ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LIFE/LOGIC

    ลำดับตอนที่ #1 : AIRY ARC ตอนที่ 1 การพบพาน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 56


    ตอนที่ 1

              "ไซ หนีไป"

              เสียงผู้หญิงคนหนึ่งสั่งเด็กผู้ชายที่เป็นลูกชายของเธอ เธอคุกเข่าลง ก้มมองที่พื้นซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดที่เธอกระอักออกมา มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของเธอกุมอยู่ที่ท้อง แต่เธอก็ยังพยายามเปล่งเสียงสั่งลูกชายของเธอ

              "เร็ว!"

              ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงปืนกลและเสียงโอดครวญที่ดังสนั่น หรือเพราะว่าเพราะเขาช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กชายไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่ก้าวเดียว

              เลือดจากท้องของแม่เด็กพุ่งออกมาเต็มหน้าเขา ถึงแม้ตาจะชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง แต่ภาพที่เขาเห็นก็ยังชัดเจนพอที่จะจำ ภาพของแขนหุ่นยนต์ที่แทงทะลุท้องของเธอ

              "หัวหน้าไซ!"

              เสียงหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเขา แต่เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนจากจุดที่เขายืน

    แขนของหุ่นต์ยนลอยขึ้น ยกร่างของเธอสูงจากพื้นประมาณหนึ่งฟุต ก่อนที่จะโยนร่างของเธอออกไปด้านข้าง

              เมื่อไม่มีแม่ของเขาบัง เขาจึงเห็นร่างของจักรกลเพชรฆาตที่ฆ่าแม่ของเขาได้ชัดเจน แต่มันก็เห็นเขาด้วยเช่นกัน

              มืออีกข้างของจักรกลสามเมตรยื่นมาเพื่อจะจับศีรษะของเขาเพื่อปลิดชีพ

              "หัวหน้าไซ!"

              "อา เสียงคุ้นๆอีกแล้ว"

              เขาเริ่มคิดในใจ

              "ไม่สิ ที่รู้สึกว่าคุ้นกว่าคือภาพตรงหน้าต่างหาก"

              แขนของจักรกลขาดแล้วร่วงลงตรงพื้นด้านหน้าที่เขายืนอยู่ เด็กชายหันไปมองทหารในวอร์สูทที่ช่วยเขาไว้ เขาจำภาพนี้ได้ดี นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกที่จะต่อสู้กับพวกมัน จักรกลสังหารที่ไร้ซึ่งชีวิต

              "หัวหน้าไซ!"

              ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป จากบนพื้นดินกลายเป็นผนังถ้ำ สิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นคือเด็กสาวอายุไล่เลี่ยกับเขากำลังเรียกชื่อเขา เธอได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเขาซึ่งนอนพิงหินก้อนใหญ่ๆ

              "หัวหน้าไซ! ขอคำสั่งด้วยค่ะ"

              "ลี...ฟ่า"

              "หัวหน้าไซ!"

              เขานึกออกแล้ว หน่วยวอร์สูทฝึกหัดที่ 104 ทีมเดลต้าซึ่งเขาได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้า ได้ลงมาสอดแนมภายในถ้ำเดโมเนียชั้นที่สาม เพื่อเก็บตัวอย่างชิ้นส่วนหุ่นยนต์ไปวิจัย

              ถ้ำเดโมเนีย เป็นถ้ำที่อยู่ใกล้กับแคลนแอรี่ที่พวกเขาอยู่ เนื่องจากถ้ำเดโมเนียเป็นเป็นปราการของฝ่ายหุ่นยนต์ ทำให้แคลนแอรี่ต้องต่อสู้กับจักรกลพวกนี้เสมอ ยิ่งลงไปชั้นลึกลงเรื่อยๆจะยิ่งเจอกับจักรกลที่แข็งแกร่งขึ้น แต่เนื่องจากแคลนแอรี่ยังเป็นแคลนที่เพิ่งตั้งได้ไม่นาน และไม่ได้มีเทคโนโลยีเพียงพอ ทำให้ต้องส่งหน่วยสำรวจเพื่อเก็บชิ้นส่วนศัตรูมาวิจัยสร้างอาวุธใหม่ๆ แต่หลังจากการโจมตีครั้งใหญ่ของฝ่ายหุ่นยนต์เมื่อเดือนที่แล้ว ถึงแม้แคลนแอรี่จะรอดมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียทหารไปหลายนาย ทำให้กลายเป็นหน้าที่ของทหารวอร์สูทฝึกหัดที่จะต้องลงไปสำรวจแทน

