ตอนที่ 8 : Story : VII ก้าวผันเปลี่ยน
Talk's Tenchirina
"อื้ม.." ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดีใจจังเลยนะที่ไรย์ไม่แอบฆ่าผมตอนผมนอนหลับ ถึงผมจะไม่ตายก็เถอะ
...แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น ผมจะต้องเสียใจมากแน่ๆเลย~❤ ฮ่ะๆ... ทุกคนว่าไหมครับ :)
มือของผมทาบลงบนเตียงที่มีรอยยับบ่งบอกว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนนอนอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ผ้าปูกลับเย็นชืด...
บ่งบอกว่าอีกคนคงลุกออกไปนานแล้ว ได้กันแล้วไม่รับผิดชอบแบบนี้มันโหดร้ายจังนะไรย์
"ตื่นแล้วหรือเด็กขี้เซา" เสียงนั้นดังมาจากห้องครัว หื้ม จะว่าไปมีกลิ่น..
...กลิ่นไหม้ล่ะ... ชะเง้อคอมองลอดผ่านทางหลังอีกฝ่ายไปก็พบเห็นกับจานอาหารที่อีกฝ่ายทำเอง..
ทำเองนั่นแหละ ดูสิ ขนมปังยังมีรอยไหม้อยู่เลย ลองเป็นร้านอาหารหรือร้านค้าดู จะให้ยินเอาปืนไปจ่อหัวเชียว
ว่าไปนั่น ยินดื้อจะตาย จะยอมทำตามที่ผมบอกหรือ ฮึๆ..
"ผมไม่ใช่เด็ก.." ผมจิ๊ปากใส่หน่อยๆพลางมองอีกฝ่ายที่ใส่เสื้อคอเต่าผสมคอสูงแบบที่เขาชอบใส่สมัยเป็นสึบารุ
...อากาศร้อน... กลบรอยอะไรงั้นหรือ?
อยู่องค์กรเดียวกันคงไม่มีเหตุผลให้ต้องกลบรอยจากการต่อสู้ ยกเว้นไรย์จะอยู่ในองค์กรและผมเป็นเพียงคนธรรมดา ฉะนั้นก็รอย...
ผมเบิกตาออกกว้างหน่อยๆ ไม่หน่า.. รึว่าเมื่อวานที่เหมือนไรย์ลุกออกไปจะ...
อา.. คิดไปเองแน่ๆ แต่ปากผมก็ไวกว่าใจได้พลั้งถามอีกฝ่ายไปซะแล้ว "ไม่ร้อนหรือไรย์?"
"ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในองค์กร เรียกฉันว่าไดก็ได้เทนชิ" อีกฝ่ายพูดแบบนั้น อืม.. ถ้าพูดโค๊ดเนมแบบนี้ข้างนอกแล้วมีคนแบบชินอิจิที่พอได้ยินคำว่ายินกับวอดก้าแล้วพร้อมสืบแบบนั้นก็แย่สินะ
"ได.. นั่นชื่อเล่น?" ผมเลิกคิ้วมอง ชื่อเล่นต้องสนิทกันประมาณหนึ่ง ถึงผมจะเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์แย่แต่ก็ต้องพอรู้มาบ้าง
"ยังไงก็แค่ชื่อปลอม" เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงก่อนเดินออกจากห้องไปยังห้องครัวเช่นเดิม.. คงไม่ได้เปิดแก๊สทิ้งไว้ใช่ไหมไรย์? ไม่สิได..
จะรอวันที่นายให้ผมเรียกว่า'ชู'นะ ได..
เขาให้ผมเรียกชื่อเล่นอย่างงั้น ผมก็ควรให้เขาเรียกรินะสินะ.. แต่เขาเรียกเทนชินี่ เอาเถอะ จะบอกให้เขาเรียกรินะก็เดินไปห้องครัวซะแล้ว..
...ไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน เหนียวตัวชะมัด...
