คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Avalon
เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มอายุ 17 เริ่มรู้สึกตัว เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วจึงค่อยๆเปิดปากพูดขึ้น
“เข้ามาได้” เด็กหนุ่มอนุญาต
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกโดยสาวใช้ซึ่งดูแล้วอายุยังไม่มากนัก น่าจะอายุใกล้เคียงกับเขา เธอเดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดม่านออก ปล่อยให้แสงสว่างยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง จากนั้นเธอจึงเดินไปข้างๆเตียงแล้วก้มหน้าลง
“เมื่อคืนท่านไม่ได้เลือกเมนูอาหารเช้าไว้ค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดี” เธอถามอย่างสุภาพ
“นั่นสินะ” เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้ ปกติแล้วเขาจะสั่งเมนูอาหารเช้าของแต่ละวันก่อนนอน แต่เมื่อคืนเขานั่งวิจัยจนเพลินเลยลืมเรื่องอาหารเช้าไปสนิท
“คิดไม่ออก เอาเป็นว่าอะไรก็ได้ที่กินสะดวกแล้วให้สารอาหารครบละกัน” หลังจากที่ใช้เวลาคิดอย่างยาวนาน นี่คือคำตอบที่เธอได้รับ
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอตอบ ก่อนที่จะค่อยๆเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” เขาเรียกเธอก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง สาวใช้หันมาทันที
“เก็บของเรียบร้อยหรือยัง” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่หากใครคิดว่าเขากำลังร่าเริงอยู่ ควรจะไปเช็คประสาทได้เลย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอตอบ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความเสียใจ
“ชั้นโอนเงินเข้าบัญชีเธอแล้วนะ น่าจะเพียงพอสำหรับการหางานใหม่ๆนะ” เด็กหนุ่มบอกสาวใช้ของเขา
“ยิ่งกว่าพออีกค่ะ” เธอตอบ
“งั๊นก็ไปได้แล้วล่ะ ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนละ”
“ค่ะ” เด็กสาวตอบรับแล้วเดินออกไป
เด็กหนุ่มใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เขาเดินลงไปยังห้องอาหารอย่างไม่รอช้าและพบว่าอาหารทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาทานมันเข้าไปโดยไม่สนใจว่ามันคืออะไร รสชาติเป็นไง สนใจเพียงแต่ว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องทานเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ปกติแล้วเด็กหนุ่มคนนี้จะสนใจเรื่องอาหารการกินของตัวเองมาก แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์มานั่งคิดถึงเรื่องกิน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปห้องเก็บของทันที อุปกรณ์ทั่วไปที่เด็กหนุ่มม.ปลายจะต้องพกไว้เป็นมาตรฐานคือ โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าตัง และนาฬิกาข้อมือ (ซึ่งบางคนไม่ค่อยใส่) แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ สิ่งที่เขาจะต้องเอาติดตัวเพิ่มไปอีกคืออุปกรณ์รูปร่างทรงกระบอกสี่เหลี่ยม คล้ายๆมือถืออีกหนึ่งเครื่อง และมีดซึ่งอยู่ในปลอกอีกหนึ่งเล่ม
ตามปกติแล้ว บุคคลทั่วไปไม่อนุญาตให้พกอุปกรณ์ป้องกันตัวเช่นมีดหรือปืน ยิ่งในสถานที่อย่างโรงเรียน แต่เด็กหนุ่มได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ เพื่อที่จะไม่ต้องนำบอดี้การ์ดเข้ามาในโรงเรียน แต่จริงๆแล้วที่โรงเรียนอนุญาตเป็นเพราะโรงเรียนนี้ไม่ใช่โรงเรียนรัฐบาล แต่เป็นโรงเรียนเอกชนที่ประเสริฐสร้างขึ้น
โรงเรียนเดอะอินโนเวทีฟ เป็นโรงเรียนเอกชนที่ถูกสร้างขึ้นโดยประเสริฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนักวิจัยโดยทฤษฎีของประเสริฐ บุคคลที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยโรงเรียนนี้ไม่ขึ้นอยู่กับองค์กรใดๆ และถือว่าเป็นโรงเรียนโดยถูกกฎหมายแม้เนื้อหาที่เรียนไม่เป็นไปตามหลักสูตรมาตรฐานและรัฐบาลไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ แน่นอน เรื่องระบบกฎโรงเรียนสามารถปรับแก้ได้โดยไม่ต้องพึ่งความเห็นชอบของบุคคลภายนอก จะเรียกว่าโรงเรียนนี้เป็นรัฐพิเศษก็ย่อมได้ และการที่จะอนุญาตให้พกอาวุธนั้นก็สามารถทำได้
แต่ทำไมเด็กหนุ่มคนนี้จึงต้องพกอาวุธน่ะเหรอ? ใม่เลย เขาไม่ใช่พวกนักเลงที่จะค่อยตบตีหรือตามฆ่าคนอื่นแน่นอน แต่เป็นเพราะเขาถูกจ้องเอาชีวิตอยู่ต่างหาก เพราะเด็กหนุ่มคนที่กล่าวถึงนี้คือ ณัฐนัย ไอยกุล หรือเอส ซึ่งเป็นเด็กอัจฉริยะที่มีผลงานวิจัยหลายอย่าง และครอบครองธุรกิจหลายประเภท แต่งานวิจัยทั้งหมดนั้น เขาเลือกที่จะเผยแพร่เพียงอย่างเดียวคือระบบความปลอดภัยแบบ AI ซึ่งเขาเป็นผู้คิดค้นโปรแกรมซ๊โร่วันเซคเคียวริตี้ขึ้น เขาเขียนโปรแกรมนี้ขึ้นเมื่ออายุเพียง 14 ปี และเป็นโปรแกรมความปลอดภัยระดับสูง ชนิดที่ว่าตั้งแต่ถูกสร้างมายังไม่เคยมีการอัพเดตเลย (ยกเว้นอินเตอร์เฟส) แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถเจาะระบบนี้ได้ ขนาดเอาไปติดตั้งในคอมพิวเตอร์เล็กๆแล้วเชื่อมต่อกับภายนอกอย่างอิสระ แล้วใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์กับแฮคเกอร์อันดับต้นๆของโลกอีกราวๆร้อยคน ก็ยังเจาะระบบไม่ได้ แค่โปรแกรมนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจของเขามีเงินอย่างไม่จำกัดแล้ว ส่วนเรื่องการเรียนนั้น จริงๆเขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอกตั้งแต่อายุสิบสองแล้ว แต่ที่มาเรียนมัธยมปลายเพราะเขาอยากลองใช้ชีวิตแบบคนปกติดูเท่านั้น ถึงแม้ชีวิตประจำวันของเขาไม่ค่อยเหมือนเด็กทั่วไปก็ตาม
เอสเดินออกไปหน้าบ้านและพบว่ารถลีมูซีนมารอเขาอยู่แล้ว โชเฟอร์ที่เห็นเอสเดินมาจึงรีบลงจากรถและเปิดประตูที่นั่งหลังให้ทันที เอสเข้าไปนั่งแล้วโชเฟอร์จึงปิดประตุให้และเข้าไปนั่งยังที่นั่งคนขับ
“วันนี้ไม่ต้องมารับนะ แค่ส่งก็พอ” เอสบอกโชเฟอร์ทันทีที่เห็นเขานั่งลงบนที่นั่งคนขับเรียบร้อย
“เข้าใจแล้วครับ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่หลังจากน้ไประวังตัวด้วยนะครับ” โชเฟอร์ตอบ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งเบาๆและขับรถไปยังโรงเรียนอินโนเวทีฟทันที