              ถึงแม้มนุษย์จะทำสงครามอยู่กับหุ่นยนต์ แต่กลับแบ่งออกเป็นแคลนต่างๆแทนที่จะรวมตัว เพราะในยุคสงครามนี้ ไม่มีทรัพยากรที่จะผลิตวอร์สูทให้ได้ทุกคน และด้วยความที่ขาดแคลนทรัพยากรทำให้ต้องส่งหน่วยสำรวจที่ไม่มีวอร์สูทออกไปเก็บทรัพยากรข้างนอก ซึ่งหากมีการรวมแคลนเกิดขึ้น หน้าที่สำรวจโดยไม่มีวอร์สูทก็จะกลายเป็นของแคลนที่มีอำนาจน้อยกว่า ไม่ต่างจากการแบ่งชนชั้น

              ในสภาวะสงครามที่มนุษย์เป็นรอง ทางรอดเดียวคือต้องคอยตั้งรับ และออกไปหาทรัพยากรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

              อันที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ชั้นสี่ เพราะไซตัดสินใจลงมาสำรวจต่อหลังจากไม่เจอจักรกลชนิดใหม่ๆ ซึ่งเขาคิดว่าความสามารถของเขาเพียงพอที่จะเอาตัวรอดและหนีกลับมาได้หากศัตรูแข็งแกร่งเกินไป

              แต่เขาก็คิดผิด ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เขาโดนโจมตีจนกระเด็นเพราะพุ่งไปช่วยเพื่อนร่วมทีมของเขา ถ้าเขาอยู่คนเดียว เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

              "ชิน กับ อารี ล่ะ?"

              ลีฟ่า เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาส่ายหน้าเบาๆ

              "หัวหน้าไซ เราต้องหนีแล้ว พวกหุ่นมันปิดทางเข้าที่เราเข้ามา"

              เด็กหนุ่มค่อยๆลุกยืนขึ้น เขาต้องคิดหาทางพาลีฟ่า เพื่อนร่วมทีมคนสุดท้ายของเขาออกจากที่นี่ให้ได้ เป็นความผิดของเขาที่ชินกับอารีต้องตาย

              หลังจากที่เขาลุกขึ้น เขาก็หันมาทางลีฟ่าที่มองเขาตาไม่กระพริบ แววตาเธอค่อยๆหายไป

              "ลี... ฟ่า?"

              ลีฟ่าค่อยๆล้มลงต่อหน้าเขา ด้านหลังของเธอคือจักรกลสังหารที่แทงเธอจนถึงแก่ความตาย

              เป็นความผิดของเขาคนเดียว ถ้าเขาไม่ตัดสินใจลงมาที่ชั้นสี่ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่

              ตรงหน้าเขามีจักรกลสังหารขนาดสามเมตรอยู่ห้าตัว แต่เพียงพริบตา พวกมันก็ถูกทำลายจนหมดด้วยฝีมือเขาคนเดียว ในตาของไซนั้นไร้แววโดยสิ้นเชิง ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่มีสติ

              "หน้าทางขึ้นชั้นสามอีกสี่ตัว"

              เขาพึมพัม จากนั้นจึงเดินไปยังทางขึ้นชั้นสามโดยไม่ได้เก็บชิ้นส่วนจักรกลพวกนี้เลย ถึงแม้จะเป็นชนิดใหม่ก็ตาม สิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือจัดการพวกมันให้หมด

              และแล้วเขาก็เห็นอีกสี่ตัวอยู่ตรงหน้าทางขึ้นชั้นสาม

              "เดี๋ยวสิ ชั้นรู้ได้ไง?"

              ไซเริ่มมีสติ แล้วจำได้ว่าเขาเคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้ว

              "เดจาวู? ไม่สิ..."

