจริงอยู่ดี ไม่ว่าจะรออยู่ที่นี่ หรือจะหนีกลับไปข้างบน”
เด็กสาวเก็บดาบไว้ที่เอวของเธอ จากนั้นจึงเดินมาข้างหน้าไซ
“แต่ชั้นจะต้องจับกุมเธอ เพื่อให้ลิเบอร์ตี้วิงก์หยุดการรบนี่ซะ”
“ไม่ทันแล้วล่ะ” เด็กสาวตอบ “มันสายไปแล้ว แอรี่น่ะจบไปแล้ว”
“หมายความว่าไง?”
“ยอมรับความจริงได้แล้ว ไม่ว่าจะรออยู่ที่นี่ หรือจะหนีกลับไปข้างบน ยังไงเธอก็จะรู้ความจริง มีทางเดียวที่จะหนีความจริงได้ คือเข้ามาโจมตีฉัน”
[เธอกำลังจะบอกอะไรกันแน่?]
“แต่ขอร้องล่ะ อย่าทำเลย” เด็กสาวลดเสียงลง “อย่าให้ฉันต้องฆ่าเธอเลย”
“ถ้างั้นก็บอกมา ความจริงที่เธอพูดถึงคืออะไรกันแน่”
“แอรี่น่ะ... ถูกยึดมากว่าสองปีแล้ว”
“พูดอะไรของเธอน่ะ ก็แคลนของเธอไม่ใช่เหรอที่จะมายึดแอรี่น่ะ” ไซขึ้นเสียง
“ฝ่ายที่ยึดแอรี่ ไม่ใช่มนุษย์” เธอยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจการที่ไซตวาดใส่เธอ “พวกหุ่นยนต์ต่างหาก”
[เอ๊ะ?]
“หมายความว่าไงกันแน่?”
“ชั้นบอกมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าอยากรู้ความจริง รออีกสิบนาทีปฏิบัติการนี้ก็จะจบลงแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ลิเบอร์ตี้วิงก์ไม่ฆ่าใครแน่นอน”
เด็กสาวค่อยๆนั่งลงพิงผนังถ้ำ ดูเหมือนว่าแผลที่ท้องของเธอยังไม่หายดี
“ต่อให้ชั้นบอกอะไรไป เธอก็ไม่เชื่ออยู่ดี รออีกสิบนาที เธอก็จะรู้ทุกอย่าง เธอหนีความจริงไม่พ้นแล้วล่ะ”
เด็กสาวค่อยๆหลับตาลง เธอนอนพิงผนังถ้ำอย่างสงบนิ่งด้วยความเหนื่อยล้า
[ดาบ…]
ไซค่อยๆเอนตัวไปข้างหน้าอย่างเงียบที่สุด เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่เด็กสาว
[ถ้าได้ดาบเล่มนั้นมา ก็จะจับกุมเธอได้… จังหวะที่เธอหลับนี่แหละ]
แต่ก่อนที่ไซจะได้พุ่งตัวออกไป เขาก็เปลี่ยนใจกระทันหัน เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆเธอ
“ขอบคุณนะ” เด็กสาวกระซิบบอก
“ชั้นยังไม่เชื่อใจเธอหรอกนะ” ไซตอบ
เด็กสาวยื่นดาบวางไว้ข้างหน้าไซ
“เดี๋ยวสิ… เอ่อ”
“เซเวียร์” เด็กสาวบอกชื่อของตัวเอง ก่อนที่จะกลับไปหลับอีกครั้ง
ไซเริ่มแปลกใจ ว่าทำไมตัวเขาถึงเชื่อทุกอย่างที่เด็กสาวบอก เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองก็สงสัยอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน ไม่สิ เขาอยากจะเชื่อใจเธอ
[อีกสิบนาทีสินะ… หวังว่าลิเบอร์ตี้วิงก์จะไม่ทำอะไรพวกชาวบ้านนะ]
____________________________________________________________
“ถึงเวลาแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้น จากนั้นค่อยๆลุกขึ้นยืน “ตามมา”
เด็กสาวบินตรงไปยังชั้นสิบสอง โดยมีไซบินตามเธอไป เธอลงไปหยิบกระเป๋าปฐมพยาบาล จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังชั้นสิบสามทันที
เด็กหนุ่มตะลึงเมื่อเขาตามเธอลงไปชั้นสิบสาม มันไม่ใช่ถ้ำอีกแล้ว รอบตัวเขาเป็นกำแพงเหล็ก หลอดไฟหลากสี และป้ายสัญลักษณ์ต่างๆมากมาย แสดงให้เห็นว่ามันเป็นห้องลับ
เด็กสาวลงมายืนอยู่ตรงกลางห้อง ไซจึงลงมายืนข้างหลังเธอ เด็กสาวหยิบวิทยุสื่อสารออกมาใช้งาน
“ซาร์ก 2 ถึง ซาร์ก 1” เด็กสาวพูดใส่ไมค์ “ชั้น 13 เคลียร์”
“รับทราบ ซาร์ก 6 จุดระเบิดได้” เสียงตอบรับดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร
เสียงระเบิดดังสนั่น เพดานถล่มลงมาเป็นรูกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตร
“นี่มันอะไรกันแน่?”