เมื่อถึงแล้ว เอสจึงเปิดประตูรถและเดินลงเองโดยไม่รอโชเฟอร์ เขารู้ดีว่าการทำตัวเป็นลูกคุณหนูมันจะทำให้เด่นเกิน ถึงแม้แค่รถลีมูซีนก็ทำให้ดูเด่นเกินความจำเป็นแล้วก็ตาม
“เอส” เสียงเรียกดังขึ้นจากข้างหลัง เอสหันไปหาต้นเสียงแล้วพบว่าผู้ที่เรียกเขาไม่ใช่ใครอื่น ท๊อป เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง วันนี้ท๊อปก็ยังเซ็ทผมที่ไว้ค่อนข้างยาวอยู่เหมือนเคย
ถ้าคุณคิดว่าเพื่อนของเอสเป็นพวกไม่ทำตามกฎล่ะก็ ผิดแล้วล่ะ โรงเรียนนี้มีกฎการไว้ทรงผมแค่ไม่ดูน่าเกลียดเท่านั้น และเนื่องจากตอนนี้ไม่มีกองทัพไหนใช้ทหารราบกันแล้วแต่ใช้วอร์สูทแทน จึงไม่ต้องมีการเกณฑ์ทหาร หรือง่ายๆก็คือไม่ต้องเรียนรด. เพราะตอนนี้ทหาร ซึ่งเป็นอาชีพที่เงินดี ก็มีคนสมัครมามากเกินพอแล้ว
เอสยืนรอให้ท๊อปเดินมาสมทบจากนั้นจึงเดินไปด้วยกัน แต่ไม่ทันไรท๊อปก็เริ่มยิงคำถามใส่เอสทันที
“ในฐานะที่นายเก่งด้านจิตวิทยา ชั้นอยากจะถามนายหน่อยว่า นายคิดว่าเซเวียร์เป็นยังไง”
“เซเวียร์ นักเรียนใหม่นั่นน่ะเหรอ” เอสแกล้งพึมพัมเหมือนไม่สนใจเซเวียร์
“ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่ ชั้นยังไม่เคยเห็นเธอพูดกับใครเลยนี่สิ แต่ก็มีข่าวลืมอยู่เหมือนกันว่าเธอแอบมองนายบ่อยๆ”
“มีอะไรล่ะ จะจีบเธอรึไง” เอสแกล้งแซว
“ไม่มีทาง สาวหุ่นยนต์เพอร์เฟคแบบนั้นไม่ใช่สไตล์ชั้น” ท๊อปปฏิเสธทันที “ชั้นแค่สงสัยท่าทีที่ดูไม่เป็นมิตรของเธอก็เท่านั้น”
“ชั้นว่ามันก็ไม่ได้แปลกอะไรมากมายนะ เธอคงย้ายมาเพราะมีเหตุจำเป็นมั๊ง แถมย้ายมาตอน ม.6 จะเข้ากับเพื่อนก็คงยากกว่าปกตินั่นแหละ” เอสตอบกลับไป
“น่าสงสารออก ทั้งๆที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับไม่มีเพื่อนซักคน”
“ไม่แปลกหรอก” เอสตอบเบาๆ จากนั้นทั้งคู่ก็หยุดการสนทนาไว้เท่านี้ขณะเดินเข้าห้อง
ห้องเรียนของโรงเรียนอินโนเวทีฟ จะคล้ายกันแทบทุกห้อง โดยที่โต๊ะนักเรียนแต่ละคนจะมีคอมพิวเตอร์ติดตั้งอยู่เพื่อความสะดวก แต่เนื่องจากตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเรียน ในห้องเรียนของเอสจึงมีนักเรียนเดินไปเดินมาคุยกันไปพลางรออาจารย์ แต่ที่น่าแปลกก็คือบริเวณรอบๆโต๊ะตัวหนึ่งไม่มีใครเดินเข้าไปเฉียดเลย เพราะเป็นที่นั่งของเด็กหญิงผมทอง นักเรียนใหม่ที่ย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว
ออร่าที่เธอปล่อยออกมานั้นรุนแรงซึ่งพอเข้าไปใกล้เธอจะรู้สึกเหมือนได้ยินคนกระซิบให้อยู่ห่างๆเลยทีเดียว ด้วยความสมบูรณ์แบบของเธอบวกกับหน้าตาที่เย็นชาไม่สนใจโลก ซึ่งขัดกับนัยน์ตาสีฟ้าของเธอที่ส่องเป็นประกาย
“ระวังนะ เมื่อกี๊เหมือนเธอหันมามองนายด้วยล่ะ” ท๊อปเตือนเพื่อนสนิทของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก”เอสตอบพลางนั่งลงบนเก้าอี้ของเขาซึ่งอยู่ท้ายสุดของห้อง ซึ่งอยู่ข้างๆ โต๊ะเซเวียร์พอดี แต่เซเวียร์ก็ไม่มีทางมองเห็นสิ่งที่อยู่บนจอภาพของเอสได้
ปกติแล้ว ทุกๆเดือนจะต้องมีการสลับที่นั่งใหม่ แต่ทุกครั้ง เอสก็ใช้เทคนิคต่างๆที่ทำให้ที่นั่งของเขาอยู่ท้ายห้องตลอด ที่เขาต้องทำแบบนี้เพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นมอนิเตอร์ของเขา
เมื่อถึงเวลา อาจารย์ก็เข้ามากล่าวทักทายนักเรียนเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเรียน และระหว่างเรียนก็จะมีการเรียกมาตอบคำถามบ้าง แต่เอสกลับเป็นคนที่ไม่เคยถูกเรียก ไม่ใช่ว่าเขาใช้เทคนิคอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะครูทุกคนรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกให้เอสตอบ เก็บโจทย์ไว้ถามคนอื่นจะดีกว่า
หลังจากที่อาจารย์เริ่มสอน เอสก็เปลี่ยนโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ของเขาทันที เพราะเอสนั้นเรียนจบไปนานแล้วจึงไม่ต้องสนใจเนื้อหาในห้องเรียน เขาใช้เวลาทั้งคาบในการวิจัยสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเสมอโดยที่เพื่อนคนอื่นไม่รู้นอกจากท๊อป แม้แต่ครูก็ไม่รู้เพราะเขาแฮคคอมพิวเตอร์โรงเรียนเอาไว้แล้ว
และในที่สุด ก็ถึงเวลาพักกลางวัน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ก็รีบลุกแล้วเดินไปโรงอาหารทันที เพราะเวลาพักของโรงเรียนนี้มีเพียงหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นหากไปสายอาจจะเข้าเรียนช่วงบ่ายไม่ทัน
แต่แล้วสิ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์เดินออกไปแล้ว เอสก็เดินไปหาเซเวียร์
“พวกชั้นจะไปหาไรกินข้างนอก จะไปด้วยไหม” เอสถามเซเวียร์อย่างไม่รอช้า คำถามนี้ทำให้ทั้งห้องตะลึงไปเลยทีเดียว
“ก็ได้” เธอตอบรับห้วนๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นและเก็บของ
“วันนี้จะไปกินที่ไหนดีล่ะ” เอสหันมาถามท๊อป เพื่อนสนิทของเขา ซึ่งเดินมาพร้อมๆกับผู้หญิงอีกสามคน
ปกติแล้วกลุ่มของเอส ซึ่งมีกันห้าคน จะออกไปกินมื๊อเที่ยงที่ร้านข้างนอกเสมอ เพราะโรงเรียนนี้ไม่มีกฎห้ามออกนอกโรงเรียน แค่กลับมาให้ทันก็พอ แต่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากออกไปเท่าไรนัก เพราะร้านอาหารรอบๆโรงเรียนนี้แพงในระดับที่ชนชั้นกลางมากินได้สัปดาห์ละสองครั้ง และทุกๆวัน ท๊อปจะเป็นคนเลือกร้านเพราะงานอดิเรกของเขาคือไล่ชิมร้านอาหารต่างๆ
“ที่ๆชั้นเล็งไว้น่ะมีอยู่แล้ว แต่บรรยากาศคงไม่เอื้ออำนวยให้นายในวันแบบนี้หรอก เพราะฉะนั้นชั้นเสนอให้วันนี้ไปร้านนี้ละกัน” ท๊อปตอบพลางโชว์บัตรลดขึ้น
“ถ้าเดินก็คงกลับมาไม่ทัน เพราะงั๊นคงต้องใช้โรลเลอร์วีลวิ่งไปแล้วล่ะ” ท๊อปพูดพลางถอนหายใจ เพราะเขาเป็นพวกไม่ค่อยถูกกับกีฬานัก
“หกที่ครับ ช่วยเรียกรถมารับที่โรงเรียนอินโนเวทีฟด้วย”
“อ้าว เคยไปแล้วเหรอ” ท๊อปถามอย่างตะลึง เพราะร้านนี้เพิ่งจะเปิดวันนี้เป็นวันแรก
“ไม่เคยอ่านหลังบัตรเรอะ” เอสถามกลับ
ท๊อปหันหลังบัตรมาดู และก็พบว่าที่ขอบมีตัวหนังสือเขียนว่า “ซีโร่วันคอร์ป” ซึ่งก็หมายความว่า ร้านที่จะไปวันนี้เป็นร้านของบริษัทของเอสนั่นเอง