              ในที่สุดเขาก็นึกออก นี่คือความทรงจำสมัยที่เขายังเป็นหัวหน้าทีมเดลต้า ที่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมตายจนหมด ทำให้เขาตัดสินใจออกลุยคนเดียวมาตลอด

              เขาลืมตาขึ้น ร่างกายเขาเจ็บไปหมด ดาบอนุภาคสั่นทั้งสองในมือเขาหักไปแล้วเพราะพลังงานหมด เกราะตัวก็แตกและมีบาดแผล ฟุตทรัสเตอร์ของเขาก็เริ่มแตกร้าว ขณะนี้เกราะพลังงานของเขาหยุดทำงานเรียบร้อยแล้ว

              ตรงหน้าเขาคือเครื่องจักรสังหารขนาดสองเมตรครึ่ง รูปร่างคล้ายมนุษย์ และกำลังพุ่งเข้ามาแทงด้วยดาบในมือขวา

              เขากำลังจะตาย หลังจากที่บุกเดี่ยวลงไปถึงชั้นแปด ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของแคลนแอรี่ เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว หลังจากเหตุการณ์ที่ชั้นสี่ เขาก็ลุยเดี่ยวมาตลอด จุดมุ่งหมายอย่างเดียวของเขาคือการกำจัดจักรกลที่อยู่ตรงหน้าให้หมด

              เขายอมรับความตายโดยไม่ขยับเขยื้อน ถึงแม้เขาจะยังลุกขึ้นได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงฮึดที่จะชีวิตต่อแล้วหลังจากต่อสู้มาทั้งวัน ทั้งๆที่เดิมทีเขาได้รับคำสั่งมาให้สำรวจชั้นเจ็ดเท่านั้น แต่เพราะความรีบร้อนของเขาทำให้ดันทุรังลงมาลุยต่อชั้นแปด

              ดาบที่หันเข้ามาที่เขาพุ่งเข้าใกล้มาทุกที เขามองปลายดาบตาไม่กระพริบ เขาอยากจะเห็นช่วงสุดท้ายของชีวิตให้ชัดเจน

              แต่เขาก็ผิดหวัง เมื่่อแขนของหุ่นตรงหน้าเขาร่วงลงพื้นหลังจากที่เห็นแสงแว้บผ่านไป จากนั้นร่างท่อนบนของหุ่นก็ร่วงลงพื้น

              ไซเห็นเงาของคนๆหนึ่งยืนอยู่พร้อมดาบอนุภาคสั่นที่คล้ายคาตานะ เขาปรับโฟกัสตาของเขา และจึงเห็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

              เธอเป็นผู้หญิง เขามั่นใจเช่นนั้น เพราะเธอไม่ใส่เกราะทั้งตัว แต่กลับใส่เพียงเกราะแขนและขาทำให้เห็นรูปร่างชัดเจน ผมสีเงินยาวสลวย และชุดรัดรูปสีขาวที่มีผ้าคลุมปลิวไปตามลม ไซมั่นใจว่าภาพที่เขาเห็นจะตรึงอยู่ในใจเขาไปตลอด

              "ค่ะ" เด็กสาวตอบรับ ดูเหมือนเธอกำลังสื่อสารกับแคลนที่เธออยู่ "พบเอชเอ็มทู ที่ชั้นแปด คาดว่าเป็นอแดปทีฟค่ะ... ค่ะ จะลงไปชั้นต่อไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"

              ไซค่อยๆลุกขึ้นหลังจากที่เด็กสาวตัดการสื่อสาร เธอหันมาที่เขา แล้วจึงเดินเข้ามา

    ไซเห็นหน้าเธอชัดเจน ใบหน้าของเธอสวยงามอย่างไร้ที่ติ แต่กลับดูเหมือนตุ๊กตา

              เขาคิดผิด เธอไม่ได้เดินมาหาเขา เป้าหมายของเธอคือทางลงไปชั้นเก้าซึ่งอยู่ข้างหลังเขาต่างหาก

              ทันทีที่เด็กสาวเดินผ่านเขาไปโดยไม่เหลียวมอง เขาหันกลับไปมองด้านหลังของเธอก่อนที่เธอจะเดินลงไปชั้นถัดไป

              เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถตามเธอไปได้ เพราะเขาก็บาดเจ็บมากแล้ว จึงพยายามพยุงตัวออกจากถ้ำ ซึ่งถือว่าโชคดีที่เด็กสาวคนนั้นได้จัดการกับจักรกลตามทางเรียบร้อยแล้ว

              เสียงเปิดประตูดังขึ้น เด็กสาวอายุไม่มากกระโดดลุกออกจากโซฟาแล้ววิ่งมายังประตูทันทีที่ได้ยินเสียง

              พี่ค้า…"

              เสียงออดอ้อนของเด็กสาวตัวเล็กๆต้องกลับชะงัก เมื่อเธอเห็นสภาพพี่ชายของเธอที่อาบเลือดอยู่ตรงหน้า

              พี่!”