“ซาร์ก 2 ถึง ซาร์ก 1 พบเป้าหมายหนึ่งคน เขาไม่มีอาวุธแล้ว”
เด็กสาวบินขึ้นไปบนรูที่เพดาน ไซจึงบินขึ้นไปตาม และพบว่าข้างบนนั้นเป็นห้องทดลอง มีอุปกรณ์จักรกลต่างๆมากมาย และมีทหารในชุดวอร์สูทนอกจากเขาและเด็กสาวอยู่สามคน หนึ่งในนั้นเป็นชายรูปร่างใหญ่ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าของหน่วยนี้
“ร้อยโท เซเวียร์ ได้รับบาดเจ็บค่ะ” หญิงสาวในชุดวอร์สูทบอกกับชายที่เป็นหัวหน้าของเธอ
“พาเธอไปรักษาก่อน ตรงนี้ชั้นจัดการเอง”
ทหารวอร์สูทสองคนช่วยพยุงเซเวียร์ออกจากห้อง จนเหลือแค่ไซกับนายทหารตรงหน้า
“เอ… ชื่อไซสินะ” ชายร่างใหญ่ทักทายไซขณะเปิดดูหนังสือเล่มหนา “ชั้น ร้อยเอก ชไนเดอร์ กองร้อยชวาร์ซซาร์ก แห่งลิเบอร์ตี้วิงก์… ขอต้อนรับสู่โลกจริง”
“คุณคงไม่ได้ทำอะไรพวกชาวบ้านใช่ไหม?” ไซถามขึ้นทันที
“ถ้าพูดถึงคนในแอรี่ ตายหมดแล้ว เหลือเธอคนเดียวนี่แหละ” ร้อยเอกชไนเดอร์ตอบ
“ว่าไงนะ?”
ด้วยความโมโห ไซพุ่งเข้าใส่ทันที ชไนเดอร์ก้มตัวลงแล้วชกไซกระเด็นออกไปทันที
“นี่ซาร์ก 1 พูด ดูเหมือนหนุ่มน้อยของเราจะรับความจริงไม่ค่อยได้นะ”
ทันทีที่ร้อยเอกชไนเดอร์พูดจบ ทหารวอร์สูทสองนายก็บินเข้ามาล็อกตัวไซทันที พร้อมปลดนิวเคลียร์เจนเนอร์เรเตอร์ออก
“ไอริส... ไอริส...” ไซร้องเรียกหาน้องสาวเขาทันที
“ไอริส?”