“เดี๋ยวรถก็มาแล้ว ไปกันได้แล้ว” เอสบอกพลางเดินนำหน้ากลุ่มเพื่อนของเขาไปโดยมีเซเวียร์เดินเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม เพื่อนหญิงอีกสามคนทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจนักที่มีเซเวียร์มาด้วย
เมื่อทั้งหกคนเดินลงมาแล้วก็พบว่ามีรถลีมูซีนมารอรับอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่รถทางร้าน แต่เป็นรถ VIP ของบริษัทซีโร่วันต่างหาก เพียงไม่กี่นาทีก็จัดหารถมารอรับได้ สมกับเป็นเจ้าของบริษัทจริงๆ เมื่อเห็นเอสเดินมาหา โชเฟอร์จึงลงมาเปิดประตูรอรับทันที
“ช่วยขับเร็วๆหน่อยละกัน” เอสสั่งโชเฟอร์
แน่นอนว่าบริษัทชั้นนำอย่างซีโร่วันคอร์ป ไม่มีทางจ้างเด็กข้างถนนมาขับรถวีไอพีอยู่แล้ว นอกจากจะต้องมีใบขับขี่ จะต้องมีใบอนุญาตแข่งรถและเคยลงสนามแข่งระดับต้นๆขึ้นไปถึงจะมาสมัครได้ และการสอบเข้าก็ยากใช่เล่น แต่ก็ยังมีคนมาสมัครเยอะอยู่ดี เพราะเงินเดือนตำแหน่งนี้สูงมาก
ด้วยความที่เป็นนักซิ่งมาก่อน ถึงแม้จะเป็นลีมูซีน ก็สามารถขับไปในซอยเล็กๆด้วยความเร็วถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพียงแค่ห้านาที รถก็มาจอดอยู่หน้าภัตตาคารสุดหรูเรียบร้อย ซึ่งก็หมายความว่าพวกเอสมีเวลานั่งกินอย่างสบายๆถึงสี่สิบนาที
“ที่นี่ทำอาหารนานไหม” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มถามเอส ด้วยสีหน้าที่ไม่มั่นใจว่าจะกลับไปเรียนทัน
“ชั้นสั่งเมนูที่ทุกคนกินได้ไปแล้ว ป่านนี้ก็คงพร้อมเสริฟแล้วล่ะ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มก็สั่งได้เลย” เอสตอบพลางมองไปที่พนักงานเสริฟที่ยกอาหารชุดใหญ่มาเสริฟ
อุส่าห์มาถึงภัตตาคารสุดหรูทั้งที แน่นอนว่าอาหารที่เอสสั่งไม่ใช่อาหารพื้นๆอยู่แล้ว มีตั้งแต่กุ้งมังกร ปูยักษ์ เนื้อส่วนต่างๆ ซึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 30 เท่าของราคาอาหารปกติแน่นอน ถึงแม้เซเวียร์จะทำหน้านิ่ง แต่ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าเธอแอบตะลึงเล็กน้อย ใครจะไปคิดว่านี่จะเป็นอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนม.ปลาย แน่นอนว่าเพื่อนของเอสคนอื่นๆรู้สึกเฉยๆ คงเป็นเพราะชินแล้วล่ะมั๊ง
ทันทีที่อาหารเสริฟเสร็จ เอสก็หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาจิ้มอาหารลงจานตัวเองและทานแบบผู้ดี ถึงแม้เพื่อนอีกสี่คนที่ไม่นับเซเวียร์จะกินแบบคนปกติก็เถอะ แต่การที่เซเวียร์กินอย่างมีมารยาทนั้นก็ทำให้เอสแน่ใจว่าเธอถูกฝึกมาดีเหมือนกัน
ปกติแล้ว เมื่อเห็นเอสชวนเซเวียร์ออกมา ก็ต้องคิดต่างๆนาๆ แต่จริงๆแล้ว สาเหตุที่เอสชวนเธอออกมาก็คือเขาต้องการจะดูพฤติกรรมของเธอให้แน่ใจ
“นี่เซเวียร์ ทำไมชั้นไม่ค่อยเห็นเธอคุยกับใครในห้องเลยล่ะ” เด็กผู้หญิงคนที่นั่งในสุดตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นมา
“หน้าที่ของนักเรียนคือเรียนไม่ใช่รึ” เธอตอบกลับมาตรงๆ
“มันก็ใช่ แต่ไม่คิดเลยเหรอว่าชีวิตที่เรียนอย่างเดียว ไม่มีเพื่อน มันเหมือนขาดอะไรไปน่ะ” เด็กหญิงถามกลับ
“ไม่เห็นเป็นไร แค่คำว่าหน้าที่ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ” เซเวียร์ยังคงยืนกราน
“แล้วทำไมพอเอสชวน เธอถึงยอมมาที่นี่ล่ะ” เธอถามกลับ ท่าทางจะไม่ยอมแพ้ความคิดของเซเวียร์
“ก็มีคนชวน” เซเวียร์ตอบกลับ เธอยังคงทำหน้านิ่งเหมือนหุ่นยนต์เหมือนเคย
“นั่นก็จริง”
ขณะที่สาวๆกำลังชวนเซเวียร์คุยอยู่ เอสก็ลงมือทานเงียบๆ เหมือนไม่ใส่ใจใครทั้งนั้น แน่นอนว่ามีแค่ท๊อปที่รู้ว่าเอสกำลังเก็บข้อมูลเซเวียร์อยู่
ถึงแม้การเก็บข้อมูลด้านนิสัย วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการเข้าไปพูดคุย แต่การเข้าไปพูดคุยจะทำให้ไม่สามารถใช้สมาธิได้เต็มที่ แต่ในกรณีของเอสนั้นไม่จำเป็น เพราะเพื่อนๆของเอสทุกคนที่มาวันนี้มีความสามารถในการพูดคุยกับเป้าหมายแล้วดึงลักษณะนิสัยออกมาให้เอสวิเคราะห์ได้ ถึงแม้พวกเธอจะไม่รู้ตัวก็ตาม
นี่คือเหตุผลที่เอสชวนเพื่อนของเขาทุกคนมากินมื้อเที่ยงพร้อมกับเซเวียร์
“บอกตามตรง ชั้นไม่ค่อยชอบวิธีเข้ากับคนอื่นของนายซักเท่าไรนะ ทำแบบคนปกติทั่วไปไม่ได้รึไง” ท๊อปกระซิบถามด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “แล้วก็ เลิกระแวงอะไรได้แล้ว”
“ไม่ต้องห่วง นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และอีกอย่าง ชั้นไม่เคยใช้ข้อมูลที่วิเคราะห์ได้เข้าหาคนอื่นหรอก” เอสตอบ “นายก็รู้นี่ ชั้นยอมมาโรงเรียนเพื่อจะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ”
แต่ถึงแม้เพื่อนๆของเอสซักไซ้เซเวียร์เท่าไร เธอก็ไม่แสดงทีท่าอะไรกลับเลยซักนิด จนกระทั่งถึงเวลากลับ ท๊อปอดรู้สึกสงสารกลุ่มสาวๆที่เอสชวนมาไม่ได้ แต่เขาก็ได้แต่หวังว่าเอสจะเปิดใจเธอได้ซักวัน
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังละกัน แต่ชั้นยังหาวิธีเข้าหาเธอไม่ได้เลย” เอสกระซิบบอกท๊อป ขณะลงจากลีมูซีนเพื่อเดินไปที่ห้องเรียน
ท๊อปทำสีหน้าแปลกใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่เอสไม่สามารถวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและหาวิธีรับมือไม่ได้ เขายอมรับว่าเซเวียร์ค่อนข้างแปลกกว่าคนอื่น แต่ถึงแม้อีกฝ่ายจะจิตผิดปกติเท่าไร เอสก็เคยรับมือมาหมดแล้ว
“หรือว่า ”
“ไม่หรอก ถึงชั้นจะยังวิเคราะห์เธอไม่สำเร็จ แต่ไม่ใช่คนที่ถูกส่งมาเล่นงานชั้นแน่ๆ” เอสปลอบใจท๊อป “อีกไม่กี่วันชั้นคงหาวิธีรับมือได้แหละ”
ท๊อปได้ยินก็รู้สึกโล่งใจมาก เขารู้ดีว่าหากเอสสงสัยใคร เขาจะสืบสวนอย่างเต็มที่ และเมื่อแน่ใจแล้วเขาจะหาวิธีกำจัด แต่เอสไม่คิดว่าเซเวียร์เป็นคนที่ถูกส่งมาทำร้าย เพราะฉะนั้นเธอก็น่าจะเป็นนักเรียนธรรมดาทั่วไปที่ออกจะแปลกๆซักหน่อย และเอสไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเขา ที่แล้วมาเขาก็ไม่เคยโกหกเรื่องแบบนี้
และครั้งนี้ เอสก็ไม่ได้โกหก แค่บอกไม่หมด
คาบบ่ายเริ่มต้นด้วยชั่วโมงภาษาคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ไม่กี่นาที เอสก็ทำงานที่ครูสั่งจนเสร็จ ซึ่งถือว่าไม่แปลกสำหรับโปรแกรมเมอร์ที่เขียนซีโร่วันได้ และตามปกติแล้ว หากใครเขียนโปรแกรมเสร็จแล้วจะทำอะไรก็ได้ เอสจึงเปิดเกมขึ้นมานั่งเล่นให้เห็นชัดๆ
