ตอนที่ 23 : Story : XXII ก้าวกับอากาศร้อน
Talk's Tenchirina
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นไม่นานผมก็ได้พบกับคนที่ผมคาดว่าเขาเป็นเชอร์รี่วัยเยาว์.. ยังมีชีวิตอยู่ ตอนแรกผมค่อนข้างเชื่อตามที่อามุโร่ซังบอกว่าเขาเห็นเชอร์รี่โดนระเบิดตายไปต่อหน้าต่อตา..
หรืออามุโร่ซังจะโกหกเพื่อช่วยตัวเชอร์รี่กันนะ?.. หรือจะเป็นผมที่เข้าใจผิดไปเองว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือเชอร์รี่ที่กินยาเข้าไป..
...แต่จากการวิเคราะห์และถ้าจำเนื้อเรื่องไม่ผิดยังไงนั่นก็เป็นเชอร์รี่นี่หน่า... เอาเถอะ..
ก็คงเหมือนกับเรื่องของชูซัง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนักในเมื่อฝั่งนั้นมีคนที่เป็นมันสมองคือชินอิจิตัวกระเปี๊ยกที่ถูกเปรียบเปรยดั่งโฮมส์ซึ่งสามารถวางแผนไปยันอนาคตแบบนั้น
...ตัวอันตรายที่ควรกำจัดทิ้งเป็นคนแรก... แต่ถึงอย่างนั้นในเมื่อไม่มีคำสั่งและตัวผมเองก็ใช่ว่าจะภักดีกับองค์กรขนาดนั้นจึงยังนิ่งเฉย
บางทีแม้ตัวผมจะยังอยู่ในองค์กรแต่ก็ต้องแอบยอมรับว่าผมเข้าข้างพวกเขามากกว่า.. ไม่ใช่ชินอิจิตัวกระเปี๊ยก แต่เป็นทางเดินของชูซังหรืออามุโร่ซัง ในเมื่อชินอิจิเปรียบเสมือนหมากที่ดีซึ่งจะทำให้พวกเขาปลอดภัยหรือได้รับชัยชนะผมย่อมยังไม่ทำลายเขาทิ้งไป.. แม้โอกาสจะมีค่อนข้างมากเลยทีเดียว
...อย่างเช่นการจับตัวรันที่เป็นคนสำคัญนักสำคัญหนาของชินอิจิเพื่อแลกกับชีวิตเขาก็ย่อมได้... ผมไม่ใช่พวกคนดีที่เลือกวิธีการ แต่ผมเป็นคนที่สนใจเพียงผลลัพธ์
...จะว่าไป... เหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมยอมหลับตาข้างหนึ่งเพื่อช่วยปกปิดเรื่องของเขาและเชอร์รี่ที่เป็นเด็กเอาไว้คงเป็นเพราะว่า.. แผนการที่เขาวางเอาไว้เพื่อช่วยชูซัง
...ถือเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆสำหรับคนเลวอย่างผมที่มอบให้... ผมในตอนนี้กำลังชงกาแฟเล่นอยู่โดยมีหนูทดลองคือชูซังเวอร์ชั่นหนุ่มที่ดูจะอ่อนโยนขึ้นจากเดิมหลายส่วนของสึบารุ..
...แต่ผมก็ชอบเขาแบบที่เป็นเขาแต่แรกมากกว่า... แต่ชูซังก็คือชูซัง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็คือแสงสว่างที่ผมหลงใหล.. ฮ่ะๆ
พูดแบบนี้ไม่สมกับความมืดอย่างผมจริงๆนั่นแหละ เป็นความมืดที่ถูกแสงสว่างโอบอุ้มจนหลงลืมตัวไป
หลังจากเกิดเรื่องขึ้นผมก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าชูซังคงเข้าไปช่วยเชอร์รี่โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของมาซามิ
...ก็ชูซังรักมาซามินี่หน่า... และอีกเหตุผลที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นคงไม่พ้นการที่อามุโร่ซังจู่ๆก็กลับมาขอตรวจสอบการตายของชูซังอีกครั้งทั้งๆที่ตอนแรกเมื่อสังเกตปฎิกิริยาของเหล่าคนรอบตัวชูซังก็ใกล้จะขอหยุดเรื่องนี้แล้ว..