--สุดท้ายหลังจากผมอาบน้ำเสร็จ ก็ดูเหมือนว่าผมจะลืมเรื่องที่จะพูดกับอีกฝ่ายซะสนิท--
---------------------------------------------
Story's Tenchirina
ผมจะรอวันที่นายยอมให้ผมเรียกนายว่า 'ชู' นะได
Story's Shuichi
ไว้ถึงวันที่ฉันเป็นครอบครัวให้เธอเมื่อไหร่ฉันจะค่อยเรียกเธอว่า 'รินะ'
---------------------------------------------
...วันเวลาผันเปลี่ยนแปรผันไป จากยามเช้าสู่ยามเย็น จากยามเย็นสู่ยามดึก...
...ตัวของมนุษย์เองก็เปลี่ยนไป...
นับจากวันนั้นผมก็สนิทกับไดขึ้นมามาก อา.. ชูซังจริงๆจะใจดีเหมือนกับที่เป็นไดตอนนี้ไหมนะ? แต่สุดท้ายพอจะพูดเรื่องที่ให้อีกฝ่ายเรียกผมว่ารินะคืนทีไรก็ลืมทุกทีเลยซิ เอาเถอะ ขี้เกียจนึกแล้ว ยังไงชื่อของผมจริงๆก็เป็นแค่เทนชิรินะนี่หน่า ไม่ว่าไรย์จะเรียกยังไง..
...มันก็เป็นชื่อเล่นของผมทั้งนั้น
"one shot one kill" ผมพูดพึมพ่ำเบาๆพร้อมกับลั่นไกปืนแทบทันที วันนี้ผมกับไดและสก็อตได้รับหน้าที่ให้ไปแลกเปลี่ยนสินค้า โดยมีสก็อตเป็นคนตรวจสอบและได้เป็นคนทำการแลกเปลี่ยน ส่วนผมซุ่มอยู่ใกล้ๆแถวนั้นเพื่อลอบฆ่าคนที่เล่นตุกติก ใช่.. แล้วดูเหมือนมันจะเล่นตุกติกจริงๆด้วยที่เรียกตำรวจมา
...แต่ตำรวจก็คิดว่าพวกเราเป็นแก็งค์ค้ายาก็เท่านั้นแหละ... ไม่มีทางสาวมาถึง
เอาจริงๆในตอนแรกได สก็อตและเบอร์เบิ้น อา.. รู้สึกจะสนิทกับไรย์มากไปแล้วสินะ ตอนแรกสามคนนั้นจะไม่ให้ผมทำหน้าที่นี้หรอก แต่มันก็เป็นคำสั่งของท่านผู้นั้นที่เห็นว่าผมเหมาะกับตำแหน่งนี้ไม่แพ้ไรย์ ซ้ำพอไปๆมาๆทั้งสามคนก็คิดว่าหน้าที่ลอบสังหารคงปลอดภัยมากกว่าให้ไปยืนในตำแหน่งแลกเปลี่ยนสิ่งของที่มีโอกาสเป็นฝ่ายที่จะถูกลอบฆ่าซะเอง
ผมขมวดคิ้วหน่อยๆที่คราวนี้ตำรวจเยอะกว่าทุกที ผมคิดว่าส่วนนี้คงเป็นเพราะตัวผู้แลกเปลี่ยน.. อีกฝ่ายเป็นคนมีตำแหน่งซะด้วย อา.. ยุ่งยากชะมัด
ผมยิงสกัดและสังหารไปหลายคน มองจนเห็นว่าพวกไรย์ขับรถออกไปได้สำเร็จแล้วดูปลอดภัยดีก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ให้ตายสิ..
ผมคงชอบพวกเขามากจริงๆ ถึงจะกับสก็อตจะรู้สึกแบบพี่น้องซะมากกว่าก็เถอะ..
"อึก.." ร่างกายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมานานของผมจู่ๆก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของลูกกระสุนปืนอีกครั้ง แถมเป็นลูกกระสุนจากปืนสไนเปอร์เช่นเดียวกันกับที่ผมถือ ซึ่งมันย่อมมีอนุภาคที่ร้ายแรง ผมกัดฟันหน่อยๆ สักพักความรู้สึกชาที่เคยรู้สึกบ่อยๆก็กลับมา..