ดูเหมือนเซเวียร์จะมีความสามารถด้านโปรแกรมมิ่งสูงกว่านักเรียนคนอื่นเล็กน้อย เธอพิมพ์คำสั่งอย่างรวดเร็ว แต่หารู้ไม่ว่าเอสนั้นเตรียมเก็บข้อมูลของเซเวียร์อยู่
เอสนั่งหน้าสุดของห้องคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่เขาวางแผนไว้ให้ท๊อปซึ่งนั่งอยู่หลังเซเวียร์พิมพ์ข้อความตามเธอทุกประการแล้วส่งข้อความแบบเรียลไทม์เข้าแฟลชไดรฟ์
ลักษณะนิสัยของคน สามารถวิเคราะห์ได้จากหลายอย่าง เช่นสีหน้า การแสดงออก การกระตุกของกล้ามเนื้อเช่นนิ้วขณะพูดคุยบางหัวข้อ ซึ่งเอสสามารถใช้ข้อมูลพวกนี้วิเคราะห์ได้ แต่ที่เขาถนัดที่สุดคือวิเคราะห์จากโลจิค ซึ่งกลายเป็นว่าคาบคอมพิวเตอร์ซึ่งให้เขียนโปรแกรมนั้นเป็นสุดยอดอาวุธในการวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของคนเลยล่ะ
“ติ๊งต่องตังติ่ง ” เสียงออดหมดคาบที่นักเรียนไทยยุคปีสองพันคุ้นเคย ปกติแล้วโรงเรียนนี้จะไม่ใช้ออด แต่ที่ออดดังเป็นเพราะไอเดียธีมย้อนอดีตของงานประจำโรงเรียนที่กรรมการนักเรียนเสนอไป
เซเวียร์เก็บเก้าอี้ เธอลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องเงียบๆ โดยปกติแล้วคนที่ทำงานที่ครูสั่งเสร็จมักจะเล่นเกมหรือเปิดเน็ต แต่เซเวียร์กลับนั่งนิ่งทั้งคาบ
ท๊อปที่เห็นเซเวียร์ลุกขึ้นก็ลุกตามแล้วเดินผ่านโต๊ะเอส
“แต๊ง” เอสกระซิบแล้วแอบรับแผ่นไมโครเอสดีจากท๊อปมา เขารอให้ท๊อปและเซเวียร์เดินออกไปจากห้องแล้วจึงปิดเกมแล้วลุกออกไปเพื่อเตรียมเก็บของกลับบ้าน
อาจจะแปลกไปหน่อย แต่โรงเรียนนี้จัดชั่วโมงเรียนคล้ายระบบมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นระบบที่นักเรียนไม่ต้องเรียนอะไรซ้ำๆซากๆมาก หากไม่เข้าใจก็ไปศึกษาเพิ่มเติมเอง ที่ทำแบบนี้ได้เป็นเพราะนักเรียนทุกคนเป็นคนที่คัดมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ห้องเอสจะเลิกเรียนตอนบ่ายสองครึ่ง
“บ๊ายบาย เอสคุง”เด็กสาวคนหนึ่งโบกมือให้เอสขณะเดินออกจากห้งอพร้อมกับกระเป๋าของเธอ เธอชื่อคัทสึระ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่นที่พอฟังภาษาไทยได้ แต่ยังพูดไม่ชัดนัก สาเหตุที่เธอสนิทกับเอสเป็นเพราะเอสเป็นคนเดียวที่ฟังเธอรู้เรื่อง
เอสโบกมือให้เพื่อนสาวของเขา แล้วเดินเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของและเขาก็พบว่าเซเวียร์เก็บกระเป๋าเธอเรียบร้อยแล้ว เธอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเดินสวนเอสไป
“บาย” เธอพูดออกมาเบาๆ
“อือ ไว้เจอกัน” เอสทักตอบ โดยที่เซเวียร์ไม่รู้ว่าเอสนั้นไม่ได้หมายถึงพรุ่งนี้
“โฮ่ เธอทักนายด้วยแฮะ” ท๊อปแซวเอสทันที “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
เอสไม่ตอบ แต่ดูเหมือนท๊อปจะไม่ได้ใส่ใจ เขาพยายามไล่ตามเซเวียร์ให้ทัน เขาเดินตามเซเวียร์ไป แต่ก็คลาดกับเธอทันทีที่เธอพ้นประตู สีหน้าท๊อปบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังงุนงง เพราะตำแหน่งของห้องเรียนนี้เป็นไปแทบไม่ได้ที่จะคลาดสายตาหลังจากเดินออกไปจากห้องเพียงไม่นาน ยกเว้นอีกฝ่ายพยายามหนี
“เอส วันนี้จะไปส่งชั้นที่บ้านได้ไหม” เด็กสาวที่นั่งข้างๆเอสถามขึ้น ถึงจะไม่บ่อย แต่บางครั้งเธอจะขอติดรถเอสไปลงที่บ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านของบ้านเอสพอดี
“ขอโทษทีนะ วันนี้คนขับรถมีธุระน่ะ แล้วชั้นก็มีธุระด้วย คงต้องให้เธอกลับเองแล้วล่ะ” เอสกล่าวขอโทษ ซึ่งเด็กสาวก็เข้าใจแล้วเดินกลับไปคนเดียว
เอสรอให้เธอเดินออกไปซักพักจึงเดินออกจากห้อง สาเหตุที่เขาต้องทำแบบนี้เพราะเขาไม่ได้มีธุระอย่างที่บอก แต่เขาตัดสินใจจะเดินกลับบ้าน และทางเดินกลับบ้านที่ใกล้ที่สุดก็ต้องผ่านบ้านของเธอ
ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเดินกลับบ้าน แต่เอสก็ไม่ได้กลัวเลยซักนิด เพราะเขามีอุปกรณ์ป้องกันลอบสังหาร ซึ่งอย่างแรกก็คือบาเรียที่จะกางทันทีเมื่อพบวัตถุเคลื่อนที่เร็วจนเหมือนกระสุน แต่จะกันได้แค่หนึ่งวิเท่านั้น ซึ่งเพียงพอที่จะกันกระสุนลอบสังหารได้ หรือหากมีคนสาดกระสุนใส่ เขาก็มีเวลาหนึ่งวิที่จะหาที่กำบัง หรือกางโล่พลังงานที่เขาพกไว้ และยิงกลับด้วยแฮนด์เรลกัน แต่ในกรณีที่อีกฝ่ายใช้วอร์สูทซึ่งเรลกันจะไม่เพียงพอที่จะทำลาย เอสก็มีมีดอนุภาคสั่นไว้สู้พร้อมกับฟุตทรัสเตอร์ขนาดเล็ก
อาจจะดูเหมือนคนบ้า ที่คิดจะเอาอาวุธกับโล่ไปสู้กับวอร์สูทครบเซ็ท แต่สำหรับเอสแล้ว นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาฝึกทุกวัน เพียงแค่หลบการโจมตีของอีกฝ่ายให้ได้ก็พอ
เมื่อเขาเดินมาถึงทางเข้าบ้านซึ่งล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ เขาก็หยุดฝีเท้าทันที
“ออกมาได้แล้ว ก็บอกไปแล้วไงว่าเดี๋ยวเจอกัน เซเวียร์” เอสพูดเสียงดัง พุ่มไม้ข้างๆเขาถูกแหวกออก แล้วเซเวียร์ก็เดินออกมา
เธอยังคงใส่ชุดนักเรียนเหมือนเดิม แต่กระเป๋าไม่อยู่ คาดว่าคงเอาไปเก็บก่อนแอบตามเอสมาแล้ว
“รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่” เซเวียร์ถามทันทีที่เธอเดินออกมาจากพุ่มไม้
“เดือนที่แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เธอมาสะกดรอยชั้นนั่นแหละ” เอสตอบ
“แล้วเพิ่งจะเรียกเนี่ยนะ?” เธอสวนกลับ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ชั้นก็แค่อยากรู้ว่าอีกสองคนที่มาเพิ่มเมื่อวานเป็นเพื่อนเธอด้วยหรือเปล่า” เอสตอบ เห็นได้ชัดว่าเซเวียร์ตกใจมาก
เซเวียร์แบมือขวาแล้วกระซิบเบาๆ
“บลาสเตอร์ ”
แสงสีเหลืองทองสว่างวาบบนมือขวาของเธอ เอสเข้าใจโดยไม่ต้องมีใครบอก เขายกนิ้วโป้งแล้วชี้ไปด้านหลังเขา ซึ่งก็คือซ้ายมือของเซเวียร์
“ช็อต!” เซเวียร์ตะโกนแล้วขว้างก้อนพลังงานไปใส่พุ่มไม้ตรงที่เอสบอก ก้อนพลังงานนั้นระเบิดทันที
“SET-UP” เธอกระซิบอีกครั้ง จี้คริสตัลกลางอกของเธอส่องแสงสว่างขาวจ้าออกมา ก่อนที่แสงพวกนั้นจะกระจายออกมาคลุมร่างกายเธอ อีกหนึ่งวินาทีต่อมา แสงก็กระจายออกแล้วพบว่าเซเวียร์เปลี่ยนชุดเป็นชุดยืดทั้งตัวสีกรมท่ามีลายสีขาวเป็นเส้นกระจายไปทั่วตัว มีเสื้อคลุมนอกแขนกุด และกระโปรงสั้นๆสีขาว