              เด็กหนุ่มล้มลงต่อหน้าน้องสาวของเขา สภาพร่างกายเขาไม่น่าจะเดินกลับมายังบ้านไหวด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มไม่คิดอะไรก็เป็นได้

              อา…”

              เด็กหนุ่มเริ่มส่งเสียงครางเบาๆเพราะยังเจ็บอยู่ ถึงจะได้รับการรักษาจนปลอดภัยแล้วก็ตาม

              เขาเห็นฝ้าเพดานที่คุ้นเคย เหมือนกับที่เขาเคยมานอนเมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากที่เขาเป็นผู้รอดเพียงคนเดียวจากชั้นสี่ และเขารู้ว่าเมื่อเขาตื่นแล้ว เขาคงไม่ได้พักผ่อนอีก

              อย่างที่เขาคิดจริงๆ เสียงฝีเท้าของคนสามคนกำลังใกล้เข้ามา และประตูห้องก็ถูกเปิดออก

              ฟื้นแล้วสินะ ชายวัยกลางคนถามทันทีที่เดินเข้ามา เล่ามา ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขัดคำสั่ง

              ไซไม่ตอบ เขาเงียบไปเพราะรู้ว่าไม่ว่าจะตอบอะไรก็ไม่ต่างกัน จริงๆเพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีต่างหาก

              วอร์สูทเสียหายหนักจนเกินซ่อมแซม รู้ไหมว่ามูลค่าวอร์สูทเครื่องนั้นเท่าไร?ชายวัยกลางคนต่อว่าเด็กหนุ่มอย่างหนัก

              อย่าทะนงตัวเองมากนัก ถึงคราวนี้จะไม่มีเพื่อนร่วมทีม แต่นายก็ใช้วอร์สูทที่เป็นของพวกเราอยู่

              “ขออภัยครับเด็กหนุ่มตอบ

              เอาเถอะ ถือว่าโชคดีไปที่เรากำลังจะเปลี่ยนรุ่นวอร์สูทให้นายพอดี แต่จำไว้นะ ถ้าทำอะไรนอกภารกิจอีก ชั้นจะปลดนายออกให้ไปตระเวนล่าสัตว์แทน

              “ครับเด็กหนุ่มตอบรับ เขารู้ดีว่าการตระเวนล่าสัตว์ หรือการออกไปข้างนอกแคลนโดยไม่มีวอร์สูทก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายซักเท่าไร

              เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้น ในหัวของเขามีแต่ภาพของเด็กสาวคนที่ช่วยเขาไว้ เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร และอยากพบเธออีกครั้ง โดยที่ไม่รู้สาเหตุ

              “พี่ไซเสียงออดอ้อนของเด็กสาวดังขึ้นทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้องพยาบาล ไอริส น้องสาวของเขาก็รีบวิ่งมาหาทันที

              ถึงแม้ในหัวของไซตอนนี้จะมีแต่เรื่องเด็กสาวที่ช่วยเขาเอาไว้เมื่อวาน แต่เขาก็ต้องกำจัดความคิดนั้นออกไป เขาจะทำให้ไอริสเป็นห่วงไม่ได้

              ไอริสพี่ขอโทษนะ

              “ไม่เป็นไรค่ะ ไอริสยกโทษให้ โดยมีข้อแม้คือวันนี้พี่ต้องมากินข้าวเย็นกับหนูไอริสตอบด้วยน้ำเสียงน่ารักสมวัย

              ไซหันไปดูนาฬิกาที่ตามทางเดิน และพบว่าเขาหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นพอดี

              จ้าๆ เขาตอบรับ แล้วจึงจูงมือน้องสาวของเขาเพื่อเดินไปซุปเปอร์

              เอาอะไรดีน้าไอริสพึมพัมกับตัวเองขณะกำลังเลือกวัตถุดิบ

              ไอริส จะทำอาหารเองพี่ไม่ว่าหรอกนะ แต่อย่างน้อยขอเนื้อมั่งได้ไหม

              “ก็ได้เด็กสาวตัวน้อยตอบกลับด้วยท่าทางไม่พอใจนัก

              ไซรู้ดีว่าไอริส น้องสาวของเขา ชอบทำอาหารที่มีแต่ผักมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอทำเนื้อไม่เป็น เพียงแค่เธออยากให้เขากินแต่ผักเท่านั้นเอง