...การช่วยผู้หญิงคนนั้นของนายทำให้นายเดือดร้อนนะ... เหมือนกับที่ผู้หญิงคนนั้นช่วยคนอื่นจนอามุโร่ซังรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ..
...แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็... เพื่อช่วยชีวิตของคนที่เป็นน้องสาวคนที่นายรัก นายก็คงยังทำมันสินะ.. เอาเถอะ ฝั่งนู่นมีโฮมส์นี่..
ชูซังที่กินกาแฟฝีมือผมเข้าไปครู่หนึ่งเขามีสีหน้าบ่งบอกว่ารสชาติมันคงไม่ได้เรื่องตามประสาผมที่กินอะไรพวกนี้ไม่ได้จึงทำมันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก..
...ครั้งล่าสุดที่ผมยังกินมันได้ก็ตอนที่ผมยังเด็กๆ... ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะที่เด็กจะกินมัน จึงไม่แปลกที่ผมไม่เคยรู้รสชาติของสิ่งที่เรียกว่ากาแฟหรืออาหารหลายๆอย่างเลยแม้แต่น้อย..
...แต่ผมก็แค่อยากลองทำมันดู... เป็นความรู้สึกที่อยากทำอาหารหรือกาแฟให้คนที่ผมมองว่าสำคัญ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดแต่ในเมื่อมันไม่ได้ก่ออันตรายอะไรขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ผมจึงไม่ได้ปฎิเสธความต้องการกระทำของตัวเองไปแม้แต่น้อย
ถึงชูซังจะมีสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ชอบใจในตัวกาแฟนั้นมากแค่ไหน แต่เมื่อพอผมจะเอากาแฟคืนเพราะพอคาดเดาได้ถึงรสชาติของมัน ชูซังก็ไม่ยอมแล้วฝืนกินมันไปจนหมด เขาพูดคล้ายชมออกมาแต่ก็มีติเล็กน้อยว่าควรปรับปรุงรสชาติไม่ให้อะไรมากไปบ้าง..
แน่นอนว่าคำแนะนำสำหรับเขาที่มีฝีมือการทำอาหารไม่ได้เรื่องไม่ต่างกับผมย่อมไม่ช่วยอะไรมาก แต่ก็อาจจะดีกว่าให้ผมลองเดาแล้วทำเอาเองทั้งที่แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าเกลือมันมีรสชาติอย่างไร
ให้ชิมตอนนี้มันก็เป็นเพียงความรู้สึกขยะแขยงที่นำมาก่อนอะไรจนร่างกายทนไม่ไหวแล้วอ้วกมันออกมาอีกเช่นเคย
...แต่ตอนที่กินมันผ่านปากของอามุโร่ซังก็ไม่แย่แฮะ... จริงด้วยสิ.. ผมขยับไปจุ๊บปากชูซังเบาๆท่ามกลางสีหน้าตกใจปนอึ้งๆของเขา
...รสชาติแย่จริงด้วย... แต่นายก็ยังฝืนกินจนหมด
เพราะพวกนายเป็นอย่างนี้ยังไงล่ะ.. ผมถึงได้หวงนักหวงหนา
...คิดถึงวันที่ต้องสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียวก็อยากจะเป็นบ้าขึ้นมาเลยล่ะ...
ภายหลังจากนั้นไม่นานนัก โซโนโกะก็มาชวนผมไปยังบ้านพักตากอากาศของตัวเองที่มีสนามเทนนิสที่สามารถเล่นได้ตลอดเวลาโดยมีเหตุผลที่ว่าเพื่อชดใช้เรื่องบนขบวนรถไฟด่วนเบลทรีที่ต้องหยุดการทำงานชั่วคราวและเกิดเหตุบางอย่างขึ้นจนทำให้เสียอรรถรส..