เซเวียร์ยื่นมือมาข้างหน้า เธอกำมือแล้วก็มีแสงสีขาวออกมาจากจี้ของเธออีกครั้ง แสงสีขาวมารวมตัวเป็นดาบสองมือขนาดใหญ่ เธอจับดาบแล้วชี้ไปที่พุ่มไม้ที่เพิ่งระเบิดไป ซึ่งตอนนี้ก็มีเงาคนสองคนโผล่ออกมาแล้ว
“ไม่ไหวๆ ใจร้อนจริงนะ คุณเจ้าหญิงแห่งเบอร์มิวเดีย” ผู้หญิงคนแรกที่เดินออกมาจากพุ่มไม้เอ่ยขึ้นพลางส่ายหัวเบาๆ “ดีนะชั้นกางโล่ทัน แต่ต่อให้กางไม่ทัน คอมมานด์เมื่อกี๊ก็ไม่ทำให้ชั้นถึงตายหรอกน่า เธอน่าจะรู้ดีนี่ ในฐานะผู้ใช้ดีไวซ์น่ะ”
เซเวียร์กัดฟันแน่น สีหน้าเธอบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังหนักใจ เพราะอีกฝ่ายมีสอง เธอไม่สามารถต่อสู้พลางปกป้องเอสไปด้วยได้แน่นอน
“ลาสแองเจิ้ลสินะ” เซเวียร์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าเกรงขาม ถึงแม้ภายในจะรู้สึกกลัวๆก็ตาม “ผู้ชายคนนี้อยู่ในความคุ้มครองของเบอร์มิวเดียแล้ว ถ้าไม่อยากตายก็หนีไปซะ” เธอไล่ผู้หญิงสองคนที่เธอเรียกว่าลาสแองเจิ้ล พลางยกดาบชี้ใส่
“พูดเหมือนตัวเองเป็นต่ออยู่แน่ะ” ผู้หญิงคนเดิมตอบกลับด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ชั้นยอมรับว่าพวกชั้นเอาเธอไม่ลง แต่เธอจะต่อสู้กับพวกชั้นพลางปกป้องเจ้าหนุ่มนั่นไหวเรอะ”
“ถ้าอยากลองก็เข้ามาสิ” เซเวียร์ตะโกนตอบแล้วลดดาบลงมาเก็บด้านข้าง ค่อยๆคุกเข่าแล้วตั้งท่าอิไอ “แอสซาซิเนเตอร์”
ผู้หญิงที่เซเวียร์เรียกว่าแอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้าหาเซเวียร์อย่างรวดเร็ว เซเวียร์จึงฟันดาบด้วยท่าอิไอออกไปปะทะกับมีดคู่ของแอสซาซิเนเตอร์ ด้วยน้ำหนักของดาบใหญ่ที่เซเวียร์ถือ รวมกับความรุนแรงของท่าฟันอิไอ ทำให้แอสซาซิเนเตอร์ต้องใช้มีดทั้งสองเล่มในการรับดาบ แต่แรงฟันก็ทำให้แอสซาซิเนเตอร์กระเด็นออกไป
“ชาโดว์” แอสซาซิเนเตอร์ตะโกนเรียกผู้หญิงอีกคน
ชาโดว์พุ่งเข้าหาเซเวียร์โดยก้มลอดระหว่างแอสซาซิเนเตอร์กับพื้นดิน เธอยกดาบที่ยาวเรียวคล้ายๆคาตานะไว้ข้างหน้าและพุ่งเข้าแทง ซึ่งคนธรรมดาไม่น่าจะป้องกันได้ เพราะท่าอิไอที่เซเวียร์เพิ่งใช้ไปเป็นท่าที่ดีเลย์สูงมากๆ
เซเวียร์ฟาดดาบลงไปทางซ้ายเพื่อปัดดาบของชาโดว์ได้หวุดหวิด เธอใช้แรงเหวี่ยงจากดาบในการหมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาแล้วฟาดดาบใส่หลังชาโดว์
“แบ็คแดช” ชาโดว์ตะโกน แล้วจู่ๆตัวเธอก็พุ่งถอยหลังไปด้วยความเร็วที่มองแทบไม่ทัน ทำให้ชาโดว์หลบดาบเซเวียร์ได้หวุดหวิด
เซเวียร์กดดาบไปติดดิน ทำให้แรงหมุนของดาบหยุดลง เธอหมุนมือจับดาบไว้ข้างซ้ายเหมือนท่าเตรียมอิไออีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้ฟันออกไป แต่พุ่งไปข้างหน้าใส่ชาโดว์แล้วค่อยฟัน ทำให้ชาโดว์ต้องตั้งดาบมารับ แต่แรงฟาดดาบของเซเวียร์ก็ทำให้ชาโดว์กระเด็นไปหลายเมตร
แต่เซเวียร์ก็พลาด เพราะการที่เธอพุ่งออกไปจากจุดที่เธอยืนก็หมายความว่าเธอเปิดช่องให้แอสซาซิเนเตอร์เข้าไปโจมตีเอสได้ และอย่างที่คิด แอสซาซิเนเตอร์ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ เธอพุ่งเข้าหาเอสจากจุดที่เซเวียร์เคยยืนอยู่
โชคดีที่ชาโดว์นั้นต้านดาบของเซเวียร์ไว้ได้ ทำให้ดาบของเซเวียร์หยุดกลางอากาศ เซเวียร์ที่เห็นแอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้าไปหาเอสจึงรีบหันหลังแล้วพุ่งเข้าฟันเสย
แอสซาซิเนเตอร์ที่เห็นเซเวียร์พุ่งเข้ามาก็หันตัวไปทางซ้าย ยกมีดคู่ขึ้นป้องกันทันที แต่แรงฟาดดาบก็ส่งให้เธอลอยขึ้นไปสูงราวห้าเมตร
เซเวียร์ไม่หยุดดาบหลังจากฟันเสย แต่กลับยิ่งเพิ่มแรงเหวี่ยงของดาบขึ้นไปอีก
“STRIKE BLASTER ” เธอตะโกนขณะเหวี่ยงดาบแนวตั้ง เมื่อดาบลงถึงพื้น เธอก็กระโดดขึ้นไปฟันเสยด้วยดาบที่ส่องแสงสีทองสว่าง
“SHOT!” เซเวียร์ตะโกนคำสุดท้ายแล้วฟาดดาบขึ้นไปใส่แอสซาซิเนเตอร์ แต่น่าเสียดายที่ชาโดว์พุ่งเข้าไปช่วยแอสซาซิเนเตอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ทัน ดาบสีทองของเซเวียร์เฉียดขาของชาโดว์ไปนิดเดียว
“เกือบไปแล้ว ขอบใจนะชาโดว์” แอสซาซิเนเตอร์บอกขอบคุณหลังจากที่ลุกขึ้นยืนได้แล้ว
“ชั้นจะจัดการเซเวียร์เอง เธอไปจับกุมเอสซะ” ชาโดว์สั่งเสียงขรึม
“อ้าว แค่จับกุมเหรอ นึกว่าฆ่าทิ้งซะอีก” แอสซาซิเนเตอร์ถามด้วยความรู้สึกเสียดาย
“อย่าลงมือเชียวล่ะ” ชาโดว์ย้ำ ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเซเวียร์
เซเวียร์จับดาบวางไว้ข้างตัวฝั่งขวา เตรียมพร้อมสำหรับปัดดาบที่ชาโดว์พยายามจะแทงเธอ แต่ทว่า
“SHADOW ”
“Static” เซเวียร์ตะโกนทันทีที่เห็นชาโดว์พึมพำ แล้วจับดาบมาตั้งไว้ด้านหน้า
“BUSTER” ชาโดว์ตะโกน จากนั้นกระสุนลมสีดำขนาดใหญ่ก็ยิงออกมาจากปลายดาบพุ่งเข้าหาเซเวียร์ ทันทีที่กระทบกันเซเวียร์ กระสุนก็แตกออกแล้วระเบิดอย่างแรง แต่เซเวียร์ก็ไม่กระเด็น เธอฟันเสยดาบของชาโดว์ออกไปได้ แล้วกลับมาตั้งท่าที่วางดาบไว้ข้างหลัง
“STRIKE AERO BUSTER” เซเวียร์ตะโกนพลางแทงชาโดว์ด้วยปลายด้ามจับของดาบ
“BACK DASH” ชาโดว์ตะโกน จากนั้นตัวเธอก็พุ่งถอยหลังไปราวห้าเมตร เธอพุ่งเข้าไปฟันจากทางขวาอีกครั้ง แต่เซเวียร์ก็รับดาบไว้ได้ ทั้งคู่ต้านดาบกันอย่างสูสี แต่แล้วแอสซาซิเนเตอร์ก็ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าหาเอส
“แย่ล่ะสิ” เซเวียร์พึมพำ
แอสซาซิเนเตอร์จับมีดเตรียมพร้อมแทงไปที่เอส ซึ่งเซเวียร์ที่รับมือชาโดว์อยู่ไม่สามารถมาป้องกันเขาได้ทัน
แต่แล้วอยู่ดีๆ แอสซาซิเนเตอร์ก็หายไป จากนั้นต้นไม้ก็ล้มลงหลายต้นเรียงเป็นเส้นตรง แล้วบริเวณต้นไม้ต้นสุดท้ายที่ล้มลงก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรง ทั้งชาโดว์และเซเวียร์หันไปมองทันที
“ยังไม่ตายอีกเรอะ” เอสพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ
แอสซาซิเนเตอร์พุ่งออกจากป่าเข้าหาเอส เธอใช้มีดคู่แทงไปที่คอ แต่ก็มีบาเรียกั้นเอาไว้ เธอพยายามดันมีดให้บาเรียแตก แต่ลำแสงปริศนาก็ยิงจากฟ้าลงมาใส่แอสซาซิเนเตอร์จนร่วงลงพื้น มีดของเธอหลุดออกจากมือทั้งสองข้าง แรงกระทบพื้นผลักเธอให้กระเด็นสูงเท่าหัวคน
เอสควักมือออกจากกระเป๋ากางเกงของเขา สิ่งที่เขาหยิบออกมาด้วยก็คือมีดที่ดูไฮเทค เขาใช้มือซ้ายจับแขนขวาของแอสซาซิเนเตอร์แล้วเอามีดแทงไปที่คอ แต่ก็มีบาเรียกั้นเอาไว้ เขากดปุ่มที่มีดซึ่งทำให้ใบมีดส่องแสงสีแดงจ้าออกมา จากนั้นก็พยายามดันมีดเข้าไปที่คอของแอสซาซิเนเตอร์