...ถ้าไม่ดึงลูกกระสุนออกก็ขยับไม่ค่อยถนัดแฮะ... มันไม่สมานถ้าไม่ดึงออกไป.. แต่ถ้ามัวแต่ดึงมีหวังคงได้ตัวพรุนไปด้วยกระสุน คิดได้ดังนั้นผมก็ระดมยิงอีกฝ่ายจนตายเรียบไปแน่นอนว่าไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว แต่ตัวของผมเองก็โดนลูกกระสุนจากกระบอกปืนฝ่ายตรงข้ามไปถึงสองสามนัดเลยล่ะ อา..
...ถึงพวกไรย์จะดูปลอดภัยแต่อาจได้รับบาดเจ็บ... ผมเม้มปากเมื่อคิดถึงส่วนนี้ก่อนจะตรวจตราหาศัตรู คราวนี้เองผมก็ทำพลาดไปด้วยเนื่องจากได้รับภารกิจค่อนข้างซ้อนกัน.. เอาจริงๆวันนี้ผมต้องไปทำภารกิจเดี่ยวที่ท่านผู้นั้นสั่ง.. แต่พอทำเสร็จแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงแปลกๆจึงรีบมานี่แหละ เฮ้อ
...หวังว่าจะปลอดภัยดี... ผมโทรหาเบอร์เบิ้นหรืออามุโร่ซังทันทีเมื่อตรวจไม่พบศัตรู ไอ้ตอนมาก็ให้ยินมาส่งใกล้ๆน่ะซิเลยไม่มีรถกลับซะด้วย อย่างน้อยควรให้คนเจ็บอย่างผมได้นั่งรถกลับหน่อยนะ
"โมชิ โมชิ..เบอร์เบิ้น" ผมพูดฮัลโหลอีกฝ่ายพลางเช็ดกระบอกปืนสไนเปอร์แล้วเก็บมันลงในกระเป๋าอย่างดี
"อ่า.. มารับผมหน่อยครับ ผมอยู่ที่..." ผมพูดกับเบอร์เบิ้นอย่างสุภาพพลางจัดชุดให้ดีๆ เลือดผมไม่ค่อยไหล.. อา.. ก็ไหลเยอะอยู่ คงเป็นเพราะอีกฝ่ายใช้กระสุนแล้วไม่ได้ดึงกระสุนออกนี่แหละ เข้าไปลึกซะด้วย ใช้ที่คีบกระสุนออกล่ะกัน มีเรื่องเจ็บตัวแล้วสินะ ดีที่ใส่ชุดดำ.. เพราะงี้ถึงได้ชอบสีดำยังไงล่ะ
"ครับ ขอบคุณครับเบอร์เบิ้น" ผมพูดพร้อมรอยยิ้มถึงแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็นก็เถอะ ก่อนจะกระโดดลงมาจากต้นไม้โดยมีขาที่โดนกิ่งไม้เกี่ยวเป็นรอยยาวแต่ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวแผลก็หายไป.. ช่างแตกต่างจากแผลที่ได้รับมาจากการถูกยิงโดยสิ้นเชิงที่ยังคงไม่สามารถสมานตัวได้เพราะลูกกระสุนที่ค้างคาเอาไว้ลึกอยู่ภายในร่างกายของผม
รอเพียงไม่นานนัก รถของอามุโร่ซังก็มาถึงอย่างกับเฝ้ารอมารับผมอยู่ใกล้ๆงั้นแหละ.. แต่มองรอยถลอกตามรถแล้วคงซิ่งมามากแน่ๆ
ฝีมือขับรถของอามุโร่ซังจะช่วยคนหรือฆ่าคนกันนะ.. ผมล่ะคิดมานานแล้วจริงๆ
"คุณบาดเจ็บนี่.." อีกฝ่ายดูตกใจพร้อมกับรีบลงมาจากรถ "..คุณถูกยิง"
สีหน้าอีกฝ่ายแสดงออกว่าเป็นห่วงชัดเจนแล้วหยิบเครื่องมือปฐมพยาบาลออกมา อามุโร่ซังจะแปลกใจหรือตกใจก็ไม่แปลกเพราะผมพึ่งเคยบาดเจ็บให้เขาเห็นเป็นครั้งแรกนับจากทำงานร่วมกันมานี่หน่า
...คนแผลหายเร็วมันก็หาแผลยากหน่อยน่ะนะ... มัวบ่นในใจอยู่นานรู้ตัวอีกทีก็ตัวลอยเข้าไปในรถพร้อมกับอีกฝ่ายที่เริ่มต้นทำแผลให้ผมซะแล้ว
"ทนเจ็บหน่อยนะ แอ๊บแซ็งธ์.." เสียงอ่อนโยนจังแฮะ นอกจากไดก็คงเป็นอามุโร่ซังนี่แหละที่ใจดีมากๆเลย...