...เป็นผมที่ควรขอโทษเสียมากกว่า... แต่ถึงไม่ใช่เพราะผมกับพรรคพวกต้องไปล่าเชอร์รี่แล้วล่ะก็สุดท้ายในเมื่อขบวนรถไฟด่วนเบลทรีนั้นมีเจ้าหนูยมฑูตชินอิจิเวอร์ชั่นตัวกระเปี๊ยกอยู่ด้วยแล้วยังไงก็คงต้องเกิดเหตุการณ์พรรณ์นี้ขึ้น
"ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่อีกนะครับเนี่ย" เสียงของเจ้าหนูชินอิจิตัวกระเปี๊ยกพูดขึ้นโดยเขานั่งอยู่บนตักของรันส่วนผมนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับอย่างโคโกโร่ที่โดนยิงยาสลบไปหลายร้อยเข็มแต่ก็ยังไม่รู้ตัวสักที
"หนอยเจ้าเด็กบ้าพูดอะไรของแกเนี่ย" แล้วก็ได้รับกำปั้นลูกใหญ่จากมือของโซโนโกะไปจนหัวโนหน่อยๆ
...พอภาพเป็นลายเส้นแบบนี้แล้วก็ดูมีอรรถรสสนุกดีแฮะ...
แต่ภาพชูซังหรืออามุโร่ซัง.. ให้ตายสิ ทำไมภาพของทั้งสองคนนั้นทั้งๆที่เป็นลายเส้นเหมือนกันแต่กลับยั่วขนาดนั้นนะ..
"อะ..โอ้ย เจ็บนะครับพี่โซโนโกะ" รันเองก็ดูจะปลอบเจ้าหนูชินอิจิต่อคลับคล้ายสิ่งที่เรียกว่าพี่ดุกับพี่แทคเบาๆ..
...ก็เคยได้ยินมาบ้าง... แต่ไม่เคยได้ร่ำเรียนอะไรแบบนั้นหรอก.. ส่วนมากความรู้ก็มีเท่าที่ศึกษาเพิ่มเติมตามระยะเวลาที่ว่างงานกับสิ่งที่องค์กรในอดีตเคยยัดเยียดมาให้
"อ่า.. ไม่ต้องแปลกใจหรอก" ผมเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างที่มักทำเป็นประจำเวลานั่งอยู่บนรถ แต่ก็มีความระมัดระวังในตัวเองชนิดที่ว่าถ้าเจ้าหนูชินอิจิยิงยาสลบมาล่ะก็ยังไงผมก็หลบทันแน่ๆ
...นักฆ่าอย่างผมจะให้มาตกม้าตายเพียงเพราะโดนเด็กมอปลายยิงยาสลบใส่เข็มเดียวเหมือนตาลุงแถวนี้มันก็กระไรอยู่นะ...
"เราคงจะได้เจอกันอีกนานเลยล่ะ โค-นัน-คุง" ผมพูดพร้อมยกยิ้มหน่อยๆโดยมีเสียงโซโนโกะที่กลืนน้ำลายเสียงดังประกอบฉากหน่อยๆทำให้เจ้าหนูชินอิจิหันมองอย่างสงสัยและสายตาผมมาทางผมด้วยสายตาที่จริงจังขึ้น
...ถามว่าผมรู้ได้ไงน่ะหรือ?... ถ้าพวกคุณเชื่อคนง่าย ผมก็ขอตอบว่าญาณทิพย์..
...ถ้าตอบแบบคนฉลาดหน่อยก็มองภาพกระจกที่ฉายสีหน้าของเจ้าเด็กนั่นออกมาโดยผมไม่ต้องแม้แต่หันไปมองเจ้าหนูนั่นยังไงล่ะ...
"จริงๆแล้วไม่เห็นต้องชดเชยให้เราเลยนะโซโนโกะ" รันพูดขึ้นมาบ้างหลังจากบรรยากาศเงียบลงไปพักหนึ่งโดยมีชินอิจิจ้องมองผมตลอดทางดุจว่าเปลี่ยนใจมารักผมแทนซะแล้ว
...เป็นผู้ชายให้คิดแบบนี้ก็น่าขนลุกหน่อยๆ...
แต่ไหงมันไม่ยักเกิดกับชูซังและอามุโร่ซังกันนะ.. เป็นเรื่องที่ยากจะได้คำตอบ นี่.. เจ้าหนูโฮมส์ตัวกระเปี๊ยกนี่จะสามารถตอบคำถามนี้ของผมได้หรือเปล่านะ?
เป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อยที่ผมจะเอาความลับขององค์กรสักเรื่องหนึ่งมาแลกกับคำตอบข้อนี้กับปากของโฮมส์ผู้ชาญฉลาดอย่างเจ้าหนูนี้...