แอสซาซิเนเตอร์ดึงแขนออกจากมือเอสได้แล้วมาจับที่แขนซ้ายเอส จากนั้นก็กระโดดแล้วใช้เท้าสองข้างถีบ เอสจึงรีบดึงมีดกลับแล้วกระโดดถอยหลังหลบได้ทันทำให้แอสซาซิเนเตอร์ร่วงลงพื้น
ทันทีที่แอสซาซิเนเตอร์ร่วงลงพื้น เอสก็เอามีดปักลงใส่คออีกครั้ง แต่แอสซาซิเนเตอร์ก็ม้วนหลังแล้วกระโดดถอยออกไปตั้งหลัก เป็นเวลาเดียวกับที่ชาโดว์โดนเซเวียร์ฟันจึงถอยออกไปตั้งหลัก
“ชั้นสั่งแล้วไม่ใช่รึไง ว่าอย่าลงมือ” ชาโดว์ถามด้วยเสียงน่าเกรงขาม
“ขอโทษด้วยละกัน แต่อย่างที่เห็นนั่นแหละ เจ้าหมอนั่นถ้าจะจับกุมคงต้องใช้แรงเข้าว่าล่ะนะ”
แอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้าไปหาเอสอย่างรวดเร็ว และหายไปจากสายตาเอสในทันที เอสหมุนตัวแล้วยกมีดขึ้นมาตั้งรับมีดของแอสซาซิเนเตอร์ที่พุ่งเข้าจากด้านหลังของเอสไว้ได้ทัน ทำให้แอสซาซิเนเตอร์ตกใจอย่างมาก แต่แรงพุ่งของแอสซาซิเนเตอร์ก็ส่งผลให้เอสไถลไปด้านหลังราวเมตรนึง
“เข้ามาสิ เธอคงไม่คิดจะคอยโจมตีระยะไกลอยู่ห่างๆอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นเธอคงจะรู้ว่าอาวุธระยะไกลทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก” เอสท้าทาย
สิ่งที่เอสพูดออกมาเมื่อกี๊เป็นคำโกหกทั้งสิ้น ที่เอสต้องหลอกไม่ให้แอสซาซิเนเตอร์ใช้ปืนเป็นเพราะการโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้บาเรียของเอสใช้พลังงานไปจนหมด ทางเดียวที่จะรอดได้คือใช้มีดอนุภาคสั่นของเขาตั้งรับมีดของอีกฝ่าย แต่อย่างไรก็ตาม พลังงานมีดอนุภาคสั่นก็ใกล้จะหมดเต็มที เอสรู้ดีว่าเขาใช้มีดอนุภาคสั่นได้อีกไม่ถึงสิบครั้ง
เซเวียร์พุ่งเข้าหาชาโดว์ทันทีที่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องคุ้มกันเอส เธอลากดาบไว้ข้างๆแล้วฟันใส่ชาโดว์ ชาโดว์จึงรีบจับดาบแล้วแทงสวนกลับทันที เซเวียร์พลิกมือแล้วเปลี่ยนทิศทางดาบเพื่อปัดดาบชาโดว์ออก จากนั้นเธอก็ฟันเข้ากลางลำตัวชาโดว์อย่างจัง
ถึงแม้แรงฟันจะทำให้ชาโดว์กระเด็นไปหลายเมตร แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอมีบาดแผลแต่อย่างใด ชาโดว์ยังคงลุกขึ้นมาสู้เซเวียร์ได้อยู่ เธอพุ่งเข้าหาเซเวียร์แล้วดวลดาบกันทันที ด้วยดาบยาวของชาโดว์ที่มีจุดเด่นเรื่องความไว กับดาบสองมือขนาดใหญ่ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องพละกำลัง ทำให้ทั้งสองสู้สีกันอย่างมาก
แอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้าไปฟันอีกครั้ง เอสหลบได้แล้วฟันสวนกลับไป แอสซาซิเนเตอร์จึงเอามีดคู่ตั้งรับไว้ได้ เอสเห็นดังนั้นจึงรีบดึงมีดกลับมา ทว่า
“พลาดแล้วล่ะ” แอสซาซิเนเตอร์บอก เธอหมุนมือทั้งสองข้างแล้วใช้มีดทั้งคู่ล็อคมีดอนุภาคสั่นของเอสเอาไว้ “PARTICLE BREAKER!” แอสซาซิเนเตอร์ตะโกน มีดทั้งสองของเธอส่องแสงสีน้ำเงินออกมา จุดที่มีดของเอสและมีดของแอสซาซิเนเตอร์สัมผัสกันพ่นประกายไฟออกมาไม่หยุด และไม่นานนัก มีดของเอสก็หักลง
เซเวียร์ที่เห็นชาโดว์พุ่งเข้ามาแทงเธอนั้นเหลือบไปมองด้านขวา และพบว่าเอสกำลังจะโดนแอสซาซิเนเตอร์แทงเข้าที่หน้าผาก เธอรู้ทันทีว่าหากไม่ทำอะไรซักอย่าง เอสต้องตายแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้คริสตัลที่กลางอกเพิ่งจะบอกกับเธอว่าพลังงานบาเรียของเอสนั้นหมดลงแล้ว ตอนนี้มีแค่วิธีเดียวที่จะช่วยเอสได้ เธอตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
เซเวียร์ฟันเสยเพื่อปัดดาบของชาโดว์ออก พร้อมกันนั้นเธอก็ปล่อยมือขวา แล้วหยิบก้อนคริสตัลที่เอว มือซ้ายคว้าไปจับดาบเพื่อใช้แรงเหวี่ยงของดาบหมุนร่างกายของเธอ จากนั้นเธอก็ขว้างก้อนคริสตัลออกไปสุดแรงเกิด เป้าหมายคือ หัวของเอสนั่นเอง
เอสที่เห็นมีดของแอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้ามาที่หน้า ก็รู้ว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามเอียงหัวหลบ แต่ก็ไม่พ้น แล้วจู่ๆก็มีบางอย่างพุ่งเข้ากระทบที่หัวของเขาอย่างแรงจนเอสกระเด็นพ้นมีดของแอสซาซิเนเตอร์พอดี เอสล้มลงกับพื้นซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเป้านิ่ง แอสซาซิเนเตอร์จับมีดเข้ามาฟันเอสที่ล้มลง แต่เซเวียร์ก็พุ่งเข้ามาแล้วใช้แขนซ้ายปัดมีดของแอสซาซิเนเตอร์ออกไป ก่อนที่จะใช้แขนขวาชกเข้ากลางลำตัวของแอสซาซิเนเตอร์จนไถลออกไปราวสองเมตร จากนั้นเธอก็ยกแขนขวาขึ้นเหนือหัวและเรียกดาบออกมาอีกครั้ง
“ENERGY ZERO” เสียงแจ้งเตือนดังออกมาจากคริสตัลกลางอกของเซเวียร์ จากนั้น ทั้งดาบและชุดของเซเวียร์ก็กลายเป็นละอองสีขาวแล้วสลายไป ทำให้ตอนนี้เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าในทันที
แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลามาใส่ใจเรื่องพวกนั้น เซเวียร์ไม่ได้มีทีท่าอายแม้แต่น้อย เพราะทั้งสองกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตถึงชีวิต เอสที่พลังงานบาเรียหมดและมีดก็พังไปแล้ว กับเซเวียร์ที่ไม่มีอาวุธเหลืออยู่ ไม่มีทางรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้
“SYNCHRONIZATION COMPLETED, MEISTER CONFIRM, REGISTERING COMPLETED” เสียงปริศนาดังออกมาจากคริสตัลที่เซเวียร์เพิ่งปาใส่เอสเมื่อซักครู่
“นี่มัน” เอสสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่มีเวลามานั่งคิดสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะแอสซาซิเนเตอร์กำลังพุ่งตรงมาที่ทั้งคู่ยืนอยู่
“CRITICAL SITUATION: COMFIRMED” เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นสนามพลังขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นรอบบริเวณที่เอสและเซเวียร์ยืนอยู่ แอสซาซิเนเตอร์ที่พุ่งเข้ามาก็โดนสนามพลังนี้ผลักกระเด็นออกไปในทันที
“My master, your name please?”
“เอส ทริกเกอร์” เอสพูดชื่อที่ตัวเองคิดขึ้นใหม่ทันที
“Register Es Trigger as RAS’s user. Do you need instruction? ”
“มีอะไรก็เอามาให้หมด” เอสตอบอย่างรวดเร็ว