...เอาซะผมหลงจนหวงเลยล่ะ...
"อ่ะ..อ..อื้อ.." ผมที่ทนไหวแต่ก็แกล้งร้องไปอย่างเจ็บๆระหว่างที่อามุโร่ซังทำแผล แต่เอ๊ะ.. ไหงหน้าแดงล่ะอามุโร่ซัง ฮ่ะๆ
...น่ารักจังเลย... ลักขโมยอามุโร่ซังไปได้ไหมนะ?
"แช๊ะ" ผมถ่ายรูปหน้าอามุโร่ซังที่หน้าแดงก่ำไว้ ให้ตายสิ น่ารักที่สุดเลย อามุโร่ซังที่รู้ตัวว่าโดนถ่ายรูปเอาไว้ก็ทำหน้าตกใจทำท่าจะมาแย่งโทรศัพท์ผมไปเพื่อลบรูปทิ้ง แต่ตัวผมเองก็แกล้งร้องแกล้งเจ็บจนอามุโร่ซังเปลี่ยนใจกลับมารีบทำแผลให้ผมอย่างร้อนรนแต่เบามือต่อ
...แกล้งอามุโร่ซังสนุกที่สุดเลย...
"นี่ครับ แอ๊บแซ็งธ์" อามุโร่ซังยิ้มให้ผมพร้อมกับหยิบเอาชุดในลิ้นชักมายื่นให้ผม "อา.. ตัวใหญ่ไปหน่อย ขอโทษนะครับ" ผมรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ความผิดอามุโร่ซังซะหน่อย ให้ตายสิ โคตรน่ารักเลย!
และเมื่ออามุโร่ซังยื่นชุดมาให้ผมแบบนี้แน่นอนว่าผมย่อมไม่ทำให้อามุโร่ซังเสียน้ำใจรีบเปลี่ยนชุดแทบทันที ก็แหม่.. กลิ่นเลือดขนาดนี้อามุโร่ซังอาจไม่ชอบนี่หน่า..
ขนาดตอนผมเด็กๆ ผมยังไม่ชอบมันเลย
----------------------------------------------------------------
Talk's Amuro
ผมชื่อว่า 'ฟุรุยะ เรย์' ผมได้รับหน้าที่ในฐานะตำรวจสันติบาลให้แฝงตัวเข้าไปในองค์กรหนึ่ง เป็นองค์กรที่มีเอกลักษณ์เป็นสีดำ ทุกคนในเวลาทำงานมักสวมใส่ชุดสีดำสนิทเหมือนเหล่าอีกา
นับจากที่ผมแฝงตัวหรือดำเข้าไปในองค์กรยาวนาน ผมก็ได้รับโค๊ดเนม
'เบอร์เบิ้น' นั่นคือโค๊ดเนมของผม
นอกจากผมที่เป็นตำรวจสันติบาลที่ได้รับคำสั่งให้แฝงตัวเข้าไปแล้วผมยังมีเพื่อนร่วมอาชีพอีกคน หมอนั้นคือ 'โมโรฟุชิ ฮิโรมิสึ' หมอนั้นเองก็ได้ดำดิ่งลงไปในองค์กรจนได้รับความไว้วางใจและตำแหน่งระดับสูงเหมือนกับผมพร้อมกับโค๊ดเนมว่า 'สก็อต'
ผมกับฮิโรมิสึมักได้ทำภารกิจในองค์กรร่วมกันซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับผม จนวันหนึ่งผมก็ได้รับสมาชิกร่วมทีมเพิ่มขึ้น เขาเป็นคนๆหนึ่งที่เข้าร่วมองค์กรมาไม่นานนักก็ได้รับตำแหน่งสูงเช่นเดียวกับผม 'โมโรโบชิ ได' หรือโค๊ดเนมของหมอนั้น 'ไรย์'
เป็นคนฝีมือดีจริงๆ
แล้วหลังจากนั้นทีมของเราก็ได้รับสมาชิกร่วมทีมเพิ่มอีกคนหนึ่ง...