แต่มันก็ไม่ต่างกับการเผยจุดอ่อนของตัวเองให้คนที่เปรียบเสมือนศัตรูอย่างหมอนั้นรู้สักเท่าไหร่
"ฮึๆ.. นั่นน่ะเป็นแค่ผลพลอยได้" โซโนโกะพูดตอบรันขึ้นมา "แต่อันที่จริงเราจะไปฝึกเล่นเทนนิสกันต่างหากล่ะ.."
...ไม่อยากจะยอมรับอีกครั้ง... เห็นแบบนี้ผมก็เล่นสิ่งที่เรียกว่าเทนนิสไม่เป็นหรอกนะ.. เหตุผลน่ะเหรอ? ไม่เห็นต้องถาม
...ผมเป็นอดีตนักฆ่าอิสระไม่ใช่นักกีฬา...
"ฝึกเล่นเทนนิสงั้นหรือ มีการแข่งอะไรอย่างนั้นหรือ?" ผมคาดเดาว่าสีหน้าของรันคงติดฉงนน่าดูสังเกตได้จากน้ำเสียงที่ฉายความแปลกใจหรือสงสัยเล็กๆ
"ฮึๆ สำหรับฉันมันสำคัญยิ่งกว่าการแข่งสักอีกนะ.." เสียงหัวเราะของโซโนโกะเป็นอะไรที่ผมเริ่มเกลียดชัง..
...จะว่าไปตอนนั้นถึงแม้เพียงเฉียดๆแต่ผมก็มั่นใจว่ายิงโดนขาเชอร์รี่ไปแน่ๆ... แต่มองไปยังตัวเด็กสาวคนนั้นกลับไม่พบร่องรอยที่ว่านั่นแม้แต่นิดเดียว
ผมว่านี่คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ้าหนูน่าจะไม่คาดเดาเอาไว้แน่ เพราะงั้นมันคงไม่ใช่เลือดปลอมหรือเลือดคนอื่นที่ติดเอาไว้.. เป็นไปได้ว่าคนที่ปลอมตัวเป็นเชอร์รี่ตอนนั้นจะเป็นคนอื่นซะมากกว่า..
...คนที่ปลอมตัวเป็นคนอื่นได้ในเรื่องนี้หลักๆแล้วมีไม่กี่คน...
'ขบวนรถไฟนี้ออกเดินทางเพื่อทดสอบก่อนการจัดแสดงอัญมณีน่ะ' ประโยคพูดของโซโนโกะที่ผมเคยถามเล่นๆเพื่อเอาเป็นข้อมูล ณ ตอนหลังจากช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้นวนรูทดังขึ้นมาในหัว
...อาจเป็นคิดที่มาดูลาดราวของขบวนรถไฟด่วนเบลทรีที่เขาต้องลงมือโจรกรรม... อืม.. น่าสนุกดีนี่หน่า มายุ่งเรื่องของคนอื่นแบบนี้ก็น่าโดนสั่งสอนสักหน่อย ถึงจะใช้ปืนยิงไปแล้วบ้างก็เถอะ
...ผมจะรอเล่นกับนายล่ะกัน พ่อจอมโจรรัตติกาลสีขาว...
ไม่นานนักรถที่โคโกโร่ขับก็มาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ส่วนเรื่องของโซโนโกะที่ชวนพวกเรามาที่นี้แล้วมีผลพลอยได้จากที่ผมจับใจความแล้วก็เกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ผู้ชายคนหนึ่งเขาชวนเธอไปเล่นเทนนิส ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อว่าเคียวโกขุ..
แล้วด้วยความที่โซโนโกะเป็นสมาชิกชมรมเทนนิสจึงจะไปเล่นกับผู้ชายที่ว่าคนนั้นอย่างอ่อนๆไม่ได้..
...คลับคล้ายเรื่องของศักดิ์ศรี?... หรือการไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้คนที่เรารักเห็น..
...ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก... หรือผมอาจจะเข้าใจมันอย่างดีแต่กลับหลงลืมเรื่องพรรณ์นั้นไปหมดแล้วก็ได้
...เรื่องของเธอคนนั้นก็ตายไปแล้ว... ผมเองก็ควรหยุดคิดถึงเธอด้วยเช่นกัน
แสงสว่างที่ผมสูญเสียไปอย่างที่ไม่มีวันได้กลับมา.. เพราะอย่างนั้นแสงสว่างที่ยังอยู่กับผมอย่างเขาทั้งสองคน ผมจึงหวงนักหวงหนาแล้วแทบพร้อมจะกักขังเอาไว้เพียงเพราะอยากให้เขาเป็นของผม
แต่พอคิดถึงรอยยิ้มเหล่านั้นแล้วก็หยุดความคิดที่บิดเบี้ยวต่างๆของผมลงได้อย่างง่ายดาย
...แสงสว่างมักทำให้ความมืดไม่เป็นตัวของตัวเองได้อยู่เสมอ...
นี่สินะ.. โค๊ชพิเศษที่โคโกโร่ว่า.. ผมกอดอกขณะมองไปยังร่างของชายหนุ่มผิวสีคนหนึ่งที่ตีเทนนิสอย่างชำนาญ..
...ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าชูซังหรืออามุโร่ซังดูเป็นคนที่เฟอร์เฟ็คไปเกือบทุกอย่าง...
...อามุโร่ซังเองก็ดูมีเสน่ห์จริงๆ...
"สุดยอดไปเลยคุณอามุโร่" รันกับโซโนโกะพูดอะไรสักอย่างที่ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ.. น่าจะเป็นชื่อของคนๆหนึ่งด้วยล่ะนะ.. แล้วก็ตบมือแปะๆ
"ผมไม่ได้เล่นมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วล่ะครับ.. อายจัง" อามุโร่ซังพูดพร้อมยิ้มๆแล้วสายตาที่จ้องมองมาทางผมเป็นพิเศษ..
"เก่งมากเลยครับ อามุโร่ซัง" ผมพูดออกมาไม่ดังนักเนื่องด้วยสายตาของอามุโร่ซังที่จ้องมองมาทางผมคล้ายต้องการคำชมอย่างที่พวกรันพึ่งพูดไป
...เหมือนมีหูหางงอกออกมาเลย... น่ารักชะมัด.. อยากอุ้มไปเก็บไม่ให้ใครเห็นเลย ผมกอดอกตัวเองแน่นขึ้นอีกอย่างข่มใจ
"ตอนที่ฉันได้ยินมาว่านายเป็นแชมป์รุ่นจูเนียร์จากร้านปัวโรต์น่ะ ฉันตกใจไปเลย" โคโกโร่พูด มีเรื่องแบบนั้นด้วยเองสินะ..? อา.. คงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเข้าร่วมองค์กรนั่นแหละ ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่ค่อยรู้จัก ไม่สิ ยังไม่รู้จักอามุโร่ซังด้วยซ้ำ
"ครับ ผมบาดเจ็บที่ไหล่ขวา.. หลังจากนั้นก็เลยเสิร์ฟได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรน่ะครับ แต่ว่า.. ถ้าการสอนคงไม่เป็นไรหรอก" ผมมองเขาด้วยสายตาติดเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย.. พยายามไม่แสดงออกมาจนเกินไปให้คนที่ฉลาดเกินมนุษย์แถวนี้เห็น
"ผมเป็นแค่ไข้หวัดเท่านั้นแหละครับ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าผมจะกลับไปทำงานที่ร้านปัวโรต์ต่อ.." ผมนวดมือตัวเองเบาๆจนเกิดเสียงขึ้นมาเรียกสายตาจากคนที่ขยับเข้าไปใกล้รันมากเกินไปให้หันมามองผมอย่างง่ายดาย
...ไม่สบอารมณ์จริงๆ...
คนที่มุงดูอามุโร่ซังมากมายนี่ก็ด้วย.. ไม่สบอารมณ์จริงๆ
...อยากฆ่ามันทิ้งให้หมด... เหมือนผมจะปล่อยจิตสังหารมากไปหน่อยรันจึงมองแล้วยิ้มแห้งๆพร้อมกับเจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกที่ดูจะหวาดกลัวผมขึ้นมาในขณะที่อามุโร่ซังและโซโนโกะที่ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวช้าหรืออะไรก็ยังคงปรกติอยู่เช่นเคย..