              ไอริสหยิบผักนานาประเภทใส่ตะกร้า จากนั้นจึงคว้าก้อนเนื้อลงตะกร้าตาม และไซจึงหยิบบัตรขึ้นมาจ่ายเงิน

              ตอนเดินกลับ เพื่อให้ไอริสอารมณ์ดีขึ้น เขาจึงถือของทั้งหมดด้วยมือขวา และมือซ้ายจับมือไอริสเอาไว้ เขาพยายามคิดถึงเรื่องที่เขาค้างคาใจให้น้อยที่สุดเพื่อให้เธอไม่ต้องกังวล

              ไอริส อย่าเพิ่งวิ่งสิไซเตือนน้องสาวของเขาด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่เธอเปิดประตูบ้าน คว้าถุงใส่วัตถุดิบที่เพิ่งซื้อมาแล้ววิ่งเข้าครัวทันที

              ด้วยความหิว ไซจึงเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อรอน้องสาวเขาทำกับข้าว ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร หากเขาไม่อยู่ดูเธอทำกับข้าว เธอจะทำได้เร็วกว่า

              แต่แล้วเขาก็ลืมไป ทันทีที่ไม่มีไอริสอยู่ข้างๆ ภาพของหญิงสาวที่ช่วยเขาไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัว ตั้งแต่เขารู้สึกตัว สิ่งที่จำได้เกี่ยวกับเมื่อวานมีเพียงหญิงสาวคนนี้เท่านั้น เขาลืมแม้กระทั่งศัตรูที่เจอในถ้ำ แม้กระทั่งจักรกลสองเมตรรูปร่างมนุษย์ที่หญิงสาวเรียกมันว่าเอชเอ็มทู

              เขาเริ่มคิดว่าทำไมถึงคิดถึงเธอตลอดเวลา เคยมีเหตุการณ์ที่เขาเกือบตายแล้วมีคนช่วยไว้ตั้งหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยเกิดอาการแบบนี้มาก่อน บางทีใบหน้าของเธอที่เหมือนตุ๊กตาอาจเป็นสาเหตุที่เขารู้สึกอะไรบางอย่าง

              พี่ค้าเสียงตะโกนเรียกจากข้างล่าง อย่างที่ไซคิดเอาไว้ ถ้าเขาไม่อยู่ดู อาหารจะเสร็จไวก่อนทุกครั้งไป

              ไซพยายามสลัดความคิดเรื่องหญิงสาวคนนั้นออกไป แล้วจึงเดินลงไปกินข้าวเย็นกับไอริสตามสัญญา

              พี่ มีอะไรหรือเปล่าไอริสถามพี่ชายของเธอด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มีอะไรบอกหนูได้นะ

              “เปล่าๆ พี่คิดถึงเรื่องเมื่อวานน่ะ

              “พี่รู้ไหมว่าทำให้ไอริสเป็นห่วงแค่ไหน ทำไมต้องเสี่ยงอะไรแบบนั้นด้วยไอริสเริ่มต่อว่าพี่ชายของเธอ

              พี่ขอโทษนะ พี่ยอมรับเลยว่าเมื่อวานพี่ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกเมื่อตอนนั้น ตอนที่พี่เป็นหัวหน้าทีมเดลต้า มันกลับเข้ามาไซตอบ พยายามกลั้นน้ำเสียงของเขาให้เหมือนปกติ แต่พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ

              “แต่พี่ก็ยอดไปเลยนะ ลุยไปถึงชั้น 11 แน่ะ แต่วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ สัญญานะ

              ไซรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเธอลงไปจนถึงชั้น 11

              “ก็ได้ พี่สัญญาไซตอบรับ ขออาหารหลักพี่เถอะ

              จานด้านหน้าของไซมีแต่ผัดผักเต็มไปหมด เขารู้ดีว่าถ้าไม่สัญญากับไอริส เขาได้เอียนผักพวกนี้แน่ๆ

              ไอริสเริ่มยิ้ม จากนั้นจึงเดินไปหยิบชิ้นเนื้อจากกระทะมาให้พี่ชายของเธอ

             

              ไซเอนตัวลงหลังจากที่กล่อมไอริสนอนที่ห้องข้างๆเสร็จ ตัวเขายังคงคิดเกี่ยวกับหญิงสาวคนนั้น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องไปพบเธออีกให้ได้ แม้จะต้องเอาชีวิตนี้ไปเสี่ยงก็ตาม

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×