'แอ๊บแซ็งธ์' หรือ 'เทนชิ รินะ' แล้วดูเหมือนเขาจะได้รับหน้าที่ให้จับตาดูไรย์ซะด้วย ทางองค์กรคงกำลังสงสัยไรย์ หวังว่าหมอนั้นจะปลอดภัย.. เพราะจากที่สืบยินชอบกำจัดหนูทิ้งแทบทันทีแม้ไม่มีหลักฐาน
พวกเราทั้งสี่คนเข้ากันได้ดี มีไรย์ที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่และรินะที่เปรียบเหมือนน้องเล็ก..
...แม้ผมไม่อยากได้เขาเป็นน้องก็ตาม...
ผมไม่มั่นใจ แต่ผมมั่นใจว่าผมชอบเขา.. ผมไม่ได้เกลียดเขาแน่ๆ "ผมว่าแอ๊บแซ็งธ์ทำหน้าที่นั้นก็ดีแล้วนะครับ" จริงๆตอนแรกผมก็ขัดที่จะให้คนที่ยังเป็นเด็กอย่างแอ๊บแซ็งธ์ไปทำหน้าที่ลอบสังหาร เอาจริงๆเขาก็ไม่เด็กแล้ว..
...แต่ผมแค่ไม่อยากให้มือเขาเปื้อนเลือดล่ะมั้ง...
"ทุกทีพอฉันขอตัวเธอมาเป็นคนขับรถให้ฉันเวลากลุ่มเธอมีงานก็ชอบทำท่าจะฆ่าฉันตลอดเลยนี่" เบลม็อทพูดพร้อมจุดไฟขึ้นมาสูบบุหรี่ ผมยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรก่อนสีหน้าจะจริงจังขึ้นเมื่อพูดประโยคถัดไป
"เธอหยุดสูบบ้างได้ไหมเบลม็อท พอดีแอ๊บแซ็งธ์ไม่ชอบบุหรี่น่ะ" ผมพูดไปพลางขับรถ
"แหม่ พวกเธอนี่หน่า ถ้าแอ๊บแซ็งธ์เป็นผู้หญิง ฉันคงนึกว่าเธอตกหลุมรักไปแล้วแน่ๆ หรือเธอจะชอบผู้ชายกันนะเบอร์เบิ้น" น้ำเสียงยียวนที่ผมได้ยินบ่อยครั้งเวลาถูกสั่งให้มาขับรถให้เธอ แต่ผมมักจะไม่ชอบใจเป็นพิเศษถ้างานนั้นแอ๊บแซ็งธ์เข้าร่วมด้วยแล้วผมไม่ได้ไป...
...ไม่ใช่อะไรหรอก มันอันตรายผมเป็นห่วงก็เท่านั้นเอง...