“ต่อไปนี้ ระบบจะทำการเซ็ทอัพด้วยค่าเริ่มต้น ซึ่งจะมีเพียงฟุตทรัสเตอร์ ต้องการอย่างอื่นด้วยหรือไม่”
“แค่นั้นพอ” เอสตอบ
ฟุตทรัสเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุดของวอร์สูทในปัจจุบัน เนื่องจากวอร์สูทสร้างขึ้นจากความต้องการอุปกรณ์การรบขนาดเล็กควบคุมด้วยมนุษย์คนเดียว และต้องการความคล่องแคล่วสูง จึงมีการสร้างฟุตทรัสเตอร์ หรือก็คือทรัสเตอร์ติดเท้า ใช้นิ้วเท้าในการควบคุมเพื่อให้อวัยวะอื่นปฏิบัติหน้าที่อื่นได้
“สำหรับอาวุธ เนื่องจากยังไม่มีการตั้งค่า จะมีแต่อาวุธเริ่มต้นเท่านั้น กรุณาระบุประเภทอาวุธที่ต้องการ”
“ดาบคู่” เอสตอบ “ติดที่หลัง แล้วก็เอาปืนคู่มาด้วย”
ทันทีที่เอสตอบ ก้อนคริสตัลก็ลอยขึ้นมาติดที่อกของเอส จากนั้นก็ปล่อยละอองสีขาวไปรวมที่เท้าและหลัง ก่อนที่จะกลายเป็นฟุตทรัสเตอร์และดาบคู่ จากนั้นละอองส่วนที่เหลือก็มารวมตัวเป็นปืนพกคู่ติดที่เอว
“ตรวจพบดีไวซ์ เบลดเดอร์ อยู่ในสภาพฟื้นฟูพลังงาน ต้องการแบ่งพลังงานหรือไม่”
“แบ่งไปครึ่งนึง” เอสตอบ คริสตัลกลางอกเอสจึงยิงแสงไปที่คริสตัลในมือของเซเวียร์
“เซ็ทอัพ” เซเวียร์ตะโกน คริสตัลลอยมาอยู่กลางอกเธออีกครั้ง และสร้างชุดรวมทั้งดาบให้เธอ
“กรุณาเตรียมตัว อีกสิบวินาทีจะปิดสนามพลัง” คริสตัลของเอสเตือน
จากนั้นอีกสิบวินาที สนามพลังรอบตัวเขาก็สลายออกไป แอสซาซิเนเตอร์กับชาโดว์ที่รออยู่ก็พุ่งเข้าใส่เขาทันที
เซเวียร์พุ่งเข้าไปรับดาบของชาโดว์ก่อนที่จะสวนกลับ ทั้งคู่ปะทะดาบกันอีกครั้ง ในขณะที่แอสซาซิเนเตอร์พุ่งเข้าหาเอส พร้อมจับมีดเตรียมแทงไปที่กลางตัว
เอสก้มตัว พุ่งเข้าไปใต้แขนของแอสซาซิเนเตอร์ เขาใช้ทั้งสองมือจับดาบขวาที่หลังแล้วฟันเข้าไปกลางลำตัวของแอสซาซิเนเตอร์ทันที
แอสซาซิเนเตอร์กระเด็นไปด้วยแรงฟัน แต่เอสยังไม่หยุด เขาปล่อยมือขวา ใช้มือซ้ายเก็บดาบตรงที่เก็บดาบฝั่งซ้าย ซึ่งปัจจุบันว่างแล้วเพราะราสเลื่อนดาบซ้ายไปไว้ด้านขวา เอสใช้มือขวาหยิบปืนพกแล้วเล็งไปที่แอสซาซิเนเตอร์ทันที
“Blaster Shot!” เอสตะโกนพร้อมเหนี่ยวไก ด้วยคำสั่งที่เอสตะโกนออกไปนั้น ทำให้กระสุนที่ปืนพกยิงออกมาเป็นกระสุนพลังงานขนาดใหญ่ และระเบิดทันทีที่สัมผัสเป้าหมาย
“ระวัง” เซเวียร์ตะโกนเมื่อเห็นมีดบินพุ่งตรงไปหาเอสซึ่งชาโดว์เป็นคนขว้างมา
เอสใช้มือซ้ายที่ยังจับดาบอยู่ฟันมีดลงพื้น
หมอกควันบริเวณที่กระสุนบลาสเตอร์ช็อตระเบิดนั้นเริ่มจางหายไป แอสซาซิเนเตอร์ค่อยๆลุกขึ้นมา เอสพุ่งเข้าไปเตรียมโจมตีซ้ำ แต่ชาโดว์ก็มากันไว้ได้
“ชาโดว์บัสเตอร์” ชาโดว์ตะโกน ดาบของเธอระเบิดหมอกดำออกมา แรงระเบิดทำให้เอสกระเด็นไปเล็กน้อย
“แอส ถอยทัพก่อน” ชาโดว์สั่งเพื่อนของเธอทันที ก่อนที่จะหันกลับมารับดาบเอสอีกครั้ง
เอสพุ่งถอยหลังไปแล้วเก็บดาบคู่ พร้อมหยิบปืนพกคู่มาอย่างรวดเร็วแล้วกระหน่ำยิงทันที ชาโดว์เห็นดังนั้นจึงตะโกนคำว่า ราวด์ชิลด์ ออกมา แล้วด้านหน้าของเธอก็มีวงกลมสีเขียวโผล่ขึ้นมาป้องกันห่ากระสุนของเอส แต่เอสก็ประกาศคำสั่งบลาสเตอร์ช็อตทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเปิดโล่
ชาโดว์ปิดโล่ลงแล้วเอาดาบฟันกระสุนด้วยคอมมานด์ชาโดว์บัสเตอร์ ทำให้ก้อนกระสุนบลาสเตอร์ช็อตระเบิดขึ้นอย่างแรง
แอสซาซิเนเตอร์ที่ได้โอกาสก็กระโดดแล้วบินหนีออกไป เอสเห็นดังนั้นจึงรีบพุ่งเข้าไปโจมตี แต่ทว่า
“ดาร์ค มิสท์” ชาโดว์ตะโกน ทันใดนั้นก็มีหมอกดำปรากฎขึ้นภายในรัศมี 50 เมตรรอบตัวเธอ
เอสซึ่งรัศมีการมองเห็นถูกบดบังด้วยหมอกดำจึงหยุดแล้วตั้งท่าเตรียมรับทันที และเข้าก็รู้สึกได้ว่าชาโดว์พุ่งเข้ามาหาเข้าจากด้านหลัง เขาหันหลังกลับไปแล้วใช้ดาบคู่ฟันสวนกับดาบของชาโดว์
“STRIKE AERO BUSTER” เอสตะโกน แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“SHADOW BUSTER” ชาโดว์ตะโกน ดาบของเธอระเบิดหมอกดำออกมาผลักเอสให้ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปฟันเอสจนกระเด็น
แต่เอสก็ไม่ได้ล้มลงไปนอนกับพื้นหลังถูกฟัน เพราะเซเวียร์พุ่งเข้ามารับตัวเขาไว้ได้ทัน
“STRIKE AERO BUSTER!” เซเวียร์ตะโกนแล้วฟาดดาบลงบนพื้น แรงระเบิดลมมหาศาลทำให้หมอกดำปลิวออกไป “AREA SEARCH 500 เมตร 1000 เมตร”
“ทำอะไรน่ะ” เอสหันมาถาม
“ชาโดว์หนีไปแล้ว” เซเวียร์ตอบ “ถ้าพวกนั้นมาอีกบอกด้วยนะ เบลดเดอร์”
“เซเวียร์ ชั้นมีหลายอย่างที่ต้องถามเธอ แต่ก่อนอื่น คงต้องออกจากที่นี่กันก่อนสินะ” เอสบอกเซเวียร์แล้วเดินตรงไปยังคฤหาสน์ของเขา
เซเวียร์ไม่พูดอะไร เธอเดินตามเอสไปอย่างเงียบๆเข้าไปในบ้านที่ดูใหญ่โต ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟา
“อีกกี่นาที” เอสตะโกนถามจากในห้องน้ำ ที่เขาเข้าไปเพื่อใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ เนื่องจากชุดที่ราสสร้างให้จะสลายไปทันทีที่เขาปิดระบบเซ็ทอัพ
“หืม” เซเวียร์ตอบกลับอย่างงงๆ
“เวลาที่จะมีคนมารับน่ะ เธอไม่ได้บอกให้ใครมารับหรอกเหรอ”
“ราวๆ สิบนาที” เธอตอบ
“ด้านซ้ายของเธอเป็นห้องเมด” เอสบอกเซเวียร์หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ “น่าจะมีชุดขนาดพอดีเหลืออยู่ รีบๆเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วปิดระบบเซ็ทอัพซะ”
เซเวียร์ไม่ตอบกลับ เธอเดินเข้าไปยังห้องที่เอสชี้ทันที เมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปแล้ว เอสจึงหยิบไมค์ติดหูขึ้นมาใส่
“ไนล์ ชั้นจะไปทำธุระที่อื่นซักห้าปี ฝากนายดูแลธุรกิจทั้งหมดทีนะ” เอสพูดใส่ไมค์
“เดี๋ยวสิ แล้วนายจะไปไ..”
เอสวางสายทันที จากนั้นเขาก็หักไมค์ทิ้งแล้วโยนลงกับพื้น เขาเดินไปหยิบปืนออกจากลิ้นชักแล้วยิงใส่มันทันที
“เตรียมตัวเสร็จยัง เอส” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลังของเอส เซเวียร์นั่นเอง เธอถามเอสขณะเดินออกมาจากห้องด้วยชุดเมด ซึ่งเข้ากับหน้าตาของเธออย่างมาก
“รถจะมาแล้วเหรอ” เอสหันกลับมาถาม แต่ก็รู้คำตอบทันทีที่เห็นสีหน้าของเซเวียร์
“ไม่มารับแล้วล่ะ ลาสแองเจิ้ลเคลื่อนไหวแล้ว ตอนนี้กัปตันสั่งออกยานแล้ว เราจะไปสมทบกับยานแม่ของเบอร์มิวเดีย”
“หมายความว่า เราจะต้องบินไปหายานของพวกเธอให้เร็วที่สุดสินะ” เอสพูด “เซเวียร์ เธอรีบเซ็ทอัพซะ”
“แล้วนายจะไปไหนล่ะ?”