โคโกโร่ก็ด้วย.. แต่ดีหน่อยที่พวกคนที่มุงดูอามุโร่ซังเหมือนจะรับรู้ถึงกระแสความไม่พอใจจากตัวผมได้จึงล่าถอยออกไปมากพอสมควรทำให้ความหงุดหงิดของผมลดลงไปได้บ้าง
...แต่ต้นเหตุที่ยังคงดูคุยแล้วยิ้มไปกับโซโนโกะเหมือนจะไม่รับรู้เลยแฮะ... เป็นภาพที่ทำให้ผมอารมณ์เริ่มขึ้นอย่างง่ายดาย
"อะ...เอ่อ..รินะ.. เป็นอะไรรึเปล่า.." รันพูดขึ้นพร้อมเหงื่อตกอาจด้วยเพราะอากาศที่ร้อน...
"แค่อากาศร้อนเลยไม่สบอารมณ์น่ะ" ผมตอบกลับไปด้วยอารมณ์ที่เย็นขึ้นทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นตามมา รันที่เห็นผมตอบอย่างนั้นพร้อมกระแสบรรยากาศรอบตัวผมที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจึงพยักหน้าแล้วกลับไปคุยกับเจ้าหนูชินอิจิตัวกระเปี๊ยกให้ออกไปจากตรงนี้เพราะว่าตรงนี้อันตรายอาจจะโดนลูกหลงเอา
"ที่อันตรายน่ะ.." เจ้าหนูกำลังจะพูดเหมือนว่าสิ่งที่อันตรายควรเป็นพวกผมซะมากกว่าแต่อามุโร่ซังก็พูดเสียงดังขึ้น
"ระวัง!.." อามุโร่ซังพูดขึ้นพร้อมกับตัวผมเองที่ร่างกายขยับหลบไปตามสัญชาติญาณที่ติดตัวมาเมื่อรับรู้ว่ามีอะไรเข้ามาใกล้ขึ้นมาด้วยความเร็วสูงที่คาดว่าเกิดจากการเหวี้ยง..
แต่ผลของมันทำให้ดูเหมือนการที่ผมหลบแล้วไม้เทนนิสอันนั้นจะไปโดนหัวโตๆของพ่อหนุ่มนักสืบมอปลายร่างเด็กประถมซะแทน..
...สมองฉลาดๆนั่นจะกระทบกระเทือนหรือเปล่า?... ไม่ได้แอบจิกกัดเพราะเกรดในชั้นเรียนไม่ดีหรอกนะ..
อีกอย่างถึงเกรดไม่ดี.. แต่อย่างน้อยก็ทำงานมีเงินเก็บไม่ต้องไปขอใครล่ะนะ.. ถึงไม่ใช่งานที่ดีก็เถอะ..
...เจ้าเด็กนั่นสลบไปซะแล้ว... อามุโร่ซังวิ่งเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วแล้วทำท่าจะอุ้ม แต่ผมไม่รู้อะไรดลใจอาจเพราะความหงุดหงิดแสงแดดที่จู่ๆก็เพิ่มขึ้นมาทำให้ฉวยแย่งร่างของเจ้าเด็กชอบวิ่งหาเรื่องนี้มาอยู่ในอ้อมอกตัวเองซะก่อน
...ไม่สบอารมณ์จริงๆ... ตัวของเจ้าชินอิจิเวอร์ชั่นเด็กกระเปี๊ยกถือว่าค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงมนุษย์ทดลองอย่างผมไปไกลสักเท่าไหร่
----------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หมั่นไส้อามุโร่ เชียร์โคนันค่ะ!!!! แต่ชินอิจิคู่กับรันนิ.....แต่โคนันไม่เกี่ยว(?) !!!! แปลว่าไม่ได้ดูถึงตอนนี้หรอ? หรือแค่จำไม่ได้ แต่รอตอนปะทะคิดอยู่น้าาาา (หวังว่าจะไม่สอยพี่คิดจากบนฟ้าจนล่วงเป็นนกปีกหัก)
ยิ่งแสงสว่างมาเท่าไหร่ เงายิ่งเข้มขึ้นมากเท่านั้น แต่มันก็ต้องมีวัตถุให้เกิดเงาอ่ะนะ ไม่งั้นเงาจะหายไป
#ยิ่งห้าม=ยิ่งยุ---