"ผมว่าคุณอย่ามาสนใจเรื่องของผมเลยเบลม็อท" ผมพูดกับเธอก่อนจะขับรถเร็วขึ้นให้ถึงที่หมายไวๆเพราะผมรำคาญเสียงยียวนของเธอเอาซะมากๆ "ถึงแล้วล่ะครับ"
"แหม่ ไล่จังนะ ถ้าเป็นแอ๊บแซ็งธ์เธอคงขับรถช้าเอาซะมากๆ" ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรเธอไปเพราะโทรศัพท์มีสายเรียกเข้ามาโดยขึ้นชื่อและเบอร์คนที่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมอยากจะปกป้องเขา
'เทนชิ รินะ'
...แอ๊บแซ็งธ์... ผมยกยิ้มขึ้นมาพลางกดรับสายแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นแนบหูโดยมีเบลม็อทที่ยอมให้ความร่วมมือเงียบลงสักที
"สวัสดีครับ แอ๊บแซ็งธ์" ผมตอบรับคำทักทายของเขาพลางเหลือบมองเบลม็อทหน่อยๆก่อนส่งสายตาให้เบลม็อทลงไปได้แล้วเมื่อแอ๊บแซ็งธ์บอกให้ผมไปรับ
"ได้ครับ" ผมพูดพร้อมยกยิ้ม เบลม็อทในตอนนี้ลงไปจากรถสักที ผมรีบออกตัวขับรถไปหาอีกฝ่ายทันทีเพื่อไม่ให้รอนาน อ่า.. จะว่าไปวันนี้รินะมีภารกิจเดี่ยวที่บอสองค์กรชุดดำสั่งนี่
...หวังว่าจะไม่บาดเจ็บนะ แต่... นั่นมันสถานที่ที่พวกสก็อตไปทำการแลกเปลี่ยนของไม่ใช่หรือ
อ่า.. มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือครั้งแรกที่บอสขององค์กรสั่งงานแอ๊บแซ็งธ์แยกแล้วถ้าเขาทำตามคำสั่งเสร็จเร็วก็มักจะไปตามช่วยงานของพวกไรย์..
แต่ทุกทีก็กลับด้วยกัน แต่คราวนี้กลับเรียกผมไปรับ ...แปลก...
รึว่า!!!? ผมตาโตขึ้นก่อนจะขับรถเร็วขึ้นมากๆด้วยสกิลที่ผมฝึกมาจึงสามารถไปถึงที่หมายได้โดยที่ตัวผมเองยังมีอวัยวะอยู่ครบ32.. แต่ดูเหมือนรถจะเป็นรอยนิดหน่อย ช่างมันเถอะ
...แอ๊บแซ็งธ์สำคัญกว่านี่หน่า...
เมื่อถึงที่หมายผมก็เห็นร่างในชุดสีดำสนิทตามประสาเอกลักษณ์ขององค์กร แต่ด้วยความเป็นนักสังเกตการณ์ที่ดีของผมจึงสามารถมองเห็นรอยเลือดตามตัวอีกฝ่ายที่ชุดสีดำมีความสามารถในการกลบเกลื่อนได้
"คุณบาดเจ็บนี่.." ผมรีบลงมาจากรถทันทีแล้วเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วด้วยร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก "..คุณถูกยิง"
ผมหยิบกล่องปฐมพยาบาลฉุกเฉินออกมา ดีที่ผมมักพกมันติดรถเอาไว้เสมอ ไม่คิดจริงๆว่าวันนี้ผมจะต้องเอามาใช้..
...เห็นแผลของเด็กคนนี้แล้ว ผมเจ็บชะมัดเลย... ผมอุ้มเขาจนตัวลอยมานั่งในรถเพื่อทำแผลโดยไม่สนใจว่าเลือดอีกฝ่ายจะเปื้อนรถผมไหม
...ถึงเบาะรถจะล้างยาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่าเด็กคนนี้หรอก... ชีวิตของคนสำคัญที่สุด แต่ทั้งๆที่เด็กคนนี้เป็นคนขององค์กรแท้ๆ
"ทนเจ็บหน่อยนะ แอ๊บแซ็งธ์.." ถ้าปล่อยให้ตายไปอาจจะดีซะกว่า.. แต่แค่เห็นเด็กคนนี้เจ็บก็รู้สึกแย่ขนาดนี้.. ถ้าเด็กนี้ตาย.. ผมไม่บ้าตายตามเลยหรือไงกันนะ
...ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็คงจะปกป้องไปเรื่อยๆ..ตลอดไป...