“ไปเอาวอร์สูทส่วนตัวมา ชั้นไม่มีเวลามาตั้งค่าเจ้านี่” เอสตอบพลางยกคริสตัลขึ้น “รู้สึกจะชื่อราสสินะ นายทำหน้าที่คอยติดต่อกับเซเวียร์พอ ชั้นจะใช้วอร์สูทส่วนตัวที่ชั้นถนัดกว่า”
“ห้านาที”
“สามก็พอ” เอสตอบ จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในห้องใต้ดินทันที
“เรเชีย ออกยานช้าๆ และชาร์จทรัสเตอร์เอาไว้ แมรี่ เปิดใช้งานปืนป้องกันยานทั้งหมด และชาร์จจัดจ์ไลท์ไว้” หญิงสาววัยเกือบขึ้นเลขสามออกคำสั่งบนสะพานของยานรบลำหนึ่ง
“ปืนป้องกันเฮฟวี่ยูนิท จำนวนสี่กระบอก พร้อมใช้งาน ตั้งคำสั่งให้ยิงยานประจัญบานลาสแองเจิ้ลทั้งหมด ปืนป้องกันมีเดี่ยมยูนิท จำนวนสี่กระบอก พร้อมใช้งาน ตั้งคำสั่งให้ยิงเฮฟวี่แทงค์ลาสแองเจิ้ล ปืนป้องกันสมอลล์ยูนิท แปดกระบอก พร้อมใช้งาน ตั้งคำสั่งให้ยิงวอร์เฟรมระยะใกล้ตัวยาน ปืนเลเซอร์ป้องกันยาน ทำงาน ป้อมปืนป้องกันยานต่อต้านวอร์สูท ทำงานเต็มกำลัง จัดจ์ไลท์กำลังชาร์จ ค่ะกัปตันซูเทีย”
“หันหัวยานไปหาศัตรู” กัปตันยานสาวที่ชื่อซูเทียออกคำสั่ง
“เอาล่ะนะ” ชายหนุ่มตะโกนขณะหมุนพวงมาลัยไปด้านขวาเต็มที่ ยานรบของพวกเข้าหันหน้าเข้าหาด้านข้างของยานรบศัตรู
“จัดจ์ไลท์ ยิงได้”
ทันทีที่เธอออกคำสั่ง ปืนหลักประจำยานของยานรบก็ถูกยิงออกไป ลำแสงสีทองพุ่งทะลุยานรบประจัญบานของอีกฝ่ายถึงสองลำเลยทีเดียว ถึงแม้ยานที่ถูกยิงยังไม่ร่วงหรือระเบิดทันที แต่ลำแสงที่ยานรบของซูเทียยิงออกไปก็ทำให้พลังงานบาเรียหมดไปในทันที ไม่ช้า หลังจากโดนห่ากระสุนชุดใหญ่ ยานทั้งสองลำก็ร่วงลงพื้นแล้วระเบิด
“ส่งเดสตรอยเยอร์ออกไปให้หมด” ซูเทียตะโกนสั่งอีกครั้ง
ประตูหน้าทั้งสองของยานเปิดออก จากนั้นก็มีเครื่องบิน? ไม่สิ ต้องเรียกว่ากระบอกปืนใหญ่เคลื่อนที่ถึงจะถูก ด้วยรูปร่างที่มีเพียงกระบอกกลมขนาดใหญ่ มีขายื่นออกมาสี่ขา และมีทรัสเตอร์ที่หลังอีกหนึ่งเครื่อง ไม่ว่าใคร เห็นครั้งแรกก็ต้องมองออกว่าไม่ใช่ยูนิทสำหรับสู้ระยะประชิด
ยูนิทประหลาด ที่ซูเทียเรียกมันว่าเดสตรอยเยอร์ สิบสองลำบินออกจากยานแล้วลงไปเกาะที่พื้นด้วยขาทั้งสี่ จากนั้นก็หมุนกระบอกกลมบนตัวของมันหันไปทางยานรบประจัญบานของศัตรู แล้วยิงปืนใหญ่ใส่ไม่ยั้ง เพียงในเวลาไม่กี่นาที ยานรบของศัตรูก็ถูกจมไปอีกหนึ่งลำ
ตัดมาทางเอสและเซเวียร์ เอสนั้น หลังจากที่สวมวอร์สูทส่วนตัวของเขาเสร็จแล้ว เขาก็ยึดราสไว้ที่อกและสั่งให้ทำหน้าที่กางบาเรีย จากนั้นก็เดินไปยกฝากระจกขนาดใหญ่ และเข้าไปนั่งบนเบาะ
“ขึ้นมา” เอสบอกเซเวียร์พลางใช้นิ้วโป้งขวาชี้ไปที่เบาะข้างหลัง
เซเวียร์เดินเข้าไปนั่ง จากนั้นเอสก็กดปุ่มสั่งปิดฝากระจกทันที
“คงไม่ใช่ ”
เป็นอย่างที่เซเวียร์คิด ที่ๆเธอและเอสนั่งอยู่คือภายในค็อกพิทของเครื่องบินรบขนาดเล็ก
“เป็นของเล่นที่ใช้วิจัยวอร์เฟรมกลุ่มไฟท์เตอร์น่ะ” เอสตอบคำถามที่คิดว่าเซเวียร์อยากจะถาม “แต่นี่เป็นแค่ไฟท์เตอร์ขนาดเล็กธรรมดา ไม่ใช่วอร์เฟรมหรอก”
“ซูเทีย นี่ชั้นเอง สถานการณ์ของอวาล่อนล่ะ” เซเวียร์ถามผ่านดีไวซ์เบลดเดอร์ของเธอ
“ย่ำแย่เลยล่ะ โดนฝูงยานรบประจัญบานรุมกินโต๊ะจะไม่เหลือแล้ว โชคยังดีที่ไม่เจอลาไอน์เข้า” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากเบลดเดอร์
“ชั้นกับเอสกำลังจะไปหา เวลาที่ใช้ประมาณ ”
“สามนาที” เอสตอบ
“ตามนั้นแหละ ช่วยยื้อไว้ให้ได้ แล้วก็ชาร์จทรัสเตอร์เตรียมไว้ด้วย”
“เข้าใจแล้ว” ซูเทียตอบ ก่อนที่เซเวียร์จะตัดการสื่อสารไป
“ไพลอทคอนเฟริม ลิฟติ้ง” เสียงคอมพิวเตอร์รายงานสถานะดังขึ้นทันทีที่เอสประทับนิ้วโป้งลงบนแท่นตรวจสอบ
พื้นรอบๆห้องนักบินเขยื้อนออก เผยให้เห็นลำเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็ก จากนั้นเครื่องบินก็ถูกยกสูงขึ้นจนเลยหลังคา
“System All Green, Code SKYFLASH Prepared to takeoff”
“จับแน่นๆล่ะ” เอสเตือนก่อนที่จะบังคับเครื่องบินออกตัวอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นาน เครื่องสกายแฟลชก็บินมาถึงสมรภูมิ
“จะส่งสัญญาณให้อวาล่อน ศัตรูอาจจะรู้ตัว ระวังด้วย” เซเวียร์บอกเอส
ทันทีที่เซเวียร์ปล่อยสัญญาณออกมา ฝูงไฟท์เตอร์และวอร์สูทของราสแอลเจิ้ลก็บินเข้ามาจู่โจมสกายแฟลชทันที
“Air Diving Mode ON” เสียงคอมพิวเตอร์รายงานเมื่อเอสกดปุ่มบนแผงหน้าปัด
ทรัสเตอร์ที่แนบกับลำเครื่องบินทั้งสองข้างของสกายแฟลชเริ่มทำงาน มันเป็นทรัสเตอร์ที่ขนาดเล็กกว่าทรัสเตอร์ท้ายทั้งสองก็จริง แต่เป็นทรัสเตอร์ที่สามารถปรับมุมการยิงอากาศได้
ส่วนภายในค็อกพิท ระบบล็อคนักบินและผู้ช่วยเริ่มทำงานเพื่อล็อคตัวเอสและเซเวียร์ให้อยู่กับที่นั่ง หน้ากากออกซิเจนขยับเข้ามาสวมทั้งเอสและเซเวียร์ นอกจากนั้นยังมีแว่นที่มีสายเชื่อมกับตัวเครื่องเข้ามาปิดตาเอสอีกด้วย เอสปล่อยแท่นบังคับออกแล้ววางมือขนาบลำตัว ข้อศอกตั้งฉาก จากนั้นก็มีผ้าล็อคแขนเอสให้อยู่กับที่ บริเวณมือทั้งสองข้างมีคอนโซลยื่นมาใกล้ๆ
ทรัสเตอร์เสริมข้างซ้ายหันลงขณะที่ข้างขวาหันขึ้น จากนั้นจึงหันสวนทิศเดิม ทำให้เครื่องของเอสเอียงไปทางขวาอย่างรวดเร็ว จากนั้นทรัสเตอร์เสริมทั้งสองก็หันลง และทรัสเตอร์ท้ายอีกสองเครื่องก็หันขึ้น ทำให้สกายแฟลชเลี้ยวขวาหลบห่ากระสุนได้ จากนั้นเอสก็ควบคุมเครื่องสกายแฟลชบินเลียดพื้นแล้วเหินขึ้นไปยังยานรบที่ถูกรุมโจมตีอย่างหนัก
ยานรบลำนั้นเปิดประตูท้ายยานให้เอสนำเครื่องเข้าไปจอด เมื่อประตูท้ายปิดแล้ว เอสจึงปลดล็อคอุปกรณ์ทั้งหมดให้ตัวเขาและเซเวียร์
แขนกลสี่แขนพุ่งเข้ามาจับสกายแฟลชยึดกับพื้นไว้แน่น จากนั้นอวาล่อนก็เร่งทรัสเตอร์เต็มกำลังเพื่อบินออกจากสมรภูมิโดยมีเดสตรอยเยอร์ยิงสนับสนุน
อวาล่อนเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น ยานรบของลาสแองเจิ้ลที่ไล่ตามอยู่ก็พยายามไล่ตาม แต่ก็ถูกกระสุนปืนใหญ่ของเดสตรอยเยอร์หลายนัดยิงเข้าจนร่วงลงสู่ทะเล ไม่นานนักอวาล่อนก็บินออกไปจากระยะจู่โจมของกองทัพลาสแองเจิ้ลได้สำเร็จ
เอสเปิดฝาค็อกพิทแล้วกระโดดลงมาพร้อมกับเซเวียร์ พร้อมๆกับที่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมของเต็มมือ
“ถอดวอร์สูทออกแล้วรอที่นี่” เซเวียร์บอกเอสพร้อมโยนชุดคล้ายๆชุดกาวน์ที่รับมาให้ แล้วรับชุดอีกชุดนึงก่อนเดินเข้าไปในห้องข้างๆ
“เอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็ได้ทีนะ” เอสบอกผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาหลังจากที่ถอดเกราะของวอร์สูทออกหมดแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงชุดยืดทั้งตัว เขาจึงสวมชุดที่เซเวียร์ให้มาทับลงไป
“ตามชั้นมา” เซเวียร์บอกเอสขณะเดินออกมาจากห้อง เธอเดินนำเอสเข้าไปในยาน
“ยานหรูดีนะเนี่ย” เอสแซว “เจ้าของกองทัพคงรวยน่าดูสินะ”
“พวกเราไม่ใช่กองทัพเอกชน” เซเวียร์ตอบ จากนั้นก็นำเอสเข้าไปยังห้องสั่งการขนาดใหญ่ที่มีหน้าจอเต็มไปหมด
“ยินดีต้อนรับสู่อวาล่อน ยานรบคลาสประจัญบานเอกแห่งเบอร์มิวเดีย ณัฐนัย ไม่สิ ต้องเรียกว่าเอสทริกเกอร์สินะ”
ความคิดเห็น