ชไนเดอร์เปิดหนังสือในมือเขาอีกครั้ง
“อ้อ ตัวละครน้องสาวนี่เองสินะ ออกแบบตัวละครได้น่ารักดีนี่นา”
“พวกแก… ทำอะไร…”
“ทำอะไร? ก็จัดการพวกหุ่นยนต์น่ะสิ” ชไนเดอร์ตอบ
“แล้วไอริส ชาวบ้านคนอื่นๆ เกี่ยวอะไรด้วย?” ไซตะคอกขณะพยายามดิ้น แต่ก็ไม่หลุด
“ชาวบ้าน? ก็อยู่ตรงนั้นไง ชั้นไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาเลยนะ” ชไนเดอร์ตอบพลางชี้ไปที่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
“แกหมายความว่าไง?”
“บอกความจริงเถอะค่ะ” เสียงเด็กสาวดังออกมาจากข้างหลังชไนเดอร์
“ร้อยโท บาดแผลยังไม่หายดีนะคะ”
“ร้อยเอก หยุดยั่วยุเขาได้แล้ว” เซเวียร์เตือนชไนเดอร์ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดุ
“ก็ได้ๆ” ชไนเดอร์ตอบ “โอเค ชั้นสัญญาว่าจะไม่ยั่วเขาแล้ว เธอไปรักษาแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันภารกิจต่อไป”
“หมาย…ความ…” ไซยังคงพยายามดิ้นให้หลุด แต่วอร์สูทที่ไม่มีทรัสเตอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็กที่ไปถ่วงร่างกายเขาไว้
“งั้นชั้นจะพูดตรงๆแล้วนะ รับให้ได้ละกัน อย่ากัดลิ้นตัวเองตายไปก่อนนะ” ชไนเดอร์บอกกับไซ
“แอรี่น่ะ เคยเป็นเมืองของมนุษย์มาก่อน เป็นแค่เมืองเล็กๆ แต่ถูกพวกหุ่นยนต์ยึดไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นเราก็คงส่งทหารมาช่วยแล้ว”
“พวกหุ่นยนต์น่ะ ฆ่าชาวแอรี่จนเกือบหมด... ใช่แล้ว เกือบหมด เหลือเด็กวัยรุ่นอยู่สิบคน จากนั้นพวกมันก็เปลี่ยนเมืองนี้เป็นห้องวิจัย เพื่อที่จะได้วิจัยพฤติกรรมของมนุษย์ น่าเสียดายที่ระหว่างล้างสมอง เด็กจากสิบคนตายกันจนเหลือสี่คน ก็คือเธอ และหน่วยฝึกหัดที่ 104 ทีมเดลต้า หรือก็คือ ชิน อารี ลีฟ่า ที่ตายไปอย่างน่าเสียดายเมื่อหลายเดือนก่อน”
“ชั้น... ไม่... เชื่อ”
“ชั้นให้ทางเลือกสองทาง จะคุมสติแล้วตั้งใจฟังดีๆ หรือจะให้ฉีดยากดประสาท” ชไนเดอร์ถามเสียงเข้ม
ไซหยุดดิ้น เขายืนนิ่งๆ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขาสามารถควบคุมตัวเองได้
“ปล่อยเขาได้แล้ว” ชไนเดอร์บอกกับทหารวอร์สูทสองคนที่จับไซไว้อยู่
“ตามชั้นมา”
ชไนเดอร์เดินนำไซออกไปนอกตึก สิ่งที่ไซเห็นมีเพียงซากตึกปรักหักพัง ไม่ก็ตึกที่ดูเหมือนเพิ่งจะสร้างใหม่ไม่นาน เป็นเมืองที่ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว
“ที่นี่ที่ไหน”
“ตามมาก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง” ชไนเดอร์ตอบ
ชไนเดอร์กับไซ เดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงประตูขนาดใหญ่ที่เป็นทางออกจากเมืองที่มีปราการล้อมรอบ ชไนเดอร์เปิดประตูเมือง และบอกให้ไซเดินออกไป
“ไม่เห็น...”
ไซตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น เมื่อเขาหันหลังมาดูกำแพงที่ล้อมรอบเมืองเอาไว้ เขาหันไปด้านขวา และเห็นทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่
“ถ้ำเดโมเนีย... งั้นนี่ก็คือ?”