ผมหาวิธีให้เด็กคนนี้ออกจากองค์กรดีไหมนะ ผมไม่อยากเห็นเขาบาดเจ็บเลย.. พาเขาออกมาแล้วลบตัวตนเขาทิ้งเพื่อให้เขาปลอดภัยจากพวกชุดดำ
แต่.. คงได้เพียงแค่คิดเรื่องนี้ซ้ำๆ เบื้องบนไม่อนุญาตหรอก.. ยิ่งแอ๊บแซ็งธ์เป็นคนได้รับโค๊ดเนมขององค์กรแล้วด้วย ผมพยายามทำแผลให้อีกฝ่ายอย่างเบามือมากที่สุดอย่างไม่คิดมาก่อนว่าผมจะเบามือได้ขนาดนี้
"อ่ะ..อ..อื้อ.." แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ดูจะเจ็บอยู่ดี.. ตะ..แต่..ทำไมเสียงมัน...
...อ่า ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเลย รู้สึกหวงขึ้นมา... รึผมจะชอบผู้ชายอย่างที่เบลม็อทว่านะ ผมจ้องมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ผมคิดว่าตัวเองคงหน้าแดงแน่ๆ
สีผิวดูเหมือนไม่ช่วยกลบอะไรผมได้เลยในตอนนี้..
"แช๊ะ" อ๊ะ..ผมยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่เมื่ออยู่ๆแอ๊บแซ็งธ์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผม.. ผมจะลุกไปแย่งโทรศัพท์คืนอีกฝ่ายก็ร้องแล้วดูท่าจะเจ็บมากจนผมตกใจแล้วรีบกลับมารักษาให้อีกฝ่ายต่อจนเสร็จ
...ทำไมเหมือนผมโดนเด็กแกล้งเลยนะ... ผมครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่เมื่อทำแผลให้อีกฝ่ายเสร็จแล้ว เอาจริงๆต้องเรียกว่าแค่ดึงลูกกระสุนออกแล้วสักพักแผลอีกฝ่ายก็สมานแล้ว
...แปลก... แต่..พอผมมองหน้าของแอ๊บแซ็งธ์ที่มีตัวเลขอยู่บนใบหน้าแล้ว ผมก็ถามมันต่อไม่ลง.. ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมคิดจะเป็นเรื่องจริง
ถ้าเป็นเรื่องจริง.. แอ๊บแซ็งธ์ก็เป็นเด็กที่น่าสงสารเอามากๆ
"นี่ครับ แอ๊บแซ็งธ์" ผมหยิบเอาเสื้อสำรองของผมมายื่นให้แอ๊บแซ็งธ์ใส่ก่อนเนื่องจากเสื้อผ้าของแอ๊บแซ็งธ์ที่ขาดวิ่นเป็นรอย ตัวเก่าเห็นหน้าอกแว่บๆ.. ไม่อยากให้คนอื่นเห็น "อา.. ตัวใหญ่ไปหน่อย ขอโทษนะครับ"
ผมเห็นเขาส่ายหัวดุกดิกไปมาดูน่าเอ็นดูจนผมแอบขำเบาๆ
อ่า.. เหมือนผมจะคิดผิดแฮะ แอ๊บแซ็งธ์.. คุณจะมาถอดให้ผมเห็นแบบนี้ไม่ได้นะครับ..
ส่วนเสื้อนี่มัน.. ปิดแทบไม่มิดเลยนี่หน่า.. สุดท้ายแล้วผมก็ถอดเสื้อนอกตัวเองที่ใส่อยู่มาคลุมให้อีกฝ่ายอีกชั้นหนึ่ง ดูเหมือนคราวหลังผมควรหาชุดสำรองขนาดไซซ์ของแอ๊บแซ็งธ์มาบ้างซะแล้ว...
----------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

..สกิลขับรถนายมันน่ากลัวเบอร์เบิ้น..