“แคลนแอรี่ ที่เธอเคยอยู่ก่อนจะถูกล้างสมองไง” ชไนเดอร์ตอบ “จะเอายากดประสาทแล้วพักก่อนไหม แต่จะไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมดนะ เพราะชั้นต้องไปทำภารกิจอื่นต่อ”
“ไม่ต้อง...” ไซตอบเสียงแข็ง “บอกความจริงมา”
“แคลนแอรี่ กลายเป็นห้องวิจัยของฝ่ายหุ่นยนต์ไปแล้วเมื่อสองปีก่อน เป้าหมายของการวิจัยคือพฤติกรรมมนุษย์ เพื่อที่จะเรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์อย่างใกล้ชิด พวกมันล้างสมองเด็กทุกคน รวมทั้งเธอ จากนั้นสร้างโลกจำลองขึ้นด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในห้องนั้น เพื่อให้พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อกับเส้นประสาทสมองตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะกิน จะเดิน จะนอน ก็จะอยู่ในโลกจำลองที่ถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา”
“แต่นี่คือโลกความจริงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“จากนั้น พวกหุ่นยนต์ก็เริ่มที่จะศึกษาการรบด้วยวอร์สูทของมนุษย์ แต่เพราะมันไม่สามารถจำลองทุกอย่างในคอมพิวเตอร์ได้ พวกมันจึงให้พวกเธอกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงเวลาใส่วอร์สูทต่อสู้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันต้องให้พวกเธอสวมหมวกไฟฟ้าขณะสวมวอร์สูท แน่นอนว่าถ้ำเดโมเนีย จริงๆก็เป็นแค่ถ้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ศัตรูในถ้ำก็เป็นหุ่นยุคเก่า ไม่มีความสามารถพอที่จะนำมารบจริง ทั้งหมดเป็นแค่การทดลองเก็บข้อมูล”
“หรือว่า... ทั้งไอริส...”
“ทุกคนที่เธอเคยเจอในแคลนแอรี่ ยกเว้นชิน อารี ลีฟ่า เป็นเพียงแค่ตัวละครในคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น รวมถึงไอริส น้องสาวของเธอด้วย”
“หมายความว่า คำสั่งจับกุมแม่มดสีเงินที่ได้รับ…”
“จริงๆ พวกมันไม่คิดว่าเธอจะจับร้อยโทเซเวียร์ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะ พวกมันคงคิดว่าเธอลงไปได้อย่างมากก็ชั้น 9 ด้วยซ้ำ จริงๆก็แค่จะผลักเธอลงถ้ำ พวกมันจะได้เอากองทัพหุ่นยนต์มาใช้ได้โดยไม่ต้องให้เธอรู้ จะขังเธอไว้ในคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ เพราะไฟฟ้าจะไม่พอยิงกราวิตอนแคนน่อน”
“หรือว่า?”
“ใช่แล้วล่ะ เราส่งร้อยโทลงถ้ำ ก็เพื่อจะให้เป็นข้ออ้างให้พวกมันส่งมนุษย์ทั้งหมดลงมา พวกเราจะได้สู้ได้สบายขึ้น” ชไนเดอร์ตอบคำถามก่อนที่ไซจะถามจบ
[เอ๊ะ?]
ไซทรุดลงกับพื้นทันที เขาพยายามใช้มือยันเอาไว้ขณะคุกเข่าข้างซ้ายลง
“อะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกก”
ไซกุมหัวตัวเองแล้วส่งเสียงร้องโอดครวญ สภาพของเขาไม่ต่างจากคนบ้าซักเท่าไรนัก
“ซาร์ก 1 เรียกหน่วยพยาบาล หนุ่มน้อยเริ่มอาการแย่อีกแล้ว” ชไนเดอร์พูดผ่านวิทยุสื่อสารเล็กๆที่ติดที่หู
เหล่าทหารแพทย์วิ่งออกมาจับไซยึดกับพื้น และหยิบหลอดฉีดยากดประสาทขึ้นมาแทงไปที่คอ
“พ่อ... แม่...”
***** LIFE/LOGIC Prologue : Airy Arc. End. *****
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น